เอาหล่ะเรามาเข้าประเด็นถัดมากันดีกว่า ซึ่งได้พูดถึงอะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นักเปลี่ยนแปลงแต่ละท่านลุกมาทำสิ่งเหล่านี้ ฉันขออนุญาตนำเสนอเป็นรายบุคคลตามรูปแบบเดิมข้างต้นนะคะ
1.จิณณ์ณัฏฐ์ พรหมนุรักษ์ (เรือรบ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘ไดอะล็อค’
- เกิดจากการที่เขาได้เข้าไปปรึกษาน้องในวันที่ป่วย น้องบอกให้พี่ได้รับการเรียนรู้จากภายในผ่านไดอะล็อค และบอกให้พี่ไปที่เชียงราย พี่ก็เชื่อและลองไปดู ไปเรียนรู้ได้ 10 วัน นี่แหละค่ะที่เขาใช้เป็นชื่อหนังสือที่ฉันได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าชื่อ “สิบวันเปลี่ยนชีวิต” พี่เขาเล่าไปด้วยเสียงที่สั่นเครือด้วยนะคะ เขาคงซึ้งกับเรื่องราวจุดเปลี่ยนที่ตนได้รับจากการเข้าใจธรรมชาติของสังคมมั้งคะ อันนี้ฉันเดาเอาเอง
2. ฉัตรชัย อภิบาลพูนผล (ต่อ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘กล่องดินสอ’
- เกิดจากตอนสมัยเรียนได้มีโอกาสไปสอนน้องๆผู้พิการ แต่อุปกรณ์อาจจะยังไม่ค่อยสนับสนุนศักยภาพทางการศึกษาเท่าที่ควร ทางคุณต่อก็เลยอาศัยความสามารถที่ตนมีทำอุปกรณ์ที่เหมาะสมไปแจก
3. กันต์พงศ์ ทวีสุข (กันต์) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘การศึกษาที่มีความหมาย’
- คุณกันต์เองมีที่มาในการจัดตั้งกลุ่มอาสาจากตัวคุณกันต์เองที่โหยหาชุมชนที่มีแต่การรับฟังซึ่งกันและกัน เขาเบื่อการเรียนที่อยู่แต่ในห้อง ตัวคุณกันต์เองเลยออกไปหากิจกรรมต่างๆทำ ได้พบปะพูดคุยกับผู้อื่น ซึ่งจุดนี้คุณกันต์บอกว่าที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้เลย เพราะช่วงชีวิตที่ผ่านมาเขาเจอแต่บรรยากาศของการแข่งขัน การเร่งรีบ และการคาดหวัง ประกอบกับเมื่อคุณกันต์มาเรียนต่อที่อเมริกา เขาได้มีโอกาสเจอ supervisor วันละครึ่งชั่วโมงที่ตัวของ supervisorของคุณกันต์เองไม่เคยมีกรอบอะไร เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นผู้รับฟังที่คุณกันต์อยากจะสื่อสารด้วยเรื่องอะไรก็ได้ และการเป็นเช่นนี้มันทำให้คุณกันต์เกิดความประทับใจมากๆ เพราะตัวคุณกันต์เองเสมือนหลุดออกมาจากการถูกคาดหวัง เขาเลยต้องการถ่ายทอดสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเป็นอิสระและอุ่นใจนี้ให้กับคนที่รูปแบบชีวิตที่ผ่านมาของเขามีต้นทุนสูงแบบคุณกันต์ คุณกันต์บอกว่าการที่เขาจะไปเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจหรือรูปแบบการทำธุรกิจมันเป็นเสมือนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างซึ่งมันทำได้ยากและวันข้างหน้าอาจจะไม่สำเร็จก็ได้ แต่การที่เขาทำจิตอาสาพอมีคนแนวร่วมเดียวกับเขามากขึ้นวันข้างหน้ามันอาจเป็นพลังบางอย่างก่อให้เกิดความสำเร็จก็ว่าได้ แต่มันก็เป็นเรื่องของอนาคต แหม่!!พอถึงตรงนี้ฉันปลื้มปลิ่มยืนปรบมือให้ในใจเลย เป็นอะไรไม่ทราบค่ะแต่รู้สึกเปรมในใจ (powerful in my heart) คงเป็นเพราะคุณกันต์ได้เป็นแบบอย่างของคำว่า “สูงสุดสู่สามัญมั้งคะ”
