ผู้เขียน หัวข้อ: ยังดีไม่พอ &ให้กำลังใจตัวเอง  (อ่าน 1106 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
ยังดีไม่พอ &ให้กำลังใจตัวเอง
« เมื่อ: กันยายน 23, 2015, 11:58:46 am »
ยังดีไม่พอ
คนที่รักดี คนที่ใฝ่ดี บางคนคิดว่าตัวเองดีแล้ว ก็จะหยุดอยู่แค่นั้น ไม่ได้พัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก มักจดจำคุณงามความดีของตัวเอง พร่ำพูดถึงสิ่งดี ๆ ที่ตนเองได้กระทำไปแล้วเพื่อให้คนอื่นจดจำความดีของตัวเอง หรือแม้แต่จะคิดว่าคนที่ตนเองได้ทำดีด้วยนั้นเป็นหนี้บุญคุณตนเอง นับวันก็จะยิ่งยึดมั่นถือมั่นในการทำดีที่ผ่านมาแล้วเหมือนเป็นผลงานที่โลกไม่ควรจะลืม หากมีใครไม่ให้ความสำคัญในการทำดีของตัว ก็อาจจะรู้สึกน้อยใจ ผิดหวัง

ถ้าเราเป็นคนยึดมั่นถือมั่นในสิ่งดี ๆ ที่เราได้ทำมาแล้ว คิดว่าใคร ๆ จะต้องจดจำความดีของเรา นั่นแสดงว่า เรายังไม่ดีพอ เพราะการทำดีของเราที่ผ่านมานั้น เรายังคาดหวังสิ่งตอบแทน คาดหวังความสำคัญตนเอง หรือแม้แต่คาดหวังการตอบแทนบุญคุณ ซึ่งถ้าไม่เป็นไปดังความคาดหวัง เราก็จะเกิดทุกข์ แทนที่จะอิ่มใจกับสิ่งดี ๆ ที่เราได้ทำไปแล้ว

การทำดีที่แท้จริงนั้นจะไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ แต่ทำไปด้วยจิตใจเมตตา ผู้กระทำย่อมมีความสุข มีความอิ่มใจ มีความสงบในใจ เพราะใจที่ปรารถนาจะเห็นผู้อื่นเป็นสุขได้นั้น ตนเองย่อมมีความสุขอยู่ในใจแล้ว แม้จะไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ผลที่ได้รับนั้นยิ่งใหญ่มหาศาลเกินกว่าจะคาดเดาได้

เราควรหมั่นทำดีเป็นประจำ พร้อมทั้งสำรวจตนเองว่า เราดีพอแล้วหรือยัง เช่น ถ้าเรายังคิดน้อยใจที่เราทำดีแล้วไม่ได้ดี นั่นแสดงว่าเรายังดีไม่พอ เพราะเราไม่ได้สุขใจในการทำดีของเรา แต่คาดหวังว่าจะต้องได้ดี เป็นต้น คนดีจริง ๆ เขาจะไม่น้อยใจ เพราะเขาทำดีจากใจ และสุขใจจากการกระทำของตนเอง

การทำดี ต้องทำด้วยใจเมตตา แต่ไม่ใช่ถูกล่อหลอกแล้วใจอ่อน จนเกิดผลเสียหายต่อตนเองตามมาในภายหลัง แม้จะทำสิ่งดี ๆ ก็ยังต้องรู้จักคิดว่า เราทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ สมควรหรือไม่ ทำดีถูกที่ ถูกคน ถูกเวลาหรือไม่ ทำแล้วสบายใจหรือไม่ เราจะเดือดร้อนในภายหลังหรือไม่ ถ้าทำแล้วมีกังวลก็ไม่ควรทำ

อย่าเอาเงิน หรือ ชื่อเสียง หรือ ยศฐาบรรดาศักดิ์เป็นเครื่องวัดผลตอบแทนในการทำดี เพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อวิญญาณออกจากร่างแล้ว ก็ไม่สามารถเอาไปด้วยได้ สิ่งที่จะวัดความดีได้นั้น คือ ใจที่สุขสงบ ยิ่งมีกิเลสน้อยเท่าไร ยิ่งเป็นผลแห่งความดีมากเท่านั้น ยิ่งถ้าเราโกรธช้ามาก ๆ จนถึงไม่โกรธใครเลย ยิ่งถ้าเราแทบไม่มีความอยากได้อะไรเลย ยิ่งถ้าเราไม่เคยรู้สึกอิจฉาใครเลย มีแต่ดีใจด้วยกับความสุขของคนอื่น ยิ่งถ้าเราไม่ดูถูกไม่รังเกียจใครเลย มีแต่เมตตาสงสาร นั่นคือเครื่องวัดผลแห่งกรรมดีที่เราได้กระทำสะสมมา

การทำดีแต่ละครั้งช่วยยกระดับจิตใจ ช่วยพัฒนาจิตวิญญาณของเราให้ละเอียดอ่อนมากขึ้น ถ้าเราเป็นคนดีจริง ๆ บุญย่อมคุ้มครองเราทั้งในชาตินี้และในภพชาติต่อ ๆ ไป หากไม่มีกรรมเก่ามาตัดรอน ชีวิตย่อมได้พบได้เจอแต่สิ่งดี ๆ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีความสุขจนกว่าจะได้ไปนิพพาน
..
..
Pimahn Panyadee ได้แชร์โพสต์ของ บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี
ลงในกลุ่ม: บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี
7 ชม. · 9.7.2017

