มันมากับฝน! ภัยมืดที่สาวๆ ต้องระวัง
เคยรู้สึกกลัวเวลาที่ต้องกลับบ้านคนเดียวมืดๆ ระแวงเวลาที่ต้องเดินออกจากออฟฟิศคนเดียว หรือผวาเวลาที่ต้องนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านดึกๆบ้างหรือเปล่า
ไม่ผิดหรอกที่จะรู้สึกแบบนั้น และไม่ต้องกังวลด้วยว่าคุณจะกลายเป็นสาวพารานอยด์จนเกินเหตุ หากว่ายังติดตามข่าวหน้าหนึ่งที่มีคดี ปล้น จี้ หรือทำร้ายร่างกายจากหนังสือพิมพ์หัวสีแทบทุกวัน แต่ถ้าใครยังคงคิดว่าเรื่องแบบนี้ยังห่างไกลและมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง กรุณาหยุดดูแผนภูมิสถิติเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมข้างล่างสักนิด
สถิติของคดีอาชญากรรมตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2550
คงเห็นกันแล้วว่าช่วงปลายฤดูร้อนย่างเข้าฤดูฝนมีสถิติอาชญากรรมร้ายๆกับผู้หญิงค่อนข้างสูง ไหนจะฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจให้ต้องใส่เสื้อผ้าเปียกๆตากฝน ท่ามากลางอากาศมืดมัวสลัวครึ้มล่อตาล่อใจมิจฉาชีพ ไหนจะการจราจรติดขัดทำให้ต้องกลับบ้านดึกดื่น รู้ตัวอย่างนี้แล้วเรานี่แหละต้องรู้จักป้องกันตัวเองดีกว่ารอคนอื่นมาช่วยแล้วต้องเสียใจทีหลัง
ต่อไปนี้คือบางส่วนจากนิตยสารที่เราหยิบยกขึ้นมา เพื่อเตือนสาวๆ ให้ระวังภัยมืดใกล้ตัวคุณ!!!
-----------------------------------------------------------------------
ไม่อยากเสี่ยงควรเลี่ยง 10 ซอยอันตราย
ซอยลาดพร้าว 21 เขตจตุจักร
ซอยวิภาวดี 64 เขตหลักสี่
ซอยจรัลสนิทวงศ์ 37
ซอยจรัลสนิทวงศ์ 89
ซอยสวนผัก 11 เขตตลิ่งชัน
ซอยภิรมย์ เขตสัมพันธวงศ์
ซอยเจริญนคร 23 หรือ ซอยอู่ใหม่ เขตคลองสาน
ซอยวิมุตยาราม เขตบาง
ซอยร่วมรักษา เขตห้วยขวาง
ซอยวัดมะกอก ถนนราชวิถี ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
-----------------------------------------------------------------------
วิธีปฏิบัติตัวเมื่อต้องนั่งแท็กซี่คนเดียว
สาวๆ จ๋า เมื่อหน้าฝนมาเยือนการเดินทางย่อมไม่สะดวกสบายเหมือนฤดูอื่นๆ แต่เรียกแท็กซี่ได้แล้วก็อย่างเพิ่งดีใจ อย่าเผอเรอนั่งสบายๆ ในแอร์ชุ่มช่ำจนลืมนึกถึงความปลอดภัยละ
1. เริ่มตั้งแต่ก่อนขึ้นรถ เวลาเปิดประตูบอกที่หมายให้สังเกตว่าในรถมีทะเบียนรถที่เป็นแผ่นเหล็กติดอยู่ที่บริเวณประตูหรือไม่ และสังเกตว่าคนขับหน้าตา ท่าทาง ดูน่าไว้วางใจหรือไม่ มีอาการมึนเมารึเปล่า
2. เมื่อขึ้นไปนั่ง ควรจำทะเบียนรถทันที หรือจดใส่กระดาษไว้ ดูชื่อคนขับ และดูรูปบัตรที่ติดในรถกับคนที่ขับว่าตรงกันหรือไม่ แต่จะให้ดีที่สุดควรโทรศัพท์หาคนที่กำลังจะไปหา แล้วบอกไปเลยดังๆ ให้คนขับได้ยินว่า " ฉันขึ้นรถ TAXI เขียว-เหลือง ป้ายทะเบียน กทม. มจ.xxxx กำลังจะไปแล้วนะ เดี๋ยวเจอกัน” ไม่ต้องอายเพราะความปลอดภัยของเราใครจะรับผิดชอบ จริงไหม
