คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ > ธรรมะเสวนา
เล่าให้ฟัง :PULING的主頁 [2]
ฐิตา:
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
พระอจลนาถ
"จิตพระผู้ไม่หวั่นไหว
ไม่หวั่นไหว ใน นันทวันธรรม(ธรรมที่เป็นของคู่)
สงบ มั่นคง เบิกบาน เยือกเย็น เปี่ยมสติปัญญา
ไม่ฟุ่งซ่านไปในความ ดี ชั่ว ทุกข์ สุข
จิตไม่หวั่นไหว เพราะ มี พุทธวิชชา 9ประการ
1.-วิมุติ................สุขจาก เข้าใจ ทุกมิติ ธาตุธรรม
2.-วิโมกข์............สุขจาก สติ ปัญญา สว่างใส
3.-นิพาน..............สุข จากพ้น ทุกบ่วง อาสวะ โลก ธรรม
4.-วิชชา...............สุขจาก สติ ปัญญา ว่องไว ดุจสายฟ้า
รู้เท่าทัน ไม่ปรุงจิต ให้หลงทาง
5.-วิสุทธิ์...............สุขจาก เจตนา วิสุทธิ์ และแจ่มใส
6.-วิเศษ................สุขพ้นจาก มนุษย์ เทวะสมบัติ
ถึงนิพพาน สมบัติ อัศจรรย์ใจ
7.-วิเวก.................สุขจาก สงบ สงัด จากอุปธิใดๆ
8.-วิราคะ...............สุขจาก พ้น ความติด พยาบาท
เบียนดเบียบ ตนท่าน ตลอดกาลเอยฯ
9.-วิสังขาร.............สุข พ้นจากการ อำนาจจิตปรุงแต่ง
ไร้อุปทานทุกข์ อย่างถาวรฯ
เจริญสุข รุ่งเรืองในธรรม ทุกท่านเทอญฯ
ขอบคุณเจ้าของภาพ และ ธรรมะที่อุ้มมาฝาก
4.10.2017
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=c6UQYsxHAvc
คลิปนี้ สำหรับผู้ เคยเรียนพุทธธรรม แบบทางการมาก่อน
สำหรับผู้ ไม่เคยเรียน ไปดู สรุปตอนจบ ก็พอ สาธุ
การที่เข้าถึงแก่นแท้ ของธรรมะ ที่พระพุทธเจ้า ค้นพบ
คือ"จำเดิม เราก็สอนเรื่อง ทุกข์ และการดับเหตุแห่งทุกข์"
ซึ่ง มักจะเรียกว่า อริยะธรรม
อริ..........ศัตรู
ยะ..........ชัยยะ ชนะ
ธรรม......สภาวะ
สภาวะที่เป็นศัตรู
ของ มนุษย์จะยก ระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
ก็คือ
"อุปาทาน ในจิตปรุงแต่งของเราเอง"
โดยมี สิ่งห่อหุ้ม หลายชั้น ตั้งแต่พุทธศิลป์
1.ประเพณีพิธีกรรม
2.วรรณกรรม แบบอภิมหาจินตนาการ เหนือจริง
3.อัตโนมติ ความคิดเห็นของ อาจารย์แต่ละท่าน
4.ความยินดี ที่เกิดจากศรัทธา
5.พอใจ พอใจโดยไม่ได้แปล จากภาษาจินตนาการ เป็นภาษาเหตุผล
6.ขอบคุณ คือ เอาหลักการเหตุผล มาใช้ได้จริง
ล้างขยะปรุงแต่งได้จริง
พบความสงบ รำงับ การดิ้นรนของจิตได้จริง
จิต ยอมคายเหยื่อ คือ ถอนอาลัย คลายกำหนัด
ตัดเหตุ วัฎฏะ ปรุงแต่ง บุคลิกภาพภายใน แบบปกติ
........................................
ธรรมะ จึงมีทั้งส่วนที่เป็น
วิชาการ
เช่นประวัติศาสตร์ พระไตรปิฎก และบริวาร
และส่วนที่เป็น
วิชชา
คือแสงแห่งสติปัญญา
เห็น ปฏิกริยาลูกโซ่
ปรุงแต่งกรัชกาย(ตัวตนภายใน)
ที่ เมื่อ ชีวิตผัสสะ สิ่งแวดล้อมภายนอก
และ การปรุงแต่งจิตภายใน
ซึ่งเป็นธรรมะ ภาคปฏิบัติ..เพื่อรับรู้ผลนั้นด้วยตนเอง
ธรรมะภาคปฏิบัติ จึงเรียกว่า "นิปปปัญจธรรม"
หรือโพธิปักขิยธรรม 37ข้อ
ธรรมอันไม่เนิ่นช้า ที่จะ รู้แจ้ง เรื่องทุกข์ และดับไม่หลือแห่งทุกข์ ประด้วย
1. สติปัฏฐาน 4 ปลุกสติให้ตื่น
2. สัมมัปปธาน 4
ล้างขยะปรุงแต่งที่เป็นอกุศล และเจริญฝ่ายกุศลให้แข็งแรงมั่นคง
3. อิทธิบาท 4
การเกิดฤทธิ์ ความสำเร็จในชีวิต
มี อิธิฤทธิ บุญฤทธิ์ โลกุตระฤทธิ์
4.อินทรีย์ 5
กำลังภายใน ของจิต
5.พละ5
เปลี่ยนอินทรีย์ เกิดเป็นพลังแห่งชีวาในชีวิต
6.โพชฌงค์ 7
ธรรมะที่ นำไปสู่ทางแห่งการ บรรลุธรรม
7.มรรคมีองค์ 8
วิถีชีวิต ที่นำออกจาก ทาสความทุกข์
โดยมีการ
มีวิสัยทัศน์ เห็น เลือกทฤษฎีที่เหมาะสม
มีการตั้งเป้าหมายชัดเจน
มีการจัดระเบียบความคิด ให้เหมาะสม
มีการ การทำ กาย วาจา ใจ ให้เหมาะสม
มีอาชีพ ที่ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม
มีสติ ที่เนไปเพื่อปฏิบัติธรรม
มีวิริยะ ที่ล้างขยะปรุงแต่งจิต ทั้งอกุศล กุศล
มีสมาธิ ระดับฌาน คือ มีความหนักแน่น
ทั้งอารมณ์ ที่ต้อง สงบ เย็น เบิกบานมั่นคง
ทั้งสติปัญญา ที่เห็น ความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
ในสิ่งที่เราเคย ติด เคยพยบาท เคยคิดเบียดเบียน
......................................
ภาษา ในการส่งต่อพุทธธรรม
1.ภาษา บุคลาธิษฐาน
คือสมมุติ เป็น เรื่องราวบุคคล จินตนาการเหนือจริง
2.ภาษาธรรม เป็นหลักการเหตุผล
3.อวจนะภาษา ภาษาที่ไม่ใช่คำพูด
คือ ภาษาศิลปะ ภาษาจิต
.......................................
1.การยินดี
ที่รับรู้ สนใจ ในธรรมะ
2.การพอใจ
ที่จะเปลี่ยนทุกภาษาเป็นภาษาเหตุผล
เช่น สมมุติว่า พุทธเจ้า ประสูติ ดำเนินไปเจ็ดก้าว
กับการ มี โพฌงค์เจ็ด ย่อมนำผู้นั้นปลุก พุทธะจิต ในตนให้ตื่นได้
3.ขอบคุณ
ขอบคุณที่เราเกิดมา พบพุทธรรม และน้อมนำไปฝึกตนเอง
จนชนะ มายาจิตปรุงแต่งตนเอง
สาธุ
....................................
ไปไหน เอา ยินดี พอใจ ขอบคุณ ไปด้วยนะครับ สาธุ
..
..
รวมยอดนักมายากลโลก
ฤทธิ์แปลว่า..ความสำเร็จอันน่าอัศจรรย์ มี สาม
1.อิทฤทธิ์
ความสำเร็จที่เหนือ ธรรมชาติ
พระพุทธเจ้าไม่สนับสนุน ให้หลงไหล เพราะ
ผู้มีความรู้ เทคโนโลยี ทักษะพิเศษ นักมายากล ก็ทำได้
และส่งเสริมให้ใช้ศรัทธา เหนือ สติปัญญา
2.บุญฤทธิ์
ความสำเร็จจาก ผลการเจริญ ความดี ทั้งวาจา ใจ กาย
เป็นฐาน ที่ ไม่ให้จิตตกต่ำไป อบายภูมิ
และทำให้มุ่งมั่น พัฒนา ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
แต่ต้องไม่ติดใน"สาสวะ" คือ ถ้าติด จะทำให้กลายเป็น
สักกายทิฏฐิ.(หลงยึดถือว่าตนวิเศษกว่าธรรมชาติอื่น).
dhammahome.com - สักกายทิฏฐิ 20
3.โลกุตระฤทธิ์
ความสำเร็จเมื่อสติปัญญา อยู่เหนือ กระแสโลก
ไม่เป็นทาสกระแสธรรม ที่ปรุงแต่งในจิตตตน
ความสำเร็จ เกิดจาก ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต(อาสวะ สาสวะ)
พบความตื่นของสติปัญญา รู้ เบิกบาน เย็น
สุขจากจิตเอื้อเฟื้อ ไม่ประมาทในสังขารธรรม
ชนะจิตปรุงแต่งตนเอง
โดยฝึกใน โพธิปักขิยธรรม
หรือ นิปปปัญจธรรม(ธรรมภาคปฏิบัติ บรรลุอันไม่เนิ่นช้า)
ทั้ง อิทฤธิ์ บุญฤทธิ์ โลกุตตระฤทธิ์
เป็นสิ่งที่เราต้อง มีสติปัญญา ตั้งรับ และบริหารจัดการให้
พอเหมาะ พอดี พอควร ของเราเอง สาธุ
..
..
