Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ธรรมะสวัสดิ์ 1/2/17
ศาสนาพุทธสี่มิติ
พุทธเจ้าตรัสว่า
"ธรรมะที่เราค้นพบ และบอกให้ เป็นไปเพื่ออนุเคราะห์สามโลก"
1.สังขารโลก
คือ กายกว้างศอก ยาววา มีสัญญาและใจครอง
ให้พ้นมายา อารมณ์ทุกข์ สุข ด้วยการ ปลุกสัมมาสตโพธิปัญญาตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง ล้างขยะปรุงแต่ง พ้น ทุกข์นี้ด้วยการ
ละอุปาทาน ทั้งอาสวะ สาสวะ จนชีวิต สงบ ร่มเย็น มีแสงส่องทาง
2.สัตว์โลก
คือสังคม ที่ประกอบด้วย ชีวิตที่มี
กรรม วิบาก วาสนา ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาต่างกัน
ต้องมี"ธรรมบาล" คุ้มครอง
"หิตายะสุขายะ" เราทำให้ชีวิตอื่นเป็นสุข เราก็รับอนิสงค์สุขนั้นด้วย
ธรรมบาล มีสามคู่ ที่ต้อง อบรม สั่งสอน ให้สังคม ทำให้แก่กัน
-บุพการี-กตัญญูกตเวที
-หิริ-โอตัปปะ
-มงคลชีวิต-ทักษิณาทาน
สังคมใด้มีบุคคล ที่เจริญในธรรม สามคู่นี้มาก
สังคมนั้นก็จะเป็นสุข สงบ ร่มเย็นมาก
3.โอกาสโลก
โลกอันว่าลอยอยู่ในอวากาศ
เป็นบ้าน เป็นที่อาศัย เป็นที่มาของอาหาร
เป็นแผ่นดิน แห่งการเจริญธรรม
ยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรมภูมิปัญญา พ้นจาก ห้วงน้ำอันข้ามยาก
ไม่เข้าใจ ก็ไม่พึงทำลายล้าง
................................................
4.ศาสนา ที่จะดำรงค์อยู่ ด้วยมีการ"สืบพระศาสนา"
ด้วย พุทธบริษัทสี่ ยินดี ในธรรม เจริญธรรม
และไม่แสวงหา มงคลตื่นข่าว สาธุ
.....................................................
สาธุ ขอบคุณเจ้าของภาพ อาจารย์ และผุ้เข้ามาอ่าน
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
คนเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกตั้งใจพัฒนาตนได้
จะพัฒนา ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สูง...จะพ้นอุปาทานทุกข์
หรือ จะพัฒนาถอยหลัง กลับไปเป็นเดียรัจฉาน
อยู่ที่..."ตัวเราเอง" สาธุ อาเมน
(ขอบคุณเจ้าของภาพ)
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
ธรรมะสวัสดิ์ 31-1-17
ยกขึ้นมาอีกรอบ ครับผม
ทำไมมนุษย์จึงแตกต่างกัน
เพราะ...
อุตุ กรรม อาหาร..ธาตุ และธรรมะ
มาเป็นหลักคิดพัฒนาชีวิตตนเอง..
/-ตอบ แบบวิชาพุทธ
เพราะ อุตุ กรรม อาหาร ธาตุ การใช้หลักธรรม มาเป็นหลักคิดพัฒนาชีวิตต่างกัน
1.อุตุ.....ดินฟ้าอากาศ ที่แตกต่าง หรือ"สิ่งแวดล้อม"
2.กรรม.....ถ้าเชื่่อกรรม ชาติก่อน ก็อธิบาย อีกแบบ
-กรรมปัจจุบัน มีสี่
"กรรมจากผู้ให้กำเนิด"......ที่ทำไว้มีผล ต่อลูกด้วย
เลี้ยงลูกแบบโอ๋มาก ทอดทิ้ง ปล่อยอยู่กับสิ่งแวดล้อมเลวๆ
หรือ ทำตัวเป็นแม่แบบอย่างไร?
