ผู้เขียน หัวข้อ: นุ้ย – สุจิรา อรุณพิพัฒน์ สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ร่าเริง เก่ง สวย ด้วยธรรมะ  (อ่าน 1043 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ร่าเริง เก่ง สวย ด้วยธรรมะ

ความสวย   ความน่ารัก   และความสามารถของเธอ (นุ้ย – สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ) นั้นไม่มีใครปฏิเสธ   แต่คุณจะยิ่งรักเธอมากขึ้น   หากได้รู้จักแง่มุมในการดำเนินชีวิต   นอกจากรักเด็กแล้ว   เธอยังรักสุนัขจรจัด   รักครอบครัว   ที่สำคัญคือ   รักพุทธศาสนาด้วย   แม้วันนี้จะถอดมงกุฎนางสาวไทยปี   2544   แล้ว   แต่ความประพฤติที่น่ารักของเธอยังทำให้เรามองเห็นมงกุฎแห่งความดีที่สวมอยู่บนศีรษะตลอดเวลา

ความสนใจในธรรมะของนุ้ยเริ่มต้นอย่างไรครับ

นุ้ยเคยไปทำบุญแล้วได้พบพระรูปหนึ่ง ท่านสอนว่า   การทำงานตรงนี้ให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า “ทุกสิ่งอย่างเป็นของคู่กัน”     นุ้ยก็สงสัยว่าแปลว่าอะไร   ท่านอธิบายว่า   มีดีก็มีเลว   มีขาวก็มีดำ มีคนชื่นชมก็ต้องมีคนนินทา   ให้จำตรงนี้เอาไว้แล้วจะอยู่อย่างมีความสุข   พอฟังแล้วและคิดตามก็เลยเก๊ตว่า   นี่หรือที่เขาบอกว่าใช้ธรรมะมานำการดำเนินชีวิต   นี่หรือปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่ไม่เคยรู้   และนุ้ยมาเริ่มสนใจและปฏิบัติธรรมหลังจากได้สนทนากับท่าน   ว.วชิรเมธี ตอนที่ท่านมาออกรายการ   ร้านชำยามเช้า   ซึ่งนุ้ยเป็นพิธีกรอยู่

ได้นำธรรมะมาใช้ในการกำกับชีวิตอย่างไรบ้าง

นุ้ยทำพื้นฐานง่ายๆ   ที่ใครก็ทำได้คือ   รักษาศีล   แต่ก็เคยถามท่าน   ว.ว่า   “ท่านคะ   มุสาคือการโกหกและห้ามพูดเพ้อเจ้อ   แต่บางทีหนูเป็นพิธีกร   ก็ต้องพูดอะไรเรื่อยเปื่อย   จะปล่อยให้   Dead   Air   ไม่ได้   แบบนี้เข้าข่ายไหมคะ”ท่านก็บอกว่ามันมีขอบเขตอยู่   มีโทษหนักและเบา   การพูดเพ้อเจ้อมีตัววัดคือเราทำให้ผู้อื่นเสียประโยชน์หรือเปล่า   ถ้าไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเสียประโยชน์   โทษก็เบา

ในกรณีที่นักข่าวมาสัมภาษณ์เรื่องความรัก   แต่ไม่อยากตอบและไม่อยากโกหก จะเลี่ยงยังไงได้

นุ้ยไม่เคยโกหกกับนักข่าว   จะพูดตามความเป็นจริงทุกอย่าง   อะไรพูดได้ก็พูด   อะไรพูดไม่ได้ก็บอกว่าอย่าถามเลย   แต่ส่วนใหญ่ ไม่เคยบอกว่าอย่าถาม   เพราะเข้าใจว่านักข่าวก็ต้องทำงาน   แต่เราเองก็ทำงานด้วย   มันเป็นส่วนหนึ่งของงานของเราเช่นกัน  เลยต้องเจอกันตรงกลาง   โชคดีที่พี่ๆ   นักข่าวที่นุ้ยรู้จักส่วนใหญ่น่ารัก   เวลาเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรา   เขาจะโทรศัพท์มาถามก่อนว่าพี่ได้ยินข่าวนี้มานุ้ยบอกพี่มาตรงๆ   ว่าจริงหรือไม่จริง   นุ้ยก็บอกเขาไปตรงๆ   คือเราเปิดใจให้เขาตั้งแต่แรก   ไม่สร้างภาพ  ความลับมันไม่มีในโลกหรอกสัจธรรมที่ต้องจำไว้เลยคือ   การเป็นดารา   ถ้าคุณโกหก   คนจะเริ่มขุดคุ้ยเรื่องของคุณ   แล้วถ้าเขาจับได้ว่าคุณพูดไม่จริง   อาชีพของคุณก็จบ

