ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิต และ ความตาย เป็นสิ่งคู่กันเสมอ  (อ่าน 1934 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


ใคร ๆ ก็รู้ว่า "ชีวิต และ ความตาย เป็นสิ่งคู่กันเสมอ" ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย แต่ถึงจะรู้ ก็ยังยากที่จะทำใจเมื่อต้องสูญเสียคนที่ตนเองรัก

ความว่างเปล่าเกิดขึ้นเมื่อคนที่เรารักตายจากไป คิดถึงโหยหาเพียงใด ก็ไปเยี่ยมกันไม่ได้ อยากเห็นหน้า อยากคุยด้วย อยากได้ยินเสียง คิดถึงวันเก่า ๆ ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ยิ่งสนิทสนมกันมากเพียงไร ความเศร้าโศกเสียใจก็มีมากเท่านั้น หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยอยากจะทำให้เขาแต่เรายังไม่ได้ทำ ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจที่เราทำให้เขาช้าไป สิ่งที่อยากจะบอกเขาแต่เรายังไม่ได้บอก ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจที่เราบอกเขาช้าไป อยากจะย้อนเวลากลับไปในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ ก็ย้อนกลับไปไม่ได้

ยิ่งถ้าเป็นการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของคนที่เป็นคู่ครองกัน ยิ่งเจ็บปวดมากมายกว่าการจากไปของใคร ๆ เพราะคู่ครองคือคนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดที่สุดทุกวัน และจะยิ่งเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น ถ้าคนที่รายล้อมเรานั้นไม่มีใครรักเราหรือดีกับเราเท่ากับคนที่จากเราไปแล้ว ยิ่งจะทำให้เราเฝ้าแต่คิดถึงคนที่จากเราไป

ชีวิต...ยังต้องเดินหน้าต่อไป
วันหนึ่งข้างหน้า ก็คงเป็นเราที่จะต้องลาโลกนี้เช่นกัน
มีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องโศกเศร้าคิดถึงความรักความผูกพันที่ผ่านมา
หากจะคิดถึงอดีต เราก็ควรคิดถึงอย่างเป็นสุข ไม่ใช่คิดถึงแล้วเศร้า
ถ้าคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา แล้วยิ้มคนเดียวได้ ก็จงคิดถึงต่อไป
แต่ถ้าคิดแล้วเศร้า เราก็ควรจะไม่ต้องคิด
เอาเวลาไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ตัวเองมีอะไรทำยุ่ง ๆ อยู่เสมอ
เพื่อจะได้ไม่มีเวลาว่างพอสำหรับความโศกเศร้าเสียใจ

อย่าปล่อยตัวเองให้จมปลักอยู่กับความทุกข์เมื่อคนที่เรารักตายจากไป
ถ้าเขารู้ว่าเราเศร้า เขาคงไม่ดีใจ
เพราะถ้าเขารักเรา เขาคงอยากให้เรามีความสุข มากกว่าจะจมปลักอยู่กับความทุกข์

ไม่ว่าเราจะเชื่อ.... หรือจะไม่เชื่อก็ตาม แต่เราจะได้พบกับเขาอีกอย่างแน่นอนในภพหน้า
ทุกคนที่เคยมีความสัมพันธ์กัน จะต้องได้พบกันอีก ตราบใดที่ยังไม่ได้ไปนิพพาน

รู้อย่างนี้แล้ว เราจึงควรเตรียมตัวเราให้พร้อม ที่จะได้พบได้เจอสิ่งดี ๆ ในภพหน้า
ด้วยการหมั่นทำความดีที่เป็นบุญกุศลให้ครบทั้งสิบประการ
(ทาน ศีล ภาวนา อ่อนน้อม จิตอาสา อุทิศ อนุโมทนา ฟังธรรม ให้ธรรม และสัมมาทิฏฐิ)

ในขณะที่เรายังไม่ตายนี้ เรายังมีเวลาทำสิ่งดี ๆ ทั้งสิบประการนี้ต่อไป เมื่อทำแล้วก็อุทิศความดีที่เป็นบุญกุศลนี้ให้แก่คนที่ตายจากเราไปแล้ว ขอให้เขาร่วมอนุโมทนาในความดีที่เราทำ

เปลี่ยนความโศกเศร้า เป็นความใส่ใจในคนรอบตัวเราที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำดีกับทุกคนที่ยังไม่ตาย เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียใจว่า เราทำให้เขาช้าไป เราบอกเขาช้าไป

อย่าเอาแต่เฝ้าคิดถึงคนที่จากไปแล้ว ขอให้คิดถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่ให้มากกว่า เพราะอีกไม่นาน เขาก็จะจากเราไปอีกเหมือนกัน หรือเราเองจะเป็นฝ่ายจากเขาไปเสียเอง

ขอบคุณทุกนาทีที่เรายังหายใจได้ ยังมีเวลาเหลือสำหรับทำสิ่งดี ๆ ต่อไปจนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้ายของเรา หากจะคิดถึงคนที่จากเราไปแล้ว ก็ขอให้คิดถึงเพื่ออุทิศบุญกุศลให้เขา และคิดถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่มีความสุข ช่วงเวลาที่นึกถึงแล้วยิ้มได้ อย่าให้ความโศกเศร้าเกาะกินหัวใจ เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเรา หรือต่อใคร ๆ ทั้งนั้น
..
..

Pimahn Panyadee
 ขอให้หลุดพ้นจากความทุกข์อันเกิดจากการสูญเสียคนที่เรารักไป หากเรายังคิดถึงเขาอยู่ เขาก็จะไม่มีวันตายไปจากใจของเรา แต่การคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่ผ่านมาในอดีต จะไม่ทำให้เราเศร้า เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้เป็นความรู้สึกที่สวยงามในยามคิดถึงเขา วันหนึ่งก็จะเป็นเราเองที่ต้องจากโลกนี้ไป ขอให้ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ ทำในสิ่งดี ๆ กับคนรอบข้างไว้เป็นบุญเป็นกุศลต่อไปเรื่อย ๆ ครับ ขออนุโมทนาในความดีที่ทุกท่านกระทำ


Pimahn Panyadee :บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี
15 มิถุนายน 2015
https://www.facebook.com/Pimahn