ผู้เขียน หัวข้อ: “Frozen” เมื่อรักแท้ละลายทุกอย่าง  (อ่าน 1187 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


ใครว่าราชินีหิมะไม่มีหัวใจ ถึงจะหนาวเหน็บจนกลายเป็นน้ำแข็งแต่มีสิ่งหนึ่งที่หลอมละลายได้...

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่รัก หวังว่ากระแสการเมืองคงไม่ร้อนระอุจนเกินไป สัปดาห์นี้มาดามมีเรื่องเย็นๆ จนถึงขั้นเป็นน้ำแข็งมาฝากค่ะ เป็นแอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากค่ายยักษ์ซึ่งมีชื่อเสียงมานานอย่าง Walt Disney Animation Studio หลังร้างลาไปพักใหญ่ ปล่อยให้ค่ายในเครืออย่าง Pixar Studio ออกโรงแทน ใครเป็นคอหนังการ์ตูนเจ้าหญิงเจ้าชายหรือเรื่องเล่าปรัมปราไม่ควรพลาดนะคะ รับรองว่าโลกสวยพาฝันลืมความร้อนแรงของโลกปัจจุบันเลยทีเดียว

ก่อนว่าด้วยเรื่องอานุภาพรักแท้ว่าละลายทุกสิ่งจริงหรือไม่ มาว่ากันด้วยเรื่องที่มาของเรื่องสักนิดดีกว่าค่ะ “Frozen” หรือชื่อไทย “ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ” มาจากนิทานปรัมปราของนักเล่าชื่อดังก้องโลกอย่าง Hans Christian Anderson โดยชื่อเรื่องที่คนทั่วโลกรู้จักก็คือ “The Snow Queen” ซึ่งว่ากันว่าเป็นนิทานเรื่องยาวที่สุดของเขาแถมมีหลายเวอร์ชั่นจนเวียนหัวไปหมด

สำหรับเวอร์ชั่นนี้ ดิสนีย์เอาใจแฟนๆ ด้วยการดัดแปลงเรื่องใหม่เกือบทั้งหมดแต่ยังคงเค้าโครงเรื่องเดิมไว้ โดยเฉพาะปมปัญหาหลักของราชินีหิมะที่ต้องโดดเดี่ยวท่ามกลางความสงสัยและอยากรู้ของผู้คนรอบข้างถึงตัวตนแท้จริงของเธอ แล้วก็เข้าสูตรเดิมค่ะ เนื้อหาหรือแง่คิดใดๆ เมื่อผ่านมือสตูดิโอดังๆ ในฮอลลีวูดย่อมต้องได้รับการตีให้แตกและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัย และ “Frozen” ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น แถมยังทำได้ดีด้วย



ที่ว่าดีนั้นต้องยกความดีให้ทีมผู้สร้าง ทั้งผู้กำกับ ‘Chris Buck’ (Tarzan, 1999) และ ‘Jennifer Lee’ (Wreck-it Ralph, 2012) ซึ่งรายหลังนี่รับหน้าที่ดัดแปลงบทภาพยนตร์ด้วย รวมทั้งบรรดาดาราชื่อดังที่มาให้เสียงพากย์ โดยเฉพาะสองตัวละครหญิงพี่น้องแห่งอาณาจักรอาแรนเดล “Anna” (ให้เสียงโดย Kristen Bell) และ “Elsa” (ให้เสียงโดย Idina Menzel) ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเสียงเพลงด้วยภาษาสวยงามและเข้าใจง่ายตามสไตล์ดิสนีย์




เรื่องเล่าของ “ราชินีหิมะ” เกิดขึ้นในดินแดนอันสงบสุขชื่อว่า “อาแรนเดล” พระราชาและพระราชินี มีพระธิดาสององค์ คนพี่ชื่อว่า “เอลซ่า” (Idina Menzel) ส่วนคนน้องชื่อว่า “แอนนา” (Kristen Bell) เอลซ่ามีพลังพิเศษเสกน้ำแข็งและควบคุมหิมะได้ตั้งแต่กำเนิด ครอบครัวของเธอหวาดกลัวในช่วงแรกแต่เมื่อเห็นเธอควบคุมมันได้จึงปล่อยตามใจ โดยเฉพาะแอนนานั้นสนิทและติดพี่สาวมากเพราะเสกของให้เล่นบ่อยๆ แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขของเอลซ่าก็มีแค่เวลาสั้นๆ เท่านั้น




และนี่คือจุดเริ่มต้นและปมสำคัญของเรื่อง เมื่อเอลซ่าใช้พลังพิเศษมากไปจนควบคุมไม่อยู่ พลังพิเศษที่เคยสร้างแต่ความสนุกสนานและรอยยิ้มระหว่างพี่น้อง แปรเปลี่ยนเป็นคราบน้ำตาและความอ้างว้างเมื่อน้องสาวคนเดียวประสบอุบัติเหตุ ถูกพลังน้ำแข็งยิงใส่ศีรษะ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เอลซ่าต้องขังตัวเองแต่ในห้องจนกว่าจะควบคุมพลังพิเศษของตัวเองได้ แต่จนแล้วจนรอดว่าที่ราชินีหิมะก็ไม่รู้วิธี ไม่ว่าเธอจับต้องสิ่งใดก็กลายเป็นน้ำแข็งเสียหมด ไหนจะความหวาดกลัวลึกๆ อีกว่าน้องสาวคนเดียวเกือบเสียชีวิตเพราะพลังพิเศษ เอลซ่าจึงเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครจนชาวเมืองเกือบลืมไปแล้วว่าอาแรนเดลมีเจ้าหญิงสองพระองค์





