ผู้เขียน หัวข้อ: อาเศียรวาทของท่านมหาตมะคานธี  (อ่าน 1176 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
อาเศียรวาทของท่านมหาตมะคานธี
« เมื่อ: มิถุนายน 15, 2015, 11:03:28 am »


อาเศียรวาทของท่านมหาตมะคานธี

การไม่ขโมย ย่อมไม่หมายเฉพาะแต่การไม่หยิบของๆ ผู้อื่น โดยมิได้รับอนุญาตเท่านั้น หากการมีไว้ซึ่งสิ่งของที่ไม่จำเป็น ก็นับเป็นการขโมยด้วยเหมือนกัน และลักษณาการเช่นนี้ ย่อมเปี่ยมไปด้วยหิงสา

ในการเสาะแสวงหาความสัตย์ เราควรจะต้องอ่านและครุ่นคิดถึงชีวิตของท่านผู้ทรงศีลบริสุทธิ์

บุคคลใดกระทำกิจใดด้วยความแน่วแน่ บุคคลนั้นย่อมสามารถกระทำกิจอื่น ให้บรรลุผลสำเร็จได้เช่นเดียวกัน

ความสุขอันแท้จริง มิได้เกิดขึ้นจากภายนอก หากเกิดจากภายในนั่นเอง

ทางตรงง่ายเช่นใด ก็ยากเช่นนั้น มิฉะนั้นแล้ว คนทั้งหมดก็ควรจะเดินบนทางตรง

ความเท็จแม้แต่น้อย ก็สามารถนำความพินาศมาสู่มนุษย์ได้ มีอุปมาเช่นเดียวกับยาพิษ แม้เพียงหยดเดียวย่อมทำลายน้ำนมทั้งหมด

คนเราขลาดที่จะประสบกับความจริง แต่กล้ากับความหลอกลวง และมักจะชื่นชมในความหลอกลวงเสียด้วย

ทะเลเป็นที่รวมแห่งน้ำฉันใด ถ้าเราประพฤติความแผ่เมตตา เราก็ย่อมจะเป็นที่รวมแห่งมิตรภาพฉันนั้น หากชาวโลกอยู่ด้วยมิตรภาพ สภาพของโลกคงจะเปลี่ยนแปลงไปจากโลกนี้มาก

ทำไมหนอ คนผู้รู้จักความสัตย์จึงไม่กล้ากล่าวคำสัตย์ กลัวอาย อายใคร คนชั้นสูงหรือ หรือคนชั้นต่ำ ทั้งคนชั้นสูงและคนชั้นต่ำย่อมเหมือนกันทั้งนั้น กล่าวคือความเคยชินย่อมสามารถกลืนมนุษย์ได้ ฉะนั้น ขอให้เราคิดดูให้ดี และละทิ้งความเคยชินที่ชั่วร้ายเสีย

ยิ่งมีความรู้สึกและเคยชินมากขึ้นเพียงใด ข้าพเจ้าก็ยิ่งเกิดความประจักษ์แจ้งขึ้นเพียงนั้น ว่ามนุษย์เรานี่แหละคือสาเหตุแห่งทุกข์และสุขของตนเอง

ผู้ที่ทำงานบนพื้นดินนั่นแหละ คือเจ้าของที่ดินอันแท้จริง

งานที่แท้ย่อมไม่ไร้ผลฉันใด ความสัตย์จริงก็ย่อมไม่เป็นที่เกลียดชังแก่ใครในขั้นสุดท้ายฉันนั้น

ไม่ควรหาความอิ่มเอิบให้แก่ความอยาก เมื่อเริ่มหาความอิ่มเอิบให้แล้ว ความอยากก็จะหาที่หยุดยั้งไม่ได้ หรือถ้าหยุดยั้งได้ก็ยากเต็มที

ผู้ที่บังคับตนเองไม่ได้ ย่อมจะไม่สามารถบังคับผู้อื่นได้อย่างแน่แท้

การที่จะเข้าใจตัวเองได้อย่างถ่องแท้ เราควรออกไปจากตัวของเราเองเสียก่อน แล้วจึงมองดูตนเองด้วยสายตาอันเป็นกลางจริงๆ

