ผู้เขียน หัวข้อ: ภูมิต้านทานความทุกข์ & กำลังใจ  (อ่าน 1900 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


ภูมิต้านทานความทุกข์
บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี

สุขภาพร่างกายแข็งแรงย่อมมีภูมิต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพจิตใจหนักแน่นเข้มแข็งย่อมมีภูมิต้านทานความทุกข์
การสร้างภูมิต้านทานความทุกข์นั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าความทุกข์เกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง:

1. ความทุกข์เกิดขึ้นจากการมองเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น บางคนเห็นภาพบาดตาบาดใจแล้วเกิดทุกข์ ทนดูไม่ได้ เกิดโทสะ หงุดหงิด อารมณ์เสีย หรือถึงกับคลุ้มคลั่งไปเลยก็มี บางคนเห็นภาพที่น่าเวทนาแล้วเกิดทุกข์ด้วยความสงสาร บางคนเห็นสิ่งที่ตนเองขยะแขยงแล้วเกิดทุกข์ด้วยความเกลียดกลัว เป็นต้น

2. ความทุกข์เกิดขึ้นจากการได้ยินสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน บางคนได้ยินคำพูดติฉินนินทาแล้วเกิดทุกข์ รู้สึกโกรธ ไม่พอใจ หรือเสียใจที่ถูกติฉินนินทา บางคนรำคาญเสียงคนขี้บ่น บางคนหงุดหงิดกับเสียงกระซิบกระซาบ บางคนรำคาญเสียงเด็กร้องไห้งอแง เป็นต้น

3. ความทุกข์เกิดขึ้นจากการได้กลิ่นสิ่งที่ไม่อยากได้กลิ่น บางคนเกลียดกลิ่นน้ำหอมบางกลิ่น บางคนเกลียดกลิ่นตัวของคนบางคน บางคนหงุดหงิดกับกลิ่นปากของคนบางคน บางคนแพ้กลิ่นบางอย่างเกิดอาการคลื่นไส้ เวียนหัว ปวดศีรษะ เป็นต้น

4. ความทุกข์เกิดขึ้นจากการได้ลิ้มรสชาติที่ไม่อยากได้ลิ้มรส เด็กส่วนมากมักจะเกลียดและกลัวการกินยา บางคนไม่ชอบกินแกงขี้เหล็กแต่ต้องกินเพราะไม่มีอาหารอื่น บางคนเกลียดการกินผัก เมื่อถูกบังคับให้กินก็รู้สึกผะอืดผะอมไม่อยากกิน เป็นต้น

5. ความทุกข์เกิดขึ้นจากความเจ็บปวด ร้อน หนาว ทางกาย ซึ่งทุกข์ทางกายนี้ในคนปกติจะมีทุกข์เหมือนกันหมด เช่น เมื่อบาดเจ็บเลือดไหลเกิดทุกข์เพราะความเจ็บปวด เมื่อถูกไฟไหม้พุพอง เมื่อต้องเดินฝ่าความหนาวเย็น เป็นต้น

6. ความทุกข์เกิดขึ้นจากกิเลสในใจตนเอง เช่น ความโกรธ ความโลภ ความหลงงมงาย ความฟุ้งซ่าน ความวิตกกังวล ความอิจฉาริษยา ความอาฆาตพยาบาท ความหวาดระแวง เจ้าคิดเจ้าแค้น การคิดเอาเอง การมองโลกในแง่ร้าย การคิดอะไรในทางลบ เป็นต้น

การเกิดทุกข์ทางกายภาพเท่านั้นที่เป็นทุกข์จริง เช่น การมองแสงที่สว่างมากเกินไป ทำให้ดวงตาได้รับบาดเจ็บได้ การได้ยินเสียงดังเกินไป ทำให้ประสาทหูได้รับความกระทบกระเทือนได้ การหายใจหรือการได้กลิ่นที่ไม่พึงปรารถนา อาจทำให้คลื่นไส้ เวียนศีรษะ หรือหายใจไม่ออกถึงตายได้ การลิ้มรส ถ้าเป็นพิษ หรือแพ้อาหาร ก็อาจทำให้เจ็บป่วย หรือถึงตายได้ ทุกข์เพราะความหิว ทุกข์เพราะความง่วง ทุกข์เพราะความร้อน ทุกข์เพราะความหนาว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เราสามารถป้องกันล่วงหน้าได้ด้วยการเตรียมตัวให้ดี หรือ ระมัดระวังตนเองเป็นอย่างดี โรคภัยไข้เจ็บทางกายบางอย่าง สามารถรับวัคซีนป้องกันโรคได้

