ชำระมลทิน ๙ “เจดีย์ใจจะสว่างรุ่งเรือง”เมื่อพระถังซัมจั๋งและสานุศิษย์ พ้นเขตไฟท่วมแผ่นดินไปได้ด้วยความยากลำบาก แต่กลับมีความร่าเริงผาสุกเป็นอย่างยิ่ง ไม่นานบรรลุถึงเมืองใหญ่ชื่อเจ่จั้ยก๊ก เข้าพักค้างแรมที่พระอารามหลวงกิมกวางยี่
ในบริเวณวัดนั้นมีเจดีย์สูงบรรจุพระสารีริกธาตุ เป็นของวิเศษที่เป็นเหตุทำให้เจดีย์(ใจ)ส่องสว่างโชติช่วง แต่ก่อนหน้าที่พระถังซัมจั๋งจะมาถึงพระเจดีย์ที่กล่าวถึงนี้ กลับมีความมัวหมองมีมลทินที่เกิดจากน้ำฝนที่ตกลงมากระทบแล้วเป็นเลือด
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลจากการดลบันดาลของพญาเล่งอ๋องบ้วนเซี้ย (อกิริยาทิฏฐิ - ความเห็นว่าการกระทำไม่มีผล) ผู้เป็นสหายของปีศาจ ควายดำงู้หม้ออ๋อง (อุจเฉททิฏฐิ ความเห็นว่าบาปบุญไม่มี) สมคบกันกับบุตรเขย ชื่อเก๊าเท้าปีศาจหนอน ๙ หัว (มละ ๙ คือมลทิน ๙ - เครื่อง ทำให้มัวหมอง) ทั้งพ่อตาและลูกเขยช่วยกันทำเหตุเพื่อถือโอกาสขโมยพระธาตุวิเศษเอาลงไปบาดาล
ส่วนนางบ้วนเซี้ยกงจู๊ (นันทิราคะ) ภรรยาของเก๊าเท้า ก็ขึ้นไปบนสวรรค์ แอบขโมยหญ้าเล่งกี่เช้า ๙ ยอด (พุทธคุณ ๙ ) อันเป็นยาวิเศษของ อ่องโป๊เนียเนี้ยเทวีแห่งสวรรค์ นำลงไปปลูกยังบาดาล พระราชาเมืองเจ่จั๊ยก๊กทรงพิโรธ เข้าพระทัยผิดว่าพระภิกษุสงฆ์ในวัดแกล้งทำเล่ห์ขโมยพระธาตุเสียเอง ทำให้หัวเมืองน้อยใหญ่เริ่มกระด้างกระเดื่องไม่ส่งบรรณาการมาให้ จึงจับพระสงฆ์ตรึงตรวนไว้หมดทุกองค์
เมื่อเห้งเจียทราบถึงความทุกข์ยากของพระสงฆ์ในวัด อาสาเข้าช่วย ในคืนหนึ่งเห้งเจียจับปีศาจสมุนของพญาเล่งอ๋องที่ลอบมาคุยกันบนเจดีย์ได้ แล้วบังคับให้สมุนปีศาจชี้บอกที่อยู่ของปีศาจเล่งอ๋องให้ จึงรู้ว่าอยู่ที่ภูเขาล้วนเจี๊ยซัวบึงเพ็กปอท้ำ
เห้งเจียชวนโป้ยก่ายไปยังบึงที่อยู่ของเล่งอ๋อง แล้วร้องท้าให้ปีศาจหนอน ๙ หัวเก๊าเท้า (มลทิน ๙) ขึ้นมาสู้รบกัน สู้กันไปมาโป้ยก่าย(ศีล) ก็พลาดท่าถูกปีศาจจับตัวลงบาดาลไป เห้งเจียแหวกน้ำลงไปแก้ไขขึ้นมาได้ แล้วให้โป้ยก่ายรบล่อเล่งอ๋องบ้วนเซี้ยขึ้นมาบนบก เล่งอ๋องบ้วนเซี้ย (อกิริยาทิฏฐิ) พลาดเปิดโอกาสให้เห้งเจียทุบหัวจนแหลกเหลว
ส่วนปีศาจบุตรเขยเก๊าเท้า(มลทิน ๙) รู้ทัน กบดานอยู่ใต้น้ำไม่ยอมขึ้น เห้งเจีย โป้ยก่ายไม่รู้จะทำประการใดดีได้แต่หนักใจกันทั้งสองคน