4. อารีย์ โพธิ์ศรี (กอล์ฟ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘ศรัทธาในค่าของมนุษย์’
- เหตุผลที่คุณกอล์ฟลุกมาทำสิ่งนี้ก็เพื่อหวังว่าการเป็นอาสาจะช่วยเสริมสร้างให้เขาเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เขาใช้ประโยคว่า “ออกไปทำเพื่อสร้างการยอมรับ” และเขาได้อาศัยพื้นที่อาสาของเขาในการค้นหาตัวเองด้วยว่าตัวตนของเขานั้นเป็นคนที่ชอบอะไร คุณกอล์ฟบอกว่าตัวเขาเองนั้นชอบพูดมากกว่าชอบฟังเพราะเขารู้สึกว่ามันได้อะไรเยอะดี เขาชอบอ่านหนังสือด้วยมีประโยคหนึ่งในหนังสือที่คุณกอล์ฟประทับใจคือ “ออกเดินทางเรียนรู้โลกกว้าง เพื่อกลับเข้ามาเรียนรู้ใจตน” ท่านผู้อ่านคะ เอาอีกแล้วค่ะ พอจบประโยคนี้ปุ๊บฉันคิดถึงหญิงท่านหนึ่งอีกแล้วและก็ไม่พ้นอาจารย์ของฉันคนเดิมที่กล่าวถึงมาตั้งแต่ต้น ท่านเป็นผู้ที่ชอบเรียนรู้มากค่ะ ไปโน่นไปนี่มีอบรมอะไรท่านก็จะคอยมาบอกเพื่อให้เราได้มีโอกาสสัมผัสโลกกว้างอย่างที่ท่านได้สัมผัส มันตรงกับประโยคในหนังสือเล่มนั้นที่คุณกอล์ฟเล่าถึงเลยค่ะ และก็น่าจะเป็นแนวเดียวกับคุณกอล์ฟคือดึงผู้ที่สนใจให้เรียนรู้โลกกว้างเพื่อได้กลับมาเข้าใจตนเอง
ส่วนคำถามในหัวข้อถัดไปก็คือเมื่อเวลามีคนตั้งคำถามกับสิ่งที่เราทำที่มีทั้งความสงสัยในสิ่งที่เราทำหรือความไม่เข้าใจ เรามีวิธีจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร
1. จิณณ์ณัฏฐ์ พรหมนุรักษ์ (เรือรบ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘ไดอะล็อค’
- คุณเรือรบเคยเจอคำถามจากคนอื่นว่าไดอะล็อคคืออะไร แล้วคุณเรือรบก็อธิบายซ่ะยืดยาวเลย จากเหตุการณ์นี้คุณเรือรบสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าทีที่จะตั้งใจฟังต่อหลังจากนาทีที่สองแระ คุณเรือรบก็เลยแก้ปัญหาด้วยการพยายามตอบอะไรที่มันสั้นๆแต่ได้ใจความ และเมื่อมีคนมาถามต่อเขาก็จะยื่นหนังสือที่เขาเขียนไว้เกี่ยวกับไดอะล็อคให้ผู้ฟังท่านนั้นได้นำไปอ่านและทำความเข้าใจด้วยตนเอง คุณเรือรบบอกว่าวิธีการนี้ช่วยให้ตัวเขาไม่ต้องเหนื่อยที่จะพูดเรื่องเดิมๆซ้ำๆให้ใครหลายๆคนที่อยากจะรู้ฟัง เพียงเล่มเดียวเท่านั้นช่วยได้ ตอนท้ายคุณเรือรบได้กล่าวว่าการที่เราเปลี่ยนกับผู้อื่นเขาอาจจะอยากรับรู้เรื่องราวของเรา แต่คนใกล้ตัวหรือคนที่เคยสัมผัสเราในแบบเดิมอาจจะสงสัย คุณเรือรบบอกว่าไม่จำเป็นที่เราจะต้องได้รับการยอมรับจากทุกกลุ่ม เพียงแค่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร เป้าหมายเราคืออะไร คนที่ได้ประโยชน์คือใคร แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
2. ฉัตรชัย อภิบาลพูนผล (ต่อ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘กล่องดินสอ’
