ผู้เขียน หัวข้อ: จับโป้ยออล่อหั่น ปริศนาธรรม 18 พระอรหันต์ (อดีต มหาโจรสลัด ที่ พระพุทธเจ้าปราบ)  (อ่าน 1603 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด








ลิ้ง เน่าแล้ว จ้า ไปหา ฉบับเต็ม อ่านเอง นะ https://picasaweb.google.com/shouchowruen/18


ชีวประวัติเิดิมว่า ทั้ง 18 องค์ เกิดในประเทศอินเดีย ก่อนออกบวชท่านเป็นมหาโจรสลัดที่ร้ายกาจมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ต้องเสด็จไปโปรดเทศนาธรรมต่าง ๆจนได้สติและเห็นการก่อเวรกรรมในวัฎฎสงสาร พอได้ธรรมจักษุแล้วก็พร้อมใจกันทิ้งอาวุธ ขอออกบวชติดตามพระพุทธองค์เพื่อศึุกษา"โลกุตตรธรรม" ในที่สุดก็บรรลุธรรมเป็น "พระอรหันต์" ออกเทศนาโปรดสัตว์ มีชื่อเสียงมากในสมัยพุทธกาล......




1.พระอรหันต์คีลี(นนทิมิตร) ขี่มังกร ถือดวงแก้ว เป็นปริศนาสอนธรรม

“ปุถุชนจิตเกิดดับร้ายมังกร
ต้องใช้อุบาย – ปราบกิเลสฯ
จิตสงบเย็น – ดังพบดวงแก้ว”


ห่วงกลม ที่มือซ้ายพระอรหันต์ถือชูไว้นั้น มี 7 ปุ่ม แต่ละปุ่มหมายถึงให้ใช้หลักธรรมะ “โพชฌงค์เจ็ด” เอามาใช้จับหรือปราปรามฤทธิ์เดชของมังกรร้ายให้ได้ คือให้จิตเราสงบเย็น ว่างเบา สบายใจ(มังกรร้าย คือ อนุสัยกิเลสของเราที่ย่อมจะมีกรรมวิบากตามมาเหมือนมีอิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจ)
ลูกแก้วกลม ที่มือขวา พระอรหันต์จับดวงแก้ว เปรียบเทียบให้เห็นว่า เมื่อพบธรรมะคือพุทธะ จิตเป็นธาตุรู้ จิตเป็นตัวรู้ พอจิตสงบเย็นลง ความสว่างแจ่มใจเกิดขึ้น จะมีสติปัญญารู้ผิด รู้ถูก รู้ดี รู้ชั่ว ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีขึ้น ใช้แก้ไขปัญหาชีวิตต่าง
เหมือนดังพบดวงแล้วสารพัดนึก ชนะได้ จับมังกรมาขี่เล่นได้.......

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)

พอก่อน https://www.facebook.com/media/set/?set=a.144527555730673.1073741835.118429868340442&type=3




2.พระอรหันต์อะสะโต (อชิต) หัวใจพระ เป็น ปริศนาสอนธรรมะ

“บอกธรรมอยู่ใน – กาย
สอนพุทธะอยู่ – จิต”


พระอรหันต์ปางนี้ เป็นการเทศนาแสดงธรรม ท่านเปิดหน้าอกเผยให้เห็นพระ หัวใจพระ หัวใจพระธรรม รวมทั้งนิกายหินยานและมหายาน ก็อยู่เพียงแค่นี้ “บอกธรรมะอยู่ในกายตน สอนพุทธะอยู่ในจิตตน” ทุกคน มีเชื้อแห่งธรรมกาย “ธรรมกาย” ทุก ๆ คนก็มีเชื้อแห่งพุทธจิต “พุทธจิต” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนีตรัสไว้ว่า “สรรพสัตว์คือพุทธะ พุทธะมีอยู่ในจิตใจอของสรรพสัตว์”

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




3.พระอรหันต์อิคะโต(อิงคท) อุ้มบาตร เป็น ปริศนาสอนธรรมะ

“สัตบุรุษปิติใจอยู่สันโดษ
ยินดีในสิ่งที่ตนมีและตนได้”