มุมกาแฟ 7/11/17
การฝึกสมาธิในพุทธศาสนา
หวังผล สี่ประการ
1.อารัมมณูปนิชฌาน
(อารมณ์สงบ เย็น มั่นคง เบิกบาน)
2.ลักขณูปนิชฌาน
(มีสติปัญญาเห็น กฎไตรลักษ์
ในทุกปรากฎการณ์)
3.พบวิมุติธรรม พ้นอำนาจ ทุกข์ สุข
แต่สงบ เย็น เบิกบาน มั่นคง
4.เกิด วิสัยทัศน์ ญาณทัศนะ
ทั้งหมดเพื่อ ทำลายเหตุแห่งการสร้าง อารมณ์ทุกข์
ที่จิตปรุงแต่ง ปรุงขึ้น ซ้ำเติม สภาวะทุกข์ และเวทนาทุกข์ ของตนเอง
กฎไตรลักษ์ เป็นหนึ่งในกฎธรรมดาของธรรมชาติ
ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ
และเอามากำหราบ จิตปรุงแต่ง จนชนะ ในที่สุด
1.สัพเพ สังขารา อนิจจา
สิ่งปรุงแต่ง ย่อมเปลี่ยนแปลง
2.สัพเพ สังขารา ทุกขา
สิ่งปรุงแต่ง ย่อมทนอยู่ในสภาพเดิม ไม่ได้
3.สัพเพ ธรรมา อนัตตา ติ
ธรรมชาติทั้งหมด ย่อมเป็นไปตาม
กฎ เหตุ ปัจจัย ที่มาปรุงแต่ง
หาเป็นไป ตามใจปรารถนาของใคร
....ดังนั้นใครไปยึดมั่นถือมั่นว่า
กาย(รูป)
จิต(นาม)
จีรังยั่งยืน สั่งได้ทุกเรื่อง
ก็คือการป่วย ทางจิต (ของปุถุชน)
ที่เป็นอุปสรรค การพัฒนา
ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา
.................................
การเข้าถึงพุทธรรม มีสามระดับ
1.ภาคภูมิใจ ศรัทธา ตาม คำสั่งสอน
2.อัศจรรย์ เมื่อ ถอดระหัส เข้าใจ ทฤษฎี อย่างถูกต้อง
3.ปิติ สุข สงบเย็น ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
พบวิมุติ วิสัยทัศน์ ญาณทัศนะ ใหม่ๆ
คือ รับผลจากการฝึก
ลด ละ เลิก
สิ่งที่เคยติดพยาบาท หลงเบียดเบียน
หรือ โทษ คุณ ที่ยึดเป็นสารณะ ทั้ง
อาสวะ สาสวะ พบ อนาสวะด้วยตนเอง
สาธุ
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
ฐิตา:
Suraphol Kruasuwan
Public Nov 13, 2017
https://www.youtube.com/watch?v=eBPIXiBTjDM
Luka Sulic - Gypsy Airs (Concert for Japan)
มุมกาแฟ 13/11/17
ตัวตน มีสามตัวตน
1.ชีวิตคือตัวตน
2.ตัวตนอีเล็คโทรนิค
3.ตัวตน ตามวัฒนธรรม
........................................
1.ชีวิตคือตัวตน
"ตถาคตขอบัญญัติว่า
กายกว้างศอก ยาววา มีสัญญา ใจครอง คือโลกๆหนึ่ง
คือ สังขารโลก"
"ชีวิต คือ ชีวะยนต์(เครื่องยนต์มีชีวิต)"
"ชีวิตคือขันธุ์ห้า
คือคอมพิวเตอร์ชีวภาพ
รูป............พลังงาน มวลสาร ที่ไหลไปมา
เวทนา......เป็นการทำงานของกระแสประสาท
สัญญา......มีความทรงจำ
สังขาร......มีการปรุงแต่ง เป็นความคิด เจตนา เป็นบุคลิกภาพ
วิญญาณ...เป็นธาตุรู้ ตัวรู้ ผู้รู้ ผู้เสพความรู้
Data Input Memory Processing Output
..............................................
2.ตัวตน อีเล็คโทรนิค
คือตัวตน ที่เราใช้สื่อสาร ออนไลน์กันในขณะนี้
.............................................
3.ตัวตน ในวัฒนธรรม
แล้วแต่เราจะสวมหัวโขน เล่นบทบาทไหนอยู่
-ตัวตนมี อมตะ สัสสตทิฎฐิ
-ตัวตนไม่มี เป็นเพียงปฏิกริยาธาตุ อุจเฉททิฎฐิ
-ตัวตนมี แต่ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
แปรผันตาม กฎ เหตุ ปัจจัย เจตนา สัมมาทิฎฐิ
...........................................
ตัวตนทุกตัวตน ต้องมีสติรู้
เพราะทุกสิ่งจะทิ้งร่องรอยไว้
โดยเฉพาพตัวตนทางอีเล็คโทรนิค
จะเป็นการ ที่กำหนดชะตาชีวิตเราได้
ตามกระแส โลก............
เพราะชีวิตเป็นสิ่งปรุงแต่ง
เป็นไปตามแรงเจตนาสี่ประการ
1.ผู้ให้กำเนิดบุพการี
2.กรรมพันธุ์ โดยแผนที่ชีวิตภายใน
3.สิ่งแวดล้อม
4.เจตนาของเราเอง
ปรุงแต่งด้วย อกุศล กุศล อริยมรรค ให้ผลต่างกัน
สาธุ
...........................................
ขอบคุณเจ้าของภาพ คลิปเพลง ธรรมะที่ยกมา และผู้อ่าน สาธุ
..
..
https://youtu.be/2VrBulDCES8
สารคดี ตอน DNA การปฏิวัติทางการแพทย์
Suraphol Kruasuwan
Public Nov 14, 2017
1.นักวิทยาศาสตร์
กรรมพันธุ์ กับสิ่งแวดล้อม กำหนด วิถีชีวิตเรา
2.พระพุทธเจ้า เพิ่ม
-การเลี้ยงดูจากบุพการี
-และ เจตนา ที่เกิดจากการปรุงแต่งจิต ของเราเอง
3.เจตนา ที่จะปรุงแต่งด้วย อกุศล กุศล วิมุติธรรม
ใกล้กับตัวเรา มากที่สุด และเราควรเลือกข้าง
เพราะผล นั้นต่างกัน
4.อกุศล...นำสู่ วิบาก วิบัติ ทุคติ
กุศล........นำสู่ ความอิ่มใจ ใน กุศล มงคล บารมี วาสนา สุคติ
วิมุติ.........นำสู่กับแข็งแรงของ สติปัญญา รู้แจ้ง
สงบเย็น มั่นคง ทางอารมณ์
และ การตื่นของ ปรีชาญาณฉลาดเลือก
..............................................
https://youtu.be/G_gyiXt_oNg
สารคดี ตอน วิวัฒนาการ การเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา บน โลก
วิวัฒนาการ...........
มุมกาแฟ หลังเที่ยงคืน 14/11/17
จากสิ่งไม่มีชีวิต...มาเป็นสิ่งมีชีวิต
ทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยัง หาคำตอบไม่ได้
และ ธรรมชาติ มักจะ ใช้สิ่งง่ายๆ สร้างสิ่งที่ซับซ้อน
1.กฎของ การกิน และหลีกเลี่ยงการถูกกิน
ถ้าเรามองพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
ตั้งแต่ จุลิทรีย์ และตัวเรา
ก็ยัง อยู่ภายใต้กฎนี้ และนอกจากนี้
ยังทำให้การเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ตามความเชื่อว่า
ตนเองจะปรับตัวไ้ ดีสำหรับ กฎนี้
2.กฎของการเรียนรู้ และพัฒนา ยกระดับชีวิต
ในมนุษย์ ต้องอาศัย
-ความรู้ ที่ สืบทอดกันมา และ เรียนรู้ใหม่
ทั้งความรู้ที่เป็นความตริง เสมือนจริง และโดยศรัทธา
-ขยายเผ่าพันธุ์ โดยการสืบพันธุ์ด้วยวิธีต่างๆ
-ฌาน ผลของการฝึก อารมณ์สงบเย็น มั่นคง
-สติ ความรวดเร็วในการ ประมวล ประเมินผลปรับตัว
-ปัญญา ความสามารถ เห็นแจ้ง ในธรรมชาติ
-วิมุติ ความเย็น ที่อยู่เหนือ มายา ลีลา ตัวตนเทียมๆ ของธรรมชาติ
3.กฎความก้าวหน้า ทางนวัตกรรม
ซึ่งจะเพิ่มขึ้น สองเท่า ทุกๆปี
และคาดหมายว่า ชีวิตในอนาคต
อาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช้คาร์บอนด์เป็นแกน
ซึ่งนิยามคำว่าชีวิต จะไม่เหมือนเดิม
มนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์ และมนุษย์หุ่นยนต์เต็มตัว
เราอาจเห็นได้ ในไม่เกิน10ปีจากวันนี้ ครับผม
........................................
เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อครับผม
ขอบคุณเจ้าของภาพ และคลิป เรื่องราวที่ก๊อปมา
และผู้อ่าน ครับผม
Originally shared by Suraphol Kruasuwan
https://www.youtube.com/watch?v=I25hFDGfrZw
๑๗.๑๑.๒๐๖๐
......บทเพลง สรรเสริญ พระอวโลกิเตศวร...
