บอร์ดหลักของเว็บ > กฏหลักของเว็บใต้ร่มธรรม

การเคารพกฏกติกาของสังคม

<< < (2/2)

sithiphong:
สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล
-http://www.oknation.net/blog/ThaiTeacher/2011/07/06/entry-1-

          คำว่า สำเนียง หมายถึง เสียง, น้ำเสียง, หางเสียง หรือวิธีออกเสียง.  สำเนียงส่อภาษา จึงหมายถึง  การออกเสียงที่ทำให้รู้ว่าเป็นคนถิ่นใดหรือมาจากถิ่นใด  เช่นพูดภาษาไทยแต่ออกเสียงเป็นจีน เป็นแขก เป็นฝรั่ง หรือออกเสียงเป็นคนสุพรรณ คนเมืองเพชร คนเมืองจันท์ เป็นต้น.  ส่วนคำว่า กิริยา หมายถึง  มารยาท,  อาการที่แสดงออกมาด้วยกายหรือการกระทำ.  กิริยาส่อสกุล จึงหมายถึง  มารยาทหรือการกระทำของบุคคลที่แสดงถึงระดับการศึกษาอบรมที่ได้รับมาจากครอบครัว

          สำเนียงส่อภาษา  กิริยาส่อสกุล หรือ สำเนียงส่อภาษา  กิริยาส่อตระกูล เป็นคำพังเพยที่กล่าวเตือนให้บุคคลตระหนักถึงการใช้คำพูดและการกระทำว่าสำเนียงภาษาที่พูดและมารยาทที่แสดงออกมาสู่สาธารณชนนั้นจะทำให้ผู้อื่นวิเคราะห์ได้ถึงเชื้อชาติ  สัญชาติ  รวมทั้งประเมินได้ถึงการศึกษาอบรมของผู้แสดงกิริยาวาจานั้น ๆ ว่าเป็นผู้ได้รับการอบรมเลี้ยงดูหรือได้รับการศึกษามาในระดับใด  มักใช้ในทางตำหนิ เมื่อผู้นั้นพูดหรือแสดงกิริยาไม่สมควร เช่น  เขาพูดหยาบคายในที่สาธารณะได้อย่างไร สงสัยไม่ได้รับการอบรม  สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุลแท้ ๆ เชียว

ที่มา :  บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย"  ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.





-------------------------------------------------------------

สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล : อรรถาธิบายภายใต้ความเป็นผู้ดี
-http://www.oknation.net/blog/print.php?id=13742-

 “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” คือ หนึ่งในสำนวนไทยที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อเปรียบเปรยกระทบกระเทียบอยู่เป็นประจำ เพราะความหมายของสำนวนนี้จะเชื่อมโยงไปถึงการอบรมสั่งสอนของครอบครัวของคนผู้นั้นไปด้วย ความหมายของสำนวนนี้จะถูกสื่อได้เด่นชัดยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับสังคมยุคโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ด้วยเหตุที่การอบรมสั่งสอนภายในครอบครัวของคนสมัยนี้ช่างห่างไกลกับแบบแผน “ผู้ดี” เสียเหลือเกิน           

“ผู้ดี” หมายถึง บุคคลผู้มีความประพฤติเรียบร้อยทั้งทางกาย ทางวาจา และทางความคิด ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดของคนส่วนใหญ่ที่เข้าใจว่า “ผู้ดี” คือ ผู้ที่มีฐานะร่ำรวย และมียศถาบรรดาศักดิ์ แต่แท้จริงแล้ว “ผู้ดี” ก็เป็นเพียงปุถุชน แต่เป็นมนุษย์ซึ่งเปี่ยมไปด้วยกิริยามารยาทในการแสดงออกทั้งทางกาย วาจาและใจเท่านั้นเอง ดังนั้นการเป็น “ผู้ดี” จึงมิใช่เรื่องที่ต้องลำบากยากเย็นแต่อย่างใด เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเท่านั้น สำหรับผู้ที่ชอบประชดประชันถึงความเป็น “ผู้ดี” สันนิษฐานได้ว่าผู้นั้นก็คงไม่แน่ใจนักว่าตนเองนั้นเป็น “ผู้ดี” หรือไม่...             

“ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดชาติกำเนิดของตนเองได้” ข้อความนี้เป็นสัจธรรมที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยเรื่องหลักการกำเนิดของมนุษย์ ดังนั้นชาติกำเนิดจึงเป็นเพียงองค์ประกอบที่ส่งเสริมสถานภาพของบุคคลในสังคมเท่านั้น มิใช่ตัวชี้วัดความเป็นผู้ดี อย่างไรก็ตามหากผู้นั้นเป็นผู้ดีทั้งโดยการกระทำและชาติกำเนิดก็ย่อมมีภาษีสังคมเหนือผู้อื่น แต่ในทางกลับกันหากผู้นั้นเป็นผู้ดีแค่โดยชาติตระกูล กล่าวคือ มีชาติตระกูลดีแต่กิริยามารยาทเข้าขั้น “สถุล” คนผู้นั้นย่อมได้รับคำครหาว่าเป็น “ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน” จึงเห็นได้ชัดว่าชาติตระกูลไม่ใช่บรรทัดฐานของความเป็น “ผู้ดี” หากแต่เป็นกิริยามารยาทเท่านั้นที่จะสื่อไปถึงการอบรมสั่งสอนของ “ชาติตระกูล”           

หากจะวิเคราะห์ความหมายของ “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” ในการอรรถาธิบาย จำเป็นจะต้องแปลความหมายของแต่ละ “อรรถ” เสียก่อน

             สำเนียง น. เสียง, น้ำเสียง, หางเสียง, วิธีออกเสียง

             ส่อ ก. แสดงออกมาให้เห็นเค้า           

             ภาษา น. เสียงสัญลักษณ์หรือกิริยาอาการที่ใช้สื่อความต่อกัน, คำพูด, ถ้อยคำที่ใช้พูดกัน

             กิริยา น. การกระทำ; อาการที่แสดงออกทางกายตามความหมายเรื่องมารยาท

             สกุล น. ตระกูล, วงศ์, เชื้อสาย, เผ่าพันธุ์

เมื่อพิจารณาความหมายของ “อรรถ” และรวมความเป็นสำนวนแล้ว ก็น่าที่จะตีความได้ว่าหมายถึง “บุคลิก การกระทำและมารยาทจะแสดงออกมาให้ทราบว่ามาจากชาติตระกูลเช่นไร” สำนวนนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีมารยาท (กิริยาวาจาที่เรียบร้อย) เพราะสิ่งนี้จะสะท้อนไปถึง กำพืดของผู้นั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพูด ซึ่งสามารถบ่งบอกระดับปัญญาของผู้นั้นได้ ดังที่มีคำกล่าวไว้ว่า “เมื่อไม่พูดก็ไม่รู้ว่าโง่หรือฉลาด จนกว่าจะพูดออกมานั่นแหละ เขาจะหายสงสัย”           

นอกจากการขยายความในเชิงอรรถสัมพันธ์แล้ว การวิเคราะห์ความสมเหตุสมผลของความหมายก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยทำให้เข้าใจกุศโลบายของผู้ริเริ่มใช้สำนวนนี้ได้ดียิ่งขึ้น ในประโยคแรกที่ว่า “สำเนียงส่อภาษา” หากพิจารณาในหมู่คนส่วนใหญ่ ประโยคนี้จะเป็นข้อสรุปที่สมเหตุสมผลในตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใด เพราะคนทั่วไปจะมีสำเนียงพูดที่ต่างกัน ซึ่งจะบ่งบอกได้ว่าผู้ใดใช้ภาษาใด ถึงแม้จะใช้ภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาประจำของตน สำเนียงที่ออกมาก็จะแปร่งหูในสำเนียงที่แตกต่างออกไป เช่น คนจีนที่ตั้งรกรากในไทยซึ่งพูดภาษาไทย เป็นต้น ทั้งนี้ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีค่านิยมการใช้ภาษาในอีกลักษณะหนึ่ง ก็จะพบว่าสำเนียงจะมิได้ส่อภาษาเสียแล้ว เพราะคนพวกนี้จะเป็น “ดัดจริตชน” ที่พยายามเปลี่ยนแปลงสำเนียงของตนให้กลายเป็นภาษาอื่นที่มิใช่ “ภาษาพ่อภาษาแม่” เพื่อตอบสนองค่านิยมของตนที่ว่าการใช้ภาษาอื่นๆ จะทำให้ให้ดู “โก้” กว่าการใช้ภาษาของตน ซึ่งจะเห็นได้ชัดในคนไทยยุค “ไอที”           