ความอยู่รอดของสังขารชีวิตนั้น สัตบุรุษ มีความสันโดษยินดีในสิ่งที่มี ตนได้ ไม่โลภเกินฐานะตน อาศัยบาตรนี้พอได้ปัจจัย 4 มีความยินดีเท่าที่ตนได้พออดพอทนไปได้ ก็พอใจแล้ว จิตมุ่งแต่ทำการโปรดสัตว์ เท่าที่จะโปรดได้ เรียกว่าอาศัยอยู่กับอาณาจักรแห่งความว่าง อยู่กับธรรมชาติ

“ตถตา”แปลว่า ความเป็นมาธรรมชาติอย่างนั้น ความเป็นไปธรรมชาติอย่างนั้น
ธรรมชาติเดิมแท้ เป็นเช่นนั้น เรียกว่า “ตถตา”


โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




4. พระอรหันต์ลาวาโล(ราหุล) อุ้มพระเจดีย์ เป็น ปริศนาธรรมสอนธรรมะ

“สัตบุรุษต้องมีคุณธรรมมั่นคง
ดังพระเจดีย์ให้เขากราบไหว้”


ไม่ว่าจะเป็นอุบาสก อุบาสิกา ถือศีล 5 ก็เป็นชาวพุทธที่ดี จะเป็นพระภิกษุ สามเณร ภิกษุณี สามเณรี ท่านใดหรือองค์ใด ถ้าได้ผ่านมาถึงด่าน 4 นี้ และอยู่รอดมาได้

ก็คือพระเณรฯ ที่มีศีลวินัยบริสุทธิ์ดี จัดว่าเป็นปูชนียบุคคลได้แล้ว
จะไปอยู่บ้านไหนก็มีคนนับถือ ไปเมืองใด ๆ ชาวบ้านเคารพบูชากราบไหว้
เป็นเหมือนดังองค์พระเจดีย์วัดนั้นแน่นอน

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




5.อรหันต์ไดปักขา(สุปาก) นับลูกประคำ เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“สัตบุรุษมีหน้าที่เจริญสมาธิ
สอนสมถะและวิปัสสนาญาณ”


ศิลปะการนับลูกประคำ ต้องเอาจิตกำหนดไปที่พวงลูกประคำและนิ้วมือนับไปทีละเม็ด ๆ
เป็นอุบายล่อจิตให้สงบลง ให้จิตมาเกาะไว้ตรงนี้ (สมถะ) ล่อจิตให้หยุดคิดเรื่องอื่น
ให้จิตหันมาสนใจรวมไว้ที่พวงลูกประคำนี้ทีก่อน เป็นสมถะวิธีหนึ่ง ทำให้มีสมาธิเร็วขึ้น

บางนิกายในพุทธศาสนา สอนให้ศิษย์ใช้ลูกประคำเพื่อเป็นการปลูกบุญกุศลจิต ให้ประทับจิต เช่นให้กล่าวออกพระนาม พระพุทธเจ้าศากยมุนี นับหนึ่งเม็ด ท่องคำว่า สัมมาอาระหัง หรือพุทธะ
หรือพุทโธ บางนิกายออกนาม พระอมิตาภะ พระอมิตาพุทธ
หรือ เจ้าแม่กวนอิม นามพระโพธิสัตว์ต่าง ๆ ก็มี

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




6. พระอรหันต์คุกขาทิ (กาลิก) ถือฉาบ เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“สัตบุรุษเมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว
จิตว่างดังบันเทิงธรรมชาติ”


ถือฉาบ เป็นการอธิบายเปรียบเทียบสอนธรรมะ ให้แก่คนที่ยังไม่เข้าใจธรรมะ ในยุคที่ยังไม่ใช้ตัวหนังสือ คือสอนคนที่ไม่รู้จักหนังสือเพียงมองภาพกิริยา ทำมือถือวัตถุสิ่งของต่าง ๆก็จดจำหัวข้อธรรมที่แสดงไว้นั้นได้ คือเมื่อจิตหลุดพ้นได้แล้ว ก็เป็นสุขเย็นสบายกายใจ จิตว่างดังบันเทิงธรรมชาติมาก

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 28, 2017, 05:15:09 am โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


7.พระอรหันต์ยาสะโล (นกุล) ยกมือห้ามคน เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“วอนให้หยุดการทะเลาะกัน
หันมาดีกันแบ่งปันให้ทานกันบ้าง”