ผู้ใดช่วยเหลือคนอื่นแม้แต่น้อย ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าไม่เป็นคนอยู่เปล่า

สิ่งใดที่เราเชื่อว่าดีและมีประโยชน์ มิใช่ที่คนอื่นเขาเชื่อการกระทำ สิ่งนั้นย่อมนำความสุขและความพอใจมาสู่ตัวเรา

การขอร้องความกรุณาจากผู้อื่น คือการบอกขายอิสรภาพของตนเอง

คนเราอยากเห็นอยากรู้สิ่งใด ก็ย่อมได้เห็นได้รู้สิ่งนั้น จงดูชาวสวนและนักปรัชญาเป็นตัวอย่าง ชาวนาย่อมรู้ย่อมเห็นเรื่องต้นไม้ของตนเป็นอย่างดี แต่นักปรัชญาย่อมจะไม่ทราบแม้เพียงว่า ต้นไม้นั้นอยู่ข้างนอกหรือข้างในสวน

เป็นความผิดอย่างอุกฤษฎ์กระไรหนอ ที่เราจะแนะนำให้ผู้อื่นเขารักษาความสะอาด ในเมื่อตัวของเราเองนั้นสกปรก

คนเราสามารถหลอกตนเองได้มากกว่า และดีกว่าหลอกผู้อื่น ความจริงข้อนี้ ท่านผู้รู้ย่อมทราบดีทุกคน

ความมีชีวิต จะได้หมายถึงการกิน การดื่ม และแสวงความเพลิดเพลินก็หามิได้ หากหมายถึงการรับใช้พระเป็นเจ้า นัยหนึ่ง คือมนุษย์ชาติด้วยใจจริงต่างหาก

คนเรา ถ้าทำอะไรเกินขอบเขตไป ก็รังแต่จะนำความทุกข์มาสู่ตัวเอง

คุณสมบัติเป็นสิ่งซึ่งซ่อนเร้นมิได้ ย่อมประจักษ์แจ้งอยู่บนใบหน้าแห่งบุคคลผู้เป็นเจ้าของเสมอ

ธรรมชาติของน้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำฉันใด ความชั่วช้าก็ย่อมนำคนไปสู่ที่ต่ำฉันนั้น แต่ความดีนำคนไปสู่ที่สูง ฉะนั้นความดีจึงเป็นสิ่งที่ปฏิบัติยาก

การรับใช้สังคมที่ดีที่สุด ก็คือการพยายามทำให้สังคมเจริญ สังคมนั่นแหละจะบอกได้ว่า คนเราสูงหรือต่ำเพียงไหน

คนเราควรตายในเมื่อจำเป็น การตายเช่นนั้นแหละจึงจะเป็นการตายเพื่ออยู่

โชคชะตาและความพยายาม ย่อมแข่งขันกันอยู่ทุกวัน จงใช้ความพยายามให้เต็มที่เถิด ส่วนผลลัพธ์นั้นควรมอบให้พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน

น่าเสียใจน้อยไปหรือที่เรารู้ว่าสิ่งใดเป็นของควรทำแต่เราก็ทำสิ่งนั้นไม่ได้ ทุกคนควรคิดตอบปัญหานี้ให้แก่ตนเอง

ความผิดย่อมจะผ่านพ้นไปได้ด้วยการแก้ไข แต่ถ้าขืนปล่อยไว้มันจะเป็นเสมือนฝี ซึ่งอาจกลัดหนองถึงแตกยังผลให้ได้รับความเจ็บปวดอย่างแน่แท้

ความรีบร้อนเป็นบ่อเกิดแห่งความเสียหาย แต่ความมีใจเย็นนำมาซึ่งความสุขุม ภิตข้อนี้ ข้าพเจ้าเห็นความจริงอยู่ทุกขณะ

ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีระเบียบ ถ้าไม่มีระเบียบแม้ขณะเดียว สุริยะจักรวาฬทั้งมวลจะต้องถึงซึ่งกาลอวสาน

การเพิ่มพูนสิ่งของที่มีโดยปราศจากความจำเป็นย่อมเป็นการบาป

คนตาบอดมิใช่คนตาเสีย แต่คนตาบอดคือคนที่ปิดบังโทษของตนเองต่างหาก

อุดมคติเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การปฏิบัติตามอุดมคติเป็นคนละเรื่อง

