//-กายภาพ ร่างกายแบ่งเป็น 10ระบบ
แต่เราไม่ค่อยจะศึกษา และดูแล ตนเองเป็น
-เราจึงฝาก ร่างกายกับ "หมอ"
ตั้งแต่หมอผี หมอพระ หมอแพะ
หมอตัวจริง หมอทางเลือก อิๆ
//-
การเจ็บป่วยของเรานอกจาก เราไม่เข้าใจ ไม่ดูแล แย่กว่านั้นคือ ทำลายร่างกายตนเอง
ด้วยการบกพร่องโดยสุจริต อิๆ
//-การเริ่มต้นเรียนรู้ การทำงาน ทั้งแยกส่วน องค์รวม
จึงสำคัญต่อชีวิต และดูแล ป้องกัน รักษาตนเอง
ไม่ต้องไปหวังพึ่งหมอ เพราะหมอก็คือ ผู้เชี่ยวชาญ
"ผู้เชี่ยวชาญของใคร"อิๆ
//-และที่สำคัญ"จิตที่ฝึกดีแล้ว นำบรมสุขมาให้"
สิบระบบ ถ้าเราเข้าใจ อนามัยดี
และฝึกจิต ไม่ให้จิตสร้างมะเร็งอารมณ์ ไปถล่มระบบกาย
ดช.ปู่ลิง เชื่อว่า เราจะมีอายุ อยู่อย่างแข็งแรง ถึง 120ปี อิๆ
.............................................
//-ชีวิตมนุษย์ เป็น"คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต"
มีโปรแกรม ที่จะสั่งร่างกายให้
-ซ่อมแซม เสริมให้แข็งแรง สร้างใหม่
-ทำลาย ลดความแข็งแรง และปิดปฏิบัติการทุกระบบ อิๆ
//-เมื่อเรานอนหลับ ระบบประเมินผล
นอกอำนาจจิตใจ จะพิจารณา ว่า
ร่างกายเราควร สร้างให้แข็งแรง หรือทอนลง
ตามกิจกรรม การออกกำลังกาย ภายใน7วัน
เพราะร่างกายมีเซล ที่"กินร่างกาย" และ"สร้างใหม่"
//-หน้าที่เรา ต้องปลุกระบบที่12 มาดูแลและบริหารชีวิตตนเอง
...ระบบที่12......
ร่างกาย ตามการแบ่งหน้าที่ระบุไว้มี10ระบบ
แต่ เรายังมีระบบอื่นที่สำคัญ
-ระบบ11 คือระบบ"กลายพันธุ์" ถ้าเราทำสมดุลชีวิตเสียไป
ชีวิตก็จะ ถูกมะเร็งคุกคาม ยึดครอง และเอาชีวิตไป ก่อนกำหนดของยีน
-ระบบ12 คือ"สติปัญญา ฉลาดเลือก ความพอใจ พอดีให้แก่ชีวิตเรา"
รู้ว่าฉลาดทางชั่ว ก็ละ
รู้ว่าฉลาดทางดี ต้องทำให้ยิ่ง
รู้ว่าอะไรเป็นขยะปรุงแต่งชีวิต ก็ทิ้ง เพื่อชีวิตมีชีวามโนธรรมถาวร" อิๆ
.......เบาหวาน........
เบาหวานก็เป็น"อาการ" ไม่ใช่โรค เพราะไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค
เกิดจาก การใช้ชีวิต ไม่เหมาะสม กับความเป็นมนุษย์
เบาหวานมีสามประเภท
1.เบาหวาน เกิดเพราะ ตับอ่อนผลิตอินซูลิน ไม่พอ
2.เบาหวาน เกิดจาก เซลในร่างกาย ดื้อต่อการทำงานอินซูลีน
3.เบาหวานเทียม เกิดจาก ทานน้ำตาลสูงมากๆ และร่างกายขาดวิตามีนบี
ร่างกายจะหิวบ่อย กระหาย ของหวานๆ ทานน้ำตาลแล้วสดชื่น
สลับกันอย่างนี้ และนำไปสู่เบาหวาน ประเภทที่สองได้
.........................
