ผู้เขียน หัวข้อ: องค์ดาไลลามะ เสด็จสวนโมกขพลาราม พบ ท่านพุทธทาสภิกขุ พ.ศ.2515  (อ่าน 1233 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


องค์ดาไลลามะกับท่านพุทธทาส

องค์ดาไลลามะ เสด็จสวนโมกขพลาราม เมื่อวันที่ ๒๙ - ๓๐ มกราคม ปี พุทธศักราช ๒๕๑๕

ภาพยนตร์ม้วนนี้ถ่ายด้วยฟิล์มขนาด ๘ มิลลิเมตร บันทึกเหตุการณ์เมื่อปี ๒๕๑๕ เมื่อองค์ดาไลลามะ ประมุขหัวหน้าคณะสงฆ์ และ ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณสูงสุดของชาวทิเบต เดินทางมาเยี่ยมท่านพุทธทาสภิกขุ

ในฉบับเต็ม ภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์ตามลำดับ ให้เห็นเมื่อท่านดาไลลามะเดินทางมาถึงสวนโ­มกข์และเดินไปพบท่านพุทธทาส จากนั้นท่านพุทธทาสนำองค์ดาไลลามะเดินชมสถ­านที่ พาไปนั่ง ณ โต๊ะและม้าหินเพื่อสนทนา ท่านพุทธทาสเขียนผังบนกระดาษให้องค์ดาไลลา­มะดู แล้วพาไปดูงานประติมากรรมที่กำลังจัดทำ ดูอาคารมหรสพทางวิญญาณที่กำลังสร้าง

เมื่อถึงเวลาฉันเพล มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายองค์ดาไลลามะ และพระทั้งวัด จากนั้นองค์ดาไลลามะแสดงปาฐกถาธรรม ท่านพุทธทาสกล่าว จนถึงเวลาที่องค์ดาไลลามะลากลับ ท่านพุทธทาสและคณะพระสงฆ์ตลอดจนชาวบ้าน ข้าราชการ พากันไปส่งองค์ดาไลลามะขึ้นรถไฟออกจากสถาน­ีไชยา

เครดิต//Buddhadasa Archives https://www.youtube.com/user/buddhadasaarchives/videos

<a href="https://www.youtube.com/v/hKbPtt8G-AY" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/hKbPtt8G-AY</a>



“อยู่​ใน ใจ​เหนือ เกื้อ​โลก” คือ ​แนวทาง​ท่าน​พระพรหม​คุ​ณาภรณ์ หรือ​ท่าน ป.​อ. ป​ยุ​ต​โต ให้​ไว้​กับ​สวน​โมกข์​กรุงเทพฯ

นัย ​ที่​แฝง​ฝาก​คือ ให้​ช่วย​เพื่อน​มนุษย์​อยู่​ใน​โลก​ได้​อย่าง​มี​ใจ​เหนือ​โลก และ​เกื้อ​หนุน​ชาว​โลก เพื่อ​ความ​ผาสุก​ร่วม​กัน แนวทาง​ของ​ท่าน​พระพรหมคุ​ณาภรณ์​นี้ ตรง​กับ​แนวทาง​ของ​องค์​ดาไลลามะ ผู้​นำทาง​จิต​วิญญาณ​ของ​ชาว​ทิเบต

เดือน​มีนาคม​ปี54   นพ.บัญชา พงษ์พานิช และ​คน​ไทย​กลุ่ม​หนึ่ง​มี​โอกาส​ได้​ฟัง​ธรรม​จาก​องค์​ดาไลลามะ  ณ  ธรรม​ศาลา ซึ่ง​อยู่​ใน​อุตรประเทศ ประเทศ​อินเดีย การ​แสดง​พระธรรม​เทศนา​ครั้ง​นี้ มี​คน​ไทย​ไป​ร่วม​ฟัง​กว่า 100 คน

“เมื่อ ​ไป​ถึง​ปรากฏ​ว่าคน​ทั้ง​โลก​รู้ ก็​มา​ขอ​เข้า​ฟัง​ด้วย แรกๆ เรา​กราบทูล​ไป​ว่า​ประมาณ 100 คน แต่​เอา​เข้า​จริง ปรากฏ​ว่า​คน​ทั้ง​โลก​แจ้งความ​ประสงค์​มาก​ว่า 5,000 คน” นพ.บัญชา​บอก