คนไม่มีอุดมคติ เปรียบเสมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ

เราควรกล่าวว่าเรามีอุดมคติ ก็ต่อเมื่อเราพยายามที่นำตัวเราเข้าถึงอุดมคตินั้น

การสมาคมกับคนดี ทั้งๆ ที่เป็นกรณียกิจอันพึงกระทำแต่คนเรากลับไม่ทำ ตรงกันข้าม การสมาคมกับคนชั่วแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่น่าปฏิบัติ แต่มนุษย์เรากลับชอบปฏิบัติ


แปลจากภาษาฮินดี โดยกรุณา  เรืองอุไร กุศลาสัย
ธนบุรี ๒๕ สิงหาคม ๒๔๙๕
****************************************************

อสัตย์ย่อมระงับด้วยสัจจะ ความโกรธย่อมระงับด้วยความรัก หิงหาการเบียดเบียนย่อมระงับด้วยการรับทุกข์เสียเอง กฎอันยืนยงสถาพรนี้เป็นกฎสำหรับคนทั่วไปด้วย มิใช่แต่จำเพาะนักบุญเท่านั้น

ความยุติธรรมที่ได้จากความรัก ก็คือ การยอมแพ้ แต่ความยุติธรรมที่จะได้จากกฎหมายนั้นคือ การลงทัณฑ์

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ความรักนี้แหละที่ค้ำจุนโลก ที่ไหนมีความรัก ที่นั่นจึงจะมีชีวิต ชีวิตที่ปราศจากความรักคือความตาย เมื่อด้านหัวของเงินตราคือ สัจจะ ด้านก้อยก็คือความรัก

ข้าพเจ้าเชื่อและจัดเจนด้วยตัวเองมาเป็นเวลา ๓๐ ปี ว่าเราอาจจะชนะโลกได้ด้วยสัจจะและความรัก

สัจจะย่อมมีชัยแก่อสัตย์ ความรักย่อมมีชัยแก่ความชัง เทพเจ้าย่อมมีชัยแก่ผีปีศาจชั่วนิจนิรันดร์

ความรักนี้เองที่ปกครองมนุษยชน ถ้าหากให้หิงสาการเบียดเบียนอันเกิดจากความชิงชังครองเรา เราก็คงจะดับศูนย์ไปเสียนานแล้ว แต่กระนั้นเรื่องที่น่าเศร้าใจก็คือ ประชาชาติหรือหมู่ชนที่เรียกตัวว่าเป็นผู้เจริญแล้วนั้น ยังประพฤติตนเสมือนหนึ่งว่า รากฐานของสังคมอยู่ที่หิงสาการเบียดเบียนกัน

หนทางแห่งศานติ คือ หนทางแห่งสัจจะ ความมีสัจจะ สำคัญกว่ามีความศานติ

แต่ละคนย่อมต้องได้ ศานติ มาจากภายในตนเอง ศานติอันแท้จริงต้องไม่หวั่นไหวไปด้วยสิ่งแวดล้อมภายนอก

บางทีท่านจะไม่ทราบว่า ลูกชายคนดตๆ ของข้าพเจ้าคนหนึ่ง หาว่าข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระพุทธองค์ และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู บางคนก็ไม่ยับยั้งที่จะหาว่าข้าพเจ้ากล่าวอ้างธรรมะของพระพุทธศาสนาภายใต้ลัทธิฮินดู ข้าพเจ้าก็พลอยเห็นด้วยกับคำกล่าวหาของลูกชายและสหายผู้นับถือศาสนาฮินดูนั้น และบางครั้งข้าพเจ้าเองก็ให้รู้สึกภาคภูมิใจในการที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า และข้าพเจ้าไม่มีรอที่จะประกาศในที่ประชุมนี้ว่า ข้าพเจ้าได้เป็นหนี้ความรู้สึกบันดาลใจอันได้จากพุทธประวัติเป็นอย่างมาก