3. ถ้าโดยสารคนเดียวควรเลือกนั่งเบาะหลังที่นั่งคนขับ โดยนั่งให้ชิดประตูเพราะจะทำให้การพยายามทำอันตราย ต่อผู้โดยสารโดยตรงเป็นไปได้ยากขึ้น แต่เวลาจะลงรถควรลงทางประตูด้านซ้ายเพราะจะได้เป็นการกันไม่ให้คนขับลงจากรถแล้วมาทำอันตรายในระยะประชิดได้
4. พยายามอย่าบอกว่าไม่รู้หรือไม่ชินกับเส้นทาง ถึงแม้จะมาจากต่างจังหวัด ถ้าคนขับถามว่าไปทางไหนดี ควรบอกไปว่า “ไปทางไหนก็ได้......แต่ให้ดีเลือกทางที่รถไม่ค่อยติด และไม่เข้าซอยเปลี่ยว ” ถ้าไม่รู้ทางทั้งคนนั่งและคนขับ อาจเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือถามทางกับคนแถวนั้น แต่ที่ที่จอดถามต้องปลอดภัย คนพลุกพล่าน
5. หากคนขับแท็กซี่ชวนคุย ควรคุยเฉพาะเรื่องเส้นทางเท่านั้น ไม่ควรคุยเรื่องส่วนตัว เพราะจะเป็นการนำไปสู่การคุยเรื่องทะลึ่งลามกได้
6. ขณะนั่งบนรถควรสังเกตอะไรบ้าง
* เส้นทางตลอดเวลาที่ผ่าน อาทิ เช่น ป้ายบอกชื่อถนน ชื่อซอย ถ้ารู้สึกผิดปกติให้โทรหาญาติหรือเพื่อนโดยบอกเส้นทางที่ผ่านมาทุกระยะ
* หากคนขับ ปรับกระจกมองข้างหลัง มาดูระดับขา หรือ ระดับหน้าอกของเรา ควรลงจากรถเพราะอาการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคนขับไม่ให้เกียรติต่อผู้โดยสารผู้หญิง และบ่งบอกว่าเขาอาจกำลังคิดอะไรที่ไม่ดีอยู่ แต่หากจำเป็นต้องนั่งต่อควรเอากระเป๋ามาปิดขาหรือเอามากอดอกไว้ ทำท่าทางให้ดูน่าเกรงใจ ที่สำคัญก่อนออกจากบ้านก็ควรจะดูแลตัวเองเบื้องต้นไว้บ้าง เช่น ไม่แต่งตัวโป๊เกินไป หรือมีเสื้อคลุมที่มิดชิดติดตัว
* ควรสังเกตว่าคนขับขยับมือมาที่ช่องแอร์หรือฉีดสเปรย์ที่ช่องแอร์หรือไม่ ถ้าผิดสังเกต เริ่มรู้สึกมีอาการแปลกๆ เช่น รู้สึกปวดหัว คลื่นไส้จะอาเจียน รู้สึกเหมือนจะเป็นลม ไม่มีเรี่ยวแรง แสดงว่าคุณอาจโดนมอมยา ควรหาที่ปลอดภัยคนเยอะๆ สว่างๆ แล้วลงจากรถ รีบโทรหาญาติหรือเพื่อนทันที หากโชคดีควรหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เยอะๆ หาที่พิงแล้วจะค่อยๆ ดีขึ้น
* ควรระวังคนขับบางรายที่ใช้วิธีช่วยขนสัมภาระ แล้วพยายามจะแตะเนื้อต้องตัวแบบไม่ตั้งใจ บางคนฉวยโอกาสนี้ป้ายยาสลบใส่โดยที่ผู้โดยสารไม่รู้ตัว
7. สิ่งที่สำคัญที่สุดเวลานั่งแท็กซี่ คือ
* อย่าคิดว่า “ คงไม่มีอะไร นั่งหลายครั้งแล้วไม่เห็นมีอะไรเลย” เพราะจะทำให้คุณปิดโอกาสในการระมัดระวังภัยของตัวเอง
* อย่าเผลอหลับบนรถแท็กซี่เด็ดขาด ไม่ว่าจะเหนื่อย ไม่สบาย หรือเมาแค่ไหนก็ตาม
