ผู้เขียน หัวข้อ: ทันโลก : พุทธศาสนาหยั่งรากในอิตาลี ( วัดป่าสันตจิตตาราม สาขา วัดหนองป่าพง )  (อ่าน 2219 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
<a href="https://www.youtube.com/v/oQewbWPwSjw" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/oQewbWPwSjw</a>

ตามรอยเผยแผ่พระพุทธศาสนา สู่ดินแดนคริสตจักรอันศักดิ์สิทธิ์ ร่วมค้นหาความจริงและคลี่คลายทุกปมประเด็นและข้อสงสัยบนโลกออนไลน์ จริงหรือไม่ที่พุทธศาสนาหยั่งรากในอิตาลี









<a href="https://www.youtube.com/v/rnOIlzbL6V0" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/rnOIlzbL6V0</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/SHf9TaGid9I" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/SHf9TaGid9I</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/vJMFWhPq4xM" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/vJMFWhPq4xM</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/0kcuqkiVV4E" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/0kcuqkiVV4E</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/olgytiorUGw" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/olgytiorUGw</a>






การหยั่งรากของพระพุทธศาสนาในประเทศอิตาลี


เมื่อนับย้อนอดีตไปประมาณ ๓๐ ปี ครั้งนั้น

ขณะที่หลวงพ่อชา สุภัทโทวัดหนองป่าพงได้รับอาราธนาจากลูกศิษย์ชาวต่างประเทศ เพื่อจาริกเผยแผ่ธรรมะเป็นครั้งแรก ได้นั่งเครื่องบินจากประเทศไทยมุ่งหน้าสู่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษในระหว่าง เดินทางนั้น ได้เกิดอุบัติเหตุล้อเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ เครื่องบินลำนั้นจำต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินกรุงโรม เหมือนกับเป็นนิมิตหมายหรือการอาราธนานิมนต์ให้ หลวงพ่อชา ต้องลงมาเหยียบแผ่นดินชาวโรมันและได้แผ่บารมีธรรมไว้ ราวกับเป็นสัญญาณว่าในภายภาคหน้าจะมีลูกศิษย์ของหลวงพ่อมาทำหน้าที่เผยแผ่ หลักธรรมะคำสั่งสอนในทางพระพุทธศาสนา ณ ดินแดนแห่งนี้

ต่อมาปี พ.ศ ๒๕๓๔ นาย วินเชนโซ ปีก้า...ซึ่ง เป็นชาวอิตาเลียนที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนารุ่นแรกๆ มีความประสงค์จะให้มีวัดพุทธศาสนาฝ่ายเถระวาทในประเทศอิตาลี จึงได้ติดต่อท่านเอกอัครราชทูตประเทศศรีลังกาประจำกรุงโรมและได้นิมนต์พระ เถระผู้ใหญ่จากประเทศศรีลังกา มาปรึกษาหารือเรื่องการสร้างวัดและดูสถานที่ของ นาย วินเชนโซ ปีก้า ที่ได้ซื้อที่ดินถวายในกลางชุมชนเมือง เซสเซ่ โรมาโน ซึ่งห่างจากกรุงโรมประมาณ ๑๑๐ กิโลเมตร เป็นที่ตั้งวัด เมื่อพระเถระทางศรีลังกากลับไปแล้วก็ได้พยายามจัดหาพระให้มาประจำที่วัดใหม่แห่งนี้ แต่ปรากฎว่าไม่มีพระสงฆ์รูปใดยอมกลับมาอยู่เลยด้วยเกรงว่าดินแดนแห่งนี้ เป็นดินแดนที่ศาสนาคริสต์โรมันคาทริคนั้นได้หยั่งรากลึกมาช้านาน เกรงว่าจะไม่สามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ได้ผล ฉะนั้นทางกลุ่มชาวพุทธในอิตาลีจึงได้มีการตกลงกันว่าควรจะหาพระภิกษุชาวอิตาเลี่ยน ท่านเอกอัครราชทูตประเทศศรีลังกาจึงขอรับหน้าที่นี้ กราบอาราธนานิมนต์พระภิกษุชาวอิตาเลี่ยนซึ่งเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์สุเมโธ สายหลวง พ่อชาให้มาทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ เมื่อท่านได้ตอบตกลงและได้มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง และได้ผลดียิ่งมาจนกระทั่งบัดนี้