เป็นปริศนาสอนคติธรรม ท่านเทศนาธรรมว่า

มือขวาห้ามญาติ หรือห้ามคน ห้ามสังคมโลกว่าอย่ามัวเอาแต่ทะเลาะกันเลย สู้หันมาอยู่รอดร่วมกันด้วยมิตร มีเมตตากรุณาสามัคคีธรรมจะดีกว่า สุขสงบเย็นมีเพื่อนทางใจระยะยาวนานจะมั่นคง

มือซ้ายพระอรหันต์ ท่านยังสอนธรรมว่า ยังจะต้องให้ทานแบ่งปันกัน
จึงจะเกิดเมตตากรุณาธรรมบารมี ค้ำจุนสากลโลกให้สงบเย็น


โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)



8.พระอรหันต์กะยะขาปสุลิจารย์ ยกมือ นิ้วชี้ที่หู เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“เป็นมนุษย์อย่าเป็นคนหูเบา
อย่าฟังเรื่องคนอื่น ๆ มากนัก”


มือซ้าย พระอรหันต์ ท่านชี้ไปที่หู หมายความว่า อย่าเป็นคนหูเบา จะมีแต่เรื่องทุกข์ใจ คือใครมาพูดอะไรก็หลงเชื่อทันที ใครมาพูดร้ายก็หลงเชื่อทันที ใครมายุแหย่เรื่องราวต่าง ๆ ก็ฟังเขาหมด เอามาคิดเป็นทุกข์กายทรมานใจ เป็นคนหูเบาแบกโลก จะวุ่นวายไร้ความสุข ไร้ประโยชน์ ต้องฝึกหัดเป็นคนใจหนักแน่ไม่เป็นคนหูเบา จิตไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรมง่าย ๆ ทุกอย่างต้องฟังแต่ต้องใช้สติปัญญาหาเหตุผลก่อนว่าจริงหรือเท็จแค่ไหน ใครพูดติหรือชม วางอุเบกขาได้ จิตสงบนิ่งว่างได้

มือขวา พระอรหันต์ ท่านห้าม ทำมือบอกปัดไป ท่านสอนว่าอย่าไปสนใจคนอื่นมาก
อย่าไปฟังเรื่องคนอื่นมาก อย่าไปแบกเรื่องคนอื่นมาก กายใจเราจึงจะสงบเย็นว่างเบาใจ


โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)





9. พระอรหันต์ขีถลาปะโล (ปิณโฑล) จับมือกัน เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“จะอยู่ในโลกนี้ต้องผูกมิตร
จับมือกันมุ่งสามัคคีธรรม”


เป็นปริศนาสอนธรรมว่า เกิดเป็นคนหรือมนุษย์ในโลกธาตุนี้ ต้องมีสหายที่ดี เป็นบารมีคุ้มครอง
จึงจะพออาศัยกันอยู่รอดไปได้ดี บางช่วงของชีวิตคนเรานั้น อยู่คนเดียวไม่ได้ เช่นตอนเป็นเด็ก ตอนเจ็บป่วยหนัก ตอนวัยแก่ชราภาพ จงได้สติกันไว้บ้าง คนเราเกิดและตายในชาติหนึ่ง
ประเดี๋ยวเดียว จงทำบุญคือผูกมิตรกันไว้ จับมือสามัคคีธรรมไว้ มุ่งอภัยทาน
มนุษย์ต้องมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ รู้การตอบแทนบุญคุณ ให้ลูกหลานเหลนเห็นเป็นตัวอย่าง แล้วบุญบารมีจะสนองตอบ


โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




10.พระอรหันต์ขายะเดช (กนกวัจฉะ) ชี้หนึ่งนิ้ว เป็นปริศนาธรรมะ

“ชี้หนึ่งนิ้ว สรรพธรรมเป็นหนึ่ง
จิตหนึ่ง หรือ เอกจิต”


เป็นปริศนาธรรมว่า “โลกีย์ เป็นของคู่(คู่-กฎทวินิยม) เป็นของคู่โลกีย์ ส่วน โลกุตระ-เป็นหนึ่ง” ซึ่งพ้นความเป็นของคู่หรือสมมุติ เรียกอีกอย่างว่า “เอกนิยม –จิตเอก-จิตหนึ่ง”