เชื่อเรื่องเวรกรรมไหม   อย่างการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

เชื่อค่ะ   บางอย่างที่ทำมันเห็นผลได้ในชาตินี้   อย่างเพื่อนนุ้ยเคยจับแมวใส่ตู้เย็นจนมันตาย   ชีวิตนี้เขาทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ   บางทีอยู่ๆ   ก็หนาวสั่นขึ้นมา   อย่างเรื่องการ   ปล่อยสัตว์   นุ้ยไม่ปล่อยธรรมดานะ   ไม่ใช่ว่าไปซื้อจากที่ขายตามถังหน้าวัด   เคยไปเห็นที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯนี่แหละ   เขาปล่อยหอยขม   ไม่รู้ว่ากลัวเลอะหรือยังไง   เขาเลยเทลงตรงบันไดแล้วเอาเท้าเขี่ยๆ   ลงน้ำโห…แค่กระทบพื้นเปลือกก็แตกแล้ว   นุ้ยว่าชาติหน้าชีวิตเขาคงขมตามชื่อหอยแน่ๆ

อย่างเต่า   บางคนไม่เคยดูว่าเป็นเต่าบก   เต่าน้ำ   ปล่อยมั่วซั่วไปก็ตาย   หรือกบที่ขาย   บางครั้งก็โดนหักขามาก่อน   ทำแค่นี้ยังมักง่าย   แล้วคุณจะเอาบุญมหาศาลมาจากไหน   นุ้ยโชคดีที่มีมิตรดี นุ้ยอยากปล่อยปลา   มีพี่คนหนึ่งมาช่วย   เขาพาไปซื้อปลาที่กำลังจะถูกฆ่าจากตลาด   แล้วพาไปปล่อยที่จังหวัดราชบุรี   เวลาซื้อนุ้ยจะเหมาเลย   ไม่เลือกว่าจะเอาตัวไหน   คิดว่าถ้าเป็นเราโดนขังอยู่   อยากให้คนช่วย   แต่ถ้าเขาไม่เลือกเรา   เราคงเสียใจ   ก่อนปล่อยก็ต้องดูด้วยว่าแม่น้ำนั้นเหมาะกับปลาที่จะปล่อยไหม   เป็นปลาที่อยู่ในน้ำนิ่งหรือน้ำไหล   ต้องใส่ใจ   ไม่ใช่สักแต่ทำไปเพื่อจะได้พูดว่าฉันทำบุญแล้ว ตอนนุ้ยปล่อยเห็นมันว่ายมาขอบคุณด้วยนะ   บางตัวกระโดดให้เห็นเลย   คงดีใจ   เขาก็มีชีวิต   เห็นแล้วปลื้มใจ

ที่นุ้ยยังทำอยู่เสมอคือการให้อาหารสุนัขจรจัด

ค่ะ   ตอนนี้ไปให้แถวๆ   ที่ถ่ายละครด้วย   เอาข้าวใส่รถไปเป็นถังๆ ตอนนี้หมาแถวบ้านเป็นลูกน้องนุ้ยหมดแล้ว   เยอะจนนับไม่ถ้วนตอนนี้เริ่มขยายองค์กรไปดูแลแมวอีกประมาณยี่สิบกว่าตัว จริงๆ   นุ้ยเริ่มจากเลี้ยงหมาตัวเองก่อน   แล้ววันหนึ่งเห็นหมาแถวบ้าน   รู้สึกว่าเราจะรักแต่หมาตัวเองไม่ได้   เลยเอาข้าวไปให้   นับแต่นั้นก็ยาวเลย   ทำตั้งแต่อยู่   ม.1   จนถึงตอนนี้อายุ   26   แล้ว   เขาก็มาตอบแทนเราโดยการเฝ้าบ้านให้   รู้ด้วยว่านะเวลาไหนเรายุ่ง   ถ้าเห็นเรายุ่ง   เขาจะเดินออกไปนอกบ้าน   ไม่เกะกะขวางทาง   แต่พอเราอยู่สบายๆ เขาก็จะเข้ามาหา   รู้สึกว่าหมาทุกตัวรับรู้ได้ถึงความรักที่เรามีให้