ส่วนใหญ่จะเป็นเบาหวานประเภท สอง และสาม
-อินซูลีน เป็นเฮอร์โมน ทีทำหน้าที่
"เป็นกุญแจ เปิดผนังเซลให้น้ำตาลสารอาหารเข้าสู่เซล"
แต่เมื่อในกระแสเลือด มีทั้ง
-น้ำตาล
-กรดไขมัน สูง
-คลอเรสเตอรอล ความหนาแน่นต่ำ มากกว่าปกติ
เพราะ เรา"กินมากเกินไป ออกกำลังน้อย"
เซลก็จะป้องกัน ไม่ให้สารอาหารส่วนเกินเข้ามาได้
จึงเกิดอาการ"ดื้ออินซูลีน" น้ำตาลในเลือดถูกไตขับออกบ้าง
จึงมีน้ำตาลปนในปัสสาวะ ตรวจพบได้ จึงเรียกว่า"เบาหวาน"
...เมื่อเซลต้องการใช้พลังงาน จึงเอาโปรตีนในเซลมาใช้
ผล คือเกิดแอมโมเนีย ที่เป็นพิษ ร่างกายจึง เปลี่ยนเป็นยูเรีย
ส่งไปให้ไตขับทิ้ง ถ้ามากเกิน ก็จะกลายเป็น"ผลึกยูริค"
เกิดอาการเกาต์ ปวดอักเสบตามข้อต่อตามมา
...คนที่มีอาการเบาหวาน จึงผอม ไม่มีแรง ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ
.....แก้ที่ต้นเหตุ.....
"กินเพื่ออกกำลังกาย กระฉับกระเฉง เบาๆ นานพอ"
จนระบบร่างกาย ทำงาน กลับมาทำงาน ปกติ
และทานอาหารที่ย่อย ปลดปล่อยน้ำตาลช้าๆ
เช่นข้าวกล้อง ลูกเดือย ข้าวโพดพื้นเมือง
....................ภูมิแพ้........................
ร่างกายมีระบบ ป้องกันตนเองจากสิ่งแปลกปลอม
1.ภูมิต้านทานจาก เชื้อจุลินทรีย์
2.ภูมิต้านทานจาก เคมีแปลกปลอม
3.ภูมิต้านทานจาก สิ่งเร้า รุนแรงภายนอก เช่นแสง สี เสียง เคลื่อนไหว
4.ภูมิต้านทานจาก สิ่งเร้า รุนแรงภายใน เช่น ความคิด อารมณ์ รุนแรง
..................ภูมิแพ้เกิดจาก ระบบป้องกันทำงาน ไวผิดปกติ
จนหลั่งสารมากระตุ้นร่างกายให้เกิดอาการ
-อาการทางผิวหนัง คัน แดง เห่อ ลมพิษ
-อาการทางระบบหายใจ ไอ จาม น้ำมูกไหล
-อาการทางระบบย่อยอาหาร อาเจียน ขับถ่าย
-อาการทางตา และหู อาจเกิดตาแดงบวม น้ำในหูไม่เท่ากัน วิงเวียน
..................แก้ไข ป้องกัน..............