พลาง ​อธิบาย​ว่า เป็น​ธรรมเนียม​อยู่​ว่า เจ้าภาพ​ต้อง​รับ​เลี้ยง​ทุก​คน เมื่อ​คน​ไทย​เป็น​เจ้าภาพ​ก็​ต้อง​เลี้ยง​คน​ประมาณ 5,000 คน แต่​คน​ไทย​ใน​ฐานะ​เจ้าภาพ​ได้​สิทธิพิเศษ​คือ ได้​นั่ง​หน้า​สุด

“องค์ ​ดา​ไล​ลา​มะ​ประทับ​อยู่​ด้าน​บน เรา​ได้​นั่ง​อยู่​ด้าน​หน้า อย่าง​พวก​ผม​ไป​นั่ง​ข้างๆเลย เพราะ​ถือว่า​เป็น​ตัวแทน ท่ามกลาง​พระ​ทิเบต​นับ 1,000 รูป มา​นั่ง​หลัง​ด้าน​หลัง​กลุ่ม​คน​ไทย”

หัวข้อ​ธรรม​ที่​ท่าน​แสดง​คือ มรรค​วิธี 37 ประการ​แห่ง​โพธิสัตว์

องค์​ดาไลลามะ​บอก​ว่า เป็น​เรื่อง​ที่​จะ​ช่วย​ให้​คน​ไทย​ได้​เรียนรู้​เพิ่มเติมระหว่าง​แสดง​ ธรรม​จะ​เน้น​ให้​คน​ไทย​เป็น​พิเศษ สำหรับ​ชาติ​อื่นๆ ที่​เข้า​มา​ร่วม​ฟัง​ด้วย​กัน​นั้น ถือว่า​เป็น​การ​ฟัง​ร่วม​กันระหว่าง​เทศน์ ท่าน​ทักทาย​และ​ถาม​ตลอด​เวลา​ว่า รู้​เรื่อง​หรือ​ไม่ และ​บอก​ว่า​เคย​มา​ประเทศไทย ได้​พบ​กับ​สมเด็จ​พระ​สังฆราช ได้​เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ​ได้​พบ​ท่าน​พุทธ​ทาส

การ​แสดง​ธรรม​ของ​ท่าน​เป็น​อย่างไร

“ท่าน ​แสดง​ให้​เห็น​ความ​สำคัญ 3 ประการ 1. ท่าน​มั่นคง​ใน​หลัก​ธรรม​ของ​องค์​สัมมา​สัมพุทธ​เจ้า ท่าน​ย้ำ​ว่า หลัก​คำสั่ง​สอน​ของ​ชาว​พุทธ​ทิเบต​อิง​ตาม​พุทธ​ธรรม​ดั้ง​เดิม ซึ่ง​สืบสาย​มา​จาก​ครู​บา​อาจารย์​จาก​อินเดีย จาก​นาลันทา​โดย​ท่าน​คุรุ​นาคา​ร​ชุน และ​มี​ครู​บา​อาจารย์​ช่วย​กัน​แปล​เป็น​ภาษา​ทิเบต สอบ​ทาน​ทั้ง​ฝ่าย​ทิเบต​และ​ฝ่าย​ครู​บา​อาจารย์​อินเดีย​ทำให้​เกิด​ความ​ แม่นยำ ตาม​ความ​เชื่อ​เดิม​เรา​เข้าใจ​ว่า  ​มหายาน​ไป​แต่ง​ใหม่​เสีย​มาก​นั้น ท่าน​ย้ำ​ว่า​หามิได้ เป็น​การ​อิง​ตาม​พุทธ​ธรรม​ดั้งเดิม อายุ​เกือบ 2,000 ปี​มา​แล้ว”