พระโพธิสัตว์ผู้ฟังเสียง ของ ผู้ประสบทุกข์ ในโลก
พุทธศาสนา ปัจจุบัน เป็นอัตโนมติ
คือ เป็น ความคิดเห็นของอาจารย์ ต่างๆ
แต่ก็ยังมีเสาหลัก สี่เสา ที่ต้องเข้าใจแจ้ง
1.เพื่อให้คน ละชั่ว ทำดี
ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สูง
จนไหว้ตนเองได้ เราเอาสัสสตทิฎฐิ(จิตนิยม) มาใช้ทั้งชุด
และปฏิเสธ อุจเฉททิฏฐิ(วัตถุนิยม)
2.ทำนิพพานให้แจ้ง
เป็น สติปัญญา เคารพกฎธรรมชาตินิยม
เป็นทางสายกลาง ระหว่าง จิต และกาย
คือ พบประสบการณ์ตรง ของ รส
เย็น ไม่ทุกข์ ไม่สุข ด้วยตนเอง
โดยปลุก สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
มาตัดเหตุสร้างอารมณ์ทุกข์
ตอนผัสสะ กระแสโลกธรรม ปัจจุบัน
ที่นี่ เดี๋ยวนี้.ตัด ฉับๆๆๆ
ล้างขยะปรุงแต่งจิต จนสิ้นเชื้อ ไม่เหลือชาติ
แบบ"เซ็น" ก็น่าจะ ง่ายๆ กว่า
ส่วนใคร จะ เกิดตายหลายชาติ
ทำบุญ นั่งสมาธิ แบบเอาเป็นเอาตาย จึงจะถึงนิพพาน
ตามแนว คิด สัสสติทิฐิ ที่เป็นฐานชีวิต
ให้ยินดี ละชั่ว ทำดี ก็ แล้วแต่ศรัทธา
3. อลัชชี เดียรถีย์ ที่ปลอมมาบวช
ที่หลอกให้ชีวิตหลง แสงสว่างเทียม
ประภค พระเสือ พระแพะ พระกวาง พระหมีดำ
ปลอมปน มาบวช หลอก เอา สมอง และทรัพย์โยม ก็มีไม่น้อย
พระเสือ.......ขู่ให้กลัว
พระแพะ......และเล็ม ไม่เลือก
พระกวาง.....อ้อน
พระหมีดำ....สอนมิจฉาทิฎฐิ ไปเลย
ในไซอิ๋ว ถึงต้องมีเมือง"ฆ่าพระ"
คือฆ่าความเชื่อถือในพระปลอมเหล่านี้ ก่อน
จึงจะเห็นพระแท้ ซึ่งจริงๆก็คือ สัมมาสติ โพธิปัญญา
ที่อยู่ในใจเราทุกคนนั่นแหละ
4.การเข้าถึง ความ สงบ ร่มเย็น สุขกับจิตเอื้อเฟื้อ
ต้อง...."ทำเอง"
มีธรรมภาคปฏิบัติ ที่มักไม่มีใครสนใจ
เพราะ วรรณกรรมศาสนา ประเภค อภินิหาริย์เกินจริง
อลังการ งานสร้าง มันน่าสนุกว่า
ใครสนใจให้ไปศึกษา และ ฏิบัติตาม
โพิปักขิยธรรม หรือ นิปปปัญจธรรม
ธรรมอันไม่เนิ่นช้า เพราะ พาชีวิตออกจาก
ราคะ โทสะ โมหะ อย่างด่วน
................................................
ที่ยกภาพ หลวงพ่อจรัญ ขึ้นมา
เพราะครั้งหนึ่ง มีสหายในธรรม มอบสติ๊กเกอร์ มาให้
"เมื่อ ยังไม่พูด เราเป็นนายคำพูด
เมื่อพูด คำพูดเป็นนายเรา"
และสุภาษิตจีน
"โรคภัย............เข้าทางปาก
ทุกข์โทษภัย.....ออกจากปาก"
สุภาษิตโบราณ
"ปลาหมอตายเพราะปาก"
ข่าวฮิตวันนี้ ไม่พ้น วิบากกรรมเพราะ ปากพาไป
บางคนก็นอนคุกไปแล้ว
บางคนกำลังจะเข้าไป
บางคนต้องกลายเป็น กระสือ กระหังเร่ร่อน
ดังนั้น การ ตามใจปาก ทั้งเรื่องกิน เรื่องพูด
ต้องระวัง...นะ
เพราะ เดี๋ยวนี้ หลักฐาน ตัวตนทางอีเล็กโทรนิค
ที่เราโยน มาในสื่อ ออนไลน์
กลายเป็น ตาข่ายฟ้า นะครับ
ก็เตือนกันไป ประสาคน ร่วมโลกเดียวกัน
ส่วน ใคร ยังดื้อต่อไป ขอบอกไว้ ไม่ไปเยี่ยมนะครับ
55555+
.............................................
1.ละชั่ว ทำดี
2.พบความสงบร่มเย็นด้วยตนเอง
3.ไม่หลง อลัชชี เดียรถีย์ ที่ปลอมมาบวช
เพื่อ กอบโกย ทรัพย์ อำนาจ บารมี จาก ศรัทธา เราเอง
4.และเร่งฝึกปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น รู้ เบิกบาน
ไม่ประมาท พาตน พ้น อำนาจ กิเลส ตัณหาอุปาทาน
ตอนยังหายใจนี่แหละ
5.ไม่ต้องให้ใครมาเคาะโลงศพ บอก "ไปนินพานเด้อ"
สาธุ
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
ฐิตา:
ครบรอบ วันปรินิพพาน พระโมคคัลลานะ
ในวิหารพุทธ มหายาน เราจะพบ
พระหนุ่ม(พระอานนท์เถระ)
พระแก่(พระมหากัสสปะ)
.......................................
วิหารพุทธ เถรวาท บ้านเรา จะมี
พระสาลีบุตร ผู้เลิศ ด้านปัญญา
พระโมคัลลานะ ผู้เลิศ ด้านฤทธิ์
.....................................
แต่การจะเข้าใจ ว่า ทำไม
ทั้งสองปีก ของพุทธศาสนา
จึงให้ความสำคัญต่างกัน ต้องถอดระหัส อุดมคตินิดหนึ่ง
1.พุทธ มหายาน ให้ความสำคัญ
"จิตเอื้อเฟื้อ" มากกว่า"จิตหลุดพ้น"
อุดมคติ จึง ยินดีจะมาเกิดอีก
เพื่อช่วยสรรพสัตว์ และสร้างบารมี
2.พุทธ เถรวาท ให้ความสำคัญ
"จิตหลุดพ้น"(ว่ายน้ำให้เป็นก่อน)
แล้ว จึง ยินดีในจิตเอื้อเฟื้อ
(คือช่วย เป็นแสงส่องทางให้สรรพสัตว์)
........................................
ชอบแนวคิดแบบเซ็นก็ตรงนี้แหละ
"วิมุติมีสองรส
รสเย็นของจิตหลุดพ้น
รสปิติสุข จากจิตเอื้อเฟื้อ"
.........................................
พุทธมหายาน ให้ความสำคัญว่า
"ถ้าไม่มีพระอานนท์ จำเรื่องราว......คงไม่มีพระสูตร"
"ถ้าไม่มีพระมหากัสสปะ ที่จุดประกาย สังคายนา ครั้งแรก
พุทธศาสนา ก็คง มาไม่ถึงวันนี้
.....................................
ส่วนพุทธเถรวาท ให้ความสำคัญว่า
ศาสนาพุทธ ที่เกิดมา
เพราะ........การตื่นของสติปัญญา ปรีชาญาณฉลาดเลือก
และ .........ความเข็มแข็งอารมณ์เด็ดเดี่ยว ของ จิต
..................................
ฤทธิ์ ในพุทธศาสนา แยกไว้สามระดับ
1.อิทธิฤทธิ์
คือ มีความสามารถ เหนือ ธรรมชาติ ที่มนุษย์ ธรรมดาทำได้
ซึ่งพระพุทธเจ้า ไม่สนับสนุน ให้หลงใหลเป็นทาส
เพราะพาศรัทธาหลงในอัตตายิ่งขึ้น
และผู้มีอินทรีย์พิเศษ
ผู้มีเทคโนโลยี
ผู้มีความรู้ทักษะฝีมือ นักมายากล ทำได้
ทุกวันนี้ มีคนจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน เราก็เหาะได้
เรื่องหูทิพย์ตาทิพย์ เจ้ามือถืออัฉริยะ ก็ทำได้ 55555+
2.บุญฤทธิ์
อิ่มใจ ภาคภูมิใจในความดี
ก็เป็นความดีระดับ ให้กำลังใจ
ที่จะละชั่ว ทำดี ไปสู่ระดับ ทำลาย อุปาทานได้
แต่ถ้าใช้ในทางผิด ก็อันตรายอยู่
บางคนเชื่อในอำนาจ วาสนาบารมี คิด ตัดวาสนาผู้อื่น
ต้องฟังขงเบ้งรำพัน
"แผนการณ์ เป็นเรื่องของคน
ความสำเร็จ เป็นเรื่องของฟ้า
ตัดเขาไม่ขาด วาสนาเราก็สิ้น"
จะสิ้นโดย ไปนอนในคุก หรือ เป็นกระสือ กระหังเร่รอน
แล้วแต่วิบากกรรมพาไป"
หรือ บางคนโดยพวกอลัชชี เดียรถีย์ หลอกทำบุญ
จนสิ้นเนื้อประดาตัว ไปสร้างอนุสาวรีย์ ให้อาจารย์ก็เยอะ
3.โลกุตระฤทธิ์
ฤทธิ์ ที่อยู่เหนือกระแสโลก
กระแสโลกสี่ ที่ข้ามยากคือ
กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา
ต้อง ฝึกปลุก สัมมาสติโพธิปัญญา
ฝึกปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ตื่น
ล้างขยะปรุงแต่งจิต พบเสรีภาพ ของชีวาในชีวิต
ตอนตัวเป็นๆนี่แหละ พระพุทธเจ้าสรรเสริญ
..............................
ในคัมภีร์ชั้น อรรถกถา ประวัติ ท่านพระโมคัลลานะ
มีการ ย้อนอดีตชาติก่อน และผลกรรม ในวาระสุดท้าย
พิศดาร งานวรรณกรรม แบบนาลันทา ลังกานิยม
ที่เอาลัทธิฮินดูมา แฝงร่างคืนชีพแบบเนียนๆ
แต่ถ้าเราถอด ระหัส ว่า คำสอนเหล่านี้
ออก จากคำสอนพุทธเจ้า
คือ ชีวิต มนุษย์ไม่ได้ขึ้นกับ
1.ผู้มีฤทธิ์ บันดาล
2.กรรมเก่า ข้ามชาติภพ
3.เป็นเรื่องบังเอิญ
4.เป็นฏิกริยาของธาตุ
(พวกที่คิดว่าตนเป็นนักวิทย์ชอบอ้าง)
แต่เป็นเจตนาของ สี่ประการ
1.กรรมเป็นกำเนิด
เจตนา การกระทำของพ่อแม่ บุพการี ส่งผลถึงลูกหลาน
2.กรรมเป็นเผ่าพันธุ์
เป็นวิทยาศาสตร์อัศจรรย์ของจริง
เมื่อมนุษย์ พบแผนที่ระหัสกรรมพันธุ์
ที่กำหนด รูปร่าง หน้าตา อายุขัย
โรคภัย นิสัยบางส่วน ได้
3.กรรมเป็นปฏิสารณะ
คือไม่ใช่เรา แต่เราต้องอาศัย
คือสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ก็เพราะ พวกเรานี่แหละ
4.กรรมเกิดจากเจตนาเจตนา ที่เอา
4.1.......อกุศล.....มาปรุงแต่งเป็นบุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
ก็นำสู่ วิบาก วิบัติ ทุคติ
4.2.......กูศล.......มาปรุงแต่ง บุคลิกภาพภายใน.