แด่คนที่กำลังมีความทุกข์ เหงา เศร้า กำลังเผชิญปัญหาหนักหนาสาหัสอยู่เพียงลำพัง รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย หาใครเข้าใจไม่มี รู้สึกเหนื่อยและท้อแท้ อยากมีใครสักคนมารับฟังปัญหาและให้คำปลอบใจ
ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญปัญหาใด ๆ หนักหนาสาหัสแค่ไหน กำลังเศร้าใจแค่ไหน ก็ขอให้มีสติ อย่าหุนหันพลันแล่น ต้องมีความอดทน รอคอย กระแสน้ำย่อมมีขึ้นมีลงฉันใด ชีวิตคนเราก็มีขึ้นมีลงเช่นกัน อีกไม่นานก็จะผ่านช่วงเวลาที่ยุ่งยากนี้ไปได้

คนที่เข้าใจเราได้มากที่สุด ดีที่สุด ควรจะเป็นตัวเราเอง
คนที่ให้กำลังใจเราได้มากที่สุด ดีที่สุด ควรจะเป็นตัวเราเอง
หากเราไม่เข้าใจตัวเอง ก็ไม่ควรหวังว่าคนอื่นคนใดจะมาเข้าใจเรา
หากเราให้กำลังใจตัวเองไม่ได้ ต่อให้คนทั้งโลกร่วมให้กำลังใจเรา เราก็ยังท้อแท้ได้อยู่ดี

อย่าโหยหาความรักความเข้าใจจากคนอื่น ซึ่งแท้จริงแล้วเราสามารถให้ความรักให้ความเข้าใจแก่ตัวเราเองได้ มีตัวเองเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลา ยิ่งในยามที่กำลังผิดหวัง กำลังเหงา กำลังเศร้า กำลังท้อแท้ เรายิ่งต้องรู้จักรักตัวเอง เห็นใจตัวเราเอง อย่าซ้ำเติมตัวเองด้วยการไม่คิดทำอะไรให้ดีขึ้น หรือแย่ไปกว่านั้น คิดทำร้ายตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า จนไม่อยากมีชีวิตอยู่

มือ เท้า แขน ขา ปาก จมูก ดวงตาและหูของเรา ทำงานให้เรามาเป็นเวลาหลายปี เราควรรู้สึกขอบคุณและสนใจใยดี หันมารักและเอาใจใส่ดูแลตัวเองให้มากขึ้น ทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ
ยิ่งในยามที่กำลังเจ็บช้ำ เหนื่อยหน่าย ผิดหวัง ท้อแท้ ยิ่งต้องเห็นใจตัวเอง ไม่คิดทำอะไรให้ตัวเราเองแย่ลงไปกว่านี้ ยิ่งถ้าไม่มีใครรัก ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครเห็นใจเรา เรายิ่งต้องรักและเห็นใจตัวเราเองให้มากขึ้น ต้องคิดทำอะไรให้ดีขึ้นให้ได้

ชีวิตย่อมมีความหวังเสมอ แม้ในยามที่รู้สึกมืดมน การคิดในทางบวก และมีความหวังในทางที่ดีขึ้น จะช่วยให้เราไม่ทุกข์ใจมากนัก หากกำลังครุ่นคิด ก็ต้องมีวิธีคิดที่เป็นประโยชน์ โดยคิดว่า ที่เราต้องตกอยู่ในสภาพนี้มีสาเหตุมาจากอะไร เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งที่ผ่านมา อะไรที่ก่อให้เกิดปัญหา ผลที่แย่ที่สุดที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เราต้องกล้าเผชิญ และหวังในสิ่งที่ดีขึ้น ต้องคิดหาหนทางแก้ไข หาทางออกที่ดีที่สุดโดยไม่กลัวความจริงและต้องกล้าเผชิญ ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าความตาย เรายังไม่ควรตายเมื่อยังไม่ถึงเวลา ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ ย่อมมีโอกาสดี ๆ ได้เสมอ แม้วันนี้จะอับจน ไร้ญาติขาดมิตร ขัดสนเงินทอง แต่ถ้าเรามีกำลังใจที่เข้มแข็ง ชีวิตย่อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

ต้องให้กำลังใจตัวเอง ให้มีความอดทน ให้มีใจสงบ เพื่อจะได้มีสติ มีสมาธิ คิดหาหนทางทำอะไรให้ดีขึ้นได้อย่างไม่ประมาท อย่าเสียดายสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว ต้องคิดถึงสิ่งที่ยังมีเหลืออยู่ และใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีเพื่อทำชีวิตให้ดีขึ้นให้ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกำลังใจของเราเอง
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังรู้สึกเหนื่อยหน่ายท้อแท้สิ้นหวัง ขอให้เข้มแข็ง อดทน และมีกำลังใจผ่านช่วงเวลาแห่งความยุ่งยากและเหงาเศร้านี้ไปได้ด้วยดีนะครับ

„ไม่มีใครให้กำลังใจเราได้ดีเท่ากับเราให้กำลังใจตัวเอง“
- พิมาน ปัญญาดี

บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี กับ Pimahn Panyadee
https://www.facebook.com/Pimahn
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 07, 2017, 08:04:51 am โดย ฐิตา »