ถึงตอนนี้เห็นที่ไหนก็อดที่จะเอาข้าวให้ไม่ได้   นุ้ยมองว่าเขาไม่สามารถไปหางานทำได้     “ผมขอเป็นยามครับ”     ไม่มี   ได้แต่รอความเมตตาจากคน   เจอคนมีเมตตาก็ดีไป   เจอคนไม่มีเมตตาก็อดตายนุ้ยว่าทุกอย่างไม่มีเหตุบังเอิญ   ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาไปทำอะไรมาชาตินี้ถึงเกิดมาเป็นหมา   แต่ก็อยากช่วยให้ทุกข์ของเขาเบาบางลง

มีตัวน่ารักๆ   ไหมครับ

สำหรับนุ้ย   หมาทุกตัวน่ารักหมดค่ะ   จะขี้เรื้อน   โดนมีดฟัน ขาขาดก็รัก   ที่ตายในอ้อมกอดก็มี   เป็นลูกหมาที่ถูกรถกระบะคันใหญ่ๆ ชน   พอชนแล้วเขาก็เอาผ้าห่มมาหมกๆ   ไว้   เราผ่านไปเห็น   ท่อนล่างเละหมดแล้ว นึกโกรธที่เขาใจร้าย   ทั้งๆ   ที่โรงพยาบาลสัตว์ก็มีเยอะแยะคงคิดว่าเป็นแค่ชีวิตเล็กๆ   นุ้ยช่วยไม่ทัน   สุดท้ายเขาก็ตาย   บางทีแค่เห็นแววตาก็รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเรา   รู้สึกได้ถึงคำขอบคุณของเขาเราไปทำบุญตักบาตรยังไม่เห็นผลทันทีทันใดเท่านี้เลย   ไม่รู้ด้วยว่าชาติหน้าจะบุญพาวาสนาส่งอย่างไร   แต่นี่คือสุขที่ได้ในตอนนั้น   แค่เห็นเขาสั่นหางดีใจ   เราก็มีความสุขแล้ว

เวลามีทุกข์   ธรรมะช่วยอะไรได้บ้างครับ

ให้คิดว่าทุกอย่างเกิดขึ้น   ตั้งอยู่   ดับไป   ถ้ามีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นตอนนี้   อีกสิบนาทีก็กลายเป็นอดีตแล้ว   สามชั่วโมงที่เราไปทะเลาะกับคนอื่นก็คืออดีต   แล้วจะเอาอดีตมาทำให้ปัจจุบันเศร้าหมองทำไม   หลายคนนั่งทุกข์   แต่การที่เราโกรธ   โมโห   นั่นคือการปรุงแต่งจิตของเราเอง   คำว่าปรุงแต่งคือใส่มันเข้าไปจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว   หรือบางทีอาจจะไม่มี   แต่เราใส่ให้มันเกิดเป็นรูปร่าง   บางคนแค่ไม่ชอบหน้าเพื่อนร่วมงาน   เห็นเขาขำอะไรไม่รู้   ก็คิดว่าต้องขำเราแน่   นี่คือการปรุงแต่ง   แล้วใครทุกข์   เรานั่นแหละ   โรคที่ตามมาจากการที่ไม่รู้จักปล่อยวางก็คือโรคเครียด   ทำให้ชีวิตไม่มีทางออก   วนอยู่กับตัวเอง   เราชอบคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเรา   ทั้งที่จริงๆ   เราเองต่างหากที่เป็นฟันเฟืองหมุนโลก   เราไม่ได้เป็นคนที่กำหนดโลก   แล้วจะมานั่งทุกข์ทำไม   ดีใจมากที่คิดได้ในเรื่องนี้   เพราะรู้หลักแค่นี้ก็ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นจากแต่ก่อนเยอะมาก



เรื่องไหนที่เศร้าที่สุดในชีวิต

เพราะชีวิตนี้เคยพบเจออะไรๆ   มาหลายเรื่อง   จึงทำให้รู้ว่าไม่มีหรอกคำว่าเศร้าที่สุดในชีวิต   เมื่อก่อนหมาตายก็เศร้า   ทำอะไรผิดก็เศร้ามีคนมาพูดถึงไม่ดีก็เศร้า   คิดว่านี่คงเศร้าที่สุดแล้ว   แต่เวลาต่อๆ   มาก็ยังมีเรื่องที่เศร้ากว่านั้นอีก   เพราะฉะนั้นคำว่าเศร้าที่สุดจึงไม่มี   มีแต่“รู้สึกเศร้า”   จงอย่าไปตีค่าว่าเรื่องที่เจออยู่นั้นเศร้าที่สุด   ให้มองสิ่งที่ผ่านเข้ามาว่าเป็นภูมิคุ้มกัน   จริงๆ   ถ้าคนอื่นทำเราไม่เท่าไรหรอกแต่ถ้าเราทำตัวเองจะยิ่งกว่า   ทั้งๆ   ที่รู้แล้วก็ยังปล่อยให้ตัวเองจมลงไปอีก

แล้วมีเรื่องไหนครับที่ทำแล้วรู้สึกอิ่มเอมมาก

อย่างการให้อาหารหมา   นึกทีไรก็ยิ้มทุกที   อีกครั้งคงเป็นตอนที่ได้ไปกราบหลวงตามหาบัว   นุ้ยทำบทสวดมนต์ลักษณะคล้ายๆปฏิทินตั้งโต๊ะถวายท่าน   ที่ทำเป็นปฏิทินเพราะนุ้ยชอบสวดมนต์   แต่เจอปัญหาว่าต้องแบหนังสือและเปิดทีละหน้า   ทำให้สมาธิหลุดพอไปถวาย   หลวงตาก็บอกว่าดี   นำไปแจกลูกศิษย์ลูกหา   ตอนเห็นคนมารับมากมาย   รู้สึกว่าดีจัง   สิ่งที่เราทำมีคนชอบ   มีคนต้องการและใช้ประโยชน์ได้   และจะอิ่มเอมทุกครั้งที่มีคนมาบอกว่านำไปสวดแล้วชอบ     “ดีจังเลย   ตัวอักษรใหญ่   จะนำไปให้แม่”   หายเหนื่อยและมีความสุขมากค่ะ

ไม่ว่าจะเจอหน้านุ้ยทีไร   ก็มักจะได้ยินเสียงหัวเราะและเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ

โชคดีที่พ่อแม่เลี้ยงมาแบบนี้   ไม่รู้ว่าการที่อยู่ใกล้กับสัตว์เลี้ยงจะมีส่วนไหมที่ทำให้ผ่อนคลาย   ที่ผ่านมานุ้ยได้รับแต่สิ่งที่ดี   พ่อแม่ดูแลดี   ครูอาจารย์สอนดี   ได้สวดมนต์ไหว้พระ   จริงๆ   ก่อนมาเรียนรู้ธรรมะ   นุ้ยเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว   อย่างหนึ่งคือเป็นคนลืมง่ายด้วยมั้งคะ   อ๋อ   รู้ละ   (เสียงตื่นเต้น)     คงเพราะชอบดูการ์ตูนด้วยดูมาตั้งแต่เด็ก   ชอบดูอะไรที่เบาๆ   สบายๆ   ไม่เครียด   นุ้ยว่ามีผลนะถ้าดูหนังฆาตกรรม   จะทำให้เครียดโดยไม่รู้ตัว   อาจจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก

จากที่เคยเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศ   ถ้าวันหนึ่งสังขารเปลี่ยนไปจะรู้สึกอย่างไร

นุ้ยเคยนั่งดูรูปตอนได้ตำแหน่ง   เปรียบเทียบกับวันนี้   ยังไงก็ต่างกันอยู่แล้ว   นุ้ยโชคดีที่มีพี่ที่นับถือเตือนไว้ตั้งแต่แรกว่า     “วันนี้เธอเป็นที่หนึ่ง   ไปไหนเขาก็ให้อยู่ตรงกลาง   เป็นศูนย์รวมของความสนใจแต่ในวันที่เธอเดินลงจากเวทีเพื่ออำลาตำแหน่ง   สิ่งที่เธอทำได้คือ   เรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไป   เรากำหนดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้   สิ่งที่ทำได้คือดูแลใจตัวเองให้มั่นคง   อย่าหวั่นไหว   แล้วมุ่งหน้าทำงานที่รักต่อไป”   ไม่มีใครเป็นนางสาวไทยได้ตลอดชีวิต   สิ่งที่นุ้ยทำได้วันนี้คือเป็นพิธีกรที่ดี   เป็นนักแสดงที่ดี   การรักษาอาชีพตรงนี้ให้คงอยู่สำคัญกว่าการยื้อตำแหน่งที่ต้องมีคนมาแทนที่ทุกปี   เรื่องร่างกายและความสวย   นุ้ยทำให้สมกับวัยก็พอ   รักษาดูแลเท่าที่ทำได้   เพราะเรายังต้องทำงานตรงนี้อยู่ถ้าอายุเท่าพี่ตั๊ก   –   มยุราแล้วสวยได้เท่านั้น   นุ้ยโอเคเลย   (หัวเราะ)

