ผู้เขียน หัวข้อ: กรุณาแห่งหัวใจ : เสียงเพรียกจากแม่ชีศันสนีย์  (อ่าน 1047 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


กรุณาแห่งหัวใจ : เสียงเพรียกจากแม่ชีศันสนีย์

 

       และแล้วงานร้อยกิจกรรมวันหนังสือเด็กแห่งชาติที่สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (ทีเคปาร์ค) ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ท่ามกลางงานยักษ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้มีหลายคนเข้าใจผิดว่างานที่ว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
       
       ไม่เป็นไรค่ะ..งานดีๆ ไม่มีหนเดียวแน่ค่ะ
       ว่าแล้วฉบับนี้ขอเก็บเกี่ยวกิจกรรมดีๆ บางส่วนของงานมาฝากเพื่อนคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
       
       หนึ่งในกิจกรรม ที่สร้างสรรค์ในงาน ก็คือการฉายภาพยนตร์ไทยในอดีต และมีการนำเอาเนื้อหาในภาพยนตร์ นั้นๆ มาเชื่อมร้อยกับการพูดคุยเสวนาเพื่อสะท้อนปัญหาสังคมในอดีตและปัจจุบันให้พ่อแม่ เด็กและเยาวชนได้ชมกันทุกวัน
       
       ภาพยนตร์เรื่อง “เมียหลวง” เป็นเรื่องหนึ่งที่มีผู้คนมาชมกันมาก อาจเป็นเพราะกำลังอยู่ในกระแสพอดี เพราะละครโทรทัศน์เรื่องนี้เพิ่งอวสานไปหมาดๆ ทั้งที่เรื่องนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายรอบ แม้เปลี่ยนตัวนักแสดงมาแล้วหลายรุ่น แต่ทุกครั้งที่เข้าฉายก็จะเรียกเรตติ้งได้กระฉูดทุกคราไป
       หรือ...นี่เป็นการสะท้อนสังคมไทยที่โดนใจรึ...!!!

 

 

       หัวข้อเสวนาในวันนั้นคือ “ครอบครัวดี สังคมดี ไม่มีน้อย ไม่มีหลวง มีแต่กรุณาแห่งหัวใจ” โดยมีวิทยากรคือ แม่ชีศันสนีย์แห่งเสถียรธรรมสถาน , คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และดิฉันรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
       
       การสนทนาในวันนั้นพูดคุยถึงเรื่องสถาบันครอบครัวในปัจจุบันที่ประสบปัญหาครอบครัวแตกแยก พ่อมีเมียน้อย แม่ไปมีสามีใหม่ แล้วผลกระทบที่เกิดกับเด็กล่ะ จะทำอย่างไร
       
       แม่ชีศันสนีย์พูดถึงสังคมปัจจุบันที่สะท้อนปัญหาครอบครัวที่พ่อหรือแม่นอกใจ ได้อย่างน่าสนใจ
       
       “จริงๆ แล้วสังคมปัจจุบัน เราจะเริ่มจากหน่วยย่อยที่สุดได้อย่างไร ในเมื่อภาพใหญ่ของสังคมเป็นอย่างนี้
       
       จริงๆ แล้วแม่อยากจะบอกว่าบ้านไม่เป็นที่ปลอดภัยของเด็กมานานแล้ว เวลาเราเป็นผู้หญิงในบ้าน แล้วเราเห็นว่าเราจะไปรักใครก็ไปรักเถอะ แต่สิ่งที่เรารักต้องไม่มาทำลายความปลอดภัยของเด็กๆ ในบ้าน มันต้องมาจากสำนึกที่ว่า ถ้าเราให้กำเนิดชีวิต เราไม่มีสิทธิ์ฆ่าชีวิต เพราะฉะนั้นถึงเราจะหย่าอย่างไร แล้วเราก็หยุดยั้งความอยากของเราไม่ได้ แล้วไปหาใครสักคนมาสนองความอยากของเรา
       แต่เราต้องมีหน้าที่อีกหน้าที่หนึ่ง คือเราต้องปกป้องชีวิต ผู้หญิงอย่างนี้ ถึงจะเรียกว่าเป็นแม่ได้
       