"กรรมพันธุ์".......................มีผลต่อ รูปร่าง หน้าตา โรคประจำตัว อายุขัยด้วย
"สิ่งแวดล้อม"....................มีผล ทั้งดินฟ้าอากาศ มลภาวะ วัฒนธรรม กระแสสังคม
"เจตน์จำนงค์"...................อยู่ที่การ คิด สร้างอารมณ์ บุคลิก ตัดสินใจ เป็นอย่างไร?
อะไรที่ชอบทำซ้ำซาก จะกลายเป็นบุคลิกถาวร และ ทำให้ มนุษย์ต่างกัน
(วิทยาศาสตร์ บอกว่า กรรมพันธุ์ กับสิ่งแวดล้อม เท่านั้น)
3.อาหาร เครื่องค้ำจุนชีวิต
-อาหารที่เป็นปัจจัยสี่ และเครื่องอำนวยความสะดวก เครื่องต่อความสามรถ
-อาหาร ที่เป็นสัมผัส ทำให้เกิดการเรียนรู้ จากสิ่งที่รับเข้ามา
-อาหารคือ อุดมการณ์แห่งชีวิต ที่ตั้งเป้าหมายและไล่จับ
-อาหารคือความรู้
....ความรู้ที่เก็บจาก ตัวอย่างข้างนอก ที่เราชอบ เชื่่อ
....ความรู้ ที่วัฒนธรรม สังคมที่เราอยู่ ดองให้
...ความรู้ที่เป็น สัญชาติญาณ แรงขับ ความทยานอยากในชีวิต
4.ธาตุ
ธาตุที่เป็นองค์ประกอบชีวิต ต่างกัน
ธาตุเบื้องต้น ธาตุที่ประกอบเป็นจิต
-ธาตุต่างกัน.........อินทรีย์ อวัยวะ มีความสามรถไม่เท่ากัน
-อินทรีย์ต่าง.........การเรียนรู้จึงต่าง อัธยาศัยจึงต่าง
-กิเลส กรรม วิบาก......ที่ทำมา จึงไม่เท่ากัน ชีวิตจึงต่าง
5.ธรรมะที่เอามาเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติ
ทำให้ การยกระดับชีวิต ต่างกัน
มนุษย์มีภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาต่างกัน
แต่พัฒนาได้ เกิดจาก
-ใช้สัมมาทิฎฐิ(ทฤษฎี ปรัชญาชีวิตที่เหมาะสม)
-พบมิตรที่ดี มิตรอุปการะ มิตร ที่นำไปพบกุศลธรรม อริยะธรรมหรือไม่
-มีศรัทธา ในตัวอย่างชีวิตแบบไหน ก็จะพอใจ เดินทางสู่เป้าหมายนั้น
-มีวิริยะ ความขยันหมั่นเพียร อดทน ฝึกฝนทักษะดีๆ ให้แก่ตน แค่ไหน
-สมาธิ ความตั้งมั่น ของจิต ไม่เท่ากัน ฝึกฝนมาไหม?
-สติปัญญา ไม่เท่ากัน
-ใช้ทฤษฎี หรือปรัชญา ดำรงชีวิต ไม่เหมือนกัน
...จิตนิยม
...วัตถุนิยม
...สังคมนิยม
...อำนาจนิยม
...บริโภคนิยม
....ผลประโยชน์นิยม
....ประจักษ์นิยม
....ธรรมชาตินิยม
....อนุรักษ์นิยม
...สติปัญญา เคารพ กุศลธรรมนิยม
....ขวางโลกนิยม..อิๆ
ฯลฯ
-มีความประมาทในธรรมชาติไม่เท่ากัน
-มีการใคร่ครวญอย่างรอบคอบ ประกอบให้พอดีไม่เท่ากัน
....................