เคยมีเรื่องผิดพลาดที่ยังจำได้ถึงตอนนี้ไหม

มีค่ะ   อย่างการทำพิธีกร   บางทีก็พลั้งปากพูดเรื่องอะไรออกไปด้วยความสนุกปาก   หลังจากนั้นมันเกิดเป็นผลเสียกับตัวเราตามมาคนดูรู้สึกว่าทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ   ตอนนั้นเสียใจมาก   แต่เราทำด้วยความเป็นเด็ก   จริงๆ   มันก็ดีอย่างนะ   นุ้ยว่า   บทเรียนที่เจ๋งๆ   มักจะมากับความเจ็บปวด   เพื่อเราจะได้เจ็บและจำ   ใครไม่เคยโดนน้ำมันลวกหรือโดนน้ำมันกระเด็นใส่   ก็ไม่รู้หรอกว่าต้องใส่เกลือลงไปก่อนทอด บางทีสิ่งที่เกิดแม้จะเจ็บปวด   แต่ก็ส่งผลดี   เปรียบเหมือนยาขมขมมาก   แต่หายเร็ว   หลังจากความผิดพลาดครั้งนั้น   ในการทำงานต่อมานุ้ยจะมีสติและเตรียมตัวล่วงหน้าเสมอ

มีเคล็ดลับในการคบเพื่อนอย่างไรครับ

นุ้ยจะไม่หากัลยาณมิตร   แต่จะเป็นกัลยาณมิตรให้เขาเองการหานั้นยาก   การเป็นง่ายกว่า   มีคนคิดไม่ดีเดินเข้ามาหา   นุ้ยก็พร้อมที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของเขา   แม้ครั้งแรกที่เจอกันแล้วเขามาขอความช่วยเหลือ   เราก็ให้   เพราะเราอาจจะโชคดีกว่าเขาที่เคยเดือดร้อนแล้วไปขอความช่วยเหลือใครก็ได้   นุ้ยเชื่อในกฎของแรงดึงดูดว่าเราเป็นอย่างนี้   ทำดีแบบนี้   ก็น่าจะมีคนดีอยู่รายล้อม

มีแผนการดีๆ   ที่อยากทำในอนาคตไหม

อยากทำรายการโทรทัศน์ดีๆ   สักรายการที่ให้อะไรกับสังคมแต่ก็ยากอยู่   เพราะในสังคมทุนนิยม   เขาตกลงกันด้วยเงินและผลตอบแทนเสียจนว่า   ถ้าเราไม่มีบารมีคงทำไม่ได้   นุ้ยอยากทำรายการที่สร้างจิตสำนึกให้คนรักสัตว์   ให้คนใช้ธรรมะมาดูแลใจตัวเอง   หรือรายการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

รู้สึกโกรธทุกครั้งที่มีรายการไม่ดีออกมาให้คนดู แล้วคนก็ยังดูเสียใจว่าเขามีโอกาสมากกว่าเรา   แต่ไม่ได้สร้างสิ่งที่ดีให้กับสังคมเลยกลับย้ำให้มันลงต่ำไปอีก

แต่นี่เองก็เป็นการผลักดันให้เรายิ่งรีบทำสิ่งดีๆ   เร็วขึ้น   ถ้ามี โอกาสเมื่อไรคงได้ทำค่ะ   (ยิ้ม)

 

Secret Box

รักษาศีลขั้นพื้นฐาน   พูดทุกอย่างด้วยความจริงใจ
เวลามีทุกข์ให้มองว่าทุกอย่างเกิดขึ้น   ตั้งอยู่   แล้วก็ต้องดับไป
ไม่ต้องมองหากัลยาณมิตร   แต่จงเป็นกัลยาณมิตรเสียเอง


เรื่อง   สหัสวรรษ     ภาพ   ณัฐวุฒิ   เพ็งคำภู

จาก http://www.secret-thai.com/article/4499/
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...