       หลายกรณีที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี่ มันคือความบกพร่องทางศีลธรรม เรากำลังพูดถึงความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่กว่าความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ เราไม่มีเงิน มันก็แค่ไม่มีกิน แต่ถ้าไม่มีศีลธรรม มันเหมือนตายทั้งเป็น ถึงไม่กินก็ตายทั้งเป็น เพราะฉะนั้น สังคมเราต้องเอาธรรมะมาเป็นคำตอบของการแก้ไขปัญหาชีวิต ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เศรษฐกิจ การเมือง หรือเรื่องครอบครัว
       
       แม่ว่าการที่เราได้มองเห็นความหายนะในปัจจุบัน แล้วกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ ศีลธรรมที่กลับมา โลกาจะไม่วินาศ เราก็ต้องกลับมาอย่างเป็นศีลธรรมที่ร่วมสมัยกับคนในรุ่นที่มีปัญหาแบบนี้ เป็นศีลธรรมแบบโบร่ำโบราณก็คงไม่ทันแล้ว เราก็คงต้องปรับปรุงวิธีการให้ศีลธรรมที่มันเป็นศิลปะแห่งการเรียนรู้ ว่าแม้แต่ศาสนาเองก็เป็นคำสอนที่ท้าทายเราว่า เราก็สามารถเป็นมนุษย์ที่แท้ ไม่เป็นแค่เหยื่อของอารมณ์ได้ ถ้าเราตกเป็นเหยื่อของอารมณ์ เราก็จะตกเป็นเหยื่อของใครอีกหลายๆ คน”
       
       การวัดว่าสังคมเราไม่ล่มสลายก็คงต้องวัดด้วยระดับศีลธรรม
       แล้วถ้าเจอเหตุการณ์จริงที่ครอบครัวล่มสลายไปแล้ว เด็กจะก้าวเดินอย่างไร ?
       “สมมติว่าพ่อแม่เราเป็น เราไม่เป็นได้ไหม คำตอบคือได้ ถ้าเรามีกัลยาณมิตรอยู่รายรอบตัวเรา หรือเราอาจจะมีแรงบันดาลใจจากอะไรสักอย่างหนึ่งที่จะบอกว่าเราจะไม่จมจ่อมกับสิ่งที่พ่อแม่เราเป็น จากนั้นก็ทำให้มีการกรุณาต่อความรักจนกระทั่งมันเปลี่ยนทัศนคติของการเป็นคู่ผัวตัวเมียมาเป็นพระในบ้านที่จะต้องเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ที่มีจิตวิญญาณที่สูงขึ้น แล้วทำให้เด็กดีเหมือนคนมาเกิดให้ได้ เพราะพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ในบ้าน บ้านต้องเป็นที่สร้างกระแสอารยะ”
       
       ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งรู้ตัวว่าเป็นเมียหลวง เขาจะดำเนินชีวิตที่เป็นทางออกที่ถูกต้องและเหมาะสมอย่างไร เมื่อเขาไม่สามารถเปลี่ยนสามีได้ ?
       
       “แม่มองว่าเขามีดอกไม้งามในมือคือลูก เขาต้องทำเรื่องที่เป็นขี้ให้เป็นปุ๋ยเพื่อจะรดดอกไม้ในมือ อย่าไปพะวงถึงความหยาบคายของผู้ชายบางคน แล้วก็ไม่รดน้ำพรวนดินดอกไม้ในมือ ถ้าคุณไม่สามารถทำขี้ให้เป็นปุ๋ยได้ คุณมีขี้คุณก็ทิ้งไป แต่ถ้าคุณเก่งพอทำขี้ให้เป็นปุ๋ยได้ คุณต้องเอาเรื่องนี้มารดน้ำพรวนดินลูกของคุณต่อไป คุณกลับมาดูดอกไม้ที่อยู่ในมือ เขายังต้องเติบโตต่อไป คุณเลือกได้ ถ้าเผื่อเราพบว่าเราให้โอกาสดอกไม้ที่กำลังเติบโต การเรียนรู้ที่ดูเหมือนเป็นปัญหาเหลือเกินตอนชีวิตในวันวาน มันกลับกลายมาเป็นบทเรียนให้เด็กหรือคนที่เรารักมองเห็นและเรียนรู้ แล้วเขาจะรู้วิธีการจัดการ เพราะแม่เป็นผู้รู้จักจัดการอารมณ์ของตัวเองได้
       