ทุกข์ทางใจ หรือ ทุกข์เพราะอารมณ์ ไม่ใช่ทุกข์จริง เป็นทุกข์ที่เกิดจากการปรุงแต่งอารมณ์ของเราเอง อารมณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการมองเห็น จากการได้ยินได้ฟัง แล้วเกิดเป็นความรู้สึกหดหู่ เกิดความเวทนาสงสาร เกิดความหวาดกลัว เกิดความหวาดระแวง เกิดความวิตกกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน เกิดความโกรธ เกิดการบันดาลโทสะ เกิดความอาฆาตพยาบาท เกิดความอิจฉาริษยา เกิดความโลภ สิ่งเหล่านี้อยู่ที่ใจเราปรุงแต่งไปเองทั้งสิ้น

สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน ในเหตุการณ์เดียวกัน แต่ละคนมีการปรุงแต่งอารมณ์ต่างกัน เช่น เมื่อเห็นสัตว์ถูกทำร้ายบาดเจ็บ บางคนรู้สึกสนุก สะใจกับการล่า บางคนรู้สึกเวทนาสงสาร

เมื่อได้ยินคำพูดวิจารณ์ตนเองอย่างไร้สาระ บางคนรู้สึกเดือดดาล บางคนรู้สึกรำคาญ บางคนไม่รู้สึกอะไรเลย ปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดาย ไม่สนใจจะเก็บมาคิด ไม่สนใจจะเสียเวลาฟัง

เมื่อเห็นคู่ของตนพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจคนอื่น บางคนทนไม่ไหวถึงกับทำร้ายคู่ของตน บางคนทำร้ายผู้ที่ถูกเอาใจ บางคนร้องไห้เสียใจ บางคนเย็นชาและรังเกียจพฤติกรรมของคู่ครอง เป็นต้น

เราสามารถสร้างภูมิต้านทานทุกข์ทางใจได้ ด้วยการฝึกควบคุมสติอารมณ์ ฝึกวิธีคิดให้ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ฝึกวิธีการรับรู้ทางหูและตาให้เป็นการรับข้อมูลเท่านั้น แต่ไม่เอามาเป็นอารมณ์ การรับรู้ข้อมูล คือ รู้ว่าใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไรอย่างไร แต่ไม่ต้องปรุงแต่งอารมณ์และความรู้สึกว่า ชอบ ชัง โกรธ เกลียด กลัว ดีใจ เสียใจ สงสาร สะใจ อยากได้ ฯลฯ ฝึกการใช้ความคิดวิเคราะห์กับสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน ใช้ปัญญาพิจารณาว่า สิ่งที่ได้เห็นนี้ หรือได้ยินนี้ เราควรจะทำอย่างไร เราทำได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องปล่อยผ่านไป

การฝึกให้เป็นคนมีสติ ใช้ความคิด ไม่ใช้อารมณ์ จะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่น จิตนิ่ง จิตสงบ ไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยิน เป็นภูมิต้านทานความทุกข์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็จะมีใจสงบอยู่เสมอ ทำให้เป็นผู้มีปัญญา สามารถคิดแก้ไขปัญหา คิดรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างฉลาด จะไม่มีอะไรทำให้เกิดทุกข์ใจได้เลย

บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี กับ Nantapat Panyadee
8.1.2559 เวลา 7:48 น.
..
..
Pimahn Panyadee :บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี
8.1.2559 เวลา 8:00 น.
https://www.facebook.com/Pimahn

Pimahn Panyadee ได้แชร์โพสต์ของ บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี
ลงในกลุ่ม: บ้านนักเขียน พิมาน ปัญญาดี
7 กันยายน 2017 เวลา 0:46 น. ·

แด่คนที่กำลังมีความทุกข์ เหงา เศร้า กำลังเผชิญปัญหาหนักหนาสาหัสอยู่เพียงลำพัง รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย หาใครเข้าใจไม่มี รู้สึกเหนื่อยและท้อแท้ อยากมีใครสักคนมารับฟังปัญหาและให้คำปลอบใจ
ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญปัญหาใด ๆ หนักหนาสาหัสแค่ไหน กำลังเศร้าใจแค่ไหน ก็ขอให้มีสติ อย่าหุนหันพลันแล่น ต้องมีความอดทน รอคอย กระแสน้ำย่อมมีขึ้นมีลงฉันใด ชีวิตคนเราก็มีขึ้นมีลงเช่นกัน อีกไม่นานก็จะผ่านช่วงเวลาที่ยุ่งยากนี้ไปได้