กำเนิดวัดป่ากรรมฐานแห่งใหม่

เนื่องจากวัดดังกล่าว เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ กลางชุมชนซึ่งไม่เหมาะกับวิถีชีวิตของพระสายวัดป่าและเมื่อปี พ.ศ ๒๕๔๐ท่านเอกอัครราชทูต อนุรักษ์ และคุณ นัชรี ธนานันท์ ได้เป็นผู้แจ้งข่าวการสร้างวัดใหม่ และรวบรวมปัจจัยจากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารบริเวณนอกกรุง โรมให้เป็นวัด โดยขอให้ท่านอาจารย์ฉันทปาโลเจ้าอาวาส และท่านอาจารย์ปรีชา เป็นผู้ดำเนินการหาที่ดินแปลงที่เหมาะสมเพื่อสร้างวัดใหม่ เมื่อดำเนินการมาถึงจุดหนึ่งดูเหมือนว่า ความหวังที่จะสร้างวัดใหม่แทบจะริบหรี่ลง ท่านอาจารย์ปรีชา เล่าว่าปัจจัยที่จะซื้อที่ดินมีพร้อมแต่การหาที่ดินนั้นช่างยากเย็นแสน เข็ญ พวกท่านต้องใช้เวลากว่าสองปี ออกหาดูสถานที่มากกว่าสองร้อยแปลง แต่ก็ยังไม่สามารถหาที่ดินแปลงที่เหมาะสมได้ดูเหมือนจะมีเหตุขัดข้องต่าง ๆนานา บางแปลงก็เกือบจะตกลงกันได้แต่ในที่สุดก็ไม่ ได้ เป็นเช่นนี้หลายครั้งหลายครา จนท่านคิดว่าคงจะสร้างวัดป่าไม่สำเร็จเป็นแน่ และสมควรที่จะบอกคืนปัจจัยแก่ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาได้แล้ว ทันทีที่ท่านได้พูดคุยปรึกษากันเช่นนั้น ก็มีผู้ติดต่อให้ไปดูที่ดินแปลงหนึ่ง ท่านอาจารย์ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะขอดูที่ดินแปลงนี้เป็นแปลงสุดท้าย ถ้าไม่ได้ก็จะยกเลิกโครงการสร้างวัดป่าในอิตาลี ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ท่านอาจารย์ปรีชาก็จะกลับประเทศไทย แต่การกลับกลายเป็นว่า เมื่อทุกคนได้มาเห็นสถานที่แห่งนี้ ทุกคนต่างก็เห็นถึงความเหมาะสม และตอบตกลงซื้อขายทุกสิ่งทุกอย่างดูจะง่ายดายราบรื่นเป็นที่สุด จนถึงวันเซ็นสัญญาโอนที่ดิน ณ สำนักงานฯในกรุงโรม ช่วงระหว่างที่มีการลงนามโอนที่ดินนั้นยังไม่ทันจะวางปากกา อาคารสำนักงานฯนั้นก็ได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนโคมไฟระย้ากวัดแกว่งไปมา ท่านอาจารย์คิดว่าตึกโบราณซึ่งอยู่ในสถานที่ ที่เรากำลังจะเซ็นสัญญาซื้อขายอยู่นั้น อาจจะทรุดพังลงแล้วเป็นแน่





ธรรมชาติร่วมเป็นสักขีพยาน

ภายหลังจึงได้ทราบว่าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มีจุดศูนย์กลาง อยู่ที่เมือง Assisi ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโรม ประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร ท่านว่านับเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นตรงกับวันเซ็นสัญญาโอน ที่ดินเป็นของพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวันนั้นเวลานั้น เพราะปรากฏการณ์แผ่นดินไหวนั้น คติโบราณกล่าวไว้ว่าจะเกิดขึ้นก็ด้วยเหตุ ๘ ประการคือ ธรรมชาติแปรปรวนโดยปรกติ ผู้มีฤทธิ์บันดาลอานุภาพ พระโพธิสัตว์จุติลงสู่ ครรภ์พระมารดา พระโพธิสัตว์ ทรงประสูติ ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ แสดงพระธรรมจักรให้เป็นไป ทรงปลงอายุสังขาร แ ละเข้าสู่ดับขันธปรินิพพาน แผ่นดินไหวครั้งนี้คงเป็นเหมือนเทพยดาอนุโมทนาพระแม่ธรณีรับรู้เป็นพยานว่า บัดนี้พระพุทธศาสนาได้อุบัติบังเกิดขึ้นแล้ว และได้หยั่งรากอย่างมั่นคงลงในดินแดนแห่งนี้แล้ว





