แสงธรรมนำใจ > หยาดฝนแห่งธรรม
คุณแม่
sithiphong:
ขอกราบพระคุณของคุณแม่ผู้ให้กำเนิด และพระคุณของพระแม่ทุกๆพระองค์ครับ
ขอขอบพระคุณ คุณแม่ทั่วโลก ที่ช่วยเลี้ยงลูกให้เติบใหญ่ และเป็นคนดีของสังคมครับ
sithiphong:
สวัสดีวันแม่แห่งชาติล่วงหน้า 1 วัน
ขอคุณแม่ของทุกๆคน มีสุขภาพ พลานามัย แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญแด่ลูกๆทุกคนครับ
โพสโดย ส.เพ็งผล
sithiphong:
เปิดมุมมองวันแม่แบบเด็ดๆ กับท่าน ว. วชิรเมธี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2553 14:16 น.
“น้ำทุกหยดล้วนมีต้นน้ำ” - โลกนี้ไม่มี “แม่กระป๋อง”ขาย เอ็นคอนเส็ปท์ อี แอคเคเดมี่ ชวนเยาวชนไทยวัยโจ๋ ร่วมเสวนาไขปัญหากับพระชื่อดังเนื่องในวันแม่'53
ในทุกปีที่วันแม่ได้เวียนมาบรรจบ เยาวชนไทยหลาย ๆ คนก็มีหลาย ๆ มุมคิดต่อ “วันแม่” บางคนวางแผนว่าปีนี้จะทำอะไรให้คุณแม่บ้าง .. ทำการ์ดอวยพรให้แม่ อยู่ปรนนิบัติแม่ ขอเงินแม่ ชวนแม่ไปวัด หรือ เด็กวัยรุ่นบางคนที่บังเอิญกำลังต้องเป็นแม่ อาจกำลังวางแผนทิ้งลูก !
ล่าสุด กลุ่มนักเรียน นักศึกษาวัยใส พร้อมด้วย โรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ เอ็นคอนเส็ปท์ อี แอคเคเดมี่ นำโดย ครูพี่แนน อริสรา ธนาปกิจ รองผู้อำนวยการและหัวหน้าทีมเอ็ดดูเทนเนอร์ ได้จัดทริปพิเศษ “ลมหายใจแห่งพระคุณแม่” ร่วมสนทนาธรรมกับพระสงฆ์ชื่อดัง ได้แก่ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว. วชิรเมธี และ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล วัดนาป่าพง พร้อมนำคำถามในใจคุณแม่และคุณลูกไปขอข้อธรรม โดยมีตัวอย่างหัวข้อธรรมดังนี้
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว. วชิรเมธี
และ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล วัดนาป่าพง
ตัวแทนเยาวชน - “วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์และไม่พร้อมจะดูแลลูก จำเป็นต้องเอาลูกไปไว้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือทิ้งให้คนอื่นเลี้ยง ถือว่าบาปไหมคะ”
ว.วชิรเมธี - “คำว่าบาปมี 2 ความหมายนะ บาปปัจจุบันคือความเดือดเนื้อร้อนใจ รู้สึกผิดไปทั้งชีวิต มีลูกแต่เอาลูกไปทิ้งถังขยะ วางใต้ต้นไม้ วางป้ายรถเมล์ ทำเป็นลืม บาประยะยาวในอนาคตอันไกลคือ คุณจะเป็นคนที่ถูกทิ้งเหมือนกัน ทางแก้ก็คือ ชายหนุ่มหญิงสาว ถ้าคุณมีความรัก คุณต้องมีความรับด้วย คือความรับผิดชอบ “ความรักให้มาพร้อมกับความรับ” หากไม่พร้อมต้องหาวิธีป้องกัน หนักกว่านั้นคือทำแท้ง พอถึงวันแม่ หรือวันหนึ่งที่คุณเป็นแม่คนจริง ๆ ขึ้นมา คุณจะสะเทือนใจแค่ไหน ฉันเป็นแม่ที่ทำแท้งลูก แล้วคิดว่าวิญญาณลูกที่ถูกทำแท้งจะคิดถึงเราในแง่ดีไหม ..