//-ดังนั้น ดินฟ้าอากาศ
-กรรม หรือเจตนา นั่นคือกรรม
-สิ่งค้ำจุนชีวิต หรือ อาหาร
-ธาตุทั้งวัตถุธาตุ และธาตุแห่งคุณภาพจิต
-หลักคิด หรือธรรมะ มาทำให้เกิด ความตั้งใจพัฒนา ชีวิต แต่ละคน
จึงมีผลให้ เรา ท่าน ต่างกัน
ถ้าเราเห็นว่า ความหลากหลายคือความงดงาม ควรเอื้อเฟื้อ
เราก็อยู่
อยู่ร่วม....อยู่รอด
แข่งขัน....แบ่งปัน
อยู่กับระบบชีวาลัย อันบอบบางนี้ได้
...กัดกันก็พอมันเขี้ยวก็พอ อิๆ...เพราะเราคือนักล่าโดยกำเนิด อิๆ บาย
...............
1.อุตุ(ดินฟ้าอากาศ)
2.กรรม (เจตนา)
3.อาหาร(การบริโภค)
4.ธาตุ(องค์ประกอบ กายและจิตวิญญาณ)
5.ธรรมะ ที่มาเป็นหลักคิดพัฒนาชีวิตตนเอง.
มีผลต่อชีวิตเราแต่ละคน..ต้องเลือกธรรมะที่เป็นมงคล มาปรุงแต่งชีวิตเราเอง สาธุ
เล่าให้ฟังแต่อย่างเชื่อ โดยไม่ใคร่ครวญอย่างรอบคอบ สาธุ
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
เรียนธรรมะ ปฏิบัติธรรม วัดผลตอน ถูกด่า ถูกยอนี่แหละ
(หลวงพ่อ ปัญญานันทะภิกขุ)
.......................................
//-ตัวชี้วัด การปฏิบัติธรรม
ผัสสะโลกธรรม.........................ด้วยสติกุมสภาพจิต แล้วไม่หวั่นไหว
จิตเบิกบานไร้กิเลส ...................แผ้วพานนั่น
จิตมั่นคง โปร่งใส มีคุณภาพ.........ทุกผัสสะกัน
ใครทำได้อย่างนี้แล้วนั้น .............คือบรมโชคดีเอยฯ..
9 Oct 2O15
"เจ้าเกิดมา ..............มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา ................แต่ สุข สนุก ไฉน
เจ้ามา ตัวเปล่า .........แล้วเจ้า จะเอาอะไร
เจ้า ก็ไป ตัวเปล่า ......ดั่งเจ้ามา"
จำมาจาก สวนโมกข์
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
//ไม่ว่า วาน วัน.......................นี้ พรุ่งนี้
มีอยู่
พวกเรา.....................................พึงหรรษา
เกษมสันต์
ดื่มบรมสุข.................................ทุกขณะ
หายใจกัน
เพราะ โลกนั้น.............................ย่อมเป็น
ดังเจ้า(โลก)เป็นฯ
---------------------------------------
ตามใจฉัน-5
ชีวิต........................................เฉกเช่น
บทเพลง
บรรเลง...................................ลีลา
หลากหลาย
แสดง กำกับ.............................ตัดสิน
วางวาย
เหลือไว้....................................คำรำพัน
ล้านวจีฯ
...........................................................................................
ชีวิตสั้นนัก...............................สหายเอ๋ย
อย่าละเลย...............................ทำสิ่งที่ตนหวัง
เพียงแต่ ตนท่าน......................ไม่เดือดร้อนเพราะเราทำ
ด้วย เวลา กรรม มัจจุราช.........ไม่เคยคอยใครฯ(โอมาร์คัยยัม)
..
..
"ธรรมชาติ..............บ่แม่นแท้
ของใคร
ดิน น้ำ ลม ไฟ..........เจตนา กรรม ธรรม
ช่วยสร้าง
บ่เข้าใจ...................บ่ควร
ทำลายล้าง
ทั้ง บ่พึง..................แอบอ้าง
เป็น ตน ของตนฯ
(จาก1000นิทานปู่ลิง)
-------------------------------
/-โลก...............โล กะ แปลว่า
แตก
แต่ ถ้าฉัน...........ชะลอโลก
แตกช้าลง...........ในแสนล้านวินาที
ฉันก็จะทำฯ
จาก(1000นิทานปู่ลิง)
..
