ผู้เขียน หัวข้อ: “ชีวิตผมเหมือนเป็นหนี้พระพุทธศาสนา” ฤทธิพร อินสว่าง  (อ่าน 1001 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด



“ชีวิตผมเหมือนเป็นหนี้พระพุทธศาสนา” ฤทธิพร อินสว่าง


ในยามที่ท้อแท้ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย ในยามที่ชีวิตหม่นหมองร้องไห้ ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน ในวันที่โลกร้างความหวังให้วาด มันขาด มันหาย ใครจะช่วยเติมเพิ่มพลังใจให้ฉันได้เริ่มต่อสู้อีกครั้ง บนหนทางไกล …กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่ ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวังกำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล ที่หยาดรินสู่พื้นดินแห้งผาก…

ในช่วงที่ประเทศไทยประสบกับภาวะวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ผม (ฤทธิพร อินสว่าง) ได้มีโอกาสสนทนากับหลายคนผ่านเว็บไซต์ของผม (www.ritthiporn.com) ทำให้ทราบว่าบทเพลง “กำลังใจ” ที่ผมแต่งและมีศิลปินหลายท่านนำไปขับร้อง เช่น วงโฮป อี๊ด – วงฟลาย อรวี สัจจานนท์ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร สุนารี ราชสีมา ฯลฯ ได้ช่วยพลิกฟื้นจิตใจของพวกเขาจากความท้อแท้สิ้นหวัง

แม้ว่าบางครั้งฟังแล้วอาจมีน้ำตา แต่เป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตอีกครั้ง

ในการทำงานที่ผ่านมา ผมมีสถานะเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี และกวี แต่หลายปีมานี้ ผมใช้ชีวิตอย่างสันโดษจนทำให้หลายคนคิดว่าผมออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว ความจริงคือผมไม่ได้ออกจากวงการบันเทิงเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าเลือกพบสื่อมวลชนหรือออกสู่สังคมในโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น

“ศิลปิน” ยังเป็นบทบาทหนึ่งของผม และผมตระหนักดีว่านี่คือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เป็นอาชีพเดียวที่ใช้เลี้ยงชีวิต เป็นช่องทางสำคัญในการทำงานสร้างสรรค์สังคมและรับใช้พระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพราะว่าศิลปินอยู่กับสื่อ สามารถสื่อสารถึงผู้คนจำนวนมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สารอันประเสริฐ” ที่ผมอยากสื่อไปถึงผู้คนมากที่สุดก็คือ“คำสอนของพระพุทธเจ้า” นั่นเอง



จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต

เมื่อปี พ.ศ. 2541 ผม ภรรยา และลูกทั้งสองคนเดินทางไปร่วมงานทำบุญอายุครบ 90 ปีของย่า วันนั้นพวกเราออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่เช้าตรู่ ไปถึงศาลาการเปรียญวัดบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ในช่วงสาย ผู้คนในอำเภอและญาติพี่น้องของผมไปร่วมงานกันจนพื้นที่บนศาลาการเปรียญดูแคบไปถนัดตา

ผมและครอบครัวนั่งอยู่ที่ด้านล่างของศาลาการเปรียญ ผมได้ยินชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า “พระประยุทธ์มาแล้ว” พระประยุทธ์ หมายถึงพระพรหมคุณาภรณ์ (สมณศักดิ์ของท่านในเวลานั้น คือ พระธรรมปิฎก)ท่านเป็นพระที่ชาวพุทธให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูง ผมได้ยินเรื่องราวของท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านสอบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 ผมกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อำเภอศรีประจันต์ พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์เล่มหนึ่งชื่อ “ชีวิตที่สมบูรณ์”เมื่อเปิดอ่านจึงรู้ว่าเนื้อหาในเล่มน่าสนใจมาก โดยเฉพาะข้อความที่ว่า