ส่วนในประโยคหลังที่ว่า “กิริยาส่อสกุล” ประโยคนี้ก็สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีทางสังคมศาสตร์ในเรื่อง “การขัดเกลาทางสังคม (Socialization)” ที่หมายถึง กระบวนการทางสังคมและจิตวิทยาซึ่งมีผลทำให้บุคคลมีบุคลิกภาพตามแนวทางที่สังคมต้องการ เป็นที่ยอมรับกันว่ากระบวนการขัดเกลาทางสังคมนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่บุคคลถือกำเนิดมาในโลก ซึ่งตัวขับเคลื่อนกลไกการขัดเกลาทางสังคมเป็นกลุ่มแรกและสำคัญที่สุดก็คือ “สถาบันครอบครัว” ซึ่งมีหน้าที่ปลูกฝังแนวทางการดำเนินชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือ การที่พ่อแม่ผู้ปกครองสั่งสอนบุตรจัดเป็นการขัดเกลาทางสังคมทางตรง และการกระทำตนเป็นแบบอย่างให้กับลูกก็เป็นการขัดเกลาทางอ้อม ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าครอบครัวจึงมีอิทธิพลในการหล่อหลอมกิริยามารยาทของบุคคลแต่ละคน ด้วยเหตุนี้ประโยคที่ว่า “กิริยาส่อสกุล” จึงสมเหตุสมผลไปโดยนิปริยาย           

ทั้งนี้การขัดเกลาทางสังคมจากครอบครัวเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่สร้างพฤติกรรมของคนเพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกที่สร้างบุคลิกภาพของบุคคลได้เช่นเดียวกัน ทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ทว่าปัจจัยอื่นนั้นจะลึกซึ้งกว่าปัจจัยด้านครอบครัว ด้วยเหตุนี้คนทั่วไปจึงมองว่ากิริยามารยาทของแต่ละคนจะมาจากครอบครัว เช่น มีเด็กชอบฉกชิงวิ่งราวทรัพย์สินผู้คนตามท้องถนน คนอื่นที่พบก็จะสรุปในทันทีเลยว่าครอบครัวนี้คงยากจน ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูก หรือถึงขั้นกล่าวว่าคงเป็นโจรทั้งครอบครัว ซึ่งในความจริงอาจจะเป็นลูกของครอบครัวฐานะดีที่มีความอบอุ่นสมบูรณ์พร้อมก็ได้ แต่สาเหตุมาจากการได้รับอิทธิพลทางความคิดที่ผิดมาจากที่อื่น เป็นต้น ในบางครั้งสำนวนนี้จึงอาจไม่ยุติธรรมสำหรับวงศ์ตระกูลสักเท่าไร จากการวิเคราะห์ความสมเหตุสมผลของความหมายจึงสรุปได้ว่า สำนวนนี้มุ่งที่จะใช้กับผู้ที่แสดงกิริยามารยาทที่ไม่เหมาะสมให้รู้จักปรับปรุงตนเพื่อมิให้เสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลและครอบครัว คล้ายๆ กับการกล่าวว่า “พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน” นั่นเอง           

เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างสำนวนนี้กับเรื่องของ “ผู้ดี” ก็จะพบว่ามีความเกี่ยวข้องกัน เพราะผู้ดีคือผู้ที่ระมัดระวังกิริยามารยาทของตนเอง ดังนั้นผู้ดีก็จะแสดงออกให้เห็นถึงลักษณะการอบรมสั่งสอนที่ดีของครอบครัว ซึ่งก็สามารถอธิบายได้ด้วยความหมายสำนวนได้ว่า การเป็นผู้ดีเป็นผลลัพธ์จากการขัดเกลาทางสังคมในวิถีที่ถูกต้องของครอบครัว และความเป็นผู้ดีก็จะส่อให้เห็นถึงความมี “สกุลสูง” ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นความสูงส่งทางจริยธรรมมิใช่ทางด้านฐานะ จึงอาจกล่าวได้ว่าลักษณะความเป็น “ผู้ดี” สอดคล้องและสนับสนุนความหมายของสำนวน “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อใดที่ใช้สำนวนนี้กับผู้ดี นัยของความหมายจึงมิใช่การเสียดสีประชดประชันแต่อย่างใด หากแต่เป็นการชื่นชมถึงครอบครัวนั้นอย่างจริงใจ ดังนั้นหากต้องการจะเป็น “ผู้ดี” ก็ต้องเข้าใจความหมายสำนวนนี้ที่อธิบายด้วยความเป็นผู้ดี เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในขณะที่จะทำพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมด้วย           

ในอดีตสำนวนนี้คงจะก่อสำนึกให้กับผู้ฟังได้มาก แต่ปัจจุบันไม่ว่าใครจะด่าว่าถึงวงศ์ตระกูลอย่างไร จะกล่าวถึงสำนวนนี้เป็นร้อยครั้งพันครั้ง ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนได้ เพราะ “อัตตา” ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ได้ปิดกั้นไว้ กอปรกับการที่ครอบครัวในปัจจุบันก็ไม่ได้ทำหน้าที่ที่สถาบันครอบครัวพึงกระทำ คือ สั่งสอนให้คนในครอบครัวเป็นคนดี แต่กลับให้ความสำคัญกับเงินตรามากกว่า เหล่านี้คือผลของการพัฒนาในระบอบทุนนิยมโดยไม่ทำไปควบคู่กับจริยธรรมนั่นเอง เราจึงควรให้ความสำคัญกับความหมายของสำนวนนี้ในเชิง “ผู้ดี” บ้าง มิฉะนั้นในอนาคตสำนวนนี้อาจจะเปลี่ยนไปเป็น “สำเนียงส่อภาษา เงินตราส่อสกุล” ก็ได้

หมายเหตุ เรียงความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ เพื่อส่งงานในรายวิชา “ภาษาไทยพื้นฐาน (ท ๔๑๑๐๒)” กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยกำหนดให้นักเรียนเขียนเรียงความเกี่ยวกับสำนวน สุภาษิต คำพังเพย

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=13742

sithiphong:
บทความ (Blog)

Blog เขียนกระจาย ไร้ขีดจำกัด "บล็อกใต้ร่มธรรม"



กฏหลักของเว็บใต้ร่มธรรม

กฏกติกามารยาทของการใช้เว็บบอร์ด "ใต้ร่มธรรม"



ห้องแนะนำการใช้เว็บบอร์ดใต้ร่มธรรม(1 viewing)

แนะนำ และสอนการใช้บอร์ด การสมัคร การโพสตอบ การตั้งกระทู้ และอื่นเกี่ยวกับบอร์ด



เสียงของสมาชิกและทีมงาน

บอกกล่าวเล่าขานเรื่องราว และปัญหาต่างๆได้ที่นี่



พระอริยบุคคล(1 viewing)

เส้นทางสายอริยะ อนุพุทธะในตรีกาล พระอริยบุคคล โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี จน ถึง พระอรหันต์เจ้า



มาลาบูชาครู(2 viewing)

ธรรมะ ประวัติ คุรุผู้ประเสริฐ ปฏิปทาครูบาอาจารย์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คุณของพระสงค์หาประมาณมิได้



บิดามารดาบุพการี (พระอริยะในบ้าน)

เพื่อเทิดทูนบุพการี พ่อแม่ หรือผู้มีพระคุณ เปรียบท่านดั่งพระอริยะในบ้าน



หยาดฝนแห่งธรรม (4 viewing) (!)

ร่วมแบ่งปันธรรมทาน ให้ชุ่มฉ่ำ ชื่นบาน เย็นใจ ดุจสายฝน อนุโมทนา จ้า



ดอกบัวโพธิสัตว์(6 viewing) (!)

พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พุทธวงค์ พุทธโครต พุทธภูมิ ลงไว้เป็น พุทธบูชา แบบอย่าง แนวทาง คติเตือนใจ ทุกยาน เป็นหนึ่ง คือ พุทธะยาน



พุทธทำนาย ภัยพิบัติ การรับมือ (1 viewing)

เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธทำนาย ที่จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น เราควรเตรียมการอย่างไร



จิตวิวัฒน์ กระบวนการนิวเอจ นิเวศแนวลึก

แด่นักรบแห่งแสงสว่าง ยุคกึ่งพุทธกาล มุ่งสู่ ยุควิไล ยุคพลังงานใหม่ ติดตามความเคลื่อนไหว องค์ความรู้ใหม่ ๆ อย่างบูรณาการ
การโพสในแต่ละหมวดที่เว็บใต้ร่มธรรม



ธรรมะแนวลึกลับ วิทยาศาสตร์ทางจิต อิทธิปาฏิหารย์

แนววิทยาศาสตร์เชิงธรรมะสมัยใหม่ โปรดใช้วิจารณญาณ มหาพิจารณาอย่างยิ่ง



จิตภาวนา-ปัญญาบารมี

กรรมฐานทุกกอง ฝึกจิตทุกแบบ พระวิปัสสนา มหาสติปัฏฐาน 4 สมาธิเพื่อการเยียวยา การทำงาน มุ่งสู่ พระนิพพาน



กฏแห่งกรรม-ชาติภพ

กัมมุนา วัตตตี โลโก หมายถึง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม



ศีลเจพรต

สายน้ำแห่งความกรุณา หยุดการเข่นฆ่า เจริญเมตตา สมาทานเจพรต ธรรมะแนวเมตตา ศีลเจพรต ทุกค่าย ธรรมทาน วิทยาทาน ยัน โภชนาการ



ไหว้พระหน้าคอม

รวมบทสวดมนต์ บริกรรมภาวนา หฤทัยมนตรา สารพันคาถา บทขอขมา แผ่เมตตา ศาสนพิธี



พุทโธโลยี - เวทีสะท้อนธรรม

สื่อธรรม ไฟล์ธรรม ไฟล์เสียง เพลงธรรม e-Book ธรรมะติดปีกไซเบอร์



108 โทรโข่ง

ประชาสัมพันธ์ งานกุศล งานบุญ บอกกล่าวเล่าขาน ทั้งทางโลกและทางธรรม ร่วมอนุโมทนาได้ที่นี่



โครตเกรียนล้างโลก - ลงชักโครกซะ !

จัดการ กระทู้อันตราย มีปัญหา มิจฉาทิฐิ กระทู้เกรียน แถ ถู ไถ หมิ่นเหม่ ฮาร์ดคอ หลอกหลอน บั่นทอนสติปัญญา เด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา สาธุชน ควร ใช้วิจารณญาน ไตร่ตรอง ส่องตน



รับสายลมเย็นหน้าระเบียง

คุยสบายๆ นานาเรื่องราวสาระความรู้ เทคนิค เรื่องราว ไม่หนัก ปล่อยใจไปตามสายลมหน้าบ้านชานเรือน



ดนตรีภาวนา ธรรมคีตา นานาชาติ

ศิลปะศาสตร์แห่งเสียงดนตรีผ่อนคลายจิต พิชิตธรรมด้วยโสตเสียงธรรม



ธรรมะอินเทรนด์ - ธรรมะติดปีก

ธรรมะ สำหรับวัยรุ่น วัยสดใส ทันสมัย ไม่ตกยุค ธรรมะใส่สูท ใส่เสื้อฮิปฮ๊อป ใส่เสื้อนักเรียน



สุนทรียสนทนา - ไดอะล็อก (Dialogue)

วงเล่าเร้าพลัง เปิดหู เปิดตา เปิดใจ ฟังเสียงภายใน (Inner Voice) สติ เบิกบาน จินตนาการ ใน ไดอะล็อกพุทธะ สุนทรียสนทนา



มหัศจรรย์แห่งธรรมะ (Miracles of Dhamma)

แชร์ประสบการณ์ มุมมองความคิด อิสระไร้กรอบ อ่าน เขียนด้วยหัวใจให้เป็นธรรม



ดูหนัง ดูเรา ดูโลก ( Theater and Wisdom )

ดู ดู ที่มากกว่าดู มหรสพทางวิญญาณ ผ่าน แผ่นฟิล์ม ดูหนัง ดูละคร สะท้อนอะไร สนุกสนาน แถมปัญญาญาณ นะเออ !



ปัญหาชีวิต ความทุกข์ ความรัก

มีอะไรไม่สบายใจ สอบถามได้ที่ห้องนี้ เพื่อนๆกัณยาณมิตรและท่านผู้รู้จะมาให้คำแนะนำเพื่อคลายทุกข์



ธรรมะเสวนา

พูดคุยเรื่องธรรมะ ล้วนๆทดสอบภูมิธรรม ผู้มีภูมิประลองธรรม เรียนเชิญ ปุจฉา- วิสัชนา ได้ที่นี่



บทเพลงเยียวยา คีตาบำบัด

เพลงดี ๆ มีความหมาย ให้แง่คิด ธรรมะ กำลังใจ เพื่อ การแปรเปลี่ยน เยียวยาภายใน



หนอนหนังสือ

หนังสือหลากหลาย วรรณคดี วรรณกรรม เรื่องราว



พรรณาอักษร

นักเขียนกวีนิพนธิ์ หรือใจรักในงานประพันธ์ เชิญตรงนี้เลย



สุขภาพกับชีวิต

เรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพ วิถีชีวิตการดำรงชีพ ทั้งกายใจ



ศาสตร์สุขภาพแห่งการบำบัด

แหล่งความรู้ด้านสุขภาพและการบำบัดรักษาโรคและความรู้ในการดูแลสุขภาพ


.
.

Kathrareen:
ยาวมากกว่าจะอ่านจบ ^^

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version