..
คนเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกตั้งใจพัฒนาตนได้
จะพัฒนา ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สูง...จะพ้นอุปาทานทุกข์
หรือ จะพัฒนาถอยหลัง กลับไปเป็นเดียรัจฉาน
อยู่ที่..."ตัวเราเอง" สาธุ อาเมน
..
..
วันนี้ คือวันสำคัญที่สุด
เมื่อวาน ใช้ไปแล้ว
พรุ่งนี้ เราอาจไม่มีโอกาสใช้
Today, the most important
Yesterday is gone
Tomorrow may not be used
..
..
"แม่น้ำคด แต่น้ำไม่คด"(สวนโมกข์)
1.สังขารปรุงแต่ง เป็นอธิจิต มี
ผิด....................ถูก
ดี.......................ชั่ว
ชอบ..................ชัง
ทุกข์..................สุข
2.แต่ โพธิจิต สงบ สะอาด สว่าง เย็น เช่นนั้นเอง
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
"สุริยัน จันทรา ดารา...................ส่องสว่างยามค่ำคืน
ประทีป ส่องทางได้....................ในที่มืดนั่น
แสงสัมมาสติโพธิปัญญา...........ส่องใจตลอด ทุกคืนวัน
ผู้รู้นั้น จึงเร่ง................................ฝึก นิปปปัญจธรรม ปลุกแสงในจิตตนฯ"
นิปปปัญจธรรม หรือโพธิปักขิยธรรม
คือ ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ เพื่อความรุ้แจ้ง เหตุ เกิด ดับแห่งทุกข์
ประกอบด้วยธรรมะ 7 หมวด คือ
- สติปัฏฐาน 4,
สัมมัปปธาน 4,
อิทธิบาท 4,
- อินทรีย์ 5,
- พละ 5,
-โพชฌงค์ 7,
-มรรคมีองค์ 8
รวมเป็น 37 จึงเรียกว่า โพธิปักขิยธรรม 37
ด้วยการทำลาย อุปาทานใน ขันธุ์ห้า
อุปาทานในตัณหา
ทิฐิ มานะ อวิชชา
..
..
Originally shared by Suraphol Kruasuwan - 2 comments
"สวรรค์ภพหน้า.......................แสนไกล
สวรรค์สังคมใด.......................ยั่งยืนนั่น
สวรรค์ในอก อิ่มในกุศล..........เห็นพลัน
เหนือสวรรค์คือ วิมุติธรรมนั้น .ยั่งยืน นิรันดิ์ นิรันดิ์ เอยฯ "สาธุ
...........................................