“เราดำเนินชีวิตไป เราก็นึกว่าถ้ายิ่งเรามีมาก เราก็จะยิ่งมีความสุขมาก เราก็หาเงินหาทรัพย์ยิ่งขึ้นไป แต่แล้วบางทีกลายเป็นว่าไปๆ มาๆเราก็วิ่งไล่ตามความสุขไม่ถึงสักที ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนีเลยหน้าไป แต่ก่อนเคยมีเท่านี้ก็สุข แต่ต่อมาเท่านั้นไม่สุขแล้ว ต้องมีมากกว่านั้น…”

ข้อความนี้กระตุกให้ผมฉุกคิดและกลับมาทบทวนตัวเอง เรื่องการตะเกียกตะกายหาชื่อเสียงเงินทองที่ทำมานานนับสิบปี รวมทั้งความยึดติดมากมาย หนังสือเล่มเล็กๆ นั้นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งสำคัญ

เมื่อกลับมาที่กรุงเทพฯ ผมตามอ่านหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์อีกมากมายอย่างต่อเนื่อง ความคิดของผมค่อยๆ เปลี่ยนไปใจสว่างไสวขึ้นเพราะแสงแห่งธรรม ผมปรับวิธีการทำงานใหม่ ไม่ทำด้วยกระแสแห่ง ตัณหา แต่ทำด้วย ปัญญา ทำอย่างมีสติ คำสอนที่ว่า“เมื่อต้องการผลก็ต้องทำเหตุปัจจัยให้ตรง ให้พร้อม และให้พอ” ของพระพรหมคุณาภรณ์นั้น ผมนำมาใช้ในการทำงานและทุกเรื่องในชีวิต

โดยเฉพาะ “โยนิโสมนสิการ” ที่พระพรหมคุณาภรณ์เขียนถึงอยู่หลายครั้ง ช่วยให้ผมมองเห็นความจริงในชีวิต รู้จักค้นหาประโยชน์จากเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย รวมทั้งแก้ไขปัญหาฝ่าข้ามอุปสรรคที่เผชิญได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมนำคำสอนของท่านมาสอนลูกๆ รวมถึงชี้ทางสว่างให้คนที่ประสบกับความทุกข์ และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสมอว่า

“การได้พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์คือการได้พบสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับชีวิต”

ผมภูมิใจมากที่เกิดมาเป็นคนศรีประจันต์เช่นเดียวกับท่าน เพราะผลงานมากมายของท่านนำพาผู้คนไปสู่ธรรมและสันติสุขอย่างแท้จริง แม้จะไม่ได้เข้าไปกราบท่านเมื่อวันงานของย่า แต่หลายปีที่ผ่านมา ผมระลึกถึงท่าน กราบท่านในใจเสมอ ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผมและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

“ความสันโดษ” เคล็ดลับของความสุข

บ้านเกิดของผมที่อำเภอศรีประจันต์อยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำที่เห็นมาตั้งแต่เด็กคือ บ้านไม้สภาพเก่าเรียงรายเป็นจำนวนมาก บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองในอดีต ที่วิถีชีวิตของผู้คนมีความใกล้ชิดผูกพันกับแม่น้ำ ก่อนที่หลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อถนนหนทางมีมากขึ้น

ที่ชั้น 2 ของบ้านมีนอกชานขนาดกว้าง นั่นคือที่ที่ผมนอนหนุนแขนแม่มองฟ้าตอนเป็นเด็ก จำได้ว่าพ่อคอยโบกพัดไปมาและชี้ให้ดูดาวดวงนั้นดวงนี้ ทั้งที่แยกไม่ออกว่าดาวดวงไหนชื่ออะไร แต่แสงระยิบระยับในค่ำคืนแห่งวัยเยาว์ก็ยังส่องใจผมตลอดมา