       เมื่อผู้เป็นแม่ไม่เป็นเหยื่อของอารมณ์ แม่ก็ไม่เป็นเหยื่อของหยาบคายใดๆ เขาก็ยังมีพ่ออยู่ เพราะแม่ก็จะไม่ด่าพ่อให้เขาฟัง เราจะเห็นความเชื่อมโยงชัดเจนว่า ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งมีหัวใจของการเป็นแม่ หรือผู้ชายคนหนึ่งมีหัวใจของการเป็นแม่ แม่ก็จะเป็นผู้เยียวยาเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องนั้นอาจจะเป็นนิยายน้ำเน่า แต่ในที่สุด มันก็เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เกิดความงอกงามอีกหนึ่งชีวิตได้ แม่อยากจะให้กำลังใจนะ”
       
       สิ่งที่แม่พูดมาทั้งหมดเขาเรียก “กรุณาแห่งหัวใจ”
       ในขณะที่คุณเรืองศักดิ์ ผู้ซึ่งทำงานกับเด็กด้อยโอกาส และได้ประสบกับเด็กที่ครอบครัวแตกแยก และกลายเป็นปัญหาสังคมมากมาย ยิ่งในสังคมชนบท พ่อแม่ไม่ได้ระมัดเรื่องเหล่านี้ บางทีเวลามีเพศสัมพันธ์กัน ลูกก็เห็น หรือมองเห็นว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำเป็นเรื่องปกติ บางครั้งลูกก็รับรู้ว่าพ่อไปมีคนใหม่เพราะเห็นกับตา หรือแม่ไปมีคนใหม่ก็เห็นกับตา จนเกิดเป็นความเคยชิน เป็นความกดดันในชีวิต
       
       “เด็กเหล่านั้นน่าสงสารเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญปัญหาเหล่านี้ จนกลายเป็นค่านิยม ฉันได้นอนกับใครสักคน แล้วรุ่งขึ้นฉันไม่ต้องรู้จักคนนั้นก็ได้ว่าเป็นใคร มันกลายเป็นค่านิยมใหม่ของสังคมปัจจุบัน
       
       ถ้าผู้ใหญ่มองไม่เห็นปัญหานี้ พ่อแม่ไม่ตระหนักต่อสิ่งเหล่านี้ ก็จะยิ่งทำให้ปัญหาสังคมเสื่อมลงเรื่อยๆ การนำเอาธรรมะมาช่วยจรรโลงสังคมเป็นเรื่องดี และเรื่องที่ท่านแม่ชีศันสนีย์พูดก็คือ สังคมไทยต้องมีกรุณาแห่งหัวใจ”
       
       นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเสวนากันในวันนั้น ที่ต้องการหยิบยื่นเรื่องความรัก ความเมตตา รวมถึงกรุณาแห่งหัวใจให้เด็กและเยาวชนได้เดินไปข้างหน้าในหนทางที่เหมาะสม แม้บางครั้งต้องประสบมรสุมชีวิต ก็ต้องก้าวเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ด้วยกรุณาแห่งหัวใจ
       
       กรุณาแห่งหัวใจ เป็นชื่อสอดคล้องกับหนังสือเล่มหนึ่งของแม่ชีศันสนีย์ที่ถ่ายทอดเรื่องราว รูปภาพ งานศิลปะที่งดงามของมนุษยชาติ ที่ต้องการเปิดประตูโลกแห่งการเรียนรู้ชีวิตที่รู้ ตื่น และเบิกบาน
       
       หน้าสุดท้ายของหนังสือกรุณาแห่งหัวใจ มีใจความว่า
       พลังของผู้หญิงมีความอ่อนโยน และในความอ่อนโยนนั้นมีพลังที่จะเยียวยาโลกได้ ผู้หญิงต้องเรียนรู้ที่จะต่อสู้อย่างมีสติปัญญาและไม่คิดเอาชนะผู้อื่น แต่ต่อสู้เพื่อความเป็นมนุษยชาติที่มีศักยภาพในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นอริยชน และดูแลโลกใบนี้ได้ ถ้าลูกหญิงลูกชายทำอะไรไม่ถูกต้อง แม่ต้องช่วยดูแล...
       
       เชื่อเถอะค่ะ...พลังของแม่นั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
       ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นแม่ได้ แต่การเป็นแม่ที่ดีไม่ใช่เป็นกันได้ทุกคน

จาก เว็บ หมูอวาตาร http://group.wunjun.com/agaligohome/topic/216540-5756
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...