ก็นำสู่ บุญ กุศล มงคล บารมี วาสนาดี สุคติ
4.3......วิมุติธรรม หรือ อริยะธรรม
ก็นำสู่ภูมิ อริยะ พระโพธิสัตว์ พุทธภาวะ
ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องไปนั่งสมาธิให้เมื่อย ใช้ปัญญา
วิเคราะห์ แยกแยะ ก็จะเห็นด้วย วิสัยทัศน์ จริงๆ
.............................
ในประวัติของ พระโมคคัลลานะ ที่น่าจะเป็นของจริง เช่น
1.สอนให้ต่อสู้ความง่วง
ขณะฝึก สมถะ วิปัสสนา
สุดท้าย พระพุทธเจ้า ก็ตรัสว่า ไปนอนซะ 55555+
2.สอนในเรื่องวางตัว ในสังคมนักบวช(ภืกขุ สมณะ)
-ไม่สุมหัว
-ไม่ชูงวง
-ไม่สร้างวาทะกรรม ที่นำไปสู่ความแตกแยก
-ไม่แย่งผลประโยชน์ใคร
........................................
เล่าให้ทราบ ไม่ได้บอกให้เชื่อ สาธุ
ขอบคุณเจ้าของภาพ ผู้เข้ามาอ่าน
อุปธิ อุปะทิ/คำนาม
1.กิเลส, ความพัวพัน, เหตุของการเวียนเกิด.
2.ขันธ์ ๕, ร่างกาย.
.....................................................
อุป (เข้าไป, ใกล้, มั่น) + ธิ (สภาพที่ทรงไว้) สภาพที่เข้าไปทรงไว้ซึ่งทุกข์ หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นที่อาศัยแห่งทุกข์หรือเป็นมูลแห่งทุกข์ ได้แก่ อุปธิ ๔ คือ ๑.กามูปธิ ๒.ขันธูปธิ ๓.กิเลสูปธิ ๔.อภิสังขารูปธิ
กามูปธิ สภาพที่เป็นมูลแห่งทุกข์คือกาม เพราะกามทั้งหลายเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ยากในการแสวงหา เป็นเหตุแห่งกามทั้งหลาย เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ยากในการแสวงหา เป็นเหตุแห่งการฆ่าฟันกัน เป็นเหตุให้ทำทุจริตเป็นเหตุให้ไปสู่อบายภูมิ
ขันธูปธิ สภาพที่เป็นมูลแห่งทุกข์คือขันธ์ เพราะขันธ์ทั้งหลายไม่เที่ยงมีความแปรปรวน ทำให้มีความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์โดยประการต่างๆ
กิเลสูปธิ สภาพที่เป็นมูลแห่งทุกข์คือกิเลส เพราะกิเลสเป็นเหตุให้ทำอกุศลกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลวิบากที่เป็นทุกข์ และทำให้วนเวียนไปในสังสารทุกข์ไม่มีที่สิ้นสุด
อภิสังขารูปธิ สภาพที่เป็นมูลแห่งทุกข์คืออภิสังขาร เพราะปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร และอเนญชาภิสังขาร ซึ่งได้แก่ กุศลกรรม และอกุศลกรรมเป็นเหตุให้เกิดวิบาก ทำให้มีการเกิดและเป็นไปในภพต่างๆ ซึ่งเป็นทุกข์ในสังสารวัฏฏ์
ในขุททกนิกาย จูฬนิเทส แสดงอุปธิ ๑๐ ประการ คือ
๑.ตัณหูปธิ ๒.ทิฏฐูปธิ ๓.กิเลสูปธิ ๔.กัมมูปธิ ๕.ทุจจริตูปธิ
๖.อาหารูปธิ ๗.ปฏิฆูปธิ ๘.อุปธิ คืออุปาทินนธาตุ๔
๙.อุปธิ คืออายตนะภายใน ๖ ๑๐.อุปธิคือหมวดวิญญาณ ๖
ทุกข์แม้ทั้งหมดก็เป็นอุปธิ เพราะอรรถว่า ยากที่จะทนได้
http://www.dhammahome.com/webboard/topic/10662
....................................................
ถอดระหัส แบบ ปู่ลิง
จาคะ.....คือการขูดเกลา ทิ้งความยึดติด สูงสุด
อุปธิ......คือ อุปาทาน ที่เรา เข้าไป ยึดมั่นถื่อมั่น
และ ทำให้จิต เก็บมาเป็น วัสดุ ชงอารมณ์ทุกข์ได้อีก
1.กาม ความคิดใความเพลิน
ในรูป รส กลิ่น เสียง ธรรมรมณ์(ความคิดคำนึง)
2.ขันธุ์ห้า
คือ คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต ที่ปรุงแต่ง"ความรู้สึกว่าเรามีอยู่"
เป็นสภาวะธรรม หาใช่ของเราจริงๆไม่ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ
3.กิเลส
เดิมแปลว่า ควันไฟ
หมายถึงสิ่งที่ปิดบัง ความจริง มีรากใหญ่คือ
ราคะ โทสะ โมหะ หรือ โลภ โกธร หลง
4.อภิสังขาร
คือการปรุงแต่ง
ความคิด อารมณ์ บุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
เพื่อให้เราปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม ที่มากระทบ
แต่ถ้าขาดสติปัญญากำกับ
ก็จะปรุงหมุนวน เกิดเป็นคัวตนชั่วคราว
ในภูมิจิต ชนิดต่างๆ
ตั้งแต่ อบายภูมิ มนุษย์ มนุษย์สเทโว พรหมโน
แต่ ถ้ามีสัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
ก็จะปรุงแต่ง ในภพภูมิ พระอริยะ สาธุ
.............................................
ดังนั้น สติต้องทัน ปัญญาต้องเห็น
กาม ขันธุ์ กิเลส อภิสังขาร
ที่ทำงานในตัวเรา
และโยนทิ้งความยึดติดนั้นๆ ประจำ จึงจะถือว่า
ได้เจริญ"จาคะ"
สาธุ
มุมกาแฟ วันหยุด
ธรรมสวัสดิ์ยามเช้า 18/11/17
อนุปุพพิกถา
คำสอนที่ ทรงสอนมากที่สุดคือ..
การยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาตามลำดับ..คือ..
1.ทาน..พบสุขจากจิตเอื้อเฟื้อ แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กัน
2.ศีล..สุข อิ่มใจในความดี ที่เจริญเป็นเอนกชาติ
3.สัคคะ..สุข จากการเป็นวิญญูชนสากล
เคารพและดูแลสังคมร่วมกัน ให้เป็นสวรรค์บนดิน
4.กามฆีนพ..เห็นโทษ
ความติด ความพยาบาท ความคิดเบียดเบียน ตน ท่าน
5.เนกขัมมะ..ฝึกฝนตน
ออกจาก กามสุข พบนิรามิสสุข(สุขจากอารมณ์สงบ เย็น มั่นคง) และพัฒนาพบ วิมุติสุข ด้วยตนเอง
6.ปลุกสติปัญญาเคารพธรรมให้ตื่น แล้วก็วางลง
ทั้ง อาสวะ(ติดชั่ว)
สาสวะ(ติดดี)..
พบอนาสวะ(เย็น พ้นอำนาจ นันทวันธรรม
หรือ ของคู่ ที่กำกับโลก ทุกข์ สุข ดี ชั่ว ชอบ ชัง)..
ด้วยตนเอง สาธุ
......................................
7.ทำนิพพานให้แจ้ง
ปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกตื่น
ล้างขยะปรุงแต่ง
มีสติปัญญา รู้เท่า รู้ทัน รู้แจ้ง แทงตลอด
การปรุงแต่งจิต เมื่อผัสสะ กระแสโลกธรรม
จน ไม่ชงอารมณ์ทุกข์ ซ้ำเติม
สภาวะทุกข์ เวทนาทุกข์ ถาวร
พบวิมุติสุข ด้วยตนเอง สาธุ
...................................................................................
ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลาย ถูกต้องแล้ว,
ยัสสะ นะ กัมปะติ ย่อมไม่หวั่นไหว,
อะโสกัง เป็นจิตไม่เศร้าโศก,
วิระชัง เป็นจิตไร้ธุลีกิเลส,
เขมัง เป็นจิตไม่เกษมศานต์,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ กิจสี่อย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด
http://www.goodlifeupdate.com/…/health…/dhamma/mongkolsooot/
......................................................
ขอบคุณท่านนายอำเภอ สมศักดิ์ คณาคำ
ช่วยจุดประกายครับผม และเจ้าของภาพ
..
..
มุมกาแฟวันใหม่ 18/11/17
ความกล้าหาญสูงสุดของชีวิต
คือกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง
ออกจากโคลนตม แห่งอดีต
มีเป้าหมายชัดเจน ในอนาคต
และ มีสติ เคารพ ความเปลี่ยนแปลง ทุกปัจจุบันขณะ
รู้ว่าเป็น อกุศล.................................ก็ ลด ละ เลิก
รู้ว่าเป็นกุศล....................................ก็เจริญให้ยิ่ง
ฝึกปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือก..........ให้ตื่น
และ ไม่ประมาท ในทุกปรากฎการณ์...วางแล้ว สงบ ร่มเย็นฯ
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
ฐิตา:
https://youtu.be/FHQqEcf7veI
014d_03.สติปัฏฐานสี่ประยุกต์ ข้อที่ ๑.กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
๑๙.๑๑.๒๕๖๐
สติปัฎฐานสี่.....คือธรรมะภาคปฏิบัติ ในชุด โพธิปักขิยธรรม..