อาณาเขต เก่าแก่แห่งนักบุญ

ที่นับว่าแปลกยิ่งกว่านั้น คือ ที่ดินที่จะสร้างวัดดังกล่าวนี้ เมื่อก่อนนั้นเคยอยู่ในอาณาเขตที่ดินของนักบุญเซนต์ฟรานซิสโก้ ผู้มีชื่อเสียง จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเกิดที่เมือง Assisi ซึ่ง เป็นเมืองที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับนักบุญองค์นี้เป็นที่สุด เพราะเป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์ฟรานซิสโก้ที่ยิ่งใหญ่สวยงามอายุกว่าเจ็ดร้อย ปี แผ่นดินไหวในวันนั้นเวลานั้น ทำให้โดมของโบสถ์ส่วนหนึ่งถล่มลงมา เป็นที่กล่าวขวัญจนมาถึงทุกวันนี้ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า วันนั้น เวลานั้น ขณะนั้น เป็นขณะเดียวกับที่วัดป่าสันตจิตตารามได้ถือกำเนิดอย่างมั่นคงในประเทศ อิตาลีเช่นกัน

วัดป่าสันตจิตตารามเป็นสาขาต่างประเทศของวัดหนองป่าพง ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า ๗๐ ไร่ ห่างจากกรุงโรมเพียง ๕๓ กิโลเมตร เป็นที่ ๆ สัปปายะเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียร แม้จะมีพื้นที่ราบค่อนข้างจำกัดในการปลูกสิ่งก่อสร้าง แต่ก็มีพื้นที่เป็นป่าและเนินเขาที่อุดมสมบูรญ์เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีลำธาร และมีถ้ำเล็กๆ หลายแห่ง ที่ตั้งอยู่ในระยะที่พอเหมาะพอสมระหว่างความสงบวิเวก กับความสะดวกของศรัทธาญาติโยมที่จะไปจะมา การเผยแผ่พระพุทธศาสนาดำเนินไปด้วยดียิ่ง จำนวนญาติโยมก็เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนอาคารหลักซึ่งมีอยู่เพียงอาคารเดียว คือบ้านซึ่งติดมากับที่ดินที่สามารถบรรจุผู้ปฏิบัติธรรมได้ไม่เกิน ๓๐ คน จึงไม่เพียงพอที่จะรองรับพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาที่มาร่วมงาน ต้องเช่าเต็นท์ผ้าใบมาใช้แทนศาลาการเปรียญ ซึ่งจะใช้ประกอบพิธีได้ในบางฤดูกาลเท่านั้น นอกจากนี้จำนวนผู้มีศรัทธา และมีความสนใจในพระพุทธศาสนาก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ มีผู้มาขอปฏิบัติธรรม และเทศกาลวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนาต่างๆ บางครั้งมาก กว่า 500 คน แม้แต่เต็นท์ที่มีก็ไม่เพียงพอสำหรับนั่งประกอบพิธีกรรมเสียแล้ว




จากความดำริแห่งอนาคต

ดังนั้น คณะสงฆ์พร้อมด้วยพุทธ ศาสนิกชน ทายก ทายิกา วัดสันติจิตตาราม จึงได้มีความดำริร่วมกันที่จะเริ่มโครงการก่อสร้างอุโบสถ ๒ ชั้น เพื่อที่จะรองรับศรัทธาญาติโยม ซึ่งเป็นถาวรวัตถุ เพื่อให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาและรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามในประเทศ อิตาลี เป็นไปด้วยความสะดวก ราบรื่น เอื้อประโยชน์สุขแก่เพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย และอนุชนรุ่นหลังสืบไป







ภาพจาก https://forestsangha.org/community/gallery/santacittarama































ราวสิบกว่าปีมาแล้ว สื่อมวลชนในยุโรปได้แถลงกันยกใหญ่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่จะเติบโตเร็วที่สุดในสมัยศตวรรษที่ 21 เพราะเห็นว่ากระแสผู้นับถือเติบโตเร็วมากทั้งในทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ ไม่ว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, อังกฤษ, สเปน, ออสเตรเลีย ฯลฯ วัดวาอารามผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการนำพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศฝรั่งเหล่านี้แต่ไหนแต่ไรมาส่วนมากแล้วนับถือศาสนาคริสต์มาก่อน และกระแสชาวคริสต์หันมานับถือพระพุทธศาสนานี้ก็ก่อตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19

ประเทศยุโรปบางแห่ง เช่น อิตาลีได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ยกพระพุทธศาสนาให้เป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของชาติ ไม่ต่างอะไรกับศาสนาคริสต์

สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่สองซึ่งเป็นประมุขของคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก

ทรงมองเห็นกระแสดังกล่าว ครั้งได้ประทานสัมภาษณ์แก่วิตโดริโอ เมสซุรี่ นักเขียนและนักสื่อมวลชนที่มีชื่อของอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 2536 อันเป็นช่วงที่มีการเฉลิมฉลองครบ 15 นับแต่ที่พระองค์ได้ ทรงรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตปาปา จึงทรงตั้งพระทัยวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาพระพุทธศาสนาอย่างตรงๆ ต่อมาบทประทานสัมภาษณ์ซึ่งมีหลายตอนนี้มาพิมพ์รวมเล่มในรูปหนังสือชื่อ Crossing the Threshhold of Hope (London, Jonathan Cape, 1994) มีทั้งหมด 244 หน้า (รวมดรรชนีคำศัพท์)

ตอนที่ทรงวิพากษ์วิจารณ์คำสอนพระพุทธเจ้า (ซึ่งทรงเข้าพระทัยผิดๆ อยู่มาก) อยู่ในบทที่ 12 มีทั้งหมด 7 หน้า (ตั้งแต่หน้า 84-90)

สาเหตุที่ทรงวิจารณ์พระพุทธศาสนา มีกล่าวชัดในบทประทานสัมภาษณ์ กล่าวคือทรงต้อง การเตือนสติชาวคริสต์ทำนองว่าไม่ควรด่วนเข้าไปนับถือคำสอนพระพุทธศาสนา แต่ควรใช้วิจารณญาณ (For this reason, it is not inappropriate to caution those Christians who enthusiastically welcome certain ideas originating in the religious traditions of the Far East, pp.89-90) ที่เป็นดังนี้ เพราะกระแสคนหันมานับถือพระพุทธศาสนา และช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแข็งขันในยุโรป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักเป็นชาวคริสต์มาก่อน หลายคนเคยเป็นบาทหลวงระดับสูง ต่อมาก็มีฝรั่งนักวิชาการชาวพุทธหลายคนทั้งพระ ทั้งฆราวาส ซึ่งเคยเป็นชาวคริสต์มาก่อน ได้เขียนตอบโต้พระองค์ลงวารสารต่างๆ มากมาย ที่โดดเด่นก็ คือ กลุ่มพระสงฆ์ชาวอิตาเลี่ยนในอิตาลี นำโดย พระฐานวโร ได้เข้าเฝ้าเพื่อทูลชี้แจงให้สมเด็จพระสันตปาปาทรงทราบด้วยซ้ำว่าทรงอธิบายพระพุทธศาสนาผิดๆ

ยุโรปตอนนี้จึงเหมือนอินเดียครั้งพุทธกาล ศาสนาเดิมที่ผู้คนนับถือคือศาสนาพราหมณ์ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาก็มีผู้เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มานับถือ และขวนขวายเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่

ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเดือดเนื้อร้อนพระทัยว่าใครจะหันมานับถือศาสนาของพระองค์หรือไม่ ทรงสอนให้ผู้ฟังเทศน์ของพระองค์รู้จักไตร่ตรองหาเหตุผลให้รอบคอบก่อนถึงจะเชื่อ หลายคนที่หันมานับถือคำสอนของพระองค์เคยให้ความอุปถัมภ์ศาสนาอื่นมาก่อนก็มี พระองค์ก็ทรงแนะให้คนเหล่านี้กลับไปคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ มิหนำซ้ำพระองค์ยังคงแนะให้บรรดาผู้หันมานับถือพระพุทธศาสนาเหล่านี้ยังคงอุปถัมภ์บำรุงศาสนาอื่นๆ ที่ตนเคยนับถือตามปกติไปด้วย
แต่เดิม ศาสนาคริสต์ถูกลัทธิมาร์กซ์โจมตีอย่างรุนแรงมาร์กซ์ได้ประณามศาสนาว่า คือยาเสพติด เพราะสอนให้ประชาชนศรัทธาแบบหัวปักหัวปำโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง หลายอย่างขัดแย้งหลักวิทยาศาสตร์ เช่น โลกแบน, โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความจริงใหม่ ๆ หลายคนถูกศาสนจักรลงโทษจนตายในคุก