-ออกจากบริเวรที่มีสิ่งกระตุ้น
-ทานยา ลดความไว ต่อการกระตุ้น
-หาสาเหตุ และขจัดเหตุ
-ออกกำลัง สร้าง ความแข็งแรง ร่างกาย ระบบหมุนเวียน เลือด น้ำเหลือง
จนทุกระบบทนต่อสิ่งเร้า
-ทานข้าวกล้อง ที่มีวิตามีนบีสูง ปลดปล่อยน้ำตาลช้าๆ
อาหารโปรไบโอติค ที่อุดมด้วย"กรดแลกติค "
ที่ดึงกรดไขมัน มาแปรเป็นกูลโคส ลดไขมันในทุกระบบได้ดี
เป็นอาหารวิเศษ ของ ตับ หัวใจ ต่อมไร้ท่อ กล้ามเนื้อที่ออกกำลัง
และจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ ในอาหารโปรไบโอติก
ที่จะไป ขับไล่จุลินทรีย์ที่ให้โทษ แย่งพื้นที่ แย่งอาหาร
สร้างสารยับยั้งการเจริญเติบโต
และ สร้างส่งเสริมภูมิต้านทานแก่ร่างกาย
.................การค้นพบที่น่าศึกษา........
-การสร้างภูมิต้านทาน จุลินทรีย์สูง
จะทำให้ภูมิต้านทางอย่างอื่นดีขึ้น
การทานอาหารโปรไปโอติก เช่นนมเปรี้ยว น้ำไซเดอร์ น้ำหมักชีวภาพ
ที่มีจุลินทรีย์ที่ประโยชน์ ทำให้ร่างกาย ยอมรับ และสู้กับเชื้อโรค
โดยไม่มีอาการูมิแพ้
-การให้ร่างกาย รับแสงแดดเช้าเย็น ประจำ
ทำให้เกิดวิตามีน ดี ที่ผิวหนังสร้าง
ทำให้ร่างกายเอา ฟอสเฟต แคลเซี่ยม ใช้อย่างเหมาะสม ร่างกายแข็งแรง
และไตก็ไม่ต้องรับภาระหนัก ขับแคลเซี่ยมส่วนเกินทิ้ง
-อาหารปัจจุบัน ปรุงแต่งด้วยสารเคมี ที่ร่างกายไม่รู้จัก
พบว่า คนที่เลิกดื่มนม หายจากภูมิแพ้ ได้
สันนิฐานว่า คนเอเชีย ไม่มียีนย่อยน้ำนม
และน้ำนมมีสารเคซีน ที่เร่งการเจริญเติบโต
มากกว่านมมารดาถึง300เท่า
ทำให้ระบบ ป้องกันสารเคมี ทำงาน"ไวเกินเหตุ"
-กลับมาทานอาหารจากพืชพื้นบ้าน ปรุงแต่งน้อย อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง
-เปลี่ยน วิถีการดำรงค์ชีวิต สิ่งแวดล้อมใหม่
เติมพฤติกรรม "กินเพื่อออกกำลัง สร้างชีวิตใหม่"
"รักษ์ความคิด ด้านดี และทำอารมณ์ให้ใสๆ"
ชีวิตก็จะปลอด เบาหวาน และภูมิแพ้ มะเร็งด้วย อิๆ
............................................
"กินเพื่อออกกำลัง สร้างร่างกายใหม่
ทำชีวิต ให้ รู้ ตื่น เบิกบาน ด้วยตัวเราเอง
หยุด เติม สารพิษ ให้ร่างกาย และโลก
สุขภาพดี อยู่ในมือของเราเอง"
"ใช้สติปัญญา ฉลาดเลือก ใช้ชีวิตให้ พอใจ พอดี พอเพียง"
สวัสดี .....ปู่ลิง
Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Aug 6, 2014 - 9:40 AM
คนรัก รักษ์ สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
https://plus.google.com/u/0/communities/102080888916677168217Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา - Nov 5, 2014
/-พิชิต มะเร็ง เบาหวาน ภูมิแพ้ อีกรอบ
บทความนี้ เขียน ตอนที่เทคโนโลยี จัดการกับมะเร็ง ยังไม่ก้าวหน้า
เดี๋ยวนี้มะเร็งไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อย่าไปท้าทาย ด้วยการทำสิ่งที่มะเร็งชอบ ครับผม
...............................