เกือบทุกคืนผมจะได้ยินเสียงเพลงไทยเดิมจากบ้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ สมาชิกในบ้านหลังนั้นเป็นนักดนตรีวงปี่พาทย์ บทเพลงที่พวกเขาซ้อมบรรเลงไพเราะจับใจและยังกังวานอยู่ในความทรงจำ เพลง“ใบไผ่” และอีกหลายเพลงที่ผมแต่งได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงที่เคยได้ยินเหล่านั้น

ทุกวันนี้ผมชอบพาลูกๆ ไปสัมผัสชีวิตวัยเยาว์ของผม ไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ ให้อาหารปลาที่หน้าวัด กินขนมหวานน้ำแข็งไสเจ้าเก่า ไปร้านตัดผมโบราณที่ผมเคยใช้บริการตอนเป็นเด็ก เก้าอี้สำหรับตัดผมตัวนั้นให้บริการลูกค้ามาหลายสิบปีแล้ว ช่างตัดผมก็ยังเป็นคนเดิมที่คุ้นเคยและผูกพันกันเหมือนญาติ

นานกว่าสิบปีแล้วที่ผมใช้ชีวิตอย่างสันโดษ หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ การที่ผมได้ศึกษาผลงานของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในการปรับเปลี่ยนชีวิตของผมในทุกๆ ด้าน ดวงตาภายในทำให้ผมเห็นโลกภายนอกที่เป็นจริงและปอกเปลือกบางสิ่งที่เคยหลงเชื่อ ซึ่งแท้จริงก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า “หลุมพรางของความไม่รู้” เลยสักนิด ผมพบคำตอบของชีวิตว่าควรวางท่าทีแบบใหม่ในการคบหาผู้คน โดยให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพของคนและความจริงใจ ส่วนการเข้าถึงความสุขนั้น “ความสงบสันโดษ” เป็นหนทางที่นำมาซึ่งความสุขอันประเสริฐ มีสติ และทำให้มีเวลาสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับตัวเอง ครอบครัว และเพื่อนร่วมโลกมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ สำหรับผม ความเป็นพ่อถือเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เป็นความรับผิดชอบที่จะละทิ้งไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหนื่อยหนักเพียงใดก็จะขอทุ่มเทแรงกายแรงใจ ให้ความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ เวลา การอบรมสั่งสอนลูกๆ ให้ก้าวเดินไปในทางที่ดีและดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะภรรยาของผมที่เป็นทั้งคู่ชีวิตและเพื่อนแท้ที่ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันตลอดมานั้น คงไม่มีสิ่งใดที่ผมจะตอบแทนได้ดีไปกว่าการทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่มีคุณภาพ

ที่สำคัญคือ การพยายามแก้ไขข้อบกพร่องและฝึกฝนพัฒนาตนเองอยู่เสมอ อย่างเช่น เรื่องการเลิกสูบบุหรี่ที่ผมอยากถ่ายทอดถึงวิธีการของผม ด้วยหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่าน

โดยเฉพาะท่านที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ แต่ยังทำได้ไม่สำเร็จ…

โปรดติดตามตอนต่อไป

Secret Box

สันโดษไม่ได้หมายความว่าหนีสังคมแต่คือใจที่สงบได้ทุกที่ทุกเวลา

ที่สำคัญอย่างยิ่ง ในความสันโดษนั้นจะต้องไม่ละทิ้งความเพียรอย่างเด็ดขาด


ฤทธิพร อินสว่าง


จาก http://www.secret-thai.com/article/4079/rittiporn1/




ทุกวันนี้การเขียนหนังสือเป็นงาน อีกอย่างหนึ่งที่ผม (ฤทธิพร อินสว่าง) รัก แม้ว่ารูปแบบจะแตกต่างจากการทำเพลงที่เป็นงานหลัก แต่ความปีติที่ได้รับนั้นไม่ต่างกันเลย