แต่เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุโรป พระพุทธศาสนาได้สอนให้ปัญญาชนชาวยุโรปได้เข้าใจความหมายของ Religion เสียใหม่ว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าคือคำสอน ซึ่งทรงสอนให้ผู้ฟังใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้ก่อนจะปลงใจเชื่อ ไม่ใช่เทวโองการ (Gospel)จากพระเจ้าซึ่งแย้งไม่ได้ พระสงฆ์หรือพุทธสาวกก็มิใช่มิชชันนารี ซึ่งมีภารกิจหลักคือจาริกไปชี้ชวนให้ใครต่อใครมานับถือพระศาสนา พระสงฆ์หรือพุทธสาวกมีหน้าที่เพียงอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ คนที่สนใจฟังเท่านั้น ใครไม่สนใจฟัง ชาวพุทธก็ไม่เคยใช้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบังคับให้นับถือ ไม่เคยตั้งกองทุนให้การศึกษาฟรี แล้วสร้างเงื่อนไขให้ผู้รับทุนเปลี่ยนมาเป็นชาวพุทธ ไม่เคยสร้างที่พักอาศัยให้หรือแจกทานให้อาหารฟรีๆ แล้ววางเงื่อนไขให้คนมาขออาศัยตนต้องหันมานับถือศาสนาในภาวะจำยอม

ขณะที่ศาสนาคริสต์ต้องใช้ความพยายาม อย่างหนักเพื่อดึงศรัทธาชาวยุโรปให้นับถือเหมือนเดิม ในเวลาเดียวกัน ก็พยายามแสวงหาผู้นับถือใหม่ๆ ในประเทศเอเชียให้มากยิ่งขึ้น การเผยแพร่หนังสือ “พลังชีวิต”ซึ่งจัดพิมพ์โดยมูลนิธิอาร์เธอร์ เอส เดอมอส ในประเทศไทยคือหนึ่งในความพยายามดังกล่าวนี้

ความใจกว้างและมีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรม เชิญชวนให้มาพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเองและเน้นให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนนับถือ ทำให้พระพุทธศาสนาได้รับการยอมรับจากวิญญูชนไปทั่วโลก นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ดัง ๆ ระดับโลกจำนวนมาก เช่น โซเพน ฮาวเออร์, ไอน์สไตน์ ต่างหันมานับถือพระพุทธศาสนา

นับแต่พระพุทธศาสนาเข้ายุโรปสมัยศตวรรษที่ 19 ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงสถิติว่าคนยุโรปและอเมริกาชาติต่าง ๆ หันมาเข้าวัดในพระพุทธศาสนามากขึ้นบ้าง ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมากขึ้นบ้าง สถานปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาซึ่งรวมทั้งวัดวาอารามเพิ่มขึ้นที่นั่นที่นี่ประจำบ้าง

เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาอีกว่า ดาราฮอลลี้วูดอังกฤษ ชื่อ ออร์นันโด บลูม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แสดงนำในหนังเรื่อง The Lord of the Rings ได้ทำพิธีประกาศตนเป็นพุทธมามกะต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว

ระหว่างทหารอเมริกันพยายามไล่บี้ทหารอิรักอย่างเมามันตามคำสั่งของประธานาธิบดีบุชไม่นานมานี้ ทหารอเมริกันคนหนึ่งนามว่า เจเรมี่ ฮินซ์แมน วัย 26 ปี ได้ตัดสินใจหนีทัพอเมริกาในอิรักไปปักหลักลี้ภัยในแคนาดา เขาให้เหตุผลว่าสงครามที่อเมริกาทำกับชาวอิรักเป็นสงครามผิดกฎหมาย ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเขาเป็นชาวพุทธที่สนใจปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เขาให้สัมภาษณ์ว่าคำสอนพระพุทธศาสนาสอนให้เขาไม่อยากทำสงคราม เขาตั้งปฏิญาณว่าจะรับใช้ชาติหรือพิทักษ์ชาติจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู แต่มิใช่ไปทำสงครามแบบก้าวร้าวต่อชาติอื่นดังที่ทหารอเมริกันกำลังทำอยู่ในอิรักเวลานี้