ในขณะนั้นยี่หนึงจินกุนกับพี่น้อง ๖ คน (สัสสตทิฏฐิ - ความเห็น ว่าเที่ยง) กลับจากล่าสัตว์ผ่านมาพบเห้งเจียและโป้ยก่ายเข้า เห้งเจียให้รู้สึก ละอายแก่ยี่หนึงจิกุน (สัสสตทิฏฐิ - ความเห็นว่าเที่ยง) เพราะตนเคยพ่ายแพ้ ฤทธิ์เดชของยี่หนึงจินกุน เมื่อครั้งตนยังเป็นมิจฉาทิฐิ แล้วมาคราวนี้ยังต้องมา ขอความช่วยเหลือยี่หนึงจินกุน ช่วยปราบปีศาจหนอน ๙ หัวอีกด้วย
ยี่หนึงจินกุนรับปาก เห้งเจียให้โป้ยก่ายลงไปรบล่อให้ปีศาจเก๊าเท้าฮู่เบ๊ (มลทิน ๙) ขึ้นบก ในจังหวะนั้นเองยี่หนึงจินกุน (สัสสตทิฏฐิ - ความเห็น ว่าบาป บุญ มี) ยิงธนูออกไป แล้วสุนัขของยี่หนึงจินกุนกระโดด กัดศีรษะของปีศาจหนอน ปีศาจสะบัดหลุดได้หนีหายสาบสูญไป
เห้งเจียฉวยโอกาสแปลงร่างกายเป็นปีศาจเก๊าเท้าลงไปหลอกลวงนางกงจู๊ (นันทิราคะ - ความเพลินในธรรม) ภรรยาของเก๊าเท้า (มลทิน ๙ -สิ่งที่ ทำให้จิตมัวหมอง) เอาพระธาตุวิเศษกลับขึ้นมาได้ โป้ยก่ายลงไปเอาคราด ๙ ซี่ (สังฆคุณ ๙ - คุณสมบัติของสงฆ์ ๙ ประการ)สับนางกงจู๊ตาย ส่วนมารดาของนางกงจู๊ (ภวตัณหา - ความอยากที่จะมี จะเป็น) นั้นเห้งเจียพาขึ้นมาให้การต่อหน้าพระพักตร์ของพระราชาเจ่จั้ยก๊ก เพื่อให้ปลดปล่อย พระสงฆ์ที่ถูกตรึงตรวนอย่างไร้ความผิด
นางเล่งอ๋อง(ภวตัณหา) เปิดเผยความลับของของวิเศษทั้ง ๒ คือ พระธาตุวิเศษกับหญ้าเก้ายอดนั้นหากอยู่ด้วยกันเมื่อไร จะไม่มีอะไรทำอันตรายได้ โดยเฉพาะหญ้าวิเศษ ๙ ยอด (พุทธคุณ ๙) นั้นปัดกวาดไปที่ใด ที่นั้นจะสว่างไสวมีรัศมีช่วงโชติ
เห้งเจียเมื่อทราบสรรพคุณของวิเศษเช่นนั้นแล้ว ทูลขอถ่ายโทษนางเล่งอ๋อง (ภวตัณหา) โดยให้เป็นผู้เฝ้าพระเจดีย์ (ความเพียรเฝ้าดูใจ) แล้วถวายคืนของวิเศษให้กับพระราชา พระราชาก็ปล่อยพระสงฆ์ในวังแล้ว ทำพิธีอัญเชิญพระธาตุวิเศษเข้าไว้ชั้นสูงสุดของเจดีย์
จากนั้นเห้งเจีย (ปัญญา)นำเอาหญ้าวิเศษ ๙ ยอด(พุทธคุณ ๙) นั้น ต่างไม้กวาดปัดกวาดพระเจดีย์ตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นยอดสุด พระเจดีย์ก็หมด มลทินจากน้ำเลือด เกิดรัศมีโชติช่วงเป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่ประชาชน เมืองขึ้นต่างๆของเมืองเจ่จั้ยก๊ก ต่างส่งบรรณาการให้เหมือนเดิม