คนที่เข้าใจเราได้มากที่สุด ดีที่สุด ควรจะเป็นตัวเราเอง
คนที่ให้กำลังใจเราได้มากที่สุด ดีที่สุด ควรจะเป็นตัวเราเอง
หากเราไม่เข้าใจตัวเอง ก็ไม่ควรหวังว่าคนอื่นคนใดจะมาเข้าใจเรา
หากเราให้กำลังใจตัวเองไม่ได้ ต่อให้คนทั้งโลกร่วมให้กำลังใจเรา เราก็ยังท้อแท้ได้อยู่ดี
อย่าโหยหาความรักความเข้าใจจากคนอื่น ซึ่งแท้จริงแล้วเราสามารถให้ความรักให้ความเข้าใจแก่ตัวเราเองได้ มีตัวเองเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลา ยิ่งในยามที่กำลังผิดหวัง กำลังเหงา กำลังเศร้า กำลังท้อแท้ เรายิ่งต้องรู้จักรักตัวเอง เห็นใจตัวเราเอง อย่าซ้ำเติมตัวเองด้วยการไม่คิดทำอะไรให้ดีขึ้น หรือแย่ไปกว่านั้น คิดทำร้ายตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า จนไม่อยากมีชีวิตอยู่

มือ เท้า แขน ขา ปาก จมูก ดวงตาและหูของเรา ทำงานให้เรามาเป็นเวลาหลายปี เราควรรู้สึกขอบคุณและสนใจใยดี หันมารักและเอาใจใส่ดูแลตัวเองให้มากขึ้น ทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ
ยิ่งในยามที่กำลังเจ็บช้ำ เหนื่อยหน่าย ผิดหวัง ท้อแท้ ยิ่งต้องเห็นใจตัวเอง ไม่คิดทำอะไรให้ตัวเราเองแย่ลงไปกว่านี้ ยิ่งถ้าไม่มีใครรัก ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครเห็นใจเรา เรายิ่งต้องรักและเห็นใจตัวเราเองให้มากขึ้น ต้องคิดทำอะไรให้ดีขึ้นให้ได้

ชีวิตย่อมมีความหวังเสมอ แม้ในยามที่รู้สึกมืดมน การคิดในทางบวก และมีความหวังในทางที่ดีขึ้น จะช่วยให้เราไม่ทุกข์ใจมากนัก หากกำลังครุ่นคิด ก็ต้องมีวิธีคิดที่เป็นประโยชน์ โดยคิดว่า ที่เราต้องตกอยู่ในสภาพนี้มีสาเหตุมาจากอะไร เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งที่ผ่านมา อะไรที่ก่อให้เกิดปัญหา ผลที่แย่ที่สุดที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เราต้องกล้าเผชิญ และหวังในสิ่งที่ดีขึ้น ต้องคิดหาหนทางแก้ไข หาทางออกที่ดีที่สุดโดยไม่กลัวความจริงและต้องกล้าเผชิญ ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าความตาย เรายังไม่ควรตายเมื่อยังไม่ถึงเวลา ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ ย่อมมีโอกาสดี ๆ ได้เสมอ แม้วันนี้จะอับจน ไร้ญาติขาดมิตร ขัดสนเงินทอง แต่ถ้าเรามีกำลังใจที่เข้มแข็ง ชีวิตย่อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

ต้องให้กำลังใจตัวเอง ให้มีความอดทน ให้มีใจสงบ เพื่อจะได้มีสติ มีสมาธิ คิดหาหนทางทำอะไรให้ดีขึ้นได้อย่างไม่ประมาท อย่าเสียดายสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว ต้องคิดถึงสิ่งที่ยังมีเหลืออยู่ และใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีเพื่อทำชีวิตให้ดีขึ้นให้ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกำลังใจของเราเอง
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังรู้สึกเหนื่อยหน่ายท้อแท้สิ้นหวัง ขอให้เข้มแข็ง อดทน และมีกำลังใจผ่านช่วงเวลาแห่งความยุ่งยากและเหงาเศร้านี้ไปได้ด้วยดีนะครับ
„ไม่มีใครให้กำลังใจเราได้ดีเท่ากับเราให้กำลังใจตัวเอง“ - พิมาน ปัญญาดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 19, 2017, 01:53:05 pm โดย ฐิตา »