//หลวงพ่อพุทธทาส กล่าวไว้ว่า
1."นรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า"....สอนกันมาก่อนมีพุทธศาสนา ในหลากหลายวัฒนธรรม"
"ทำชั่ว ไปนรก ดีไปสวรรค์"
ดังนั้น ทำชั่ว เราก็รู้สึกไม่ดี สารเคมีให้โทษ ในร่างกายก็หลั่ง ตกนรกในใจเราไปด้วย
ทำดี ศูนย์ให้รางวัลในสมอง ก็ทำให้เรา หลั่งสารความสุข ดีต่อชีวิตจริงๆ
2.นรกเกิดจากผัสสะ
ผัสสะโลก ด้วย ไฟราคะ โทสะ โมหะ ที่เรา ชงเองใน ความคิด อารมณ์
หู ตา จมูก ลิ้น กายใจ เราก็ เร่าร้อน ด้วย"ไฟที่ไม่ควรบูชา"
ด้วย เพลิงกิเลส เพลิงทุกข์"ตกนรกทั้งเป็น" เช่นกัน"
แต่ถ้าเราบูชาไฟที่ควรบูชา คือ"ไฟแห่งสัมมาสติ โพธิปัญญา"
เราก็ สว่างในความรู้ ที่นำทางให้เราพ้นเพลิง ทุกข์เพลิงกิเลส ด้วยความเพียร ฝึกฝนตนเอง
3.นรกในสังคม
มนุษย์ มาจากนักล่า นักฉกฉวยผลประโยชน์จาก ธรรมชาติ
การแตกต่าง แข่งขัน แย่งชิง ทะเลาะวิวาท สงคราม
แบบ"คนกินคน" ก็ยังมีให้เห็น
หากเราสอนให้
เอาตัวรอด....กับอยู่ร่วม
แข่งขันทำดี...แบ่งปันความดี
ละอายที่จะทำชั่ว...เกรงกลัวผลกระทบหากทำชั่ว
รู้จักทำคุณให้ผู้อื่น...รู้จักตอบแทน ความดีที่ผู้อื่นทำให้
สวรรค์ก็เกิดในสังคม แทนนรก
4.นรกที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม
ที่ใกล้ๆ มหาอุทกภัย ที่เราเจอ ปฏิเสธไม่ได้ มาจากผล"โลกร้อน"
เพราะเรา เผาปิโตเลียม เพื่อได้มาพลังงาน อาหาร และความสะดวกสบาย
เราต้องหาพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน มาทดแทน โดยด่วน
ไม่งั้น อีกสี่เดือนข้างหน้า เราอาจเจอนรกจากน้ำ อีกรอบ อิๆ
................
//-ที่สำคัญ
"ศูนย์ ให้รางวัล ลงโทษ"
อยู่ในแกนกลางสมอง ที่สร้างพายุอารมณ์
ให้เราจำ อาหาร ศัตรู เพื่ออยู่รอด
เราเอาไปผูก กับอะไร เราก็เจอสวรรค์ นรก กับสิ่งนั้น
เรียนผูก ก็เรียนแก้เอาเองเด้อ
ดี....ชั่ว
ผิด...ถูก
ชอบ..ชัง
ได้...เสีย
สมใจ..เสียใจ
ชาย...หญิง...อิๆ
สลับขั้ว สลับสาย แล้ว"ทุกข์"
ก็ฝึก ถอดระหัสเอาเอง
"ใครถอนความพอใจ ไม่พอใจในโลกได้หมดสิ้น ย่อมพบความเย็นในชีวิตตนเอง"
..........................................
//-ถ้าเข้าใจ พุทธธรรม สี่ระดับ
1.-ระดับ ให้เห็นคุณค่า ละชั่ว ทำดี
ก็จะอิงความเชื่อ แบบจิตนิยมโบราญ
(สัสตทิฐิ)
2.-ระดับ ชำระใจให้ผ่องแผ้ว หรือ" ทำนิพพานให้แจ้ง"
ก็จะ จัดการกับ อคติ มายาคติภายใน
ตอนผัสสะโลก ด้วยอายตนะ นี่แหละ
ในการปรุงบุคลิกภาพ แต่ละครั้ง ที่ผัสสะโลกธรรม
จะทำให้ เกิดเป็น นรก สวรรค์ อยุ่ที่
จุดยืน วิสัยทัศน์ วิธีคิด วิธีชงอารมณ์ของเราเอง เช่น
3.-ระดับสร้างธรรมบาล คุ้มครองสังคม
ให้อยู่กันอย่างมีสติ สันติธรรม
4.-ระดับ ดูแลระบบชีวาลัย สิ่งแวดล้อม ให้สมดุลย์
และฝึกทำหน้าที่ ที่เป็นมงคลชีวิตให้มีชีวา
เราก็พบสวรรค์มากกว่านรกแน่นอน สาธุ
................................................