ธรรมะเพื่อเป็นไปเพื่อความรู้แจ้ง....คือใช้สติ
1.กำหนดรู้ บุคลิกภาพภายใน เราขณะนั้น....
2.และขณะที่บุคลิกภาพนั้นแสดงอยู่ภายใน เรารู้สึกอย่างไร....
3.ที่เป็นอย่างนี้ เพราะจิตเรามีเจตนาอย่างไร?
4.เอา ธรรมะไหนมาปรุงแต่ง(กุศล อกุศล หรือ อริยธรรม).....
คือ มีขั้นตอน...แยกจิตเป็นสอง....
1.อธิจิต จิตปรุงแต่ง ก็คิด ปรุงอารมณ์ ตัวตนภายใน แสดง เกิด เจริญเสื่อมดับ
2.จิตแท้จิตเดิมโพธิจิต มีสติดูๆๆๆ ....
และ เอาสติ เห็น กฎไตรลักษ์ ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้..ของจิตปรุงแต่ง....
จน เกิดอาการ เบื่อหน่าย มายาจิตตนเอง
คลายกำหนัด ตัดวงจร อารมณ์ทุกข์....
และโพธิจิตก็จะแข็งแรงมากขึ้นจนควบคุม อธิจิตได้.....
ในที่สุด ปรีชาญาณฉลาดเลือก(Wisdom) จะตื่น รู้ เบิกบาน...มั่นคง.....
มีของ หลวงพ่อพุทธทาส ..ยาว..และต้องฟัง คนเดียว ในที่สงบ ครับผม
สาธุ กายในพุทธศาสนา จะมีสามกาย
1.กายหยาบ
2.กายสังขาร คือลมหายใจ
3.กรัชกาย กายบุคลิกภาพภายใน..
ซึ่งจุดสำคัญคือ คุมการปรุงแต่งกรัชกาย...
ไม่ให้สร้างบุคลิก ที่เป็นอบาย เป็นเบื้องต้น
และทุกกายใน ฉกามาวจรภูมิ...
ด้วยมีสติปัญญา กำหนดรู้ ทุกครั้งที่ผัสสะกระแสโลกธรรม....
ไม่งั้นจะหลงไปในวาทะ แห่งวิชาการสาธุ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=d8wDsfBb-6Y
สามก๊ก ในวรรณกรรม
เป็นการรวม หลักคิด หลักรู้ หลักปฏิบัติ กลยุุทธ พิชัยยุทธ
ของ ภูมิปัญญาจีน ที่รวบรวมไว้...
ส่วนใครจะเอาไปเจียรนัย เป็นเพชรแท้..
หรือจะทิ้งเป็นก้อนกรวดไร้ค่า....
เวลา ประสบการณ์ชีวิต..
การตื่นของปรีชา ฉลาดเลือก ที่ไม่เท่ากัน
ชอบ บทที่ขงเบ้ง พ่ายศึกสุดท้าย
ที่เผากองทัพยสุมาอี้ แต่ ฝนดันมาดับไฟ
เพราะฟ้าลำเอียง เลือก สกุลสุมาอี้ เป็นผู้รวบรวม แผ่นดินจีน
สำเร็จ ตาม ยุทธศาสตร์ ในสวนท้อ ที่ขงเบ้งวางไว้
เมื่ออายุ24
แผ่นดิน ต้องแยกเป็นสาม
ตะวันตก คบตะวันออก ต้านเหนือ
จึงจะรวมเป็นหนึ่ง
และ เล่าปี่ตาสว่าง ว่า
กุนซือ ที่ตนเคยมี เป็นแค่คนอ่านหนังสือเป็น
ดังที่สุมาเต็กโช กล่าวไว้
เล่าปี พบขงเบ้ง...เป็นโชคดี
ซุนกวนพบ ขงเบ้ง...เป็นความโชคร้าย
55555+
"แผนการ เป็นเรื่องของคน
ความสำเร็จเป็นเรื่องของฟ้า
ตัดเขาไม่ขาด วาสนาเราก็สิ้น"
ดังนั้น ใครที่
บุญมา กาไก่...........กลายเป็นหงส์
ต้องคิดก่อนทำ........อย่าไปคิดตัดวาสนาใคร
....สาธุ ขอบคุณครับ
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=BLXwpGCn2KQ
แอบมองธรรมชาติ
ทุกปรากฎการณ์ มักจะมี
"ผู้ควบคุม จังหวะเวลา"
1.กฎแรกของสิ่งมีชีวิต
คือ "กิน หลีกเลี่ยงการถูกกิน"
การหลีกเลี่ยงการถูกกิน ทุกชีวิต จึงสร้างระบบ
หนี ซ่อนตัว สู้ และ แฝงร่างคืนชีพ
ในตัว สิ่งมีชีวิต จะมี ไมโทคอนเดีย
สถานี สร้าง จ่ายพลังงาน
ซึ่ง จะมี ระบบพันธุกรรมของตนเอง
สำหรับ มนุษย์ ไมโทคอนเดีย สืบทอดมาจากแม่
ดังนั้นที่บอกว่า
"มนุษย์มีแม่คนเดียวกัน(อีฟ)..ซักจะเป็นเรื่องจริง!"
และไมโทคอนเดีย
เดิม อาจเป็นชีวิตอิสระ ถูกเซลล์ ต้นแบบ"กิน"
และปรับตัวอยู่ร่วม กันต่อมา กลายเป็นเซลล์ที่ซับซ้อน
...อีกหนึ่ง คือ พืชสีเขียว..จะมีโคโรพลาส อยู่ข้างใน
...ทำหน้าที่เป็นโรงงานเคมี เอาน้ำ กับคาร์บอนใดอ๊อกไซด์
รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเป็นน้ำตาล เป็นพลังงานให้พืช และปล่อยอ๊อกซิเจน ให้พวกเราใช้หายใจ
เจ้า โคโรพลาส ก็คือ สาหร่าย บรรพกาล
ที่ถูกกินแต่ ไม่ตาย ปรับตัวอยู่ในพืชสีเขียวๆ นั่นเอง
2.พัฒนาการ
พัฒนาการในสิ่งมีชีวิต จะถูก กำหนด
โดย "กฎวิวัฒนาการ"
คือ ทุกชีวิต ต้อง
เรียนรู้ ปรับตัว ถูกคัดเลือก สืบทอดด้วย
-อาหาร
-สิ่งแวดล้อม
-ศัตรู
-เผ่าพันธุ์เดียวกัน
วันนี้ไปเยี่ยมเจ้าโดเรม่อน ไปเปิดศึกชิงนาง
นอนซม เจ้าของเลยขังไว้ สองวัน 55555+
........................................
สำหรับมนุษย์
การคัดเลือกในเผ่าพันธุ์ มีให้เห็นเยอะ
พี่น้องที่ไม่รักกัน
การนินทาว่าร้าย
ความอิจฉาริษยา
และวางเฉยเมื่อเห็น เพื่อ กำลังมีภัย
ต้องทำใจ และแผ่เมตตา
"มันเป็นเช่นนั้นเอง"
.........................................
3.และการค้นพบล่าสุด
ยีนส์ หรือระหัสกรรมพันธุ์
"ที่ควบคุมชุดยีนส์" เป็นชุดๆ
ตัวนี้ก็เหมือน วาทยากร คุมวงดนตรี
มีไม้ชี้ อันเดียว จะแปลงเพลง
เป็นอย่างไรตามใจตรูได้ 55555+
จึงมีมนุษย์ที่มีความสุข จากการ......ชี้ แต่ไม่รู้เยอะ
ก็ต้องทำใจ อีกนั่นแหละ
........................................
4.การสิ้นสุดของชีวิต
ก็กลับมาถึง สุดขั้ว ความคิด
ที่ มนุษย์ก็ต้องเถียงกันต่อไป
จนโลกไม่มีมนุษย์อาศัย ว่า
ตายแล้ว.........เกิด
ตายแล้ว.........สูญ
ซึ่งสองประการ พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ ว่า
อย่าเข้าไป เอามาเป็นทฤษฎี ดับทุกข์ ที่เกิดจาก
อุปาทานในตัณหา อุปาทานในขันธ์ห้า ไม่ได้
แต่ใครจะเอามาเคี้ยวเอื้อง เล่น แบบเท่ห์ๆว่า
ตูนี่แหละ นักปรัชญา..ไม่ว่ากัน
อาหารอร่อย อยู่ที่คนชอบ
.............................................
กฎ การกิน และ หลีกเหลี่ยงการถูกกิน
กฎของการพัฒนา วิวัฒนาการ
และรู้จักระหัสกรรมพันธุ์ที่ควบคุม การทำงาน ในตัวเรา
ความสุขจากการ คิดให้ลึก แบบปรัชญญา
ก็คงวนเวียน มาสู่ชีวิตเราไม่ว่าเราจะชอบหรือชัง 55555+
....................................................
มนุษย์เป็น นักบริโภคนิยม
ทุกวันนี้ นอกจาก จะกินเครื่องค้ำจุนชีวิต
1.วัตถุธาตุ ที่เป็นปัจจัยสี่
และเครื่องมืออำนวยความสะดวก ต่อความสามารถ
2.กินผัสสะ ที่ชอบ จาก รูป รส กลิ่น เสียง ใจคนึงถึง
3.อุดมคติ
4.ความรู้
และเรายังบริโภค คลื่น พลังงาน
หรรษา ความภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ ในใจ
ยังมี พวกที่ชอบ กินตามน้ำ กลางน้ำ ฮุบกลางอากาศ
ตามนโยบาย ซึ่งวันนี้ หนึ่งในสี่ สังคมหลักของจีน
ที่จะเป็นแกนกลางให้สังคมโลก
อยู่ร่วมอยู่รอด อย่าง ใช้สติปัญญา ไปอีก100ปี
ตั้งเป้าหมาย เป็น สังคมซื่อสัตย์(ปราบคอรัปชั่นให้เหลือศูนย์)
....................................