ถ้าเป็นของคู่แล้วจะมีอำนาจดึงดูดซึ่งกันและกัน หรือดึงดูดอารมณ์มีพลังงาน ต้องปรุงแต่ง เสียดสีกัน กระทบกัน ต้องมีกรรมร่วมกันที่แรงมาก แรงกว่าความเป็นหนึ่ง แรงกว่าจิตหนึ่ง จึงมีกรรมที่จบไม่ลงได้ง่าย ๆ

พระอริยครูบา ท่านมองทะลุสายกรรมตรงนี้ เพราะเป็นวัฏสงสารอันยาวนาน เพ่งพิจารณาถึงที่สุดแล้ว ถ้าจะย่นย่อตัดหนทางวัฎสงสารให้สั้นลง หลุดพ้นอย่างฉับพลัน ต้องพ้นภาวะความเป็นของคู่(ของคู่-กฎทวินิยม) ลงก่อนจึงจะดับโลกียรมณ์ต่าง ๆ ให้เบาบางลงได้ เข้าเป้าหมายที่ทำให้จิตว่าง
จิตว่าง จาก กิเลสตัณหาอุปาทานได้เท่าไหร่ พระนิพพานก็จะมาแทนที่ได้เท่านั้น


โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




11.พระอรหันต์สุพะโท (สุปิณฑ) นิ้วมือแสดงธรรม เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“ทำนิ้วมือเทศนา – ภพ – ชาติ – นี้
เป็น – อนิจจัง – ทุกขัง – อนัตตา
ถ้าจิตหลุดพ้นเป็นสุญตา (นิพพาน)”


เป็นปริศนาสอนธรรมว่า มี “ภพ-ชาติ” แล้วต้องมีกรรมวนเวียนในวัฏสงสาร ต้องหากรรมวิธี ทำให้หลุดพ้น “ภพ-ชาติ” ให้จิตว่างจากการวนเวียนในวัฏสงสาร จิตว่างจากกิเลสตัณหาอุปาทาน

“หมดชาติ – ขาดภพ – นิพพาน”

มือขวาของพระอรหันต์ ท่านทำนิ้วมือ 2 นิ้ว งอเข้าข้างใน(คือนิ้วกลางและนิ้วนาง งอเข้า) เป็นการเทศนาธรรมบอกว่า “ภพและชาติ” ของสัตว์โลกนี้ไม่เที่ยง
ส่วนอีก 3 นิ้วนั้น ท่านชี้ออกไป (คือนิ้วโป้ง-นิ้วชี้-นิ้วก้อย) สามอย่างนี้ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ต้องหาวิธีทำให้จิตรู้แจ้งและหลุดพ้นไปด้วยปัญญา ปลดเปลื้องตนออกมาเสียจากความคิดปรุงแต่ง จิตจึงจะเข้าช่องว่างพบความว่า พบ สุญตา คือ นิพพาน เป็น”โลกุตรธรรม”

ภพ คือ จิตเกิดเสวยอารมณ์ครั้งหนึ่ง ๆ เรียกว่า ภพ ชาติคือนับจาการเกิดจากท้องแม่ จนถึงวันตายไป

หมดชาติ-ขาดภพ คือ หยุดการเวียนว่ายในวัฏสงสาร คือ “นิพพาน”

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




12.พระอรหันต์ปะโตโล(ภัทร) นิ้วชี้ฟ้าและชี้ดิน เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“นิ้วชี้ฟ้า และชี้ดิน
ไม่เที่ยงมีแต่ภัยอันตราย
มหาภูตรูป 4 ยึดมั่นนักเป็นทุกข์
ขันธ์ 5 ว่างทุกข์ทั้งปวงจะดับหมด”


มือขวาพระอรหันต์ นิ้วชี้ที่พื้นดิน มือซ้ายท่าน ชี้ไปที่ท้องฟ้า เพื่อเทศนาธรรมเตือนสติมนุษย์ไว้ว่า

