ภาคที่หนึ่ง : บทร้อยกรองแห่งฤดูใบไม้ผลิ1
ชาวบ้านพูดกันว่า
ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแล้ว
ท้องฟ้ายามนี้
คลาคล่ำด้วยริ้วหมอก
บนภูเขาปราศจากดอกไม้
มีเพียงหิมะสีขาว
ปกคลุมขุนเขา
2
ค่ำวันนี้ฉันเคลิ้มหลับไป
เพราะความเหนื่อยอ่อน
ฉับพลันก็ต้องสะดุ้งตื่น
เมื่อผิวกายสัมผัสความเย็นเยือก
จากละอองหิมะ
ที่โปรยปรายลงมายามเย็นย่ำ
ห่านป่าฝูงหนึ่ง
บินร้องผ่านกระท่อมฉันไป
พวกมันคงกำลังโบกถลา
หวนคืนรวงรัง
ด้วยความเมื่อยล้า
เช่นเดียวกับคน
3
ฉันเหม่อมองบนหน้าผา
ท่ามกลางป่าสนและต้นโอ๊ค
สายตาเพ่งมองความงดงาม
ของธรรมชาติแห่งฤดูใบไม้ผลิ
รอบกายของฉันคือแพรหมอก
พริ้วแผ่วระรวยริน
เรี่ยกระจายตามสายลมอ่อน
4
เช้าฤดูใบไม้ผลิ
ฉันเดินออกจากกระท่อม
ออกหาเก็บผัก
พลันหูก็ได้ยิน
เสียงไก่ป่าขันขับ
เป็นลำนำเสนาะหู
แล้วช่วงหนึ่งของความนึกคิด
จินตนาการของฉัน
ก็ล่องลอยกลับไปหา
อดีตเก่าที่ผ่านมา
อันสลักตรึงตราเป็นดังรอยรำลึก
ในความทรงจำ
5
ลมฤดูใบไม้ผลิ
แผ่วผ่านมาอ้อยอิ่ง
ต้นพลัมออกดอกเป็นทิวสะพรั่ง
ยามลมแผ่วรำเพยพัด
กลีบดอกน้อยนั้น
จะพริ้วผวา
ร่วงผล็อยจากต้น
ลีลาที่ดอกพลัมนั้นร่วงหล่น
ดูประสานกลมกลืน
ดังจะสอดทำนองรับ
บทเพลงที่แผ่วหวาน
ของนกอุกูอิสุตัวน้อยบนกิ่งไม้นั้น
6
สองชีวิต
สงบนิ่งอยู่ในสวน
ชีวิตหนึ่งคือต้นพลัม
ที่กำลังตกดอกบานสะพรั่ง
ส่วนอีกชีวิตหนึ่ง
คือพระชรา
ผู้ผ่านความยาวนานของชีวิต
มาด้วยความเหนื่อยหนัก
7
กระแสแห่งวันเวลา
ผ่านผันไปดุจความฝัน
ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
ความฝันนั้นก็ล่องลอย
ลับหายไป
ในความว่างเปล่า
8
ณ เชิงเขายาฮิโกะ
เด็กชาวบ้าน
วิ่งเล่นสนุกสนาน
กลางดงดอกไม้
9
ฉันมัวเก็บดอกไวโอเล็ต
ที่ขึ้นตามริมทาง
เพลินเสียจนลืมบาตรทิ้งไว้
อา เจ้าบาตรน้อยของฉัน
ป่านนี้เจ้าคงโดดเดี่ยว
เพราะถูกเจ้าของทอดทิ้ง
10
เอาอีกแล้ว
ฉันลืมบาตรอีกแล้ว
ใครที่เดินผ่านไปมา
กรุณาอย่าหยิบมันไป
ฉันต้องขออภัยเจ้าอีกครั้ง
เจ้าบาตรน้อยของฉัน
11
ฤดูใบไม้ผลิเริ่มแล้ว
ทุ่งกว้างและพฤกษ์ไพร
ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันนานา
บางแห่งก็เขียว
บางตอนก็เหลือง
งดงามยิ่งนัก
มาเยี่ยมฉันบ้างสิท่านทั้งหลาย
แล้วท่านจะได้ยล
ความวิจิตรแลลาน
ของป่าฤดูใบไม้ผลิ
12
นกฤดูใบไม้ผลิ
โบยบินกลับสู่รวงรัง
คราเย็นย่ำ
บนพุ่มพฤกษ์หนาทึบ
แว่วเสียงสกุณาเจื้อยแจ้ว
ล่องลอยตามสายลมอ่อน
อา สุขจริงหนอสนธยากาลนี้
ขอเหล้าสาเกให้ฉัน
อีกซักถ้วยซิเพื่อนเอ๋ย
13
ค่ำคืนนี้
ดวงเดือนสีเงิน
สะท้อนประกายแวววับ
ดังเกล็ดแก้วบนดอกพลัม
ทั้งดอกไม้และดวงเดือน
ช่างงดงาม
ประสานรับกันและกัน
ฉันเดินพลาง
สายตาทอดมองภาพธรรมชาติ
อันสวยสดตระการตาข้างทางไปพลาง
จวบราตรีกาลย่างสู่วันใหม่
จึงมาถึงกระท่อมพัก
14
ขุนเขาสูงเสียดเมฆ
ยามนี้ปกคลุมด้วยหมอกหนานัก
และป่าเชอรี่พราวดอกแดงสด
มองสิท่าน
มองดูความมหัศจรรย์
อันเกิดจากธรรมชาตินั้น
15
ชีวิตหนอชีวิต
ทำอย่างไรจึงจะลืม
ความงดงามของเจ้าได้
ฤดูใบไม้ผลิเยี่ยมผ่านมาเยือนแล้ว
ดอกเชอรี่บนภูเขาบานสะพรั่ง
รอรับการมาเยือนของลมฤดูใบไม้ผลิ
อา นี่แหละหนอความงดงาม
ของสิ่งที่เรียกว่าชีวิต
16
ทุกเช้าของวันใหม่
ฉันจะเข้าไปในหมู่บ้าน
เพื่อบิณฑบาต
เช้าฤดูใบไม้ผลินี้ก็เช่นกัน
ฉันเดินออกจากกระท่อม
พร้อมบาตรน้อยในมือ
เดินออกมาได้หน่อยหนึ่ง
สายตาก็ปราดไปเห็น
ดอกไวโอเล็ตสีม่วงขึ้นอยู่เรียงราย
ริมทางเดิน
เพลินเก็บดอกไวโอเล็ต
จนลืมเรื่องบิณฑบาต
มารู้สึกตัวอีกที
ตายล่ะ ตะวันสายโด่งแล้ว
17
ฤดูใบไม้ผลิปีนี้
วันวานช่างผ่านผันไปรวดเร็วนัก
ณ ป่าไม้ใต้ศาลเจ้าแห่งนั้น
ฉันกับเด็ก ๆ วิ่งเล่น
กลางแสงอันอบอุ่นแห่งดวงตะวัน
18
ชีวิตของฉันนี้
ผูกพันอยู้กับของสองสิ่ง
คือเหล้าสาเกหนึ่ง
กับดอกไม้บานอีกหนึ่ง
ชีวิตในวันนี้
มีเหล้าสาเกกับมวลปุบผาเป็นเพื่อน
วันพรุ่งนี้
ทุกอย่างยังเช่นเดิม
19
ท่ามกลางปุยหมอกสลัวราง
และรัศมีอบอุ่นของดวงตะวัน
แห่งฤดูใบไม้ผลิ
ฉันกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน
เริงเล่นกลางทุ่งหญ้า
ทั้งฉันและเด็ก
ไม่มีใครต้องการ
ให้วันเวลาอันสนุกสนานนั้น
ค่ำมืดลงเลย
20
วันนี้ฉันตั้งใจ
จะเข้าไปชมดอกพีชบาน
ที่ในหมู่บ้าน
แต่เมื่อผ่านมาทางแม่น้ำ