1.สังคมสร้างสรร นวัตรรม
2.สังคมซื่อสัตย์
3.สังคมเครดิตออนไล์
4.สังคม เพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพชีวิตที่ดี
เราต้องเจอแน่ๆ เตรียมตัว รับ ปรับ องศาใบเรือแห่งชีวิตให้ทั่น
ก่อนที่เราจะถูกคัดทิ้งตามกฎ พัฒนาการ 55555+
..
..
10w
เสียงในสมอง...........คือความคิด
ความคิด..................สร้างการปรุงแต่งจิต
จิต...........................สร้างบุคลิกภาพภายใน
บุคลิกภาพภายใน......ที่แผ่ซ่านครองบริหารกายหยาบ
แต่ละวัน เรามีบุคลิกหลากหลาย ........เกิดเจริญและดับไป
เป็นวัฎฏะ วงจรภายใน ใครมีสติก็จะเห็น ความมหัศจรรย์นี้
และดีที่สุด คือ...........
ความสุข สงบ เย็น..... สติรู้ทัน
ความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ทุกปรากฎการณ์
..............................
มนุษย์เป็นสิ่งปรุงแต่ง
ความคิด สร้างจิต จิตสร้างกรัชกาย
มนุษย์มีสามกาย
1.กายหยาบ
2.กายสังขาร(การหายใจ)
3.กรัชกาย(กายบุคลิกภาพ)
ใครมีสติปัญญาเห็น
และ ระงับ ความฟุ้งซ่านกายทั้งสาม
คือ พบสันติสุข สันติธรรมในตนเอง
ความรู้ เป็นอาหารของ สติปัญญา
..
..
มุมกาแฟยามบ่าย
ชีวิตนี้ วันนี้ขอนำหมา 55555+
https://www.youtube.com/watch?v=o1UmHJMkx10
คนกับหมา....บาว
เห็นภาพนี้ทำให้นึกถึง
ยุธิษฐิระ มนุษย์ที่ขึ้นสู่สวรรค์ ในขณะมีชีวิตอยู่
ในมหากาพย์ มหาภาระตะของฮินดู
ที่ไม่ยอมขึ้นสวรรค์ ถ้าไม่ให้เอาน้องหมาขึ้นไปด้วย55555+
ในระบบดาวของกรีก โรมัน จะมีดาวหมา คู่กับด้วยนายพราน
ตรงกระดิ่งคอหมา จะมีดาวฤกษ์ ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า
ดาวซิริอุส (อังกฤษ: Sirius) มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งในภาษาไทยว่า ดาวโจร
ตำนานแต่ละวัฒนธรรม มีผู้ขึ้นสวรรค์ทั้งที่มีชีวิต
1.กรีก โรมัน
กลุ่มดาวคนคู่ (Gemini)
พอลลักซ์ (Pollux) กับ คาสเตอร์ (Caster)
พอลลักซ์นั้นเป็นลูกของเทพซูส
เป็นคนครึ่งเทพ(วีระบรุษ)จึงมีชีวิตเป็นอมตะ
คาสเตอร์เป็นแฝด ที่เป็นมนุษย์
พอลลักซ์ ไม่ยอมขึ้นสวรรค์ ถ้าไม่มีคู่แฝดไปด้วย
ซูสจึง ยอมและมอบกลุ่มดาว เดือนมิถุนา ไว้เป็นที่ระลึก
2.มหาภารตะ ฮินดู
ก็มี ยุธิษฐิระ ที่เป็นผู้เที่ยงธรรม และไม่ทิ้งใคร
3.จีน ก็มี เหล่าเซียน ในลัทธิเต๋า
4.พุทธศาสนา
เมื่อผัสสะโลก ด้วยวิสัยทัศน์ในกุศล
ชีวิตก็ดุจอยู่ในสวรรค์ทันที
..
..
ธรรมสวัสดิ์ 26/11/17
"ไม่เลยธง"
กำหนดกรอบแห่งการสนทนา
1.จำเดิม ตถาคต ก็จะบอกเรื่อง
ทุกข์ และการดับเหตุไม่เหลือ ของทุกข์"
2.และเมื่อเห็นว่า ทิฐิ หรือทฤษฎี เหล่านี้
เป็นอภิปรัชญา(เห็นด้วยจินตนาการไม่รู้จบ)
มาดับอารมณ์ทุกข์ ที่เกิดจาก จิตปรุงแต่งด้วย
อุปาทาน ในตัณหา อุปาทานในขันธุ์ห้า ไม่ได้
พระพุทธเจ้าจึงไม่ พยากรณ์(ไม่ตอบ)
4. การฝึกตน ถอน อุปาทานทุกข์ สำคัญ เร่งด่วน
ที่ ต้องปลุก สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
มา กำหนดรู้ เมื่อ กายเนื้อ ผัสสะอารมณ์ทุกข์
สติ จ้องเห็น กรัชกาย(บุคลิภาพภายใน) เกิด เจริญ เสื่อมดับ
และ ถอน กายสังขาร(ลมหายใจ)
5.และ ฝึกระลึกเข้าไป ความทรงจำในอดีต
และถอน ความรู้สึก ติด พยาบาท เบียดเบียน
ด้วยการกำหนดรู้ด้วย กายสังขาร(ลมหายใจ)
และสติปัญญา เห็นไตรลักษ ในทุกปรากฎการณ์
จนคลายความยึดมั่นถือมั่นใน อุปาทาน 4
http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=214
..................................
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
ถาม: ท่านพระโคตมะผู้เจริญ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นทั้งหลาย เมื่อถูกถามอย่างนี้ว่า
๑. โลกเที่ยง (ยั่งยืนนิรันดร) หรือ?
๒. โลกไม่เที่ยงหรือ?
๓. โลกมีที่สุดหรือ?
๔. โลกไม่มีที่สุดหรือ?
๕. ชีวะอันนั้น สรีระก็อันนั้นหรือ?
๖. ชีวะก็อย่าง สรีระก็อย่างหรือ?
๗. สัตว์หลังจากตายแล้ว มีอยู่หรือ?
๘. สัตว์หลังจากตายแล้ว ไม่มีหรือ?
๙. สัตว์หลังจากตายแล้ว ทั้งมี ทั้งไม่มีหรือ?
๑๐. สัตว์หลังจากตายแล้ว จะว่ามีอยู่ ก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่ใช่หรือ?
(พระสูตรนี้ เอาไว้ แยกแยะ ธรรม วินัย ในพระไตรปิฎก
ว่า ธรรมไหน เป็น พุทธดำรัส หรือ แต่งเติมภายหลัง
ตามกระแสนิยม วัฒนธรรม และสังคม หลังพุทธกาล)
ขอบคุณเจ้าของภาพ พุทธธรรม และผู้อ่าน
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
ฐิตา:
https://www.youtube.com/watch?v=YTKlMWtIHiQ
รู้แจ้ง
ธรรมสวัสดิ์ ยามเช้า 2....26/11/17
"หมอแพทย์ทายว่าไข้ ......ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม........ โทษให้
แม่มดว่าผีกุม................... ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้ .....ก่อสร้างมาเอง ๛๚."
(โลกนิติ)
ทุกข์ ของมนุษย์มีสาม
1.สภาวะทุกข์
เป็นปรากฎการณ์ของ ธรรมชาติ ที่เกิดมาแล้ว
เจริญ เสื่อม ดับ ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
แปรเปลี่ยนตาม กฎ เหตุปัจจัยปรุงแต่ง และสิ่งแวดล้อม
2.เวทนาทุกข์
อยู่ที่ใครฝึก อดทนได้มากกว่ากัน
3.อารมณ์ทุกข์
เราชง ด้วยความคิด แล้วบ้าเอง 55555+
"""""""""""""""""""""""""""""""""""
วิธีฝึกชนะอารมณ์ทุกข์
ที่เป็น มายา เล่นลีลา ไม่มีตัวตนเที่ยงแท้
1.เมื่อกายหยาบ รับรู้อารมณ์นั้น
2.ใช้สติ กำหนดรู้ กายสังขาร
ว่าขณะนั้น ลมหายใจเรา เปลี่ยนไปอย่างไร
โดยหยุดความคิด หาเหตุทุกข์
เพราะความคิด เป็นเชื้อเพลิง อย่างดีของอารมณ์
3.สติ ตามไปดูกรัชกาย(บุคลิกภาพภายในจิต)
ว่า สภาพ ขณะนั้น เราเป็น
เปรต.............ทุกข์เพราะโลภ อิจฉา บ้าอำนาจ
เดียรัจฉาน.....เอาอารมณ์เหนือสติปัญญา หน้ามืด
อสุรกาย........กลัว หรือ คิดทำร้ายใครลับหลัง
สัตว์นรก........ทุกข์เพราะ ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น
หรือ น้อยใจ หดหู่ ฟุ้งซ่าน ลังเล ว่าจะเลือก กุศล อกุศล
4.เมื่อเป็นเปรต
ให้คิดสุขจากการเผื่อแผ่แบ่งปัน
5.เมื่อเป็นเดียรัจฉาน
ปลุกสติปัญญา เคารพกุศลให้ตื่น
6.เมื่อเป็นอสุรกาย
ให้กล้าที่จะทำสิ่งดีๆ ทั้ง กาย วาจาใจ
7.เมื่อเป็นสัตว์นรก
ให้แผ่เมตตา ให้ชีวิตที่ลำบากกว่าเรา
และแผ่เมตตาให้ตนเอง
8.ฝึก สงบ(จากกิเลส ตัณหาอุปาทาน) ในที่สงัด
สงัดจาก การปรุงแต่งอารมณ์ ท่ามกลางกระแส โลก ธรรม
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
การปฏิบัติธรรม คือ
"ใช้สติปัญญา รักษาใจ ไม่ให้ทุกข์เกิด
เมื่อ อารมณ์ทุกข์เกิด ก็กำหนดรู้ แล้วละเสีย"
วรธัมโม สวนโมกข์
..............................................