ตัวแทนเยาวชน - “เวลาที่เราคุยกับคุณแม่ทีไร ต้องเกิดมีปากเสียง ทะเลาะ ไม่เข้าใจกันทุกครั้ง จะทำอย่างไรดีคะ”
ว.วชิรเมธี - แม่บางคนชอบสอนลูกด้วยวิธีการเปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกคนอื่น ... “ดูลูกคนอื่นเขาสิ....” เป็นวิธีการสอนที่ไม่ฉลาด เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี กับตัวอย่างที่ถูกยก และเป็นการประจานลูกต่อหน้าคนอื่น ลูกจะรู้สึกย่ำแย่มาก บางครั้งแม่อาจใช้วิธีพูดชาประชดประชันลูก ด่าทอ จะทำให้ลูกขาดความเชื่อมั่น วิธีการพูดของคนเรามันสำคัญมาก พูดเป็นทำให้ปากเราเป็นช่อดอกไม้ หากพูดไม่เป็นปากของเรากลายเป็นหอกพุ่งใส่อกคนอื่นๆ ดังนั้น ฝากคุณพ่อคุณแม่ ทั้งหลาย คำพูดมันเป็นศิลปะ เปลี่ยนคำด่าเป็นคำแนะนำ เปลี่ยนการประชดประเทียบ เป็นการให้กำลังใจดีกว่า ขอให้เชื่อไว้อย่างหนึ่ง การพูดให้กำลังใจได้ผลกว่าการพูดเหน็บแนม .. คำชมเป็นสิ่งที่มนุษย์อยากฟัง เปลี่ยนการตอกตะปูใส่หัวใจของลูก เป็นการโยนช่อดอกไม้ใส่มือลูกจะดีกว่า
ตัวแทนเยาวชน - “ถึงวันแม่ทีไร ลูกหลายคนนึกถึงแม่ที่ทิ้งไป แม่ที่เป็นคนไม่ดีด้วยความเจ็บปวดทุกครั้ง ควรปฏิบัติอย่างไรดี”
ว.วชิรเมธี - “ลูกที่ฉลาดถ้าเห็นว่าแม่ผิดพลาดต้องบอกตัวเองว่าหนึ่ง เราต้องไม่ซ้ำเติมท่าน เพราะถือว่าในฐานะมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิ์ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ให้อภัยท่านเถอะนะ แล้วบอกตัวเองว่า ความผิดพลาดของแม่จะต้องเป็นบทเรียนให้เรา ในยุคสมัยของแม่ แม่เคยเป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้ แต่ในยุคสมัยของฉัน ฉันจะเป็นแม่ชั้นนำให้ดู พลาดที่แม่แล้วมาแก้ที่ลูก ถ้าทำได้อย่างนี้ อย่าไปซ้ำเติมใครให้เป็นบาปเป็นกรรมกับตัวเอง นี่คือทางออกที่ดี และเป็นทางสายกลางสำหรับลูกที่ระลึกถึงแม่ที่ไม่ได้ดังใจ”
วันแม่มีความสำคัญมากกว่าแค่จะระลึกถึงพระคุณแม่ แต่มีความหมายเชิงบวกอีกอันหนึ่ง ยิ่งแม่กับลูกมีปัญหาแคลงใจ ก็ควรมาพูดคุยกัน เคลียร์กัน อภัยให้กัน ลูกก็ควรทิ้งพยศ ลดมานะ ละฐิทิ ...หากวันหนึ่งเราไม่มีแม่ แล้วเราเดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตจะเจอแม่กระป๋องตามเชลฟ์ไหม วันแม่เป็นวันแห่งการเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ที่ปกติของแม่และลูกได้ ขอให้เป็นวันเจรจาสันติภาพ ให้มีแม่มีลูกกลับมาสู่อ้อมกอดกันอีกครั้ง
ครูพี่แนน - “ถ้าหาก คุณพ่อคุณแม่ ของเราเสียไปหมดแล้ว พอถึงวันแม่ควรปฏิบัติตัวเช่นไรคะ”