- คุณต่อแบ่งเป็นสองแบบค่ะคือถ้าคนไม่สนิทมาถามเขาก็จะบอกว่าเขาทำอันนี้เพื่ออันนี้แล้วก็ชวนคุยเรื่องอื่นต่อไป แต่ถ้าเป็นคนสนิทมาถามเขาก็จะอธิบายให้ฟัง และชวนมาร่วมเป็นจิตอาสาหรือพาไปดูสิ่งที่เขาทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น โดยที่คุณต่อพยายามจะเลี่ยงการตอบคำถามเพราะเขารู้สึกว่ามันใช้เวลาในการอธิบายที่นาน
3. กันต์พงศ์ ทวีสุข (กันต์) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘การศึกษาที่มีความหมาย’
- คุณกันต์บอกว่ามันขึ้นอยู่กับหมวกที่เราจะเลือกใส่ตามสภาพแวดล้อม อร๊ายยคุณกันต์พูดดีอีกแล้วค่ะ (ท่านผู้อ่านอาจจะเริ่มหมั่นไส้ฉันที่กรี๊ดคุณกันต์เกินเหตุ 555+) คุณกันต์บอกว่าถ้าอยู่ในกลุ่มที่เราอาจจะไม่ค่อยรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดบางอย่างออกไปก็อาจจะอาศัยคำเชื่อมช่วย พอถึงตรงนี้ฉันขมวดคิ้วเลยค่ะ ว่ามันเกี่ยวอะไรกะคำเชื่อม ++! เขาอธิบายต่อว่าเช่นตอนนี้กลุ่มของคุณกันต์ก็จะมีการแนะแนวเรื่องเรียนต่อ และก็มีสอนภาษา ก็บอกให้ทุกท่านรับทราบไป แล้วฉันก็ยังงงกับคำเชื่อมที่คุณกันต์พูดเมื่อสักครู่อยู่ดีแหละค่ะ แต่ช่างเถอะนะคะ ^^ เอาเป็นว่าคุณกันต์แค่ต้องการอยากจะบอกว่าเขาทำอะไรอยู่แค่นั้นแหละค่ะ อันนี้คือกลุ่มคนที่เรารู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะพูดด้วย แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนที่เขารู้สึกปลอดภัยเขาจะเพิ่มเติมการคุยมากขึ้นในเรื่องของการรู้ใจตนเอง ยินดีที่จะเป็นเพื่อนพูดคุยและร่วมแชร์ประสบการณ์ สรุปคือเวลามีคนมาถามคุณกันต์ก็มีสองทางเลือกคือเลือกบอกอย่างง่ายๆกับเลือกบอกอย่างเต็มที่
4. อารีย์ โพธิ์ศรี (กอล์ฟ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘ศรัทธาในค่าของมนุษย์’
- คุณกอล์ฟเคยถูกถามจากคนสนิทว่าทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร คุณกอล์ฟคิดนานมากค่ะกว่าจะตอบ เขาใช้เวลา 2 ปีอ่ะค่ะท่านผู้อ่านกว่าที่เขาจะกลับไปตอบคำถามคนนั้น จนคนถามก็ลืมแล้วว่าถามอะไรไป 55+ คุณกอล์ฟพูดดีมากค่ะ คุณกอล์ฟบอกว่าเป็นธรรมดาที่เวลามีคนมาพูดไม่เข้าหูเรามักจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ถ้าเราหยุดอยู่ที่ความไม่พอใจการพัฒนาก็คงไม่เกิด แต่ถ้าเราน้อมรับมาใส่ใจแล้วได้คิดทบทวนการพัฒนาจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แหม่ประโยคนี้ฉันขอปรบมือรัวๆเลยค่ะ คุณกอล์ฟยกตัวอย่างเปรียบเปรยว่าสมมติเราเดินไปเจอเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ถูกใจมากแต่ราคามันแพงมากๆ ถ้าเราหยุดที่ว่าราคาแพงมากก็ไม่ซื้อมันก็จบ แต่ถ้าเราคิดว่าเราจะทำอย่างไรให้ได้ชุดนี้มันจะเกิดเป็นการพัฒนาตนในการคิดที่จะทำสิ่งต่างๆเพื่อให้ได้มาซึ่งชุดที่มีราคาแพงนั้น ฉันแอบคิดในใจขำๆว่าการพัฒนาที่มีในใจของแต่ละคนคงต่างกัน เป็นไปได้ไหมที่คนที่ชอบลักขโมยเขาก็มีการพัฒนา วิธีการขโมยที่หลีกเลี่ยงการจับกุมให้ได้เร็วที่สุด กับอีกคนก็พัฒนาค่ะพัฒนาด้วยการตั้งใจทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งเดียวกันคือเงิน แล้วอะไรหล่ะคะที่จะทำให้แต่ละคนมีการพัฒนาในแนวทางที่ดีเหมือนกัน หากไม่ใช่การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