วิธี การ​เทศน์​ของ​ท่าน เนื้อหา​อิง​พระสูตร​ตลอด​เวลา ขณะ​ที่​พระ​ไทย​ถือ​ใบลาน แต่​องค์​ดาไลลามะ​มี​พระสูตร​วาง​อยู่​เบื้องหน้า เมื่อ​อ่าน​เสร็จ​ก็​ทรง​ขยาย​ความ โดย​หยิบ​เรื่อง​ที่​เป็น​ปัจจุบัน​มา​เทียบเคียง คล้ายๆกับ​พระสงฆ์​ไทยยก​คาถา​ใน​ใบลาน​ออก​มา แล้ว​พูด​ต่อ​นั่นเอง

องค์ ​ดา​ไลลา​มะ​ยก​พระสูตร​มา 37 ข้อ ท่าน​บอก​ด้วย​ว่า เอา​มา​จาก​ไหน ใคร​เขียน บอก​เป็น​หัวข้อๆ ไป แสดง​ธรรม​อยู่​ประมาณ 6 ชั่วโมง ใน​เวลา 2 วัน รอบ​ละ 2 ชั่วโมง ท่าน​ไล่​เรียง​หัวข้อ​ไป​เรื่อยๆ แล้ว​ยัง​พิมพ์​ข้อ​ธรรม​นั้น​เป็น 3 ภาษา คือ​อังกฤษ ทิเบต และ​จีน ​แจก​ให้​กับ​ผู้​เข้า​ฟัง​ด้วย ถือว่า​เป็น​การ​สอน​ที่สุด​ยอด

นพ.บัญชา ​   สรุป​ว่า  เป็น​การ​แสดง​ธรรม​ด้วย​อัจฉ​ริ​ย​ภาพ จะ​ด้วย​ความ​รู้ หรือ​ความ​เมตตา​ของ​ท่าน​ก็ตาม ท่าน​สอน​ด้วย​ความ​ร่าเริง แจ่มใส และ​เป็น​กันเอง มี​การ​ทักทาย ยิ้ม หัวเราะ มี​การ​ถาม ตอบ ฟัง​เพลิดเพลิน​ได้​สาระ และ​แม่นยำ​ใน​หลัก​ธรรม

ด้าน​การ​จัดการ “ดี​มาก ก่อน​แสดง​ธรรม​ประกาศ​เลย​ว่า ภาษา​ใด ฟัง​ได้​จาก​คลื่นวิทยุ​คลื่น​ใด เรา​เข้าไป​หยิบยืม​หู​ฟัง​ได้ ชาว​ไทย​ก็​มี​ล่าม​ไทย บาง​ช่วง​ท่าน​ตรัส​เป็น​ภาษา​อังกฤษ บาง​ช่วง​ตรัส​เป็น​ภาษา​ทิเบต คน​ที่​ฟัง​ไม่ได้​ก็​ฟัง​แปล​แทน คน​ฟัง​วิทยุ​กัน​ทั้ง​เมือง เพราะ​หัวข้อ​ที่​แสดง​ธรรม​ดี​มาก เรา​อิ่ม ดื่มด่ำ​กับ​สาระ​ธรรม และ​ฟัง​แล้ว​คุ้น​มาก เหมือน​เป็น​เรื่อง​เดียว​กับ​ท่าน​พุทธ​ทาส​แสดง​ธรรม ไม่​ว่า​จะ​เป็น​เรื่อง​
อย่า​เห็นแก่​ตัว สุญญ–​ตา อนัตตา สุดท้าย​ท่าน​ย้ำ​เรื่อง​สมถะ วิปัสสนา ต้อง​ทำ​ทั้ง​คู่”



สิ่ง ​ที่​องค์​ดา​ไล​ลา​มะ​เน้น​คือ “พุทธ​แบบ​ทิเบต​เน้น​มหากรุณา มหายาน​ต้อง​เจริญ​เรื่อง​นี้ เพราะ​เมื่อ​เรา​พิจารณา​เรื่อง​เมตตากรุณา​ให้​มาก ความ​เป็น​ตัว​ตน​ก็​จะ​เริ่ม​ลด จะ​นำ​ไป​สู่​จิต​ที่​ดี และ​ยัง​มี​เรื่อง​ไมตรี​เข้า​มา คล้ายๆกับ​ท่าน​พุทธ​ทาส​สอน”

