ผู้เขียน หัวข้อ: "พุทธแท้" บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี  (อ่าน 1901 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ควรร้อนรน ไม่ควรวิตกกังวล หากจะมีสิ่งร้าย ๆ เกิดขึ้นแก่เราหรือแก่ใครก็ตามและเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรไม่ได้ ชาวพุทธแท้ก็จะยอมรับความจริงอย่างมีใจสงบ แต่ถ้ายังพอมีหนทางที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ชาวพุทธแท้ก็จะไม่ลังเลที่จะทำทุกสิ่งให้ดีขึ้น สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ใครทำอะไรไม่ดีไว้ บาปนั้นย่อมติดตามไปทุกภพทุกชาติ เราจึงควรกระทำแต่ความดีเพื่อจะได้ไม่มีบาปติดตัวไป บาปที่ติดตัวไปนั้นส่งผลให้ชีวิตคนเราเกิดมาแตกต่างกันตามบุญบาปที่เราได้กระทำไว้เอง

"พุทธแท้"
บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี

คำว่า "พุทธ" มีความหมายว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน การเป็นชาวพุทธที่แท้จริงนั้น ต้องเป็นผู้รู้ในธรรม ตื่นจากความงมงาย มีจิตใจเบิกบานไม่จมปลักอยู่กับความทุกข์และสิ่งที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง

การเป็นชาวพุทธ ไม่ควรจะเป็นแต่เพียงการมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านว่านับถือศาสนาพุทธ แต่ควรเป็นผู้ที่เข้าใจหลักธรรมของพุทธศาสนาที่สอนให้เราพ้นทุกข์ รู้จักยอมรับและเข้าใจความจริงของชีวิต

ชาวพุทธต้องรู้ว่าธรรมชาติของชีวิตนั้นมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย การจะเกิดกับใคร จะเกิดที่ไหน จะเกิดอย่างไร เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่แต่ละคนเคยมีต่อกันและผูกพันกันมา การจะมีชีวิตอยู่นานแค่ไหน จะอยู่อย่างไร จะตายอย่างไร ก็เป็นเรื่องของชะตาชีวิตที่เป็นไปตามกฏแห่งกรรมที่แต่ละคนได้กระทำไว้เอง

ชาวพุทธต้องรู้ว่าธรรมชาติของจิตใจมนุษย์นั้นมีกิเลส มีอารมณ์และความรู้สึก แต่ละคนมีความอยากได้ใคร่มี มีความอิจฉาริษยา มีความอยากเด่นอยากดัง มีราคะ มีโทสะ มีความวิตกกังวล มีความฟุ้งซ่าน ฯลฯ การเป็นชาวพุทธต้องรู้เท่าทันตนเอง ต้องไม่ถูกกิเลสครอบงำจนเผลอสติกระทำความชั่ว ต้องเตือนสติตนเองได้ ควบคุมยับยั้งอารมณ์ตนเองได้ เมื่อรู้ทันตนเอง ก็จะรู้ทันคนอื่น เมื่อเห็นคนอื่นถูกกิเลสครอบงำ หรือตกเป็นทาสอารมณ์ตนเอง ชาวพุทธจะไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดอันใด ใครทำอะไรก็ย่อมจะได้รับผลจากการกระทำของตนเสมอ

ชาวพุทธแท้จะอยู่ในโลกนี้อย่างมีใจสงบ ไม่ร้อนรนไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะชาวพุทธแท้ย่อมมีศรัทธาในการทำดี ทำดีที่สุดต่อตนเองและต่อผู้อื่น ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น ชาวพุทธแท้จะสามารถยอมรับความจริง ยอมรับในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีสิ่งใดที่ตนเองสามารถทำให้ดีกว่าเดิมได้ ชาวพุทธแท้จะลงมือทำ

ชาวพุทธแท้จะเป็นคนมีเหตุผล ไม่เชื่ออะไรอย่างงมงาย ไม่หวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ แต่จะลงมือทำในส่ิงที่ตนเองทำได้เป็นขั้นเป็นตอนไป มีการพัฒนาขึ้นไปตามลำดับ ไม่ได้รอโชคช่วย แต่จะลงมือกระทำด้วยตนเองเท่าที่สามารถทำได้ และยินดีแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นด้วยเช่นกัน ชาวพุทธแท้จะพึ่งพาตนเอง ไม่พึ่งพาเครื่องรางของขลังหรือไสยศาสตร์ เพราะชาวพุทธแท้มีศรัทธาในกฏแห่งกรรม หากเราทำกรรมดี เราย่อมได้รับผลดี กรรมดีย่อมเป็นเกราะคุ้มครองเราได้ดีกว่าเครื่องรางของขลังใด ๆ

ชาวพุทธแท้จะต้องเป็นคนมีเมตตา ไม่ตั้งข้อรังเกียจคนในศาสนาอื่น เพราะหลักธรรมของพุทธสอนให้เราไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่อวดดื้อถือดี มีแต่จะต้องปล่อยวาง ลด ละ เลิกกิเลสทั้งหลายทั้งปวง ต้องมีสติ มีใจสงบ

โลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลาย มีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป เป็นเช่นนี้มานานและจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเวียนว่ายตายเกิด ยังคงมีกิเลส มีความโลภ มีโทสะ มีความอาฆาตพยาบาท แก่งแย่งชิงดีกัน มีสงครามอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งในบ้าน บนท้องถนน ในสถานที่ทำงาน ในตลาด ฯลฯ มักจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้ง หาเรื่อง โจมตี ทำร้ายกันอยู่เสมอ เพราะต่างคนต่างมีกิเลส ต่างคนต่างเห็นแก่ตัว ต่างคนต่างมีโทสะ มีความอาฆาตพยาบาท ชีวิตจึงเวียนว่ายตายเกิดเป็นศัตรูกันไปไม่รู้จักจบจักสิ้น ส่วนคนที่มีน้ำใจต่อกัน รักใคร่ใยดีกัน ชีวิตก็เวียนว่ายตายเกิดมาเกื้อกูลกันตลอดไป

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ควรร้อนรน ไม่ควรวิตกกังวล หากจะมีสิ่งร้าย ๆ เกิดขึ้นแก่เราหรือแก่ใครก็ตามและเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรไม่ได้ ชาวพุทธแท้ก็จะยอมรับความจริงอย่างมีใจสงบ แต่ถ้ายังพอมีหนทางที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ชาวพุทธแท้ก็จะไม่ลังเลที่จะทำทุกสิ่งให้ดีขึ้น สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ใครทำอะไรไม่ดีไว้ บาปนั้นย่อมติดตามไปทุกภพทุกชาติ เราจึงควรกระทำแต่ความดีเพื่อจะได้ไม่มีบาปติดตัวไป บาปที่ติดตัวไปนั้นส่งผลให้ชีวิตคนเราเกิดมาแตกต่างกันตามบุญบาปที่เราได้กระทำไว้เอง
..
..

Pimahn Panyadee
จากจำนวนชาวพุทธในประเทศไทย ประมาณ 63,625,915 คน หากมีเพียง 1% ที่เป็นพุทธแท้ ก็จะมีจำนวนประมาณ 630,625 คน ซึ่งเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เข้าใจในสัจธรรม รู้ความเป็นไปของชีวิตและกฏแห่งกรรม รู้จักควบคุมสติอารมณ์ตนเองให้ประพฤติปฏิบัติตนแต่ในสิ่งที่ถูกที่ควร

แม้แต่คนที่ไม่ได้นับถือพุทธ แต่ก็มีคุณสมบัติเป็นพุทธแท้ได้ หากเป็นผู้มีสติอยู่เสมอ เป็นผู้ที่ไม่งมงาย เป็นผู้ที่เข้าใจในกฏแห่งธรรมชาติของชีวิตและความเป็นไปของโลก เป็นผู้ที่ไม่เบียดเบียนใคร ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ก็เป็นผู้มีคุณสมบัติของพุทธแท้โดยไม่ต้องนับถือศาสนาพุทธ เพราะหลักธรรมเป็นสิ่งสากล เป็นจริงกับมนุษย์ทุกรูปทุกนาม สัจธรรมเป็นความจริงที่ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ คนทำดี ย่อมได้รับผลดี หากยังไม่ได้รับผลดี เพราะกรรมดียังไม่ถึงคิวที่จะส่งผล เนื่องจากยังเสวยกรรมเก่าอยู่ และการทำดีก็ต้องทำให้ถูกที่ถูกคนถูกเวลาจึงจะเกิดผลดี ถ้าทำดีผิดที่ผิดคนผิดเวลาก็ย่อมไม่ได้รับผลดี

ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เราจะรู้ว่า ยุคนี้ไม่ได้เลวร้ายไปกว่ายุคก่อน คนชั่วก็ยังมีเหมือนเดิม คนดีก็ยังมีเหมือนเดิม แต่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้ากว่าสมัยก่อน ทำให้เราได้รับรู้ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว แต่ก่อนนี้มีการจับคนมาเป็นทาส มีการเจาะร้อยหวายที่ข้อเท้าเพื่อไม่ให้ทาสหรือเชลยหนี มีการกดขี่ใช้แรงงานอย่างเหี้ยมโหดทารุณ มีการลงโทษด้วยการตอกเล็บ บีบขมับ เสียบของมีคมเข้าทางทวารหนัก มีการเผาทั้งเป็น มีการอ้างเอาศาสนาบังหน้าเป็นเครื่องมือของการเมืองการปกครองแต่คนในศาสนาทำชั่วเองโดยไม่มีใครเอาผิดได้ มีการเอารัดเอาเปรียบ มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สิ่งเหล่านี้มีมานานแล้ว สงครามก็มีมานานแล้ว ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลส ยังมีความอาฆาตพยาบาท เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ก็ยังจองเวรจองกรรมจองล้างจองผลาญกันต่อไปไม่รู้จบครับ


Pimahn Panyadee :บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี
17.11.2015
https://www.facebook.com/Pimahn