ผู้เขียน หัวข้อ: หลงนิมิต  (อ่าน 1568 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ i mah'ta

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 47
  • พลังกัลยาณมิตร 53
    • ดูรายละเอียด
หลงนิมิต
« เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 02:39:42 am »
หลงนิมิต


 
 
เรื่องของนิมิตนับว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญมากต่อการปฏิบัติสมาธิภาวนา เพราะนิมิตนั้นเปรียบเสมือนดาบสองคม หากรู้จักวิธีการใช้ภาพนิมิตเป็นเครื่องมือในการนำจิตเข้าถึงภาวะสมาธิจิตได้ ย่อมเกิดผลดีต่อการปฏิบัติ แต่หากผู้ปฏิบัติยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องภาพนิมิตแล้วนำมาใช้ไม่เป็นก็ย่อมเป็นเหตุบั่นทอนในการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น ด้วยเพราะหากขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องภาพนิมิตแล้ว จิตอาจไปยึดถือเอาภาพนิมิตเหล่านั้นมาคิดเป็นจริงเป็นจังจนเกิดเป็นความหลงนิมิตได้
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ อาการหลงนิมิตเป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติจำนวนมากกำลังประสบอยู่ เนื่องจากขาดครูบาอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงในการเพ่งภาพนิมิตคอยให้คำชี้แนะ เป็นผลให้ผู้ปฏิบัติหลายคนไปติดอยู่กับภาพนิมิต ซึ่งบางรายถึงกับเกิดอาการหลงในนิมิตเป็นอย่างมาก ยึดมั่นถือมั่นในภาพมายานิมิตเหล่านั้นว่าเป็นเรื่องจริง เกิดเป็นอวิชชาความหลงและยึดเอานิมิตเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์จิตของตน ก่อให้เกิดเป็นอัตตาขึ้นในจิต ไม่ยอมปล่อยวาง สุดท้ายจิตจึงไม่อาจก้าวหน้าในทางปฏิบัติ
โดยปกติแล้ว ในช่วงที่จิตกำลังจะตัดกระแสความคิดและเข้าถึงความสงบในระดับฌานสมาธิ มักจะมีภาพนิมิตปรากฏขึ้นภายในจิตของผู้ปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปฏิบัติเลยก็ว่าได้ เพราะหากในช่วงนี้ผู้ปฏิบัติขาดครูบาอาจารย์ที่คอยให้คำแนะนำอย่างถูกต้องในการปฏิบัติแล้ว ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่ผู้ปฏิบัติอาจจะเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตีความภาพนิมิตที่ได้พบเจอจากการปฏิบัติ
ผู้ปฏิบัติบางรายมีอาการที่จิตถูกครอบงำโดยภาพนิมิต ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่จิตไม่เท่าทัน จิตไปหลงยึดในภาพนิมิตเหล่านั้นว่าเป็นเรื่องจริง และไม่ยอมปล่อยวางภาพนิมิตเหล่านั้น เป็นเหตุให้จิตหลงไปตามอุปาทานสัญญาที่ถูกปรุงแต่งสร้างขึ้นด้วยจินตนาการของจิต แล้วภาพมายาเหล่านั้นก็จะไปสร้างเป็นสวรรค์วิมานตามที่กิเลสในใจเราต้องการ สุดท้ายมายาภาพนิมิตและอวิชชาความหลงของจิตก็จะกลับมาเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติสมาธิภาวนา เพราะเมื่อจิตไม่ยอมปล่อยวาง จิตก็ย่อมไม่อาจก้าวไปสู่ภูมิแห่งจิตในขั้นที่ละเอียดสูงขึ้นไปอีกได้
ในปัจจุบันพบว่ามีหลายสำนักที่นิยมนำเอาวิชาการจูงจิตและสร้างภาพมายานิมิตในรูปแบบต่างๆ มาใช้ในการสอนปฏิบัติสมาธิภาวนา โดยผู้สอนจะอาศัยการจูงจิตและการสร้างอุปาทานสัญญาให้ผู้ปฏิบัติเชื่อว่าภาพนิมิตที่บังเกิดขึ้นในดวงจิตนั้นดูเป็นจริงเป็นจัง เมื่อจิตของผู้ปฏิบัติถูกชักจูงด้วยคำพูดในช่วงขณะที่จิตกำลังตกอยู่ในภวังคจิต คำพูดเหล่านั้นจึงกลายเป็นคำสั่งที่สั่งตรงไปยังจิตใต้สำนึก อันเป็นภาวะก่อนที่จะถึงจิตเดิมแท้