//-มีคำถามเกี่ยวกับมะเร็งมากมายเอา
ยกมาอยู่ที่นี่แล้วครับ
//-สำหรับปู่ลิง รุงรัง มะเร็ง เป็น
ระบบที่11ระบบ"กลายพันธุ์"ของร่างกาย
เป็น"แขกมาเยือน" แล้วพยายามยึดบ้านเรา อย่างถาวร อิๆ
-วิธีสู้ และควบคุมแขกของเรา ไม่ทำอะไรเลอะเทอะก็คือ
"เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทั้งนอก ใน ที่ ปรุงแต่งเป็น"ตัวตนของเรา"
1.เปลี่ยนภายใน
-เปลี่ยนจุดยืนความคิด
...........ชีวิตต้องอยู่ได้ถึง120ปี ตามยีนส์กำหนด อิๆ
-เปลี่ยนอารมณ์
...................ให้เหลือแต่ ปิติ สุข ขำ เย็น สงบ มั่นคง พอแล้วที่เหลือ
ให้กล้วยมันหวี ไล่เข้าป่าไป ชิวๆๆๆ อิๆ
-เปลี่ยน ระบบพลังงาน
หันมาทาน กรดแลกติก ที่น้อง แลกโตบาซิลลัสสร้างขึ้น
...................เรากินเข้าไป
...................เราออกกำลังกาย ก็ได้กรดแลกติก
...................เราให้ จุลินทรีย์โปรไบโอติก ไปสร้างโรงงานหมักในลำไส้ถาวร
เคล็ดลับ........มะเร็งไม่ชอบกรดแลกติก
...................เพราะกรดแลกติก ต้องถูกสร้างใหม่เป็นกูลโคส
ร่างกายจะใช้อ๊อกซิเจน มากกว่าปกติ สี่เท่า
มะเร็ง"อั๋วตายดีกว่า"อิๆ
..................ตับ หัวใจ ต่อมไร้ท่อ กล้ามเนื้อใช้อ๊อกซิเจน ใช้กรดแลกติกมากที่สุด
..................มีไมโทคอนเดรีย โรงไฟฟ้ามีชีวิตในเซล ยิ่งมาก
(ผู้ออกกำลังกายประจำมีไมโทคอนเดีย สูง30-100%คนคนธรรมดา)
มะเร็งจะระเบิดตัวเอง อิๆ
-เปลี่ยนระบบโครงสร้างร่างกาย
...................ออกกำลังกายแบบ"แอร์โรบิค"
...................สร้างกล้ามเนื้อใช้อ๊อกซิเจนเพิ่ม จาก20% เป็น40%มะเร็งจ๋อย อิๆ
................................................
//-เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมภายนอก
อิๆเปลี่ยนทั้ง
จุดยืนความคิด
การใช้ชีวิต วัตรปฏิบัติ
ที่ไม่ส่งเสรีมการมีส่วนร่วมของมะเร็ง อิๆ
น้องมะเร็งก็จะสร้างเอนไซน์ มาสลายตนเอง
ระเบิดตนเอง
และทำอารมณ์ชิวๆ พวกทีเซลก็จะชี้เป้าเซลผิดปกติแม่นยำ
พวกเลือดขาวตัวโตก็จะจำได้แม่น กินโลดมะเร็งก็โตช้ากว่าที่ถูกกิน
ร่างกายก็จะแข็งแรงกว่า ระบบที่11 อิๆ
.............................................
//-คาถาสู้มะเร็ง
กูไม่กลัวมรึง
กูตาย มรึงตาย
-กูมีปัญญา และพรรคพวก ที่จัดการกับมรึง อิๆ
"ขอบคุณมะเร็ง ทำให้เราเลิกใช้ตนเองเป็นวัวควาย
หันมาเบิ่งตาดูโลกตามความเป็นจริง"อิๆ
............................................