ข้าพเจ้าขอปฏิเสธ ลัทธิศาสนาฮินดูไม่เชื่อเรื่องวรรณะ ข้าพเจ้าขอขจัดมันให้สิ้นไปทันที แต่ข้าพเจ้าเชื่อในเรื่องวรรณธรรม อันเป็นกฎข้อบังคับแห่งชีวิต ข้าพเจ้าว่าคนบางคนเกิดมาสำหรับเป็นผู้สอน บางคนเกิดมาเป็นผู้พิทักษ์รักษา และบางคนเป็นผู้ข้องเกี่ยวอยู่กับการพาณิชย์และกสิกรรม และบางคนก็เป็นผู้ประกอบหัตถกรรม มากเข้าๆ จนกระทั่งอาชีพเหล่านี้ได้กลายเป็นพันธุกรรม กฎของวรรณะจึงไม่ใช่สิ่งใดอื่นนอกจากเป็นกฎที่ถือว่า แรงงานนั้นไม่ศูนย์สิ้นเปล่าและหาค่ามิได้ ทำไมลูกชายข้าพเจ้าถึงไม่ควรเป็นคนกวาดถนน ถ้าหากว่าข้าพเจ้าเป็น

ข้าพเจ้ายอมรับ เพราะว่าข้าพเจ้าถือว่าอาชีพกวาดถนน ไม่มีทางต่ำไปกว่าอาชีพผู้สอนศาสนา

เศรษฐกิจของสังคมอันแท้จริง จะสอนให้เรารู้ว่าคนทำงาน เสมียน และนายจ้าง เป็นหน่วยหนึ่งที่แบ่งแยกจากกันไม่ได้ ไม่มีใครใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าใคร ผลประโยชน์ของแต่ละฝ่ายจึงไม่ควรจะเป็นที่ขัดแย้งกัน แต่ควรจะเสมอเหมือนกันและต้องพึ่งพาอาศัยกัน

เมื่อใดก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ยินว่ามีวังใหญ่ๆ สร้างขึ้นใหม่ตามเมืองใหญ่ๆ ของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นอินเดียในราชอาณาจักรอังกฤษ หรืออินเดียในความปกครองเจ้าผู้ครองของเราเอง ข้าพเจ้าก็ให้รู้สึกริษยาขึ้นมาทันที และข้าพเจ้าจะต้องอุทานออกมาว่า “อ๋อ นี่แหละเงินที่ได้มาจากกสิกร”

แม้ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญอหิงสา ข้าพเจ้าก็ทนไม่ได้แม้จะเพียงคิดให้อาหารเป็นทานแก่คนที่มีสุขภาพแข็งแรงและไม่ได้ประกอบการงานในทางสุจริต และหากข้าพเจ้ามีอำนาจข้าพเจ้าจะปิดโรงทานทุกแห่งที่แจกอาหารให้เป็นทาน เพราะมันทำให้เกียรติของชาติตกต่ำ ทั้งยังจะส่งเสริมความเกียจคร้าน ความหน้าไหว้หลังหลอก และแม้กระทั่งอาชญากรรม การให้ทานในทางผิดๆ เช่นี้ ไม่ได้เพิ่มพูนทรัพย์สินให้แก่ประเทศชาติเลย ไม่ว่าจะในทางวัตถุหรือจิตใจ ทั้งยังจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเมตตาจิตของผู้ให้เสียอีกด้วย จะนับเป็นการดีวิเศษและหลักแหลมเพียงไร ถ้าว่าผู้ให้นั้นจะไปเปิดสถานที่ที่จะให้อาหารเป็นทานในสิ่งแวดล้อมอันสะอาด และมีสุขภาพสมบูรณ์แก่หญิงและชายผู้จะทำงานให้แก่ตน

อหิงสากับความขลาด จะดำเนินกันไปด้วยดีไม่ได้ ข้าพเจ้านึกเอาว่าคนที่มีอาวุธครบมือเป็นคนที่มีใจขลาด การมีอาวุธในครอบครัวย่อมส่อให้เห็นความกลัว แม้จะไม่ใช่ความขลาดก็ตาม แต่อหิงสาอันแท้จริงนั้นจะมีไม่ได้ถ้าไร้ความรู้จักหวั่นเกรงต่อภัยอันตรายใดๆ

ความกล้า ความอดทน ความไม่หวั่นเกรง และที่สำคัญยิ่งคือ การเสียสละนั้นเป็นคุณลักษณะอันพึงมีในผู้นำของเรา