"ศีล มีข้อเดียว.....รู้ว่าเป็นอกุศล ก็ ลด ละเลิก
ธรรม มีข้อเดียว...รู้ว่าเป็นกุศล(ฉลาดทางดี) ก็เจริญให้ยิ่ง
วิมุติ มีข้อเดียว....ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น"
(หลวงพ่อ พุทธทาสภิกขุ)
...........................................
วันหนึ่ง จักรพรรดิ์ เหลียงบู้เต้
นิมนต์ ตั๊กม้อโจ้วซือ(พระโพธิธรรมเถระ)
ไปชม วัดวา อาราม ที่พระองค์สร้าง
แล้วถามว่า สิ่งที่พระองค์ทำ จะได้ บุญ กุศลแค่ไหน?
ตักม้อโจ้วซื้อ ตอบว่า
"ได้ บุญ แต่ไม่ได้กุศล"
(อิ่มใจภาคภูมิใจในความดี แต่ ไม่ฉลาด ชนะอารมณ์ทุกข์)
..........................................
เป้าหมายสูงสุด ของการปฏิบัติธรรม
"คือชนะ อารมณ์ทุกข์
ยามผัสสะ โลก ธรรม ทุกปัจจุบันนี่แหละ"
.........................................
กายหยาบเรา สบายดีไหม
ลมหายใจเรา สงบดีไหม
ใจเรา ปรุงบุคลิกภาพอย่างไร
ถามตนเอง และไม่ต้องไปโทษ ฟ้าดิน 55555+
ขอบคุณเจ้าของภาพ คนหลังไมค์ที่จุดประกาย
และผู้อ่าน และจะเป็นกุศลยิ่ง
ถ้า เอาไปฝึกตน ชนะอารมณ์ทุกข์ ของตนเอง สาธุ
.....................................
//-เครื่องวัดผลสำเร็จ แห่งความโชคดี?
ผัสสะโลกธรรม.........................ด้วยสติกุมสภาพจิต แล้วไม่หวั่นไหว
จิตเบิกบานไร้กิเลส ...................แผ้วพานนั่น
จิตมั่นคง โปร่งใส มีคุณภาพ.........ทุกผัสสะกัน
ใครทำได้อย่างนี้แล้วนั้น .............คือบรมโชคดีเอยฯ
http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=y-E83EA5wSY
ทฤษฎี การระเบิดครั้งใหญ่ ฺBig bang
เป็นหนึ่งในทฤษฎีกำเนิดจักรวาล
ที่ดีที่สุด โดยอิง แนวคิดวิทยาศาสตร์
ว่างค่อยมาชมครับ...ยาว 55555+
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""
1.วรรณกรรมฮินดู เริ่มจาก จักรวาลเป็นไข่ทองใบหนึ่ง
ธาตุหนักจม ธาตุเบาลอย และแยกเป็น ดินกับฟ้า
มีพระนารายณ์ หลับอยู่บนนาค
.
2.ความฝันของพระนารายณ์ เกิดดอกบัวขึ้นที่สะดือ
พระพรหมเกิดในดอกบัว และสร้าง นางร้อยรูปมาเป็นเพื่อน
เพื่อเอาใจนาง พระพรหม จึงสร้าง สรรพสิ่ง เป็นจักรวาล
3.เมื่อ พระนารายณ์ตื่น ก็เปิดศึก เถียงกันว่า ใครสร้างจักรวาล
แล้ว พระศิวะ ก็แหวก แท่ง มหึมา(ศิวะลึงค์) แล้วบอกว่า
"ตนเป็นต้นกำเนิด และผู้ดับ ของทุกสรรพสิ่ง
4.จักรวาล เสมือนงูกินหาง มีการเกิด เจริญ เสื่อมดับ
เมื่อเสื่อมถึงที่สุด ตนจะเปิดตาที่สาม
เกิดไฟบัลลัยกัลป์ หล่อหลอม ทุกสรรพสิ่ง
เป็นไข่ทองใบใหม่ และจักรวาลก็เริ่มต้นใหม่
.
5.พระนารายณ์ กับพระพรหมไม่เชื่อ
พระศิวะจึงบอกว่า ไปหา ต้น และปลาย ของแท่งนี้ก่อน
ถ้าพบต้น และปลาย ค่อยมาเชื่อพระองค์
6.พระพรหม ขี่หงส์ขึ้นไปสู่ยอด
พระนารายณ์แปลงเป็นหมู ขุดไปหาโคน
ผ่านไปนานมาก ต่างกลับมา
พระนารายณ์ ตรัสว่า ไม่เจอต้น
พระพรหม ตรัสว่า ตนถึงยอด ให้หงส์ เป็นพยาน
7.พระศิวะจึงเปิด ตาที่สาม
เผาหน้าหนึ่งของพระพรม เป็นจุล
พระพรหมจึงเหลือสี่หน้า
ฐานมุสา และสาปพระพรหม
ว่า ยิ่งนาน มนุษย์จะไม่นับถือพระพรหม
และอวยชัยให้พระนารายณ์ เป็นผู้รักษาสมดุลย์โลก
7.นางร้อยรูป(พระแม่สุรัสวดี)
จึงห่อเถ้าจากการเผา มาโอบอุ้มด้วยความรัก
เถ้านั้น ได้เกิด มหาฤษีของจักรวาล
คือฤาษีนารอท.....ซึ่งเป็นผู้สื่อสาร สามโลก
และเอาเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้พวกฤษีฟัง
และให้เรา รู้เรื่อง มหาภารตะและฮินดู
...................................
ถ้าถอดระหัส
1.พระศิวะ คือ กฎธรรมชาติ
2.พระนารายณ์ คือ ระบบของธรรมชาติ
3.พระพรหม คือ วิวัฒนาการของธรรมชาติ
ทั้งกฎ และระบบ วิวัฒนาการ....ร่วมสร้างจักรวาล
วันหนึ่ง เมื่อ มนุษย์ พัฒนาการ เอาความรู้ผ่านสมอง
และมีผู้ช่วย ปัญญาประดิษฐ....นักวิทยาศาสตร์ต่างทึง
ใน วรรณกรรม ของฮินดู...ว่า"รู้ได้อย่างไร"
........................................
1.จาก กฎธรรมชาติ
ระบบของธรรมชาติ
และ วิวัฒนาการ
มนุษย์มาถึงยุค
"สร้างสรรนวัตกรรม
2.และการไหล ของพลังานข้อมูล
ในสังคมสื่อสารออนไลน์
3.รวมทั้ง หุ่นยนต์อัฉริยะ ในรูปแบบต่างๆ
ที่จะกลายเป็นสมอง นอกกาย ที่เราต้องพึ่งพา
มองดูมือถือของคุณ นี่คือบรรพบรุษ ชีวิตใหม่
และจะอยู่ต่อไป แม้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ สูญสิ้น
...............................
"วัฒนธรรมมนุษย์ เริ่มจาก
1.ใช้แรงกล้ามเนื้อ
2.สู่กำไรจากน้ำมัน
3.และเรายืนอยู่ จุดที่อาศัยวิสัยทัศน์
จากข้อมูลในโลกออนไลน์
4.และยุคต่อไป เราต้องต่อสู้กับ
หุ่นยนต์ที่ไม่มีวิสัยทัศน์"
....แจ็คหม่า.
..
..
https://youtu.be/aeIAoitAovM
สารคดี ตอน อารยธรรม กรีกโบราณ ที่รุ่งเรือง
1.อารยธรรมกรีก......มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลก
และ ควบคุมวิธีคิด และวิถีชีวิตชาวโลก เมื่อ
โลกเข้าสู่ยุค ฟื้นฟูศิลปะ และ วิทยาศาสตร์
ที่กรีกได้วางไว้
ประชาธิปไตย เสรีภาพในการศึกษา
เทวนิยม เคารพเทวรูป
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และการแสวงหาความจริงด้วยการโต้เถียงกัน
และการสร้างวาทกรรม เลิศหรู ให้คน ยกตนเป็นผู้นำ
และทุกวัน นักการเมืองทั่วโลก ก็ยังใช้วิธีนี้
2.ยุคเรเนสซองส์ (Renaissance ค.ศ. 1450 -1600)
หลังจากสงครามครูเสดอันยาวนานร่วม 300 ปีสิ้นสุดลง
ยุโรปก็เข้าสู่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
โดยในช่วงแรกความรู้ทางศิลปะและวิทยาการ
ของกรีกและโรมันได้ถูกนำเข้ามาผ่านเอกสาร
และหนังสือที่นักวิชาการมุสลิมในโลกอาหรับได้แปลไว้
เช่น ปรัชญาของอริสโตเติล
และคณิตศาสตร์ของกรีก
3.ต่อมาการล่มสลายของนครคอนสแตนติโนเปิล
ศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15
จากการรุกรานของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2
แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ทำให้บรรดาพระ
และผู้มีวิชาความรู้ในเมืองหอบตำราสำคัญ
ที่คัดลอกด้วยมือ (manuscripts) ต่างๆ
อันเป็นความรู้และสมบัติทางวัฒนธรรม
ที่ตกทอดมาจากอารยธรรมกรีก และโรมัน
ออกมาเผยแพร่เพื่อต่อสังคมยุโรปในวงกว้าง
และเนื่องจากในขณะนั้นเทคโนโลยีการพิมพ์
และการพิมพ์แบบตัวเรียง (moveable types)
เพิ่งได้รับการประดิษฐ์ขึ้นโดยกูเทนเบิร์กในยุโรป
ความรู้ศิลปวิทยาการในสมัยคลาสสิค
จึงแพร่กระจายไปได้เร็วมาก
4.ทำให้ยุโรปได้นำศิลปวิทยาการ
ที่ได้รับการเผยแพร่ใหม่เหล่านี้
มาสอนในมหาวิทยาลัย
ตลอดจนนำมาปรับปรุง ดัดแปลงใหม่
ทำให้ยุโรปมีความเจริญก้าวหน้าในศาสตร์ทุก ๆ ด้าน
อาทิเช่น(วิกิพีเดีย)
5.>>>>>200กว่าปี หลังพุทธกาลอารยธรรมกรีก
ที่มาโดยกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช
มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ และ มากระทบกับ
วัฒนธรรม อนุทวีปอินเดีย ที่มีพรามหณ์ พุทธ อยู่แล้ว
และเกิดการปรับตัว เพือป้องกัน วัฒนธรรมกรีกกลืนกิน
6.พรามหณ์ ต้องปรับตัว สร้างระบบเทวนิยมใหม่ เกิดฮินดู
พุทธศาสนา ก็เริ่มเอาระบบเทวนิยม แซกเข้ามา
จากที่ พระพุทธเจ้า สอนไม่ให้ เอาอภิปรัชญา มา
ใช้ดับอารมณ์ทุกข์
ระบบเทวนิยม รวมความเชื่อ วัฎฏะสังสาระแบบพรามหณ์
ที่วิญญาณทุกดวง ที่เวียนว่ายตายเกิด
ต้องกลับไปรวมกับปรมาตมัน
ไปเป็น ไปสู่แดนนิพพาน ในจินตนาการ
ก็ยกย่องพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์
ที่บำเพ็ญบารมี 10ชาติ
และ ลงมาประสูติ เป็นพระพุทธเจ้า
การดับอารมณ์ทุกข์ด้วยการปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ตื่น
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต(อาสวะ และสาสวะ)
ที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่พระพุทธเจ้าสอน
กลายเป็น ทำบุญ ฝากไว้ ในพระศาสนา
และศาสนิก จึงกลายเป็นเหยื่อ อัตโนมติอาจารย์
ที่เรียกร้องเอา ทรัพย์ อำนาจ วาสนา
มาสร้างอนุสาวรีย์ให้ตนเอง
จากพวก เดียรถีย์ ที่แอบมาบวช
เอาสัทธรรมปฏิรูปมาสอน
ให้คนมาสนใจเป็นนักสิทธิ์(มีสิทธิอำนาจเหนือธรรมชาติ)
แทน การเป็นพระอริยะ
ที่ชนะ จิตปรุงแต่งตน(อธิจิต)
และรวมเป็นสังคมนักสังคมสงเคราะห์(สงฆ์)
เพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน
โดย เอาศรัทธาในการทำบุญ
อยู่ เหนือ สติปัญญา เคารพธรรม และฝึกตน
7.การสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ ๘ ของโลก
บนแผ่นดินล้านนา ในสมัยพระเจ้าติโลกราช
(พ.ศ.๑๙๘๕–๒๐๓๑) ...