ทั้งหมดเป็น​เรื่อง​ที่​เรา​ฟัง​ร่วม​กัน

สำหรับ ​คน​ไทย​แล้ว​มี​ช่วง​พิเศษ เมื่อ​ท่าน​บรรยาย​จบ​ก็​บอก​ว่า ช่วง​บ่าย​เฉพาะ​คน​ไทย​ให้​มา​นั่ง​คุย​กัน แม้​ชาติ​อื่นๆต้องการ​เข้าไป​ร่วม​ด้วย แต่​ไม่ได้​รับ​โอกาส​นี้ ท่าน​ให้​เข้าไป​ยัง​ตำหนัก​ที่​ประทับ​เป็น​การ​ส่วน​พระองค์

“ท่าน​ให้​เข้าไป​คุย​สัก 1 ชม. แต่​เรา​คุย​กัน 2 ชม.​กว่า จน รปภ.​บอก​ว่า​พอได้​แล้ว จบ​ได้​แล้ว”

เรื่อง ​ที่​สนทนา​ธรรม “ท่าน​บอก​ว่า ไม่​บรรยาย​แล้ว ถาม​มา​เลย ใคร​อยาก​ถาม​อะไร​ก็​ให้​ถาม มี​คน​ถาม​ว่า ท่าน​ไป​เมือง​ไทย​เจอ​พุทธ​ทาส​คุย​กัน​เรื่อง​อะไร พอ​ท่าน​ได้ยิน​ชื่อพุทธ​ทาส ท่าน​เอา​มือ​ยก​ท่วม​หัว​เลย แสดง​หน้า​อิ่มเอม​มาก เวลา​เอ่ย​ถึง​พุทธ​ทาส​ก็​ยกมือ​ท่วม​หัว ท่าน​บอก​ว่า ท่าน​ได้​พบ​พระ​มากมาย แต่​พระองค์​นี้​เป็น​พระ​ที่​อยู่​เหมือน​พระพุทธเจ้า อยู่​กับ​ดิน ธรรมชาติ ที่​พัก​ก็​เล็ก ผิด​กับ​ท่าน​ที่​อยู่​ตำหนัก​ใหญ่​โต มี​ระบบ​ป้องกัน​มากมาย แต่​ท่าน​พุทธ​ทาส​อยู่​อย่าง​ไม่​มี​อะไร”

ท่าน ​บอก​ว่า​คุย​กับ​ท่าน​พุทธ​ทาส​เรื่อง​สุญญ​ตา เมื่อ​นำ​รูป​ที่​ท่าน​สนทนา​กับ​พุทธ​ทาส​ให้​ทอดพระเนตร ท่าน​บอก​ว่า “ยัง​บอย” เพราะ​เวลา​นั้น​ท่าน​อายุ​ประมาณ 30 ต้นๆ เมื่อ​จบ​การ​สนทนา​ธรรม “เรา​ถวาย​หนังสือ​ท่าน​พุทธ​ทาส ท่าน​บอก​ว่า​พุทธ​ทาส​อิง​ลิ​ชบุ๊กส์ ท่าน​เอา​โขก​หัว​อยู่​ตั้ง​นาน เป็น​การ​บูชา​ยิ่ง”

ข้อ​สงสัย​เรื่อง​พระ​ทิเบต บาง​คน​บอก​ว่า​มี​เมีย​ได้ ฉัน​อาหาร​ยาม​วิกาล​ได้​นั้น องค์​ดาไลลามะ​บอก​ว่า พระ​ทิเบต​มี​หลาย​แบบ มี​ทั้ง​พระ​แท้​

และ​ ไม่​แท้ บาง​คน​แค่​เอา​ชุด​ลา​มะ​มา​สวม​เท่านั้น ไม่ได้​บวช ท่าน​ยืนยัน​ว่า ถ้า​เป็น​พระ​แท้ จะ​ต้อง​ยึด​คำ​สอน​ของ​พระพุทธเจ้า จะ​ไม่​กิน​อาหาร​หลัง​เที่ยง มี​เมีย​ไม่ได้ ที่​ทำ​ผิด​นอกรีต​นอกรอย​นั้น ไม่​ใช่​พระ​แท้​อย่า​เข้าใจ​ผิด