ความกลัวยังมีประโยชน์ แต่ความขลาดนั้นหาประโยชน์มิได้เลย ข้าพเจ้าไม่กล้าเอามือไปแหย่ในปากงู แต่การที่แลเห็นงูนั้นไม่จำต้องทำให้ข้าพเจ้าตกใจกลัว เรื่องยุ่งยากก็คือ เรามักจะตายกันหลายหน ก่อนที่ความตายจะมาคร่าเราจริงๆ

ความกล้าหาญตามที่รู้กัน ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตใจ กล้ามเนื้ออันเหนียวแน่นที่สุด ก็ยังรู้กันว่าสั่นได้ในเมื่อบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นในจินตนาการ จิตใจต่างหากที่ทำให้กล้ามเนื้อสั่น

ชาติใดที่ดำเนินกิจการบริหาร ไปได้ด้วยความราบรื่นและได้ผลดีโดยไม่เกิดการแทรกแซงทางการเมืองมากนัก ชาตินั้นย่อมเป็นชาติประชาธิปไตยโดยแท้จริง ที่ไหนไม่มีสภาพเช่นนี้ รัฐบาลของที่นั้นย่อมเป็นประชาธิปไตยแต่เพียงในนาม

คนที่เป็นนักประชาธิปไตยโดยกำเนิด ย่อมเป็นผู้ที่มีวินัยดีมาแต่กำเนิดด้วย ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นในตัวของเขาเอง ในเมื่อเขารู้จักเคารพกฎหมาย เคารพมนุษยธรรมและเทวธรรมจนเคยชิน ข้าพเจ้าขออ้างตัวเองเป็นนักประชาธิปไตยทั้งโดยสัญชาติญาณและการฝึกอบรม

ประชาราษฎร์เป็นราก รัฐเป็นผล หากรากหวาน ผลก็ต้องหวานด้วย

ข้าพเจ้ายกย่องคุณค่าของเสรีภาพของแต่ละบุคคล แต่ท่านต้องไม่ลืมว่าคนจะต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่กับสังคม คนจะมีสภาพเช่นนี้ได้ก็ด้วยการปรับเอกัตตภาพของตัวเขาเอง ให้เข้ากับความต้องการในการก้าวหน้าของสังคม เราได้เรียนรู้ถึงการปรับเสรีภาพของแต่ละบุคคล ให้เข้ากับข้อบังคับของสังคม การเต็มใจยินยอมขึ้นอยู่กับข้อบังคับของสังคมเพื่อสวัสดิภาพของสังคมส่วนรวมนั้น ย่อมเพิ่มพูนทั้งส่วนตัวเองและทั้งสังคมที่ตนเองเป็นหน่วยหนึ่งอยู่

การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนควรจะเป็นไปโดยเสรี ไม่ขึ้นต่อมติมหาชน ถ้าผู้ใดไม่อาจรักษาระดับความดีภายในตนเพราะกลัวมติมหาชน หรือเพราะเหตุผลอื่นใดที่คล้ายคลึงกันแล้ว ผู้นั้นย่อมไม่สามารถจะรู้ถูกรู้ผิด และท้ายที่สุดก็จะสูญสิ้นความรู้สึกแยกแยะผิดหรือถูกนี้เสียสิ้น

คนเราจะสละสิทธิ์ของตนเสียได้ แต่จะละเมิดหน้าที่ของตนโดยไม่มีผิดต่อการละเลยหน้าที่เสียเลยไม่ได้ ผู้ที่ต้องการจะพูดและปฏิบัติสัจจะมักจะไม่ได้รับความนิยม และยังจะได้รับคำตำหนิติเตียนจากประชาชนอีกด้วย ข้าพเจ้าถือว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่อันผูกพันของผู้บำเพ็ญสัตยาเคราะห์

เป็นการดีที่จะเห็นตัวเองอย่างที่คนอื่นเห็นเรา จงพยายามทำเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่เคยเห็นตัวเราเองเต็มที่อย่างที่เราเป็นจริง โดยเฉพาะในแง่ร้าย เราจะเห็นตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อเราไม่รู้สึกเคืองผู้ที่วิจารณ์เรา แต่จะยอมรับด้วยความเต็มใจไม่ว่าในสิ่งใดที่เขาจะกล่าว