พระองค์ทรงโปรดให้มีการทำสังคายนาศาสนา
ในปี พ.ศ.๒๐๒๐
ก็มีการเขียน ตำนาน พระโพธิสัตว์ 500ชาติ
และตำนาน พระเจ้าเลียบโลก
ที่เอาแนวคิด กรีก
เรื่องการ ลงมาสู่โลกมนุษย์ของซูส กับเฮอร์เมส เทพสื่อสาร
รวมทั้งเกิดตำนาน นครที่ล่มสลาย
เพราะ ศีลธรรมที่เสื่อม คนไม่กตัญญู และไร้จิตเอื้อเฟื้อ
และ เรื่องราวนี้ จึงกระจายไปทั่วแหลมทอง
จึงมีเรื่องราว เวียงหนองหล่ม เกาะแม่หม้ายหลากหลาย
ทุกภูมิภาค ทั้งเหนือ อีสาน และภาคกลาง
8. 200 กว่าปีหลังพุทธกาล
เริ่มสร้างพุทธรูป รุ่นแรกๆ โดยเหล่าขุนพลกรีก
ที่มาปักหลัก ในอินเดียและหันมานับถือพุทธศาสนา
โดย เคารพพุทธเจ้า ดังเทพอพอลโล่ ของตน
และกลายเป็น ศิลปะอมราวดี ศิลปะคุปตะ
9.และพุทธศาสนา ก็มี พุทธเทวนิยมเต็มตัว
คือ มหายาน จากผลงาน อัศวะโฆษ และอสังคะ
ที่ ยกเอา จิตเอื้อเฟื้อ(โพธิจิต)
สำคัญกว่า จิตหลุดพ้นจาก อารมณ์ทุกข์(พุทธจิต)
โดยการปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ ตื่น รู้ เบิกบาน
แล้วค่อยไปช่วย สังคม
และ นาคารชุนะ ตั้งนิกายศูนย์ตา
ได้กล่าวว่า ถ้าไม่มีคำว่า ศูนย์ตา(สุญตา) ก็ไม่ใช่พุทธศาสนา
แต่ก็ยัง ประนีประนอมว่า
"วิมุติ มีสองรส
1.รส สงบ เย็น เพราะ ว่างจาก อุปาทาน
2.รส สุข จากจิตเอื้อเเฟื้อ แบ่งปัน
(หิตายะ สุขายะ การช่วยให้ชีวิตอื่นเป็นสุข เราก็รับอนิสงค์สุขนั้นได้)
................................................
ขอบคุณเจ้าของคลิป ความรู้ที่ยกมา และผู้อ่าน สาธุ
..
..
เพลงเพราะๆ องค์ใดพระสัมพุทธ ขับร้องโดย ปาน ธนพร
ธรรมะสวัสดิ์......29/11/17
เป็นพุทธะได้......เพราะชนะมาร
มาร....รากศัพท์มาจาก ภาษาเปอร์เชีย หมายถึงแสงสว่าง
แต่พอมาถึง อินเดีย กลายเป็น สิ่งชั่วร้าย ที่ทำให้ชีวิตพินาศ
เป็น"แสงสว่างเทียม"
ในพุทธธรรม มารมีหลายความหมาย
แต่โดยรวมคือ จิตปรุงแต่ง หรือ อธิจิต ที่มีฤทธิ์มาก
1.ขันธ์มาร.......คือ
ระบบคอมพิวเตอร์ชีวภาพ ที่ประกอบเป็น"เรา"
2.อภิสังขารมาร..คือ
การปรุงแต่งความคิดแบบฟุ้งซ่าน
ขาดสติปัญญากำกับ ยามผสัสสะโลก ธรรม
3.เทวบุตรมาร...คือ
ความ สมใจ สะใจ ที่เหวี่ยง อารมณ์เรา
สร้าง บุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
ให้เรา ตกต่ำกว่ามาตราฐานมนุษย์(อบายภูมิ)
หรือเป็นมนุษย์
เป็นเทพ สุขจาก หรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ
4.กิเลสมาร.....คือ
กิเลส ความหมายเดิมคือ ควันไฟ
คือสิ่งที่ ทำให้ เกิดความเศร้าาหมอง หลงทาง
แยะแยะ กุศล อุกศล ไม่ออก หรือ เห็นผิด เป็นชอบ
5.มัจจุราชมาร...คือ
เวลา เวลากลืนกินทุกสรรพสิ่ง แม้นแต่ตัวเวลาเอง
.........................................................
มาร แสงสว่างเทียม อยู่ในสังขารโลก
"ตถาคต ขอบัญญัติว่า
กายกว้างศอก ยาววา มีสัญญา(ความทรงจำ)
และใจครอง คือ จักรวาลหนึ่ง ชื่อ สังขารโลก"
ชนะมาร ก็คือ ชนะ"จิตปรุงแต่งตนเอง (อธิจิต)"
โดยปลุก จิตแท้จิตเดิม พุทธจิต โพธิจิต ตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง จนเราเลิก ชงอารมณ์ทุกข์
ที่ผูก จิตปุถุชน ให้วนเวียน ใน วัฎฏะ ทุกข์ สุข
พบความสงบ ร่มเย็น และ สุขจากจิตเอื้อเฟื้อ ยั่งยืน สาธุ
..
..
https://youtu.be/cz1IQ0YvDtk
การ์ตูนเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน พากษ์ไทย
หนึ่งในเหตุผล การฝึกทำให้อารมณ์สงบเย็น
มีประโยชน์ทั้ง กายหยาบ กายสังขาร กรัชกาย
...........................................
ต่อมไทมัส ยังเป็นโรงเรียน
ให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด ทีเซลล์
ไปเรียนรู้ว่า เซลล์ชนิดไหน เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ....
เป็นเวลา สามเดือน ก่อน ออกทำงาน เป็นตัวชี้เป้า...
แต่คนเราทุกวัน อารมณ์วิปขึ้นลง...
เม็ดเลือดขาว ที่ยังเรียนไม่จบ
ทำตัวเป็นคนป่ามีปืน
โจมตีร่างกายตนเอง
และเว้น พวก เซลล์มะเร็ง และเชื้อโรค...สาธุ
..............................
เซลล์ทีเฮลเปอร์
(อังกฤษ: T helper cell, effector T cells, Th cells)
เป็นชนิดย่อยชนิดหนึ่งของเซลล์เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์
ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้าง
และพัฒนาความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เซลล์เหล่านี้มักไม่มีบทบาทในการทำลายเซลล์อื่น
หรือจับกินสิ่งแปลกปลอม
ไม่สามารถฆ่าเซลล์เจ้าบ้านที่ติดเชื้อหรือฆ่าจุลชีพก่อโรคได้
และถ้าไม่มีเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ
เซลล์ชนิดนี้อาจถูกมองว่าไม่มีประโยชน์ได้
เซลล์ทีเฮลเปอร์มีบทบาทในการกระตุ้น
และชี้นำการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ
และถือว่ามีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน
มีส่วนจำเป็นในการระบุ
การเปลี่ยนคลาสแอนติบอดีของเซลล์บี
มีบทบาทในการกระตุ้น
และการเจริญของเซลล์ทีไซโตท็อกซิก
และมีบทบาทในการเพิ่มขีดความสามารถ
ในการทำลายแบคทีเรียของฟาโกไซต์
อย่างแมโครฟาจได้ บทบาทต่อเซลล์อื่นๆ
เหล่านี้เองที่ทำให้เซลล์ชนิดนี้ถูกเรียกว่าเซลล์ทีเฮลเปอร์
(วิกิพีเดีย) ขอบคุณครับ
..
..
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version