ผมเชื่อว่า “การเขียนหนังสือคือการเขียนชีวิต” ที่ต้องมุ่งมั่นทุ่มเทในการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ ซึ่งในปี พ.ศ. 2554 นี้ ผมเขียนหนังสือออกมาสองเล่ม คือ “สุขอย่างมีศิลป์” และ“ธรรมะทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป” นอกจากนี้ ผมยังให้กำลังใจผู้คนผ่าน www.ritthiporn.com โดยในเว็บไซต์นี้ผมได้รวบรวมผลงานที่ผ่านมาของผมเอาไว้ รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้แฟนเพลงซึ่งทุกข์หนักเครียดจัด ท้อแท้กับชีวิต ตั้งคำถามหรือสื่อสารถึงผมได้โดยตรงที่ bob_rtp@hotmail.com

อาจกล่าวได้ว่าชีวิตผมเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากการลองผิดลองถูก รวมถึงใช้ความทุกข์เป็นเครื่องพัฒนาปัญญา

พระพุทธศาสนาสอนให้ไม่ยึดติด แต่ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพที่ชัดเจน ชีวิตผมก็เหมือนเป็นหนี้พระพุทธศาสนาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้พระพุทธศาสนาสอนให้ผมรู้จักการดำเนินชีวิตแบบใหม่ วิธีการทำงานแบบใหม่ และท่าทีที่ถูกต้องในจิตใจ นำมาซึ่งความสุขอันวิเศษที่ไม่พึ่งวัตถุภายนอกเกินจำเป็น

ยิ่งผมเห็นธรรมก็ยิ่งเห็นโลกและเห็นการแบกโลกเป็นเรื่องน่าขัน


ความเจียมตัวช่วยชีวิต

แม้จะมีชื่อเล่นเป็นฝรั่งว่า “บ็อบ” ที่น่าจะเรียกกันเล่นๆ ตามชื่อนักฟุตบอลอังกฤษที่โด่งดัง บ็อบบี ชาร์ลตัน และ บ็อบบี มัวร์ แต่แท้จริงแล้วผมไม่ใช่ลูกครึ่งฝรั่งที่ไหน เป็นลูกสุพรรณเต็มตัว เกิดและเติบโตบนผืนแผ่นดินที่งดงามในชุมชนตลาดเก่าริมแม่น้ำท่าจีน

แม้จะภูมิใจที่เกิดเป็นคนสุพรรณ แต่ผมก็เจียมตัวอยู่ลึกๆช่วงแรกที่เข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯนั้น ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผู้คน เมื่อจำเป็นต้องพบปะใครก็มักจะก้มหน้าหรือมองเฉียดไปด้านอื่นบุคลิกมาดมั่นที่มองเห็นจากภายนอกนั้น ยังมีอีกด้านที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นคือ “ความเจียมตัว”

เมื่อมีผลงานเพลงเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วประเทศแล้ว ความเจียมตัวของผมก็ไม่ได้จางหายไป ยิ่งมีคนให้ความสำคัญก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กลง ความเจียมตัวว่าเป็นคนบ้านนอกช่วยปกป้องผมไม่ให้ตกอยู่ในความประมาท

แม้ว่าบางครั้งโอกาสดีๆ ความมีชื่อเสียง และถ้อยคำเยินยอจะทำให้ตกอยู่ในอาการ “พอง” หรือ “เผลอ” เชื่อมั่นตัวเองจนเกินไปอยู่บ้าง แต่ความเป็นคนบ้านนอกที่เป็น “มิตรแท้” ในตัวผมก็ช่วยดึงกลับมาสู่จุดเดิมได้เองโดยปริยาย เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมประคองตัวอยู่ได้บนเส้นทางที่เลือกเดิน



วิธีเลิกสูบบุหรี่ในแบบของผม

ผมเลิกสูบบุหรี่มานานแล้วครับ แต่อยากนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะคิดว่าประสบการณ์ของผมน่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านได้บ้าง โดยเฉพาะท่านที่พยายามเลิกสูบบุหรี่ แต่ยังเลิกไม่ได้