ฟ้าและดินในโลกมนุษย์นี้ไว้ใจหมดยังไม่ได้ เรามาแบ่งแยกเป็นเมืองเป็นเขตแดนประเทศต่าง ๆ
ทะเลาะแย่งชิงฆ่ากันตาย ใครมีโลกียบุญก็ได้ครอบครองแค่ลมหายใจเข้าออก แท้จริงแล้วไม่เที่ยง
เปลี่ยนแปลงเจ้าของครอบครองกันเรื่อยไปแล้ว ฟ้าดินยังมีแต่ภัยอันตรายต่าง ๆ


มหาภูตรูปทั้ง 4(ดิน น้ำ ไฟ ลม) ภายในร่างกายเรานี้และภายนอกร่างกายเรานี้ ตลอดจนทั่วฟ้าและดิน
ทั้งมหาจักรวาลก็ไม่เที่ยง
ไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ๆ ถ้ายึดมั่นถือมั่นมากนัก
จะเป็นทุกข์พัวพันจิตใจ เพราะไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน


ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เพียง 5 อย่างนี้ ถ้า จิตว่าง 5 อย่างนี้ได้จริง ๆ เป็นพระอรหันต์ คือว่างจากกิเลสตัณหาอุปาทานแล้ว ทุกข์กายทรมานใจจึงดับวูบ หลุดพ้นวัฏสงสาร

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 28, 2017, 05:33:38 am โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


13.พระอรหันต์วัตจารย์โตสุโข(วัชรบุตร) ถือไม้เท้า – ปฏิจจสมุปบาท

“ถือไม้เท้า – ปฏิจจสมุปบาท
ธุดงค์นักบุญชี้ทางสัจจธรรม”


พระอรหันต์ ถือไม้เท้า มีห่วงกลม 12 ห่วง มีความหมายเป็นปริศนาธรรม คือ ไม้เท้าอันนี้ใช้จาริก
ไปที่ไหน ๆ ตามถนนหนทาง เพื่อป้องกันการกระทบกับคน หรือกระทบสัตว์ ท่านใช้ไม้เท้านั้นจับสั่นมีเสียง ห่วง12 อันทำด้วยทองเหลือง เวลาสั่นกระทบเกิดเสียงดัง กริ่ง กริ่ง กริ่ง
ผู้ฟังก็จะรู้ว่า มีพระเดินมาแล้ว ท่านขอทางโดยไม่ต้องใช้เสียงพูด
เป็นความฉลาดของอริยะครูโบราณอย่างหนึ่ง


ห่วง 12 อันนั้น ครูบาแห่งนิกายเซ็น(ฌาน) ท่านอธิบายสอนศิษย์ เป็นการเทศนาธรรม

“ปฏิจจสมุปบาท” ไปด้วย ในวันหนึ่ง ๆ เราจะวนเวียน จิตต้องเกิดดับผ่านไป ๆ เป็นปฏิจจสมุปบาทที่ไม่จบ ถ้าใครมีสติปัญญาธรรมจักษุ ดับ 12 วงนี้ได้หมด ผู้นั้นชนะโลก หลุดพ้นทุกข์กายใจในวัฎสงสารแน่นอน

ปฏิจจสมุปบาท 12 ได้แก่ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




14.พระอรหันต์ปัตยะ(ปันถก) จับดวงแก้ว – ขี่สิงโต เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“โลภะ-โทสะ-โมหะ ร้านดังสิงโต
ปราบด้วย –ศีล –สมาธิ –ปัญญา
จิต –สงบเย็น –มองดูโลกว่าง
เหมือนพบดวงแก้ว – คือพุทธะ”


เป็นปริศนาสอนธรรมะอย่างหนึ่ง ว่าปุถุชนคนโลกีย์ ในวันหนึ่ง ๆมักจะปล่อยให้จิตเกิดแต่ “โลภะ-โทสะ-โมหะ” ต่าง ๆ
ถ้าเขารู้แจ้งสัจธรรมดีแล้ว จะเห็นว่ามันร้ายกว่าสิงโต ที่กินสัตว์กัดคน
วิธีแก้ ต้องพยายามศึกษาธรรมให้รู้แจ้งทางอนุสัยจิตใจ คือ”เจริญศีล-เจริญสมาธิ-เจริญวิปัสสนาปัญญา” มีทางเดียวนี้เท่านั้น ถึงแม้ยังไม่หลุดพ้น แต่เป็นบุญกุศลบารมี ประทับจิต