ว.วชิรเมธี - “แม้แม่ไม่อยู่แล้ว แต่สายสัมพันธ์นั้นไม่ได้ขาด เมื่อวันแม่มาถึงก็ควรไปทำบุญอุทิศให้ท่าน ประการที่สอง คุณสมบัติของท่านยังอยู่ในตัวเรา ลองถามตัวเองดูว่า เราได้ใช้กายนี้ใจนี้ที่ท่านให้มา คุ้มไหม ใช้ร่างกายและจิตใจที่แม่ให้มาเพื่อไปทำความดี หรือใช้เพื่อไปทำเลว ถ้าคุณลูกทำดีตลอด คุณก็ทำดีในนามของแม่ด้วย แม่กำลังไปทำกับคุณด้วย อย่างวันนี้เรามาคุยกับพระ ก็เท่ากับแม่ที่ล่วงลับดับขันธ์ได้มาฟังกับเราด้วย แต่ถ้าลูกใช้รูปกายนี้เพื่อไปติดอยู่ในอบายมุข ในยาเสพติด เฮโรอีน ฝิ่น กัญชา ยาม้า ยาบ้า ยาอี ตลอดจนถึงอบายมุข คบคนชั่วเป็นมิตร ขี้เกียจ หรือว่าเป็นคนเลว เป็นคนโป้ปดมดเท็จ หรือว่าคอรัปชั่น เหล่านี้ ความชั่วทั้งหมดนะ ทำหรือเปล่า ถ้าลูกทำ ได้โปรดรับรู้ว่าลูกกำลังพาแม่ไปทำชั่ว ...โปรดรู้ด้วยว่าสายสัมพันธ์แห่งความเป็นลูกและสายสัมพันธ์แห่งบุญจะถูกถ่ายโอนไปถึงคุณแม่ทุกคราไป”
วันต่อมา ครูพี่แนน พร้อมทีมผู้ปกครองและเยาวชน ได้พากันเดินทางไปกราบพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล ณ วัดนาป่าพง อันเงียบสงบ ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาอันเขียวขจีลึกเข้าไปจากปากคลอง 10 ถนนรังสิต-นครนายก ปทุมธานี
พระอาจารย์คึกฤทธิ์
ตัวแทนเยาวชน : “ถ้าพ่อแม่อยากไปปฏิบัติธรรมะ แต่ลูกห้ามไว้เพราะกลัวจะไปอยู่ลำบากที่วัด ไม่ทราบว่าบาปมั้ย และระหว่างการปฏิบัติธรรมที่วัด กับปฏิบัติเองที่บ้าน จะได้ผลเท่ากันไหมคะ”
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ : กาย วาจา จิต อยู่ที่ไหนมันก็ดีที่นั้น ไม่ใช่อยู่วัดแล้วจะต้องดีที่วัด ในเรื่องการห้ามแม่ไม่ให้ไปวัดนั้น โยมลองคิดดูแล้วกัน ขนาดแค่การห้ามคนไม่ให้ทาน พระตถาคตบอกว่าแค่ห้ามผู้อื่นให้ทาน ผู้นั้นไม่ใช่มิตร เป็นอมิตร เป็นการทำอันตรายต่อลาภของปฏิคา 6 ผู้รับทานกำลังจะได้รับทานนั้น เราดันไปห้ามอีก แล้วเป็นการขุดรากตัวเองด้วย ตัวเองกำลังจะได้อานิสงส์จากการให้ทานนะ นี่ขนาดแค่ให้ทานนะ แล้วห้ามคนจะปฏิบัติธรรมซึ่งมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานเป็นร้อยเท่า โยมคิดว่ามันน่าจะควรไหม
ตัวแทนเยาวชน : อยากทราบว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจในตัวเราได้บ้าง เพราะไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง
พระอาจารย์คึกฤทธิ์: ก็ไม่จำเป็นต้องเอาความเก่งมาเป็นเครื่องวัด เราก็ฝึกมีธรรมะไปด้วย เวลาเรามีธรรมะเดี๋ยวเราก็จะพลิกตัวกลับมาได้ มันจะรู้สึกนึกได้ พระพุทธเจ้าให้ฝึกจิต ถ้าจิตดีแล้วทุกอย่างดีหมด เธอปรารถนาสิ่งใดเธอจะได้สิ่งนั้นตามปรารถนา ปัญหาอุปสรรคมันจะลดลงไปเรื่อย ๆ
ตัวแทนเยาวชน : เวลาทะเลาะกับคุณแม่ คุณแม่มักพูดว่าไม่น่าเกิดมาเลย รู้อย่างนี้เอาขี้เถ้ายัดปากเสียดีกว่า ทำให้รู้สึกน้อยใจและโกรธท่าน เถียงท่านในใจว่าก็ไม่ได้บอกให้แม่ทำให้เกิดมานี่ ไม่ทราบว่าคิดแบบนี้ผิดไหม