//-ทุกวันมีเซลแบ่งแบบผิดปกติ พร้อมแปรเป็นเซลมะเร็งสามถึงสี่แสนเซลทุกวัน
เปลี่ยนความคิด อารมณ์ ระบบพลังงาน ระบบโครงสร้าง
การใช้ชีวิตแบบชิวๆ
-ไม่เป็นทาสกระแส
-ทวนกระแส
-แต่ขี่กระแสไปทำสิ่งดีๆมะเร็งพ่าย ครับผม อิๆ
ติดตามชม ยอดคนพิชิตมะเร็งดู
.......................................
//-หัวใจของเรื่อง
หยุดเติมสารพิษให้แก่ชีวิตเปลี่ยนวิถีดำรงค์ชีวิต
คิดแบบทางบวกเปิดโอกาสให้ร่างกาย รักษา ฟื้นฟูตนเอง
เรี่มต้นจาก
1.จากอาหาร
ทานอาหาร ที่ดีต่อสุขภาพ
พวก ธัญพืช ข้าวกล้อง ผักพื้นบ้าน โปรตีนจาก ไข่ ปลา นมเปรี้ยว
2.เติมกรดแลคติค
ให้ร่างกายจากการกิน นมเปรี้ยว น้ำไซเดอร์หมัก
การหมักในท้อง
ออกกำลังกาย จนเหงื่อซึม
ถูกแสงแดด
3.รักษาอารมณ์ให้ชิวๆ
ฝึกสติติดตามลมหายใจ
4.ศึกษาจากข้อมูล
หลายหลาย ผู้มีประสพการณ์โชคดีครับผม
..........................................
//-กรดแลคติค กรดแลกติค กรดแลกติก
ความหมายเดียวกัน คือ
"พลังงาน ฐานล่างสุดของ กลุ่มคาร์โบไฮเดท"
-กรดแลคติค จาก..............การออกกำลังกาย
-กรดแลคติคจาก...............อาหารพวกโปรไบโอติก ที่เรากิน
-กรดแลคติค จาก..............จุลินทรีย์ในลำไส้ เล็กใหญ่
เราหมัก อาหารที่เหลือจากการย่อย
//-กรดแลคติค จากสามแหล่ง คือ
...."สุดยอดยาอายุวัฒนะ"ตัวจริง
//-นอกจากนี้ ยังสามารถ จัดการกับสิ่งแวดล้อม
ให้ ปลอดภัยจากจุลินทรีย์ฝ่ายอธรรม
และยังให้สุขภาพสัตว์เลี้ยงเราดี ด้วยกันด้วย
-พลาสติก ที่ย่อยสลายได้ ไหมเย็บแผล ที่ละลายได้
ก็ทำจากกรดแลคติคคุณประโยชน์มหาศาล
สมที่จะยกย่องเป็น ผู้
"ปฏิวัติสุขภาพดีๆให้แก่ชาวโลก" อิๆ
.................................
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=64&t=84707 //-มนุษย์ ก็เป็นสัตว์โลก ที่ได้ประโยชน์จาก กรดแลคติค
และจุลินทรีย์ที่มาจากอาหารโปรไบโอติก
-วิธเช็คสุขภาพง่ายๆถ้าเรามี กลิ่นอุจาระ ผายลม ปาก ลมหายใจ กลิ่นตัวเหม็นมากกว่าปกติ
แสดงว่า ร่างกายต้องการจุลินทรีย์ฝ่ายธรรมะ ไปไล่จุลินทรีย์อธรรม
ที่อาศัยในร่างกายเราออกโดยด่วน อิๆ
......................................................
//-อาหารโปรไบโอติก ควรฝึกหัดหมักไว้ทานเองทำได้ทุกเมื่อ
ติดตัวได้ทุกที่ เป็นน้ำไซเดอร์ผลไม้สดๆประหยัด ตังค์ด้วย
สามวันก็ทานได้แล้ว กากที่เหลือ หมักให้สัตว์เลี้ยงกินเป็น
สารบำรุงดิน ทำความสะอาด ที่อยู่อาศัย ได้อีกด้วย อิๆ
.....................................................
http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7667.html