ก็ได้พบเห็นดอกไม้ป่า
บานสะพรั่งริมลำธาร
เป็่นอันว่าวันนี้ทั้งวัน
ฉันไปไม่ถึงหมู่บ้าน
เพราะมัวแต่เฝ้าชม
ดอกไม้บานอยู่ฝั่งแม่น้ำนั้น
21
ในบาตรของฉัน
ดอกไม้ป่าที่เก็บมา
คลุกเคล้าผสมผสาน
เข้าเป็นหนึ่งเดียว
กับองค์พุทธะ
ผู้เป็นจอมแห่งไตรโลก
22
เมื่อกระหาย
ฉันระงับความกระหายนั้น
ด้วยเหล้าสาเก
บ่ายวันนี้หลังจากดื่มแล้ว
ฉันออกจากกระท่อมมานอนเล่น
ใต้ต้นเชอรี่กลางทุ่ง
ดอกเชอรี่พริ้วระริก
กลางสายลมอ่อน
ช่วยขับกล่อมให้ฉันเคลิ้มหลับ
ครู่หนึ่งผ่านไป
โลกทั้งโลกของฉัน
ก็พลันเรื่อรางกลายเป็นความฝัน
อันงดงามแสนหวาน
23
มวลไม้ป่าข้างกระท่อมฉัน
ชวนกันตกดอกออกช่อ
รอรับแขกผู้มาเยือน
อันได้แก่ฤดูใบไม้ผลิ
ใบไม้แห้ง
ที่หลงเหลือจากฤดูใบไม้ร่วง
ยามนี้ไม่มีให้เห็นแม้ใบเดียว
ป่าทั้งป่าดาดาษด้วยดอกและใบอ่อน
ฉันเองก็รู้สึกสดชื่นบันเทิงใจ
เร่งรีบเข้าไปในหมู่บ้าน
เพื่อพบกับเด็ก ๆ
24
ใต้ต้นหลิวร่มครึ้ม
ฉันกับเพื่อน
นั่งร้องเพลงพลาง
หัวเราะพลาง
วันเวลาที่เคลื่อนคล้อยไป
ช่างเปี่ยมด้วยความสุข
อันเกิดจากมิตรภาพ
แท้จริงเชียว
25
ฉันทอดมองสายตา
ออกไปนอกหน้าต่าง
เพื่อเฝ้าดูดอกเชอรี่สีชมพู
แต่สายฝนหิมะ
ที่พรูพร่างลงมา
กลับบรรจงทาบทับม่านเกล็ดสีขาว
ลงบนดอกไม้นั้น
เหลือเพียงช่อดอกขาวบริสุทธิ์
26
มือประสานมือ
ฉันกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน
เริงริ่วออกหาเก็บผัก
มาไว้เป็นอาหาร
จะมีสุขใดเล่าหนอในโลกนี้
เท่ากับการเพลินเล่น
กลางป่าไม้และขุนเขา
แห่งฤดูใบไม้ผลิ
27
วันนี้ฉันเข้าไปนั่งเล่นในสวน
ทอดอารมณ์อยู่ใต้ต้นเชอรี่
เนิ่นนานที่ฉันปล่อยความคิดนึก
ให้ล่องลอยไปกับธรรมชาติรอบกาย
กว่าจินตนาการจะย้อนกลับ
เสื้อคลุมของฉัน
ก็พราวเต็มด้วยกลีบดอกไม้
ที่ร่วงหล่นมาพร้อมสายลมโชย
28
เช้าวันนี้
ลมรุ่งแผ่วพัดมารวยริน
ดังจะกระซิบบอกว่า
ฤดูไม้ไม้ผลิผ่านผันมาอีกแล้ว
หน้ากระท่อมของฉัน
เจี๊ยวจ๊าวไปด้วยเสียงเด็ก ๆ
ที่พากันมาเยี่ยมเยียน
ทุกปีเมื่อหิมะละลาย
ฤดูหนาวกลายเป็นอบอุ่น
เด็กในหมู่บ้านจะพากันมาสนุกอยู่ที่นี่
อา ฤดูใบไม้ผลิปีนี้
เด็ก ๆ โตขึ้นเป็นกอง