ผมได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ Lanka Daily News ในลังกาตั้งแต่ 23 ต.ค. ที่แล้วว่าปัจจุบันพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในแคนาดา ประเทศแคนาดาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างที่สุดในอเมริกาเหนือ พระพุทธศาสนาเข้าแคนาดาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมาบูมขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2503-2513 (1960s) เป็นต้นมา ช่วงนั้นมีการสำรวจพบว่าวัดชาวพุทธมีแค่ 18 วัด มีชาวแคนาดาปฏิบัติธรรมราวๆ 10,000 คน แต่เมื่อสำรวจผู้นับถือพระพุทธศาสนาอีกครั้งในพ.ศ. 2528 ชาวพุทธมีเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน หกปีหลังจากนั้นคือพ.ศ. 2534 รัฐบาลสำรวจคร่าวๆ อีกครั้งพบว่าผู้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมีเพิ่มเป็น 163,415 คน รัฐมาสำรวจครั้งล่าสุดอีกครั้ง เมื่อพ.ศ. 2544 พบว่าพุทธมามกะแท้ ๆ มีไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน แซงหน้าจำนวนผู้นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาซิกข์ ซึ่งเคยตามหลัง จำนวนผู้นับถือยังเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ทุกปี

ผลสำรวจยังบอกว่าวัด, สถานที่ปฏิบัติธรรม หรือศูนย์กลางของชาวพุทธในแคนาดาตอนนี้มีเกือบๆ จะถึงหนึ่งพันแห่งทั่วประเทศ เมืองที่มีชาวพุทธมากที่สุดคือ ออนตาริโอ, บริติชโคลัมเบีย และควิเบก ข่าวยังลงด้วยว่าแม้จำนวนคนนับถือจะยังอยู่เรือนแสน แต่จำนวนผู้แสดงความสนใจและเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนาบ้างแล้วมีหลายล้านคนทั่วประเทศ

เมื่อ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา โฆษกประจำรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กระพือข่าวว่า

องค์ทะไลลามะจะได้รับอนุญาตให้เข้ารัสเซีย หลังจากถูกแบนเพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์กับจีน หลังจากรัสเซียเซ็นสัญญามิตรภาพกับจีน เมื่อ พ.ศ. 2544 แต่ชาวรัสเซียก็แสดงจุดยืนชัดเจน

ว่าองค์ทะไลลามะจะมาเยือนด้วยภารกิจศาสนา เมื่อกระแสประชาชนเรียกร้องหนักขึ้น รัสเซียก็ยอมอนุญาตให้ท่านเข้ารัสเซียแต่โดยดี ปลาย พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านทะไลลามะจึงมีโอกาสแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทและประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่เมืองกัลมิเกีย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกประมาณหนึ่งพันไมล์

ชาวรัสเซียหลายคนในเมืองนี้มีบรรพบุรุษเป็นชาวมองโกลซึ่งอพยพจากทางตะวันตกของจีนเข้าสู่รัสเซียเมื่อราว 4 ร้อยกว่าปีมาแล้ว พระพุทธศาสนาที่นำเข้ามาจึงเป็น พระพุทธศาสนาแบบทิเบต ผลปรากฏว่า มีชาวพุทธและผู้สนใจทั่วๆ ไปชาวรัสเซียแห่กันมาฟังธรรมล้นหลามเป็นจำนวนหลายพันคน

ผู้สื่อข่าวรายงานลงใน Ireland Online ว่าจากจำนวนประชากรของเมืองนี้ ทั้งหมดราว 3 แสนคน ประมาณครึ่งหนึ่งนับถือพระพุทธศาสนา รัสเซียมีประชากรราว 144 ล้านคน ในจำนวนนี้มีราว 1 ล้านคน ที่ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ

ผมดูภาพรวมพระพุทธศาสนาจากข่าวสารต่างๆ แล้วก็รู้สึกได้ว่าวัฒนธรรมแบบพุทธกำลังเติบโตและเบ่งบานในหลาย ๆ ประเทศของทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาบางแห่ง เช่น รัสเซียแม้จะเติบโตช้า แต่ปีที่กำลังจะผ่านไปนี้ก็เริ่มมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ผมคิดว่าปัญญาชนในประเทศทุนนิยมทั่วโลกเวลานี้คงเอือมระอากับ “ทุนนิยมเสรี” หรืออีกชื่อหนึ่งว่า กระแสโลกาภิวัตน์กันไม่น้อยและก็คงเห็นชัดเจนแล้วว่ามีแต่ศาสนาเท่านั้นที่จะช่วยเปลี่ยนให้มนุษย์มีความเป็นผู้เป็นคน(ใจสูง) มากขึ้น ท่ามกลางกระแสสังคมที่มีแต่นายทุนจอมตะกละตะกรามแสวงหากำไรสูงสุดอยู่ทุกแห่ง ดังนั้น จึงเริ่มผ่อนปรนให้ผู้นำศาสนาทำงานได้สะดวกขึ้น

บทความจาก http://www.vcharkarn.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 20, 2016, 01:27:12 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...