8. ถ้าถูกพาไปที่เปลี่ยว อย่าเปิดโอกาสให้คนขับประชิดตัว ควรพยายามชิงหนีออกมาก่อน ถ้าไม่มีอาวุธป้องกันตัวให้เอารถเป็นที่กำบัง หรือ วิ่งรอบรถพร้อมกับ ร้องตะโกนให้คนช่วยเพื่อถ่วงเวลา ถ้านานแล้วยังไม่มีใครมาช่วย ให้ตะโกนดังๆ ว่า " ตำรวจมาแล้ว ตำรวจช่วยด้วย " ให้คนร้ายหันไปมอง แล้ววิ่งสุดชีวิต ถ้าฉวยจังหวะนั้นได้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะวิ่งห่างจากคนร้ายได้ประมาณ 100 เมตร
9. ถ้าบอกให้จอดแล้วไม่ยอมจอดแต่ยิ่งขับเร็วขึ้น ก่อนอื่นต้องตั้งสติดีๆแล้วเปิดประตูด้านหนึ่ง (ควรเป็นประตูด้านซ้ายของเบาะผู้โดยสาร จำไว้ว่าเราต้องนั่งเบาะข้างหลังคนขับ) ให้สะบัดค้างไว้นอกรถเพื่อสร้างจุดสังเกต มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะมีคนสังเกตเห็นและช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
-----------------------------------------------------------------------
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้สกัด 7 จุดสำคัญ
1. บริเวณศีรษะ
จุดอ่อนสำคัญที่จะหยุดคนร้าย ได้แก่ ดวงตา หู จมูก ขมับ ท้ายทอย ปลายคาง โดยเลือกใช้สิ่งของที่มีลักษณะแหลมๆ แทงไปตรงจุดดังกล่าว หรือฉีดน้ำหอม/น้ำยาดับกลิ่นปากไปที่ตา รับรองคนร้ายไม่รอดแน่
2. ลูกกระเดือก
ควานหาของแหลมๆ เช่น กุญแจ แปรงสีฟัน หรือ มาสคาราก็ได้ แทงเข้าไปบริเวณนี้จะมีผลทำให้กระดูกอ่อนของกล่องเสียงโจรแตกจนถึงขั้นพูดไม่ได้ก็มี
3. ลิ้นปี่
ตรงกลางบริเวณท้องส่วนบน อาจจะใช้สมุดเล่มหนา แปรงสีฟัน หรือโทรศัพท์มือถือ กระทุ้งไปตรงจุดนี้ให้เต็มแรง คนร้ายจะเกิดอาการจุก ตัวงอและล้มลงได้
4. เป้ากางเกง
ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ และง่ายต่อการจู่โจม หากผู้ชายถูกกระแทกบริเวณนี้จะอ่อนแรงลง ยิ่งถ้าแรงมากจะส่งผลให้ลูกอัณฑะแตกถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
5. หน้าแข้ง
วินาทีนี้แล้วคงไม่ต้องนึกเสียดายของกันแล้วละ หยิบของที่แข็งแรงพอจะเหวี่ยงได้เช่น กล้องดิจิตอล ฟาดสุดแรงเข้าที่หน้าแข้งไปเลยเพื่อสร้างความเจ็บปวดและทำให้เสียการทรงตัว เป็นโอกาสให้รีบวิ่งเอาตัวรอง
6. หลังเท้า
ถึงตอนนี้รองเท้าส้นสูงที่สาวๆ มักบ่นว่าปวดเมื่อยยามสวมใส่จะกลายเป็นประโยชน์ยามคับขัน เหยียบไปอย่างแรง ย้ำๆๆๆ จะยิ่งดีและถ้ายังมีโอกาสให้ตามด้วยยุทธศาสตร์ข้ออื่นอีกก่อนผละหนี
7. นิ้วมือ
อาจจะใช้ที่ดัดขนตาหนีบไปที่นิ้วมืออย่างแรงหรือหักนิ้วไหนก็ได้กลับอีกด้าน วิธีนี้ต่อให้คนร้ายตัวใหญ่แค่ไหน ก็ต้องสยบ
ข้อมูลและภาพประกอบจาก สุดสัปดาห์
http://hilight.kapook.com/view/23603