อย่าไปโทษผู้อื่น จงโทษตัวของท่านเอง แล้วท่านจะมีความสุขอย่างแท้จริง ถ้าท่านจะพยายามโทษผู้อื่น บางทีท่านจะเผานิ้วของท่านเอง

การพ่ายแพ้ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าท้อถอย แต่กลับทำให้ข้าพเจ้ามีความบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้น

คำว่า “พ่ายแพ้” จะต้องไม่ปรากฎอยู่ในพจนานุกรมของข้าพเจ้าเลย ทุกคนที่ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นทหารประจำในกองทัพข้าพเจ้า ย่อมจะแน่ใจได้ว่า ไม่มีการพ่ายแพ้บังเกิดแก่ผู้บำเพ็ญสัตยาเคราะห์

ไม่มีการพ่ายแพ้ในการสารภาพความผิด เพราะการสารภาพนั้นเป็นชัยชนะอยู่ในตัวเองแล้ว

การสารภาพความผิดนั้น เหมือนกับไม้กวาดที่จะกวาดฝุ่นละอองออก และทำให้พื้นสะอาดขึ้นกว่าเก่า

การทำความผิดเป็นของธรรมดา สำหรับมนุษย์และถ้าค้นพบความผิดนั้นแล้ว แก้ไขและตั้งใจว่าจะไม่ทำอีกเป็นซ้ำสอง ก็ยิ่งน่ายกย่องนับถือยิ่งขึ้น

ศรัทธานี้เองที่นำเราฝ่าทะเลมรสุม ศรัทธานี้แหละที่เขยื้อนขุนเขา และศรัทธานี้ด้วยที่พาเรากระโจนข้ามมหาสมุทร ศรัทธานั้นไม่ใช่อื่นไกลเลย นอกจากสติรู้สำนึกที่ตื่นและมีชีวิตของคุณธรรมภายใน ผู้ใดที่เปี่ยมด้วยศรัทธานั้นแล้ว ย่อมไม่ต้องการสิ่งใดอีก

การทำงานโดยไร้ศรัทธา ย่อมเหมือนกับพยายามจะโจนลงสู่ก้นเหวที่ลึกไม่มีที่สิ้นสุด

ศรัทธาเป็นการดำเนินงานของหัวใจ ที่จะมีได้ก็ด้วยเหตุผลเท่านั้น

บุคคลใดที่ไร้ความสันโดษ ยิ่งมีสมบัติครอบครองมากเพียงไร ก็ยิ่งตกเป็นทาสความปรารถนาของตนเพียงนั้น บรรดานักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า คนเป็นได้ทั้งมิตรแลศัตรูของตนเอง การจะเป็นทาสหรือเป็นไท ย่อมอยู่ในกำมือของตนเองเช่นเดียวกัน

ความมุ่งหมายอันเด็ดเดี่ยวของมนุษย์ก็คือ เอาชนะนิสัยเก่าๆ ของตน เอาชนะความชั่วที่มีในตน และคงคืนความดีให้ไปสู่ทางที่ถูก ถ้าศาสนาใดไม่สอนเราให้สำเร็จผลดังกล่าว ศาสนานั้นย่อมไม่สอนอะไรให้แก่เราเลย

พระราชวังอันเรืองรอง ถ้าไร้ผู้อยู่ย่อมดูเหมือนวัตถุสลักหักพังฉันใด คนที่ไร้คุณธรรมก็เป็นฉันนั้น ถึงแม้จะมีสมบัติพัสถานสักเท่าใดก็ตาม

การเล่าเรียนทุกอย่าง จะเป็นการเรียนพระเวท เรียนภาษาสันสกฤต กรีก หรือละติน อย่างถูกต้อง จะไม่ทำให้เรามีอะไรขึ้นมาเลย ถ้าหากว่าการเรียนนั้นๆ ไม่ช่วยทำให้ใจบริสุทธิ์ขึ้น บั้นปลายของความรู้ทุกชนิดควรจะอยู่ที่การสร้างอุปนิสัย

ความรู้ที่ปราศจากคุณธรรม ย่อมเป็นอำนาจที่จะก่อความชั่วเท่านั้น ดังจะเห็นได้ในตัวอย่าง “โจรผู้เฉียบแหลม” และ “สุภาพบุรุษชาติชั่ว” อันมีมากหลายในโลกนี้