เรื่องราวของสองพี่น้องยังโศกไม่พอ เพราะเหตุการณ์ที่ทำท่าจะราบรื่นต้องปั่นป่วนอีกครั้ง เมื่อพ่อแม่ที่เคยเคียงข้างสองสาว คอยบรรเทาช่องว่างที่ห่างเหินกันเรื่อยๆ มาตลอด ต้องจากไปตลอดกาลเพราะอุบัติเหตุทางเรือ เอลซ่าในฐานะพี่สาวคนโตต้องรับหน้าที่สืบบัลลังก์เป็นราชินีแห่งอาแรนเดล แต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่าเมื่อความลับที่ปกปิดมานานเรื่องพลังพิเศษถูกเปิดเผย...





เอลซ่าจะทำอย่างไรต่อไป แล้วแอนนาจะมีปฏิกิริยาเช่นไรเมื่อรู้ความลับของพี่สาว คุณๆ ทั้งหลายคงต้องตามไปดูให้เห็นกับตาในโรงภาพยนตร์ รับรองอีกครั้งว่าเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี แต่ไม่ได้มีอะไรตามสูตรมากมายเกี่ยวกับ Fairy Tales แม้จะคงเค้าโครงเรื่องบางอย่างไว้แต่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยให้ดูมีสีสันมากขึ้น โดยเฉพาะมุกเสียดสีและสะท้อนสังคมเล็กๆ แต่กินใจความกว้างขวางตามสไตล์ดิสนีย์ ซึ่งถูกแฝงอย่างแนบเนียนผ่านคำพูดและการกระทำของตัวละคร เรียกได้ว่าทำหน้าที่เครื่องมือขัดเกลาทางความคิดและสติปัญญาได้อย่างดี เหมือนที่เคยทำมาตลอด




และเครื่องขัดเกลาเวอร์ชั่นนี้ก็คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของแอนิเมชั่นจากค่ายยักษ์ จนครองใจเด็กๆ มาหลายรุ่น (รวมทั้งตัวมาดามเอง) ข้อคิดเล็กๆ จากเรื่องสามารถหยิบมาใช้ได้ในชีวิตจริงเสมอ เรื่องราวของเอลซ่ากับแอนนาก็เช่นกัน ความหวาดกลัวต่อพลังและความสามารถของตัวเองก็เปรียบเสมือนกรงขังที่ทำให้เราไม่สามารถเติบโตและเป็นตัวของตัวเองได้ ความผิดพลาดในอดีตแม้จะร้ายแรงแค่ไหน เมื่อวันเวลาผ่านไปก็เป็นแค่อดีตที่เป็นได้แค่บทเรียนหนึ่งเท่านั้น เอลซ่าใช้เวลาหลายปีเพื่อควบคุมพลังพิเศษแต่ก็ยังไม่ค้นพบวิธี สุดท้ายเมื่อเรื่องราวเลวร้ายถึงจุดหนึ่ง “ความรัก” จึงสอนให้เธอเรียนรู้ทุกอย่าง

เพราะการมีชีวิตอยู่กับความกลัวและความหวาดระแวงรังแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้าย เพราะมัวจ้องจับผิดและสั่งสมอารมณ์ในแง่ลบ อย่างที่เอลซ่ารู้สึกทุกครั้งที่จับต้องสิ่งของ ความกลัวทำให้เธอไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจนเกือบต้องโดดเดี่ยวตลอดชีวิต แต่เมื่อแอนนายืนยันและยืนกรานจะอยู่ข้างพี่สาวตลอดเวลาไม่ว่ายามสุขหรือ ทุกข์ เพราะเธอคือสมาชิกครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ ทำให้กำแพงน้ำแข็งแสนเย็นชาค่อยๆ เบาบางลง

เชื่อว่าหลายคนคงพอรู้คำตอบบ้างแล้วว่ารักแท้ละลายทุกอย่างได้ยังไง...เอลซ่าเปิดใจรับความรักและความหวังดีของแอนนาจนกำแพงน้ำแข็งที่แสนหนาวเหน็บและว้าเหว่ทลายลง อย่างน้อยๆ ชีวิตของสองพี่น้องก็จะไม่หดหู่อีกต่อไป...หวังว่าคนไทยทุกคนจะเปิดใจรับฟังความคิดและข้อมูลในมุมที่แตกต่างบ้าง...แล้วเราจะได้อยู่กันอย่างมีความสุขค่ะ

>Trailer 1

<a href="https://www.youtube.com/v/SfRF_qEZ8FI" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/SfRF_qEZ8FI</a>
ตัวอย่างภาพยนตร์ "Frozen" (2013)


 :25: http://www.thairath.co.th/content/388728
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...