“ท่าน​ประกาศ​เลย​ว่า เลิก​เสียที​พระ​นอกรีต​นอกรอย ทำ​แบบ​นี้ ทำให้​พุทธศาสนา​เสียหาย ขอ​ให้​เลิก​ปฏิบัติ”

คำ ​ถาม​ที่​ นพ.บัญชา​ถาม​องค์​ดา​ไล​ลา​มะ​คือ ทราบ​ว่า​ตลอด 30 ปี​ที่​ผ่า​นมา ท่าน​คุย​และ​เปลี่ยน​ด้าน​วิทยาศาสตร์​โลก​ตะวัน​ตก​มาก จาก​การ​แลกเปลี่ยน​นั้น​ได้​แนว​คิด​อะไร​บ้าง ท่าน​ตอบ​ว่า เป็น​เรื่อง​จำเป็น​ที่​ต้อง​คุย​กับ​ผู้​ทรง​ความ​รู้​ด้าน​วิทยาศาสตร์ สมัย​ก่อน​ใครๆบอก​ว่า​วิทยาศาสตร์​อย่า​ไป​คบ เพราะ​เป็น​ศัตรู​ของ​พุทธศาสนา แต่​ท่าน​เห็น​ว่า​มี​ความ​จำเป็น​ต้อง​เรียนรู้ เพราะ​วิทยาศาสตร์​ของ​โลก​ตะวัน​ตก​ก้าวหน้า​มาก เรา​ต้อง​ยอม​รับ​ความ​เป็น​ไป​ของ​โลก

และ​ที่​ท่าน​พบ​คือ “วิทยาศาสตร์​ทาง​จิต​ของ​โลก​ตะวัน​ตก​ยัง​อนุบาล ขณะ​ที่​วิทยาศาสตร์​ทาง​จิต​ของ​พุทธ​เรา และ​ของ​อินเดีย​โบราณ​ก้าวหน้า​มาก โลก​ตะวัน​ตก​กำลัง​ทึ่ง​และ​พบ​ว่า นี่แหละ​คือ​คำ​ตอบ​ ด้วย​เหตุ​นี้​เรา​ต้อง​ภูมิใจ และ​หัน​กลับ​มา​สู่​หลัก​ของ​บรรพ​ชน พระพุทธเจ้า​ทำ​ไว้​ดีแล้ว เรา​ต้อง​ปฏิบัติ​กัน​อย่าง​จริงจัง ทำให้​แม่น แล้ว​ออก​ไป​ช่วย​เขา”

การ ​เกื้อกูล​ชาว​โลก ต้อง​ก้าว​พ้น​จาก​เรื่อง​ศาสนา “เมื่อ​ท่าน​คุย​กับ​คน​ตะวัน​ตก ท่าน​ไม่​เคย​คิด​ที่​จะ​เผยแผ่​พระ​พุทธศาสนา แต่​ท่าน​มอง​ว่า​เป็น​เรื่อง​วัฒนธรรม ชาว​คริสต์​ควร​จะ​ถือ​คริสต์​ต่อ​ไป ชาว​อิสลาม​ควร​นับถือ​อิสลาม​ต่อ​ไป ชาว​พุทธ​เรา​ต้อง​ทำ​พุทธ​ของ​เรา​ให้​ถูกต้อง แล้ว​ก็​ถือ​กัน​ให้​ถูก แล้ว​เอา​หลัก​คิด​ที่​ถูกต้อง​ไป​บอก​ชาว​โลก ไม่​ต้อง​ไป​เปลี่ยน​ศาสนา”

ศาสนา​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​ศาสนา​ใด ถ้า​เข้าใจ​และ​ปฏิบัติ​ถูกต้อง ย่อม​นำ​มา​ซึ่ง​ความ​สงบ​สุข​ทั้ง​ผู้​ปฏิบัติ​เอง​และ​คนใน​สังคม

แต่​ถ้า​นับถือ​ศาสนา​อย่าง​ไม่​เข้าใจ และ​ปฏิบัติ​ผิดเพี้ยน​ ย่อม​ส่ง​ผล​ตรงกันข้าม.
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...