คนที่กอปรด้วยคุณธรรม ย่อมสร้างตนเองให้มีค่าขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดๆ

ความใคร่ของมนุษย์เหิรได้เร็วยิ่งกว่าลม จะเอาชนะให้ได้เด็ดขาด ต้องอาศัยความอดทนไม่มีที่สิ้นสุด

การเอาชนะความใคร่ เป็นความพยายามอย่างยิ่งยวดของคนทั้งหญิงและชาย ถ้าผู้ใดเอาชนะความใคร่ไม่ได้ก็ย่อมหวังยากว่าผู้นั้นจะครองตนเองได้

นักรบรักที่จะตาย แต่ต้องตายในสมรภูมิ ไม่ใช่บนเตียงนอน

ถ้าเราไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างเสรีประชาชน เราก็ควรยินดีที่จะตาย

สงครามเพื่ออิสรภาพนั้น ไม่ได้ต่อสู้โดยไม่ต้องเสียอะไรมากมาย ถ้าคนไม่คิดจะมีชีวิตอยู่ในร่างของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตนเองฉันใด ชาติก็ฉันนั้น ย่อมไม่ปรารถนาจะอาศัยอยู่ภายใต้ชาติอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นชาติใหญ่หรือดีน่านับถือสักเพียงไร

หลักการที่ย่อยไว้ไม่ดี ย่อมเลวกว่าอาหารที่ย่อยไม่ดี เพราะว่าอาหารที่ย่อยไม่ดีถึงจะเป็นอันตรายแก่ร่างกายแต่ก็ยังมีทางแก้ แต่หลักที่ย่อยไม่ดีนั้น ย่อมจะทำลายจิตใจให้ย่อยยับ และไม่มีจะแก้ไขด้วย

จงดูน้ำ ถ้ามันอยู่ในสภาพแข็งตัว มันคงอยู่ได้แต่บนดิน จนกว่าเมื่อใดกลายเป็นไอไปแล้ว จึงจะลอยขึ้นสูงไปได้ แต่พอกลายเป็นไอไปแล้ว ก็จะขึ้นสู่ท้องฟ้า และท้ายที่สุดก็รวมตัวเข้าเป็นเมฆ หยาดลงมาเป็นฝน และก่อให้เกิดผลอันอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดิน เราเองก็เหมือนน้ำ เราต้องต่อสู้เพื่อกลั่นตัวเราจนกระทั่งอหัวการในตัวเราหมดไป และสบายตัวกลายเป็นคุณธรรมอันยืนยงแก่คนทั้งปวง

การพนันนั้นเลวยิ่งกว่ากาฬโรค หรือแผ่นดินไหว เพราะมันเป็นเครื่องบั่นทอนจิตใจ และคนที่ปราศจากจิตใจย่อมจะอยู่หนักแผ่นดิน การทำสงครามสู้รบกับการพนันนั้น ไม่ง่ายเท่ากับภัยจากกาฬโรคหรือแผ่นดินไหว เพราะผู้ประสบภัยจากสิ่งทั้งสองนี้ ย่อมร่วมมือกับการต่อสู้ด้วยไม่มากก็น้อย แต่ผู้ประสบภัยจากการพนันกลับจะยินดีต้อนรับและกอดคอกับความทุกข์นั้น

ท่านไม่ควรจะหลงเชื่อในข้ออภิปรายอันยืดยาว ที่ว่าอินเดียไม่ควรจะบังคับในเรื่องเสพสุรา และควรจะให้ความสะดวกแก่ผู้จะต้องการเสพสุรา ที่จริงรัฐไม่ได้เคยจัดหาสิ่งที่จะก่อความชั่วให้แก่ประชาชน เราไม่ได้ให้ความสะดวกแก่ขโมยที่จะไปทำการขโมย ข้าพเจ้าถือการเสพสุราเป็นสิ่งน่าตำหนิร้ายแรงยิ่งกว่าการลักขโมย หรือการโสเภณี

ขโมยจะขโมยได้ก็แต่ทรัพย์สินเงินทอง แต่นักเลงสุราจะขโมยเกียรติยศทั้งของตนและของเพื่อนใกล้เรือนเคียง

