ผู้เขียน หัวข้อ: จะไปสู่สุคติได้อย่างไรเมื่อเป็นอัลไซเมอร์ (พระไพศาล วิสาโล)  (อ่าน 1937 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานไตรสรณะสุจิปุลิ
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด




นิตยสารซีเครท :  Vol.7 No.183 10 Febuary 2016
Dhamma Daily

จะไปสู่สุคติได้อย่างไรเมื่อเป็นอัลไซเมอร์
พระไพศาล วิสาโล


แม่ของดิฉินโทรมาเล่าให้ฟังว่า ลูกชายอายุ 5 ขวบ ร้องไห้บอกยายว่า ไม่อยากตาย อยากอยู่นานๆ ดิฉันฟังแล้วไม่สบายใจมาก  เด็กพูดแบบนี้ถือว่าแปลกไหมคะ

เป็นธรรมดาของเด็กที่ยังไม่เข้าใจความตาย หรือยังยอมรับความตายไม่ได้  คุณไม่ควรมองว่าเป็นปัญหามาก  อย่างไรก็ตามการที่เด็กมีความรู้สึกเช่นนั้นคงเพราะมีคนพูดเรื่องความตายให้กลายเป็นเรื่องน่ากลัวหรือเลวร้าย   หากอยากให้ลูกเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่เล็ก ควรพูดถึงเรื่องความไม่เที่ยงหรือความแปรเปลี่ยนของสรรพสิ่ง ซึ่งปรากฏให้เห็นในชีวิตประจำวัน เช่น พระอาทิตย์ขึ้นแล้วตก ดอกไม้บานแล้วร่วงโรย หรือใบไม้ที่ผลิแล้วร่วง ต้นไม้เกิดแล้วตาย  การปูพื้นในเรื่องนี้จะช่วยให้เด็กเข้าใจความตายได้ง่ายขึ้น
 

เคยฟังธรรมมาว่า ถ้าเผชิญความตายด้วยใจสงบหรือวางจิตให้เป็นกุศล จิตก็จะไปสู่สุคติได้ แต่ในกรณีแม่ของดิฉัน ท่านเป็นโรคอัลไซเมอร์ ไม่รู้จักแม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร ท่านจะต้องทำอย่างไรให้ตายด้วยใจสงบได้หรือคะพระอาจารย์

คนที่เป็นอัลไซเมอร์นั้น  ถึงแม้สมองจะบกพร่องจนจำอะไรไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง แต่จิตน่าจะมีความสามารถในการรับรู้อารมณ์อันเป็นกุศลได้ในระดับหนึ่ง  แม้จะไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ก็ตาม และเป็นไปได้ว่าเขาอาจมีความรู้สึกตัวเป็นพัก ๆ  แม้ไม่บ่อยนักก็ตาม  มีคนเล่าว่าเคยเห็นแม่ของตนซึ่งเป็นอัลไซเมอร์อย่างหนัก  บางช่วงก็ลุกขึ้นมาสวดมนต์เวลาอยู่ลำพังในห้องนอน  ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ คุยเรื่องดี ๆ กับท่าน พูดถึงบุญกุศลที่ท่านเคยทำหรือความดีที่ท่านภาคภูมิใจ  อ่านหนังสือธรรมะให้ท่านฟัง  ชวนท่านสวดมนต์ย่อ ๆ   ใจอันเป็นกุศลของคุณสามารถสื่อไปถึงใจของท่านได้ไม่มากก็น้อย  คุณควรทำเช่นนี้เป็นประจำแม้ในยามที่ท่านป่วยหนักและใกล้ตาย  ความรู้สึกดี ๆ ท่านที่ได้รับจากคุณ หรือจากการทำสิ่งดี ๆ ร่วมกับคุณ จะช่วยให้ท่านพบกับความสงบในวาระสุดท้ายได้
 

หนูเป็นคนไม่กลัวความตาย รู้สึกว่าความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมดา แต่พอหนูพยายามบอกแฟนว่า ให้วางแผนชีวิตดีๆ ต่อไปถ้าพ่อเขาตายแล้ว เขาก็จะต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง (พ่อเขายังแข็งแรงดีค่ะ หนูแค่อยากให้เขาพึ่งตัวเองให้ได้)
ทั้งๆ ที่หนูหวังดี พูดเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นจริง แต่เขากลับโกรธหนู หาว่าหนูไปแช่งพ่อเขา หนูควรต้องทำอย่างไรคะ ถ้าต้องการเตือนสติเขาเรื่องนี้ แต่พูดตรงๆ ไม่ได้


ควรเตือนเขาทางอ้อม ด้วยการพูดถึงกรณีอื่น เช่น คนที่ตายแบบกะทันหัน ทั้ง ๆ ที่มีสุขภาพดี ทำให้ลูกหลานเป็นทุกข์มาก เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้เลยกับเรื่องนี้  หรือเกิดเรื่องวุ่นวายเพราะผู้ตายไม่ได้ทำมรดกไว้เลย   หากเป็นกรณีของคนใกล้ตัว หรือคนที่เขารู้จัก หรือเป็นคนดัง  ก็น่าจะช่วยให้เขาฉุกคิดหรือเฉลียวใจ ไม่ประมาทกับเรื่องแบบนี้   นอกจากนี้ควรบอกเขาด้วยว่า พุทธศาสนาไม่ได้มองว่าการพูดเรื่องนี้เป็นอัปมงคลหรือเป็นการแช่ง  หากเป็นการพูดเพื่อเตือนใจให้ไม่ประมาท ถือว่าเป็นเรื่องดี เป็นมงคลอย่างยิ่งเลยทีเดียว ดังมีพุทธภาษิตว่า การไม่ประมาทในธรรมทั้งปวง เป็นมงคลอันสูงสุด
 

ปู่ของดิฉันเสียชีวิตไป 6 ปีได้แล้ว แต่ดิฉันยังทำใจไม่ได้ ทุกครั้งที่นึกถึงท่าน ดิฉันก็จะร้องไห้ ท่านเลี้ยงดิฉันมาตั้งแต่เด็ก รักและมีพระคุณกับดิฉันมาก แต่ท่านชอบด่าและใส่ร้ายแม่ของดิฉัน ดิฉันจึงโกรธและพูดจาไม่ดีกับท่านมาตลอด กระทั่งท่านเสียชีวิต ดิฉันจึงสำนึกสิ่งที่ทำไม่ดีกับท่าน อยากจะแก้ไขแต่ทำไม่ได้แล้ว พยายามกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศล แต่ก็รู้สึกว่าช่วยอะไรไม่ได้ ดิฉันอยากจะทำใจเรื่องนี้ให้ได้ จะต้องทำอย่างไรคะพระอาจารย์

คุณลองเขียนจดหมายถึงท่าน หรือพูดต่อหน้าภาพถ่ายของท่าน เสมือนว่าท่านนั่งอยู่ข้างหน้าคุณ  แล้วเล่าความในใจของคุณให้ท่านฟัง  กล่าวคำขอโทษท่าน รวมทั้งขอบคุณที่ท่านดูแลคุณเป็นอย่างดี  เวลาคุณนั่งสมาธิแล้วใจสงบ อาจเชิญท่านมาหาคุณในจินตนาการ แล้วพูดทุกอย่างที่คุณอยากพูดกับท่าน  วิธีเหล่านี้น่าจะช่วยปลดเปลื้องความรู้สึกผิดในใจคุณได้

จาก http://www.visalo.org/article/secret255902.html
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...