พระถังซัมจั๋งยื่นหนังสือผ่านเมืองแก่พระราชา พระราชาทรงประทับตราแล้วยื่นส่งให้อาจารย์และศิษย์ๆ เมื่อได้รับตราประทับแล้ว จึงออกเดินทางต่อไป ปรากฏว่าพระสงฆ์รักใคร่ในพระถังซัมจั๋งต้องการจะติดตามไปด้วย พระถังซัมจั๋งห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง จนเห้งเจียต้องแปลงกายเป็นเสือโคร่งขู่สกัดไว้ พระสงฆ์จึงยอมกลับอาราม อาจารย์กับศิษย์จึงเดินทางมุ่งหน้าสู่ไซทีได
(อกิริยาทิฏฐิ - ความเห็นว่าการกระทำไม่เป็นการกระทำ ทำดีก็หาใช่ดีไม่ ความเพียรที่ไร้ผล ไม่ต้องปฏิบัติอะไร ไม่ต้องละกิเลสอะไรร่วมกับ มละ ๙ - มลทิน ๙ เครื่องทำจิตให้เศร้าหมอง ได้แก่ ๑. โกธะ - โกรธ ๒. มักขะ - ลบหลู่ ๓. อิสสา - ริษยา ๔. มัจฉริยะ - ตระหนี่ ๕. มายา - มารยา ๖. สาเถยยะ - โอ้อวด ๗. มุสาวาท - พูดปด ๘. ปาปิจฉา - ลามก และ ๙. มิจฉาทิฏฐิ - ความเห็นผิด มลทิน ๙ ประการทำให้ใจเปื้อน มัวหมอง จำต้องอาศัยสัสสตทิฏฐิ - ความเห็นว่าเที่ยง ได้แก่
๑. กรรมดีกรรมชั่ว มีอยู่
๒. การบวงสรวง บูชา มีอยู่
๓. โลกนี้ มีอยู่
๔. โลกหน้า มีอยู่
๕. พระคุณมารดามีอยู่ พระคุณบิดามีอยู่
๖. สัตว์ไปผุดเกิด มีอยู่
๗. สมณะ ผู้ประพฤติชอบ ทำโลกนี้ โลกหน้า ให้แจ้งชัดด้วยปัญญา แล้วสอนให้ผู้อื่นให้รู้ตามได้ มีอยู่
และพุทธคุณ ๙ - คุณของพระพุทธเจ้า ๙ ประการได้แก่
๑. อรหํ -เป็นพระอรหันต์ คือ เป็นผู้บริสุทธิ์
๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ -เป็นผู้ตรัสรู้ เห็นชอบเอง
๓. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน-เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา
๔. สุคโต-เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว
๕. โลกวิทู-เป็นผู้รู้แจ้งโลก
๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ-เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งไปกว่า คือ ทรงเป็นผู้ฝึกคนได้เยี่ยม ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า
๗.สตฺถา เทวมนุสฺสานํ - เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
๘. พุทฺโธ-เป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว
๙. ภควา-ทรงเป็นผู้มีโชค คือ ทำการใดลุล่วงปลอดภัยทุกประการ จะทำให้จิตใจผ่องแผ้ว แจ่มใส)จาก
http://www.khuncharn.com/skills?start=21อีกอัน ไซอิ๋ว ฉบับ อาจารย์ เขมานันทะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=maekai&month=10-07-2008&group=15&gblog=1