ข้าพเจ้าถือว่า การเสพน้ำเมาในอินเดีย เป็นอาชญากรรมร้ายแรงยิ่งกว่าการลักเล็กขโมยน้อย ที่ข้าพเจ้าเห็นคนที่อดๆ อยาก กระทำกัน และก็ได้ถูกฟ้องร้องและลงโทษไปด้วยเหตุนั้น

แอลกอฮอล์จะกระตุ้นประสาทและของเสพติด จะทำให้ความรู้สึกผิดชอบตายด้าน

บริการใดที่ดำเนินไปโดยปราศจากความร่าเริงย่อมไม่ช่วยผู้ใดทั้งผู้ใช้และผู้รับใช้

ถ้าข้าพเจ้าไม่มีอารมณ์ขัน ข้าพเจ้าคงจะต้องฆ่าตัวตายไปเสียนานแล้ว

ทำไมจะต้องกังวลอยู่กับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีใครบ้างที่ตายก่อนความตายจะมาถึง

ข้าพเจ้าเกรงว่าหญิงสาวสมัยใหม่ จะรักที่จะเป็นจูเลียตของโรเมโอตั้งครึ่งโหล หล่อนรักการผจญภัย หล่อนแต่งตัวไม่ใช่เพื่อกันแดด กันลม หรือกันฝน แต่เพื่อให้สะดุดตาคน

อาภรณ์อันแท้จริงของหญิงนั้นอยู่ที่อุปนิสัย และความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่ที่เงินทอง หรือเพชรนิลจินดา ชื่อของผู้หญิงบางคนชื่อนางสีดาหรือนางทมยันตี กลายเป็นชื่อศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะคุณงามความดีอันไร้ราคี ไม่ใช่เครื่องเพชรพลอยที่นางสวมอยู่เลย

ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้บูชาอันเหลวใหลและงมงาย ในสิ่งที่เรียกว่าของโบราณ ข้าพเจ้าไม่พักที่จะทำลายทุกอย่างที่เป็นสิ่งชั่วและผิดศีลธรรม ไม่ว่าจะเป็นของโบราณนานแค่ไหน แต่ถึงจะสงวนไว้เช่นนั้น ข้าพเจ้าก็ยังต้องสารภาพแก่ท่านว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้บูชาขนบประเพณีโบราณ และให้รู้สึกเจ็บใจที่คนซึ่งตื่นของสมัยใหม่ พากันดูถูกประเพณีโบราณ และไม่ไยดีมันเลยในชีวิต

เราชาวตะวันออก มักจะด่วนคิดว่า สิ่งต่างๆ ที่บรรพบุรุษวางไว้ให้เรานั้น ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเรื่องโชคเรื่องลาง แต่ข้าพเจ้าขอสรุปลงด้วยความรอบรู้ในสินทรัพย์อันหาค่ามิได้ของภาคตะวันออกว่า แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องโชคลาง แต่ถ้าเราเข้าใจมันดีพอ และนำมาใช้ให้ถูก มันย่อมจะทำให้เรามีชีวิตจิตใจและมีค่าสูงส่งขึ้น เพราะฉะนั้น ขออย่าให้เราหลงงมงายในความวูบวาบของชาวตะวันตกเลย

แปลจากภาษาอังกฤษ โดย ซ่อนกลิ่น พิเศษสกลกิจ, บรรจบ  พันธุเมธา
ที่มา:สวามี  สัตยานันทปุรี


อ่านตามลำดับหัวข้อต่อ.. ที่...
มหาตมะคานธีผู้นำความสงบสุข
มหาตมะคานธีผู้ประกาศสงครามอิสรภาพ
คานธีกับพายุแห่งสงครามอหิงสา
ผ้าอินเดียกับการต่อสู้กับอังกฤษของคานธี
มหาตมะคานธีประธานสภาคองเกรส
มหาตมะคานธีอดอาหาร
คานธีกับการดำเนินกิจการใหม่
มหาตมะคานธีในเรือนจำ
มหาตมะคานธีท้ารัฐบาล


ที่มา:สวามี  สัตยานันทปุรี
http://www.silpathai.net/category/มหาตมะ-คานธี/