-ฝนตก เรามีอารมณ์เบิกบาน เป็นมิตร จิตใสๆ
เอ้อ ชาวนาจะได้มีน้ำทำนา ประชาได้มีอาหารอิ่มท้อง อิๆ
เกิดสวรรค์ ร่างกายผลิตสารแห่งความสุข ทันทีอิๆ
-ฝนตก รถติด อีกแย้ว เซ็งเป็ด อิๆ
ร่างกายก็ผลิตฮอร์โมนคอร์ติโซน
ทำให้กระวนกระวาย และเรี่มคิดหดหู่ ฟุ่งซ่าน
ประตูนรกจากผัสสะก็เปิดรับทั้นที่
ไปสู่ความย้ำคิด ย้ำ ทำ ย้ำแค้น
หาเรื่องแช่งฟ้าดิน คนที่เราไม่ชอบหน้าต่อไป
ลืมดู นรกในใจที่กำลังเดือด และดับได้ ง่ายๆ
แค่ถอนหายใจทิ้ง และวาง เปลี่ยนไปคิด สิ่งที่เป็ยกุศล วิมุติแทน
.................................................
“ดูก่อนภิกษุ นรกชื่อว่าผัสสายตนิก 6 เราเห็นแล้ว ในผัสสายนิกนรกนั้น สัตว์จะเห็นรูปอะไรด้วยจักษุ ก็ย่อมเห็นแต่รูปอันไม่น่าปรารถนา ย่อมไม่เห็นรูปอันน่าปรารถนา ....จะฟังเสียงอะไรด้วยหู ก็ย่อมฟังแต่เสียงอันไม่น่าปรารถนา....จะรู้แจ้งธรรมารมณ์อะไรด้วยใจ ก็ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันไม่น่าปรารถนา ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์อันน่าปรารถนา...”
(ขณสูตร, สํ.สฬ.๑๘/๒๑๔.)
พระพุทธดำรัสนี้ เป็นการนำเสนอนรกที่เกิดขึ้นพร้อมกับการ
-ได้เห็น
-ได้ฟัง
-ได้กลิ่น
-ได้ลิ้มรส
-ได้สัมผัสทางกายและทางใจซึ่งสิ่งที่ไม่น่าพอใจ
นรกชนิดนี้อาจเกิดขึ้นทั้งในขณะที่มีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่
และหลังจากตายไปเกิดในภพใหม่แล้ว เป็นการแสดง “ภาวะ”
ไม่ใช่แสดงถึง “สถานที่”
นอกจากนี้ ยังตรัสเปรียบเทียบความเร่าร้อนในนรกชื่อว่า
“ปริฬาหะ”
กับความเร่าร้อนของพวกสมณพราหมณ์
-ผู้ไม่รู้แจ้งทุกข์
-เหตุเกิดทุกข์
-ความดับทุกข์
-และข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ในโลกมนุษย์นี้
“....นรกชื่อว่าปริฬาหะมีอยู่
-ในนรกนั้นบุคคลยังเห็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยนัยน์ตาได้
(แต่)เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าปรารถนา...
-ดูก่อนภิกษุความเร่าร้อนอื่นที่มากกว่าและน่ากลัวความเร่าร้อนนี้ มีอยู่.....
-สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงน่า นี้ทุกข์ ......
-ย่อมยินดี ย่อมปรุงแต่งครั้นปรุงแต่งแล้ว ย่อมเร่าร้อน ....”
(ปริฬาหสูตร , สํ.ม.๑๙/๑๗๓๑-๑๗๓๓.)
http://puling-222.blogspot.com/2011/05/blog-post_04.htmlสรุป ผัสสะโลก ด้วยการขาด สติปัญญา ปรีชาญาณกุมสภาพจิต
ปรุงแต่ง เป็นความคิด สร้างอารมณ์ทุกข์เอง กินเอง สาธุ
"ความทุกข์เอ๋ย.........................ใช่อยู่ในใจตลอด
หรือสุข.....................................ครองครอบตลอดนั่น
มันทุกข์ สุข...............................สลับกัน
กลางที่วาง ว่าง..........................มีที่เย็นฯ"
สาธุ
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER