เซี่ยงจวงอู่เจี้ยน อี้ไจ้เพ่ยกง : เซี่ยงจวงรำดาบ เจตจำนงอยู่ที่เพ่ยกง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2553 15:15 น.
《项庄舞剑,意在沛公》
项庄 (xiàngzhuāng) อ่านว่า เซี่ยงจวง เป็นชื่อบุคคลในประวัติศาสตร์จีนมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องและขุนพลของเซี่ยงอี่ว์
舞(wǔ) อ่านว่า อู่ แปลว่า รำ, ร่ายรำ
剑 (jiàn) อ่านว่า เจี้ยน แปลว่า ดาบ
意 (yì) อ่านว่า อี้ แปลว่า จุดประสงค์, เจตจำนง
在 (zài) อ่านว่า ไจ้ แปลว่า อยู่, อยู่ที่
沛公 (pèi gōng) อ่านว่า เพ่ยกง หมายความถึงหลิวปัง
ภาพจาก gb.cri.cn/1321/2009/03/02/542s2443429.htm
ในยุคปลายของราชวงศ์ฉิน (221-202 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) หลิวปังและเซี่ยงอี่ว์ (ฌ้อ ปาอ๋อง) ซึ่งเป็นแกนนำในการต่อต้านราชวงศ์ฉิน ต่างยกกองทัพเข้าโจมตีนครเสียนหยาง (เมืองหลวงของราชวงศ์ฉิน ปัจจุบันอยู่ในมณฑลส่านซี ใกล้กับเมืองซีอาน) ฉู่หวยหวังผู้นำในการก่อกบฎให้คำมั่นสัญญากับ หลิวปังและเซี่ยงอี่ว์ว่า หากผู้ใดสามารถรุกเข้าเมืองหลวงฉินได้ก่อนก็จะได้ครองตำแหน่งฮ่องเต้องค์ถัด ไป
ปี 207 ก่อนคริสต์ศักราช เซี่ยงอี่ว์ได้ชัยเหนือกองทัพใหญ่ของราชวงศ์ฉินที่เมืองจี้ว์ลู่ ขณะที่หลิวปังสามารถนำกองทัพบุกเข้ากุมสถานการณ์ในเมืองเสียนหยางได้ก่อน อย่างไรก็ตาม หลิวปังกลับไม่ได้รีบสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ โดยจัดวางกองกำลังคุมเชิง และปิดล้อมสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังและท้องพระคลังของราชวงศ์ฉินเอาไว้
เซี่ยงอี่ว์เมื่อได้ยินข่าวว่าหลิวปังสามารถบุกเข้าเมืองเสียนหยาง ได้ก่อน ด้วยความที่เป็นขุนศึกที่มีนิสัยใจคอเย่อหยิ่ง จองหองก็รู้สึกโมโหโกรธาเป็นอย่างยิ่ง โดยให้สัตย์สาบานไว้ว่าเมื่อยกทัพถึงเมืองเสียนหยางจะต้องจัดการกับหลิวปัง ให้จงได้ ขณะที่ฟ่านเจิง เสนาบดีของเซี่ยงอี่ว์ก็ให้คำแนะนำเช่นเดียวกันว่า “กาลก่อนหลิวปังเป็นคนโลภมาก เจ้าชู้ ทว่า ภายหลังจากบุกตีเข้าเมืองเสียนหยางสำเร็จแล้ว เขากลับไม่สนใจทรัพย์สินเงินทอง หญิงงามก็ไม่เหลียวแลเช่นกาลก่อน แสดงว่าหลิวปังมองการณ์ไกลหวังจะก้าวขึ้นเป็นใหญ่ เราควรต้องอาศัยโอกาสนี้กำจัดหลิวปังเสียก่อน”
ในเชิงการรบทัพจับศึกเป็นที่ทราบกันดีว่าฝีมือของหลิวปังนั้นมิอาจ เทียบได้กับเซี่ยงอี่ว์ อีกทั้งกำลังทหารก็ห่างกันหลายขุม ดังนั้นหลิวปังได้ทราบข่าวว่าเซี่ยงอี่ว์ต้องการจะยกกำลังทหารกว่า 4 แสนเข้ามาจัดการกับตนก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จึงปรึกษากับเสนาธิการและได้ข้อสรุปว่า เมื่อเซี่ยงอี่ว์นำทัพมาถึงตำบลหงเหมิน ตนก็จะเข้าพบเพื่อหารือกับเซี่ยงอี่ว์เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และปรับความ เข้าใจ
ต่อมา หลิวปังจึงได้นำจางเหลียงและนายพลฝานไคว่เดินทางไปถึงตำบลหงเหมินเพื่อพบปะ กับเซี่ยงอี่ว์ในงานเลี้ยงที่เซี่ยงอี่ว์เลี้ยงต้อนรับและขุดหลุมพรางเอาไว้ (งานเลี้ยงดังกล่าวถูกจดจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีนในชื่อ “งานเลี้ยงที่หงเหมิน”) เมื่อได้พบหน้ากันหลิวปังก็พยายามแก้ตัวว่า กองทัพของตนไม่ได้บุกเข้าไปในตัวเมืองเสียนหยาง เพียงแต่สั่งให้กำลังเข้าดูแลบริเวณชานเมืองเท่านั้นเพื่อรอคอยเซี่ยงอี่ว์ ให้เดินทางมาครองตำแหน่งฮ่องเต้ เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยงอี่ว์ก็เกิดความลังเลและไม่ได้ส่งสัญญาณให้มือ สังหารที่ซุ่มอยู่ลงมือจัดการจับหลิวปังดังที่ได้เตรียมการณ์เอาไว้
ด้านฟ่านเจิง เสนาบดีของเซี่ยงอี่ว์เมื่อเห็นเจ้านายของตนเองเกิดอาการลังเล โดยแม้จะมีการสะกิดเตือนให้เซี่ยงอี่ว์ลงมือฆ่าหลิวปังเสียก็ไม่เป็นผล จึงสั่งการให้นายพลที่ชื่อเซี่ยงจวงแสร้งเป็นออกแสดงการรำดาบในวงงานเลี้ยง รับรอง โดยเมื่อสบโอกาสให้ลงมือสังหารหลิวปังเสีย
ทว่า เซี่ยงจวงไม่ทันได้ลงมือ จางเหลียงซึ่งเป็นเสนาธิการของหลิวปังเห็นสถานการณ์คับขันยิ่งจึงรีบเรียก ให้นายพลฝานไคว่ออกมารับมือเพื่อปกป้องหลิวปังก่อน โดยฝานไคว่ถือดาบและโล่พุ่งเข้ามาในวงงานเลี้ยง พร้อมกับกล่าวชื่นชมหลิวปังต่างๆ นาๆ ว่า “หลิวปังบุกเข้าเมืองเสียนหยางก่อน แต่กลับไม่ได้ยึดเมืองและตั้งตนเป็นฮ่องเต้แต่อย่างใด เฝ้ารักษาเมืองเอาไว้เพื่อรอคอยให้ท่านเดินทางมาเป็นฮ่องเต้ ลูกน้องที่สร้างคุณงามความดี มีความสามารถเช่นนี้ เซี่ยงอี่ว์ท่านจะหาได้จากที่ใดอีก”
เซี่ยงอี่ว์เมื่อได้ฟังก็มิอาจทำเช่นไรได้ เพียงยกจอกสุราขึ้นกล่าวชมเชย จางเหลียงกับหลิวปังจึงรีบยกจอกสุราขึ้นดื่มโดยพลัน พร้อมหาข้ออ้างปลีกตัวออกจากวงงานเลี้ยงเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ก่อนเดินทางกลับฐานที่มั่นของตนเองในทันที
ด้านฟ่านเจิงเมื่อทราบข่าวว่า หลิวปังกับลูกน้องหนีหน้าเดินทางกลับไปแล้วก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากที่ เซี่ยงอี่ว์ไม่กล้าตัดสินใจ ทั้งๆ ที่หลิวปังเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือแท้ๆ กลับปล่อยให้หนีรอดไป จึงกล่าวว่า “เซี่ยงอี่ว์มิอาจเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้ จงคอยดูต่อไปว่าผู้ที่ก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้จะต้องเป็นหลิวปัง”
สำนวน “เซี่ยงจวงรำดาบ เจตจำนงอยู่ที่เพ่ยกง” หมายความถึง บุคคลที่คำพูดกับการกระทำไม่ตรงกัน หรือ กระทำการใดโดยมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งตรงกับสำนวนไทยที่ว่า “ปากไม่ตรงกับใจ”
หมายเหตุ : ใน เวลาต่อมาเซี่ยงอี่ว์ได้ตั้งตนเป็นฌ้อปาอ๋องตะวันตก และแต่งตั้งหลิวปังไปเป็นเจ้าเมืองฮั่นในเขตทุรกันดาร เมื่อสบโอกาสที่เซี่ยงอี่ว์ยกทัพออกไปรบกับรัฐอื่น หลิวปังก็สั่งกำลังทหารเข้ายึดเมืองเสียนหยาง และประกาศตัวเป็นศัตรูกับเซี่ยงอี่ว์อย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตามด้วยกุศโลบายในการบริหารบ้านเมืองของหลิวปังที่เหนือกว่า เซี่ยงอี่ว์จึงทำให้ทัพของหลิวปังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ อิทธิพลในหมู่ประชาชนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กองกำลังของเซี่ยงอี่ว์กลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนในที่สุด ในปี 202 ก่อนคริสต์ศักราช หลิวปังได้กองทัพไปปิดล้อมกองกำลังของเซี่ยงอี่ว์จนแตกพ่ายไม่เป็นท่า แม้ว่า เซี่ยงอี่ว์ได้ตีฝ่าวงล้อมออกไปได้แต่ก็ถูกทหารของหลิวปังไล่ล่า จนต้องฆ่าตัวตายที่ริมแม่น้ำอูเจียง (ปัจจุบันอยู่ในเขตมณฑลอันฮุย) ขณะที่หลิวปังก็ตั้งตนเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงฮั่นนามว่า ฮ่องเต้ฮั่นเกาจู่
-----------------------------
ขณะนี้สุภาษิตในคอลัมน์ "นิทานคติ" ได้ถูกนำมารวมเล่มเป็นหนังสือรวมเรื่องเล่าจากสุภาษิตจีนแล้ว
รายละเอียดหนังสือ
ชื่อหนังสือ คำจีนเขียนชีวิต (成语故事)
สำนักพิมพ์ บ้านพระอาทิตย์ (ติดต่อ โทร 0-2587-0234 # 136)
ผู้แปล/เรียบเรียง ดวงพร วงศ์ชูเครือ
ISBN 978-616-536-033-3
พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ราคา 150 บาท
.
http://www.manager.co.th/China/ViewN...=9530000161345.