และแล้วก็มาถึงในประเด็นสุดท้ายของการเสวนาวันนี้คือจากการที่ท่านได้อ่านหนังสือชื่อ “หัวใจอันประเสริฐ” ท่านมีความประทับใจหรือสิ่งที่กระทบจิตใจเรื่องใดบ้างที่อยากจะเล่าหรือแชร์ประสบการณ์กัน
1. จิณณ์ณัฏฐ์ พรหมนุรักษ์ (เรือรบ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘ไดอะล็อค’
- การเปลี่ยนแปลงจากภายในคุณเรือรบบอกว่าเขาไมได้เห็นได้ด้วยตนเอง เนื่องจากเขาเป็นคนออกข้างนอกซ่ะเยอะ โดยหลังจากที่คุณเรือรบผ่านกิจกรรมไดอะล็อคมา 2 ปี คนที่บ้านก็ทักว่าคุณเรือรบนั้นเปลี่ยนไป และสิ่งที่ทำให้คุณเรือรบเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นก็คือการได้อ่านบันทึกของตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาบอกว่าการบันทึกช่วยให้เราเห็นได้ เป็นเช่นนี้ฉันคงต้องหัดเขียนบันทึกไว้บ้างแล้วสินะคะเนี่ย
2. ฉัตรชัย อภิบาลพูนผล (ต่อ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘กล่องดินสอ’
- คุณต่อบอกว่าการที่เขาได้ทำอาสาสมัครตรงนี้มันทำให้เขามีความสุข การเปลี่ยนแปลงของเขาคือความสุข แต่กลับมีคนตั้งคำถามกับคุณต่อว่า “การที่คุณต่อทำนี้ต้องการเห็นตนเองหรือผู้อื่นมีความสุข” คุณต่อเองตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ค่ะ แป่ว!! -,-!
3. กันต์พงศ์ ทวีสุข (กันต์) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘การศึกษาที่มีความหมาย’
- การกระทำด้วยหัวใจอันประเสริฐของคุณกันต์คืออยากเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ของผู้ที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ คุณกันต์อยากทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกว่ากล้าที่จะทำหรือเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองได้ และความสุขในชีวิตของคุณกันต์ก็คือการที่ได้ให้พื้นที่แบบนี้กับคนอื่นและได้เข้ามามีส่วนในชีวิต มันทำให้การวิ่งตามหรือการครอบครองวัตถุหรือความสำเร็จตามกระแสสังคมมันลดลง
4. อารีย์ โพธิ์ศรี (กอล์ฟ) นักเปลี่ยนแปลงผ่าน ‘ศรัทธาในค่าของมนุษย์’
- คุณกอล์ฟบอกว่าการเปลี่ยนแปลงภายในเป็นเรื่องของแต่ละคนที่รับรู้ได้ด้วยตนเอง โดยส่วนตัวคุณกอล์ฟเองบอกว่าเพียงแค่ตัวเขารู้สึกก็เกิดการสั่นคลอนแล้ว และคุณกอล์ฟก็บอกอีกว่าแล้วคุณกล้าไหมที่จะสะท้อนตัวเองอย่างแท้จริง ประเด็นสุดท้ายคุณกล้าที่จะเปิดรับคำติชมอย่างใส่ใจหรือไม่ สามสิ่งนี้แหละค่ะที่ทำให้คุณกอล์ฟรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายในที่คุณกอล์ฟรับรู้ได้จากตนเอง