ถ้ามีศีลเกิดขึ้นเพียง 50% โลภะก็จะเริ่มหมดไป 50%
ถ้ามีสมาธิเกิดขึ้นเพียง 50% โทสะก็จะเริ่มหมดไป 50%
ถ้ามีสติปัญญาเกิดขึ้นเพียง 50% โมหะก็จะเริ่มหมดไป 50%

เมื่อ ศีล สมาธิ และ ปัญญา เข้ามาแทนที่ คือ สังสารวัฏ กับ นิพพาน อยู่ที่เดียวกันนั่นเอง จะมองดูโลกว่าง เป็นของว่าง
เป็นความว่าง ได้มากเท่านั้น ทุกข์กายทรมานใจก็จะดับลงได้เท่านั้น


เมื่อพบธรรมแล้ว ก็เหมือนดับในภาพ พระอรหันต์ถือดวงแก้ว พบ ดวงแก้วสารพัดนึก คือ พุทธะ
เท่ากับจับสิงโตร้ายนั้นได้แล้ว เอามาขี่เล่นได้

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




15.พระอรหันต์ลาขานะ (นาคเสน) ถือไม้เกากิเลสฯ เป็นปริศนาสอธรรมะ

“ถือไม้เกากิเลสฯ
เกากิเลสตัณหาอุปาทาน
ของสรรพสัตว์ให้หมดไป”


เป็นปริศนาสอนธรรมะ คือคติธรรมเตือนไว้ว่า “กิเลส – ตัณหา –อุปาทาน” ของมนุษย์สะสมไว้มากเกินไปนักไม่ได้ จะอันตราย ต้องหมั่นเกาเหมือนโรคคัน โรคผิวหนังที่คัน ต้องหากรรมวิธีรักษา ควบคุมมันหรือเกาทิ้ง ๆ ไป ชีวิตถึงจะปลอดภัยบ้าง

ปุถุชนคนโลกีย์ ถ้าถือศีล 5 ได้บ้าง ก็เท่ากับเริ่มเกาพิษภัย เกาบาปก่อเวรกรรมให้ลดน้อยลงไปได้
ตั้ง 5 อย่างแล้ว กุศลผลบุญอย่างนี้ จะสนองตอบในชาตินี้


ทางฝ่ายจิต มีคุณธรรมทางใจสูง วิญญาณก็มีบุญสูง เวลาจะตายมักสงบดี วิญญาณขณะดับจิต ไม่หวาดกลัวภัยต่าง ๆ ทางวิญญาณศาสตร์กล่าวไว้อีกว่า “ชนกกรรม”จะนำดวงวิญญาณของผู้ถือศีล 5 ไปทางสูงก่อน ไปเกิดในภพภูมิที่ดีก่อน

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




16. พระอรหันต์วัตนะจุ (วันวาสี) ถือพระคัมภีร์ เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“ถือพระคัมภีร์ พระไตรปิฎก
ให้การศึกษาธรรมะต่าง ๆ”


เป็นปริศนาสอนชาวพุทธว่า เกิดมนุษย์หมั่นพัฒนาวิญญาณให้สูงไว้ก่อน แสวงหาว่าสิ่งใดเป็นบุญ สิ่งใดเป็นกุศลที่ถูกต้องสัจธรรม นักศึกษาธรรมจะต้องมีใจกว้าง ศึกษาพระคัมภีร์ธรรมต่าง ๆ

ของทุกลัทธินิกาย เอาแต่คุณประโยชน์ในธรรมเป็นอุดมคติ มีจิตใจกว้างขวางหนักแน่น
ในการบำเพ็ญบารมี มีวิญญาณอิสระ ถือธรรมาธิปไตย
ไม่มีทิฐิอาจารย์ ไม่มีทิฐินิกาย
ไม่มีทิฐิพระคัมภีร์
เพื่อให้ได้ความรู้ มีสติปัญญาธรรมจักษุ ของ พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์เป็นเป้าหมาย จะได้ตรัสรู้แจ้งอนุสัยจิตเดิมของตนเอง มีสติปัญญาและปฏิภาณไหวพริบกว้างขวาง เอาไว้สอนธรรมทานโปรดสรรพสัตว์ในทั้ง 6 ภูมิ

