รวมความว่า มีความยึดมั่นในอะไร ? ที่ไหน ? เป็นเกิดความทุกข์ที่นั่น !
ต่างกันแต่ว่าปริมาณของความยึดมั่นนั้น จะมีมากน้อยแต่ไหนเท่านั้น ? อุปมา อุปาทานเหมือนการเล่นกันหมาดุ เอามือแหย่เข้าไปทีไร มันเป็นต้องงับทุกที แต่มันจะงับได้มากน้อยแค่ไหน ?
ก็ขึ้นอยู่ที่เราแหย่มือเข้าไปใกล้มันมากหรือน้อย ? มันกัดได้ถนัดหรือไม่ถนัด ? (ยึดมากถือน้อย ?) ทุกสิ่งในโลกนี้ รวมทั้งตัวเราด้วย
ไม่มีอะไรที่เราจะยึดมั่นถือมั่นได้เลย ยึดมากก็ทุกข์มาก ยึดน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่ยึดเลยก็ไม่มีทุกข์เลย เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เรายังจะดันทุรังไปยึดมั่นให้โง่อยู่อีกหรือ ?
เมื่อมีความทุกข์ขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อยปานใด ขอให้ตั้งข้อสังเกตดูเถอะ ว่ามีความทุกข์อะไรบ้าง ? ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีความยึดถือ ? หรือไม่มีตัวตนของตนเข้าไปหุ้นอยู่ด้วย ?
ผู้เขียนเองเคยประสบความทุกข์มาจนแทบว่าจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง ก็ยังไม่เคยพบเลยว่า มีความทุกข์ครั้งไหน ? ที่
ปราศจากความยึดถือหรือยึดมั่นถือมั่นเลย !
เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว อาจจะมีผู้ถามว่า
"ก็แล้วไปยึดถือมั่นหาพระแสงอะไรเล่า ?"
ก็ขอตอบด้วย
สัจจะว่า
"ก็ตอนนั้นมันยังอ่อนปัญญาอยู่ จึงเอามือไปแหย่หมามันเล่นดู คิดว่าหมามันจะเล่นด้วย แต่มันไม่ยักกะเล่นด้วยแฮะ ! แหย่เข้าไปทีไร ? ก็ถูกมันงับเอาทุกที ไม่แหย่มันก็ไม่ถูกงับ จนทุกวันนี้ แม้ใจมันก็ยังอยากจะแหย่มันอยู่ แต่ก็ไม่กล้าแหย่มือเข้าไป
มันโดนกัดเสียจนเข็ดจริง ๆ อันที่จริง
ไม่ว่าความชั่วหรือความดี เมื่อเข้าไปยึดมั่นแล้ว มันก็ทุกข์เหมือนกัน
ต่างกันแต่ว่าความชั่วมันทุกข์ร้อน แต่ความดีมันทุกข์เย็น แต่ทั้งทุกข์ร้อนและทุกข์เย็น มันก็ทำให้นอนไม่หลับได้เหมือนกันหรือเท่ากัน ถ้าจะมีคำถามว่า
" การที่จะ
ถอนความยึดมั่นหรืออุปทานนั้น
จำเป็นจะต้องโกนหัวเข้าวัด หรือรักษาศีลกินเพลหรือไม่ ?"
ก็ตอบได้ว่า
"ไม่ต้อง ! - ไม่ต้อง !! ดูแต่
พระโสดาบัน และ
พระสกิทาคามีสิ ท่านก็ยังอยู่ครองเรือน นอนกอดเมีย (ผัว) และลูกอยู่เลย หรือแม้แต่
พระอนาคามี ท่านก็ยังอยู่ครองเรือนได้"