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ : แม่คิดอกุศล พูดอกุศล ก็เป็นเรื่องของแม่นะ ภพอันเป็นอบายเกิดกับแม่ ไม่ได้เกิดกับเรานะ แต่ถ้าเราอกุศลตอบ ภพอันเป็นอบายก็เกิดกับเรา ถ้าเกิดแม่รักษาจิตได้แล้ว แต่เรารักษาจิตไม่ได้ เราไปด่าแม่ อกุศลเกิดขึ้น อบายเกิดกับเราไม่ได้เกิดกับแม่ ดังนั้น ทุกคนต้องระมัดระวังตัวเอง ต้องรักษาจิตตัวเองไม่ให้ไปตกในอกุศล อกุศลเกิดขึ้นแล้วพระศาสดาบอกว่า ให้เธอรีบทิ้งให้ไวที่สุด เปรียบเหมือนถ้าไฟลุกไหม้เสื้อผ้าโยมอยู่ตอนนี้ โยมคงต้องดับให้ไวที่สุด เมื่ออกุศลเกิดขึ้นพระศาสดาบอกว่า เธอต้องใช้ความเพียรอย่างแรงกล้า อย่างไม่ถอยกลับ ใช้สติ การระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัวอย่างแรงกล้า เพื่อที่จะดับอกุศลนั้นอย่างเร่งด่วน โยมไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียง ใครว่าเรา พระพุทธเจ้าบอกว่าให้ตั้งใจฟังเขาให้ดี ถ้าเขาว่าถูก ก็ดีแล้วเราก็ไปแก้ไข ถ้าเขาว่าผิด ก็บอกว่าสิ่งนี้ไม่มีในเรา อย่าพึงทำความพอใจ ความไม่พอใจตรงนั้น
ตัวแทนเยาวชน : ทุกวันนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องการให้เรียนหนังสืออย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องช่วยทำงานบ้านเลย ท่านคิดอย่างไร
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ : ก็จะทำให้ลูกขาดความรับผิดชอบ ไม่รู้จักการใช้ชีวิต ต้องมอบความรับผิดชอบให้ลูกบ้าง ให้รู้จักดูแลตัวเอง ห้องของตัวเองต้องดูแลเป็น เรียนอย่างเดียวมันจะรอดไหม ด็อกเตอร์นะเต็มประเทศไปหมด แต่ด็อกเตอร์ที่ชุ่ย กิริยามารยาทไม่ดี ขาดความรับผิดชอบ คนเขาก็ไม่เอาเหมือนกันนะ ถ้าความรู้เท่ากันมา 10 คน เค้าก็ต้องเลือกคนที่มารยาทดี มีความรับผิดชอบ มีวินัย มีความเกรงอกเกรงใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องถูกฝึกตั้งแต่เด็ก เราจะโดดเด่นกว่าคนอื่นก็เพราะว่าเรามีคุณสมบัติพวกนี้ ความรู้เดี๋ยวมันก็เรียนทันกันได้ อีกอย่างโยมต้องมีธรรมมะ ตัวธรรมะมันจะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นโยมต้องรู้ว่า อะไรที่จะเป็นเหตุให้เจริญก้าวหน้าในทางโลกและทางธรรม ต้องสร้างเหตุอย่างไร
ทั้งนี้ ครูพี่แนน ได้กล่าวถึงกิจกรรมพิเศษ“ลมหายใจแห่งพระคุณแม่” นี้ว่า สถาบันครอบครัวนับว่าสำคัญที่สุด เพราะเป็นสถาบันพื้นฐานในการสร้างคน แนน หวังว่า เทปบันทึกการสนทนาธรรมพิเศษที่จะนำไปถ่ายทอดในวันแม่ไปถึงเยาวชนและผู้ปกครองใน 30 สาขาทั่วประเทศ จะเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ คน
“ผู้ที่มีความรู้สารพัดรู้ แต่ไม่รู้ว่าพ่อแม่มีพระคุณอย่างไร นับว่ามีความรู้ที่สูญเปล่า ขอให้ระลึกถึงต้นน้ำของเรา คนทุกคนล้วนมีต้นน้ำ ไม่มีใครเกิดมาจากสุญญากาศ ไม่มีเกิดมาจากก๊อกน้ำ ไม่มีใครเกิดมาจากไอพ๊อด ให้นึกถึงคุณแม่คุณแม่เสมอ และตอบแทนท่านด้วยความกตัญญูกตวเที สุภาษิตจีนกล่าวว่า ร้อยความ ดี ...ความกตัญญูมาเป็นที่หนึ่ง” - ว.วชิรเมธี
“ ไหว้พระ หมื่นองค์ แต่ไม่เคยกราบพ่อแม่เลย ก็เท่ากับ เป็นคนไม่มีคุณค่าอะไรเลย”
sithiphong:
"โสภณ ฉิมจินดา" มนุษย์ล้อผู้มี "แม่" เป็นแรงใจ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2553 07:02 น.