ผมเริ่มสูบบุหรี่ตอนเป็นหนุ่ม ทั้งเพื่อนฝูงและคนรู้จักหลายคนสูบบุหรี่ทั้งนั้น เห็นพวกเขาสูบก็สูบบ้าง สูบไปสูบมาก็ติดอย่างหนักจนกระทั่งตอนอายุ 29 ปี ผมตัดสินใจบริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทยวันที่ไปบริจาคมีการแถลงข่าวเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์การรับบริจาคให้สภากาชาดไทยด้วย ผมให้สัมภาษณ์ว่าจะเลิกสูบบุหรี่เพื่อถนอมอวัยวะไว้แต่พอเวลาผ่านไปผมกลับทำอย่างที่ตั้งใจไม่ได้ เมื่อต้องแต่งเพลงเข้าห้องบันทึกเสียง แสดงคอนเสิร์ต ผมก็สูบบุหรี่เหมือนเดิมอีก

ในเวลาต่อมา ผมไปแสดงคอนเสิร์ตทั่วประเทศที่จังหวัดทางภาคใต้มีอยู่วันหนึ่งผมนั่งอยู่ในร้านอาหารกับทีมงาน พนักงานสาวของร้านเอ่ยทักผมขณะสูบบุหรี่ว่า

“พี่ฤทธิพรประกาศว่าเลิกแล้วไม่ใช่หรือคะ แล้วทำไมยังสูบอยู่”

คำพูดนั้นเสียดแทงใจผม รู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่พูด…ผมหยุดสูบบุหรี่ได้ระยะหนึ่ง แต่ก็หวนกลับไปอีก เมื่อไม่อาจทนต่อความรู้สึกผิด ก็เลิกแล้วก็สูบอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง จนกระทั่งตัดสินใจยุติการทำงานชั่วคราวเพื่อยุติความเครียด มุ่งที่จะเลิกสูบบุหรี่อย่างจริงจัง

นอกจากการพักงาน ผมใช้แผ่นนิโคตินและยาที่ได้รับจากแพทย์ด้วยในบางครั้งผมยังพยายามทำอีกหลายอย่าง เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด

แต่ที่ได้ผลจริงๆ และช่วยให้ผมเอาชนะบุหรี่ได้สำเร็จคือ “การฝึกจิตใจ”

เริ่มจากการเขียนบันทึกว่า บุหรี่ให้ผลร้ายกับชีวิตอย่างไรและทำไมจึงต้องเลิก พยายามหาเหตุผลมาบันทึกไว้ให้มากที่สุด ทุกครั้งที่อยากสูบบุหรี่ ผมจะตั้งสติและอ่านบันทึกนั้นเพื่อเตือนตัวเองให้อดทนอดกลั้น ฝึกฝนจนรู้เท่าทันว่าความอยากแค่เกิดขึ้น คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วดับไปเท่านั้น

ผมไปที่สวนสาธารณะทุกวันติดต่อกันหลายสัปดาห์ ทำตัวให้คุ้นเคยกับการไม่สูบบุหรี่ มีความสุขกับแมกไม้ สายน้ำ อากาศบริสุทธิ์และได้พบอิสรภาพที่ขาดหายไปจากชีวิตอีกครั้ง

เมื่อเลิกสูบบุหรี่ได้เด็ดขาด สุขภาพที่เคยแย่ก็กลับดีขึ้นมากไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลา และความเชื่อมั่นอีกต่อไป ที่สำคัญคือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ ได้อีกด้วย

กอดลูก กอดโลก

บ้านคือที่ที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด ผมจะออกไปข้างนอกก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ เช่น ไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปทำงานหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นอกเหนือจากความพยายามที่จะทำให้บ้านเป็น“บ้านแห่งความสุขของลูกๆ” ด้วยการเป็นพ่อที่ดีแล้ว ผมยังมั่นใจว่าผมเป็นพ่อที่กอดลูกมากที่สุดคนหนึ่งด้วย…แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ“มีลูกไว้กอดหรือชอบกอดลูกเหมือนผมหรือเปล่า”