จิตใต้สำนึกเป็นจิตที่มีพลังที่อยู่เหนือการควบคุมของสติโดยปกติ หรือถ้าจะกล่าวอีกอย่างก็คือ อยู่เหนือการควบคุมของจิตสำนึกโดยทั่วไปนั่นเอง ดังนั้น การส่งคำสั่งเข้าไปยังจิตส่วนลึกหรือจิตใต้สำนึกจึงทำให้ภาพนิมิต แล้วคำสั่งที่ถูกจูงจิตนั้นก็จะฝังแน่นเข้าไปยังจิตส่วนลึก จิตเมื่อเกิดอาการหลงแล้วย่อมเป็นการยากที่จะให้จิตนั้นยอมรับความเป็นจริงได้ ผู้ที่ถูกจูงจิตจึงกระทำตามคำสั่งเหล่านั้นโดยปราศจากการพิจารณาไตร่ตรอง และนี่ก็เป็นคำอธิบายที่ว่า "ทำไมผู้ที่ถูกครอบงำจิตจึงไม่สามารถบังคับจิตของตนเองได้เลย?"




แม้ว่าในการใช้ภาพกสิณนิมิตจะบังเกิดผลดีต่อการปฏิบัติในแง่ที่ว่าจิตของผู้ปฏิบัติจะบังเกิดเครื่องรู้ที่ช่วยนำพาจิตให้เข้าสู่ภาวะสมาธิได้แต่โดยง่ายก็ตาม แต่หากบังเอิญผู้ปฏิบัติแจ็กพอตไปพบเจอเข้ากับผู้สอนที่ใช้การจูงจิต ป้อนคำสั่งเข้าไปยังจิตใต้สำนึก จนผู้ปฏิบัติเกิดอาการหลงนิมิต มีอัตตาตัวตนเป็นเขาเป็นเรา และยอมทำตามคำสั่งของผู้สอนอย่างที่ไม่มีการพิจารณาไตร่ตรองใดๆ ผลที่จะตามก็คือ บางรายไปติดหลงในนิมิตถึงขั้นที่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาบริจาคทำบุญ จนกระทั่งหมดเนื้อหมดตัว ขาดสติปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรอง เป็นปัญหาที่พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ ของคนในสังคมปัจจุบัน
เมื่อผู้ปฏิบัติได้ตระหนักถึงโทษภัยจากการเล่นกับภาพนิมิต และการเพ่งกสิณนิมิตที่เสี่ยงต่อการนำไปสู่การหลงยึดมั่นถือมั่นในภาพนิมิต รวมถึงกระบวนการเข้าครอบงำจิตได้อย่างง่ายๆ เช่นนี้แล้วจะได้ไม่ประมาทและรู้จักเลือกใช้ในส่วนดีของภาพนิมิตกสิณให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติ



หากผู้ปฏิบัติมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการใช้อุบายกรรมฐานกองนี้ในการเข้าถึงสมาธิจิตดีในระดับขั้นใช้งานได้ หรือมีโอกาสได้พบเจอครูบาอาจารย์ที่คอยแนะนำสั่งสอนเรื่องการเพ่งภาพนิมิตกสิณในทางที่ถูกต้องแล้ว ภาพนิมิตกสิณต่างๆ นั้นย่อมจะเป็นอุบายในการนำพาจิตให้เข้าถึงความว่างและช่องว่างแห่งจิตได้
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เมื่อภาพนิมิตที่เราได้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องรู้แก่จิตในการนำพาเราเข้าสู่ภาวะสมาธิจิตได้ บรรลุถึงวัตถุประสงค์ของมันแล้ว ผู้ปฏิบัติจะต้องปล่อยวางภาพนิมิตเหล่านั้นทิ้งไปให้ได้ เพราะเมื่อจิตได้สัมผัสถึงความว่างและช่องว่างแห่งจิตแล้ว จิตจะต้องวางอุบายกรรมฐานทุกชนิดลง ด้วยเหตุผลที่ว่า "หากจิตยังมัวไปยึดกรรมฐานอันใดเอาไว้ จิตจะไม่สามารถเข้าสู่ภาวะความว่างแห่งจิตได้"


จิตที่ไม่ยอมปล่อยวางภาพนิมิตกสิณ ยังคงมีความยึดมั่นถือมั่นคิดเป็นจริงเป็นจัง จิตจะเริ่มมีอาการปรุงแต่งภาพนิมิตเหล่านั้นไปตามอุปาทานความเชื่อภายในจิตใจของตน จนเกิดเป็นความเห็นผิดที่ยากจะแก้ไขได้.

 
อ.บูรพา ผดุงไทย


------------------
ที่มา:
http://www.thaipost.net/tabloid/210210/18235
รูปภาพประกอบกระทู้จากอินเตอร์เน็ต
♦~กุศลกรรมที่ไม่มีอะไรใหญ่เท่ากับการให้~♦

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: หลงนิมิต
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 11:45:16 am »
อนุโมทนาครับ :13:
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~