"โสภณ ฉิมจินดา"
"ไม่ว่าผมจะถ่ายหนัก ถ่ายเบา เปลี่ยนผ้าอ้อม แม่ก็ทำให้ผม ซึ่งผมรู้สึกว่าสิ่งนี้มันควรจะเป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องทำให้กับแม่มากกว่า"
คำสารภาพความในใจจากปากลูกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งปัจจุบันโชคชะตาได้เล่นตลก เปลี่ยนชีวิตจากมนุษย์ที่มีร่างกายปกติ กลายเป็นมนุษย์ล้อที่ไม่สามารถเดิน และช่วยเหลือตัวเองได้
"โสภณ ฉิมจินดา" หรือ "โส" คือผู้ชายที่เอ่ยประโยคดังกล่าวกับทีมงาน Life & family ปัจจุบันเขาเป็นมนุษย์ล้อที่ออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วประเทศด้วยการโบกรถพร้อมกับวีลแชร์คู่ใจ ซึ่งเขายอมรับว่า อุบัติเหตุที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นมนุษย์ล้ออย่างเช่นทุกวันนี้ เป็นเหมือนฝันร้ายที่สุดในชีวิต ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เขาได้เห็นโลกในอีกมุมหนึ่ง โลกที่ความหมายของคำว่า "ครอบครัว" ชัดเจนมากขึ้น
"โสภณ" เล่าย้อนไปก่อนที่ชีวิตจะพลิกผันว่า เขาเติบโตในครอบครัวระดับปานกลาง โชคดีที่บ้านอยู่ใกล้กับวัด จึงได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของศาสนาพุทธ ประกอบกับการเลี้ยงดูของบ้านที่เปิดกว้างและให้อิสระกับลูก ภายใต้กรอบของความถูกต้อง ทำให้เขามีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง อยู่มาวันหนึ่ง เขามีโอกาสทำกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาชุมชนร่วมกับรุ่นพี่ในโรงเรียน และทำให้เขาได้ค้นพบตัวเองว่า นี่คือสิ่งที่เขาชื่นชอบ และก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของมนุษย์ล้อคนนี้
"ในช่วงที่เรียนชั้นประถมมีโอกาสได้รู้จักกับรุ่นพี่ที่ทำค่ายอาสาพัฒนาชุมชน ผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิต และได้ประสบการณ์จากค่ายอาสาตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ชั้นป. 5 ได้สัมผัสชีวิตคนในชนบท ได้พบเห็นผู้คนที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้ผมเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือสังคม มาจนถึงช่วงที่เรียนจบมหาวิทยาลัยจึงทำงานเป็นช่างภาพอิสระ และทุก ๆ ปี ผมกับเพื่อนจะมีการวางแผนเพื่อออกไปช่วยเหลือเด็กที่ยากไร้ในต่างจังหวัดปีละครั้ง"
แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะที่เขาเดินทางไปดูสถานที่ของเด็กด้อยโอกาสที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเตรียมจัดหาสิ่งของจำเป็นเข้าไปช่วยเหลือ เขาก็ต้องประสบอุบัติเหตุรถตกเหว ทำให้กระดูกสันหลังหัก และเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัว
*** จุดเปลี่ยนของชีวิต
7 ปีหลังจากนั้น โสภณเล่าว่า เป็นวิกฤติของครอบครัวเลยก็ว่าได้ เพราะช่วงเวลาที่เขาประสบอุบัติเหตุนั้น ธุรกิจของครอบครัวก็ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจนล้มไม่เป็นท่า จากบ้านที่เคยมีทุกสิ่งทุกอย่าง ก็กลายเป็นว่าไม่เหลืออะไรเลย ด้วยภาวะของลบกับลบมาเจอกัน เขายอมรับว่า ณ เวลานั้น เป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต และคงไม่มีอะไรแย่เกินกว่านี้อีกแล้ว แต่ทุกคนในครอบครัวก็ลุกขึ้นมานับ 1 ด้วยกันใหม่อีกครั้ง กลายเป็นอีกหนึ่งบทของการต่อสู้ฝ่าฟันที่มีการเดิมพัน คือความอยู่รอดของคนในบ้าน
สำหรับโสภณแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรครอบครัวได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นกลับเป็นภาระของคนในครอบครัวอีก แต่เขาก็ตั้งสติ และหาทางให้ตนเองกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัว ส่วนหนึ่งก็เพื่อผู้ที่ได้ชื่อว่า "แม่" เพราะตลอดระยะเวลาการรักษาอาการบาดเจ็บ คุณแม่ของเขาเป็นคนที่ดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยได้แต่นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง พูดได้ว่าทั้งสองคนแทบจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา โดยที่คุณแม่จะคอยดูแลในทุกๆ เรื่องกับภาวะที่เป็นอยู่อย่างปฏิเสธไม่ได้
"ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำความสะอาดเวลาที่ผมถ่ายหนัก ถ่ายเบา เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือแม้แต่ต้องเช็ดเท้าให้ผม บางทีมันทำให้ผมรู้สึกว่า สิ่งนี้มันควรจะเป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องทำให้กับแม่มากกว่า แต่แม่ต้องทำให้ผมทุกอย่าง ในใจ ณ เวลานั้นคิดว่า เราต้องเข้มแข็งนะ อย่างน้อยๆ เราต้องช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง เพื่อพ่อแม่และคนรอบข้างของเรา" โสภณเล่าความในใจ
"ตอนที่พักรักษาตัวอยู่ ต้องใช้เงินไปเปลี่ยนอุปกรณ์ทางการแพทย์เพียงครั้งละ 70 บาท แต่เราก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ต้องรอให้แม่ได้เงินจากการขายของที่ตลาดนัดก่อน และสิ่งนี้ก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ผมอยากจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง เพราะสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานจนเหน็ดเหนื่อย เพื่อหาเงินมารักษาผม ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถรักษาอาการป่วยของผมได้นั้น คือการให้กำลังใจของคนในบ้าน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยแสดงออก เพียงแค่ทุกคนเข้าใจและยิ้มให้กันมันก็ช่วยเติมเต็มให้ทุกคนกลับมายิ้มได้อีกครั้ง"
สัมผัสชีวิตของเด็กด้อยโอกาสในต่างจังหวัด
*** กำลังใจจาก "แม่" สู่ชีวิตใหม่
ในวันนี้ที่โสภณกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง เขาเล่าว่า คุณแม่ก็ยังทำหน้าที่ของคนที่เป็นแม่อยู่เหมือนเดิม คอยเป็นห่วงและดูแลลูกตลอดเวลา ในฐานะของลูกโสภณบอกว่า เขาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อทุกคนในครอบครัว เพราะคนที่จะคอยอยู่เคียงข้างเมื่อเจอกับวิกฤตของชีวิต คือพ่อแม่และคนในครอบครัวของเราเอง
หลังจากชีวิตพลิกผันให้ต้องพิการ และใช้ชีวิตบนรถเข็น เขาไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ด้วยความเป็นคนชอบเดินทาง จึงไม่อยากให้ความพิการมาเป็นอุปสรรค เขายังเลือกทำตามความฝันให้เป็นจริงกับการพาแม่ไปโบกรถเที่ยว เพื่อให้แม่มีความสุขกับสิ่งที่แม่เคยบอกว่า "เมื่อลูกมีความสุข แม่ก็มีความสุขด้วย"
"ผมได้ประสบการณ์ที่ดีหลายอย่างจากความพิการ และได้เรียนรู้ชีวิตว่า มันไม่มีอะไรแน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนของชีวิต คือเวลาช่วงปัจจุบันที่เรายังมีลมหายใจและมีความรู้สึกอยู่ ควรทำวันนี้ให้มันดีที่สุด ทำให้คนในครอบครัวและคนรอบข้างมีความสุขมากที่สุด"
อย่างไรก็ดี นักเดินทางคนนี้ ฝากทิ้งท้ายให้กำลังใจทุกๆ คนว่า คนพิการมีคุณค่าในตัวเอง และต้องคิดว่าทุกปัญหามันมีทางออก เพราะถึงที่สุดหรือว่าเจอทางตันในวันที่เรายังทำมันไม่เต็มที่ ลองเปลี่ยนมุมมองให้ตัวเองใหม่ อยู่ร่วมกับความพิการ ใช้ความเข้าใจ และยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และใช้มันเป็นแรงผลักดันในอยู่ในสังคมอย่างมีคุณค่าต่อไป
(〃ˆ ∇ ˆ〃):
อนุโมทนาสาธุค่ะ :19: :13:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version