ตอนที่ลูกคนแรกยังเป็นทารกอยู่นั้น ลูกมักจะคลานมากอดผมแล้วซบหน้าลงบนอกผม…ดวงตาที่มีประกายแวววาวของลูกเป็นยิ่งกว่าพระอาทิตย์ในใจ…

ในเวลาต่อมา เมื่อภรรยาให้กำเนิดลูกอีกคนหนึ่ง ซึ่งอายุไล่เลี่ยกับลูกคนแรก ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจจริงๆ

กลิ่นหอมของลูกนั้นหอมยิ่งกว่าชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จใดๆ การโอบกอดร่างน้อยๆ ที่น่าทะนุถนอมและเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขไว้ทั้งสองคนทำให้ผมรู้สึกได้ถึงการโอบกอดโลก

เมื่อโลกอยู่ในอ้อมกอดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องแบกโลกเพราะความโลภความรักที่มีต่อลูกเติมเต็มและหนุนส่งให้ผมดำเนินชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายบนวิถีแห่งสติ

เชื่อเหลือเกินว่าผมจะอยู่ในใจลูกๆ ตลอดไป และอ้อมกอดของผมจะทำให้พวกเขาอบอุ่นเสมอ แม้วันนี้ลูกๆ จะก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นกันแล้วผมก็ยังกอดพวกเขาเหมือนเดิม ทั้งลูกชายและลูกสาวกอดตอบผมโดยเฉพาะลูกสาวนั้นชอบกอดผมมากเป็นพิเศษเลยทีเดียว

การกอดเป็นภาษาของความรู้สึก ถ้ามาจากส่วนลึกจริงๆ ผมไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหน ผมว่าน่าเสียดายมากกว่าถ้าคนเป็นพ่อแม่ละเลยการกอดลูก หรือปล่อยให้ความถือตัวเป็นกำแพงปิดกั้นจนลูกไม่อาจมองเห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจ

ธรรมะได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผมในหลายด้าน ทำให้หัวใจของผมอ่อนโยนลงและดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ด้วยเหตุนี้ผมจึงหวังว่าเรื่องราวของผมจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ในสังคม โดยเฉพาะการศึกษา “คำสอนของพระพุทธเจ้า” เพื่อน้อมนำไปปฏิบัติ ร่วมกันปกป้อง และสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ต่อไป

หากว่าข้อเขียนนี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตใครสักคนไปในทางที่ดีเหมือนที่หนังสือบางเล่มเคยเปลี่ยนแปลงชีวิตผม การทำหน้าที่พุทธศาสนิกชนของผมในครั้งนี้ก็บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว

Secret Box

อาจมีหลายปัจจัยที่นำความล้มเหลวมาสู่ชีวิตแต่ทั้งหมดนั้นไม่เพียงพอสำหรับการยอมแพ้

ฤทธิพร อินสว่าง


จาก http://www.secret-thai.com/article/4085/rittiporn2/

ตัวอย่างผลงาน บางเพลง

<a href="https://www.youtube.com/v/BH9YG3v9HBM" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/BH9YG3v9HBM</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/DhjsKGy3AV8" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/DhjsKGy3AV8</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/UwIekUmrTu0" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/UwIekUmrTu0</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/-cJpjFaRGmo" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/-cJpjFaRGmo</a>

13 จากเพื่อนถึงเพื่อน คอนเสิร์ตสหาย ศุ พงษ์สิทธิ์ ฤทธิพร

<a href="https://www.youtube.com/v/qM3k9w5ymGk" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/qM3k9w5ymGk</a>

มีอีก https://www.youtube.com/watch?v=qM3k9w5ymGk&list=RDqM3k9w5ymGk#t=54

อีกเพียบบบ https://www.youtube.com/playlist?list=PLajyM4gpcicmQopRVbLlz98lZ1GDpiECm
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...