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




17.พระอรหันต์กุจะปักยะขะ (จูฑะปันถก) ถือขันข้าวเมตตาเลี้ยงนก เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“เลี้ยงนกให้อิสระ – ไม่กักขังสัตว์
มีเมตตากรุณา (พรหมวิหาร 4 )“


เป็นปริศนาธรรมะให้รู้เรื่อง พรหมวิหาร 4 ประการ (เมตตา – กรุณา –มุทิตา – อุเบกขา) ท่านเทศนาสอนไว้ว่า การทีจะช่วยปล่อยชีวิตสัตว์เอาบุญนั้นจะต้องมีสติปัญญามองดูว่า สัตว์มันมีที่ไปไหม

มีที่อาศัยชีวิตอยู่รอดไหม เช่นปล่อยปลาดูน้ำว่าอาศัยอยู่รอดได้ไหม ปลาน้ำจืดปล่อยที่น้ำเค็มปลา
ก็ตายหมด เป็นการทำบาปกรรม จะปล่อยนกดูป่ามีที่พักพิงไหม ค่อยปล่อยไปจึงเป็นบุญ
เลี้ยงสัตว์ต้องด้วยความเมตตากรุณาจิตจริง ๆต้องไม่ไปดักจับสัตว์ ไม่กักขังสัตว์ไว้ดูเล่น
ซึ่งเป็นการทรมานจิตใจสัตว์ เป็นบาปกรรม ต้องให้สิทธิเสรีแก่ชีวิตสัตว์ ไม่ทรมานสัตว์โลก
จึงจะเป็นบุญ มีเมตตากรุณาจริง ๆ เมื่อปล่อยชีวิตสัตว์ ต้องไม่ฆ่าสัตว์ ไม่กินเนื้อสัตว์ เป็นการผูกมิตรปลูกบุญสัมพันธ์กับสัตว์ทั้งหลายไปอีกทุกชาติ

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)




18.พระอรหันต์ปักถะโล (ปิณโฑล) ขี่เสือร้าย เป็นปริศนาสอนธรรมะ

“ปุถุชนอนุสัยที่ชั่วร้ายดังเสือ
ต้องเอาธรรมะกำราบให้สงบ
จนรู้แจ้งอนุสัยเดิม – จิตสว่างไสว”


เป็นปริศนาสอนธรรมะ ท่านเทศนาไว้ว่า จิตของปุถุชนคนโลกีย์เหมือนดัง “มังกร”
อนุสัยของคนเหมือนดัง “เสือ”
ปุถุชนคนโลกีย์ในวันหนึ่ง ๆ มีปล่อยให้จิตเกิดดับ
“จิตเกิดและจิตดับ” เป็นอัตตา เป็นตัวตน ถ้าไม่ควบคุมจิตให้ถูกทางไว้จะมีพิษภัย คือมันมีฤทธิ์เดช
เหมือนดังงูใหญ่ งูที่มีพิษจะเล่นงานเราในภายหลังได้
จิตเกิดดับเอาแต่คิดเรื่องต่าง ๆมากเกินไป
ร่างกายรับไม่ไหว เช้าคิด เที่ยงคิด เย็นก็คิดกลางคืนก็คิด ๆๆ ไม่มีวันหยุดจนนอนไม่หลับมึนงงจนปวดหัว
อริยะครูบาท่านเปรียบเทียบเหมือนดังตัวมังกรมันดิ้นได้ มังกรมีฤทธิ์เดชพอนาน ๆไปจนเคยชิน
ภาษาธรรมะเรียกว่า เป็น อนุสัย(ปึ้งแส่)


กรรมวิธีแก้ต้องใช้ธรรมะกำราบจนจิตสงบ จนรู้แจ้งทางอนุสัยเดิมของตน จิตสว่างไสว แล้ว มังกรร้ายนั้นจะหมดฤทธิ์เดชเอง หรือ เสือร้ายจะสงบลง เชื่องลงเอง จนเอามาขี่เล่นได้ นั่นคือการควบคุมอารมณ์ตนได้ คุมระบบประสาทตนได้ จิตว่างได้มาก

โดย ธ. ธีรทาส(ธีระ วงศ์โพธิ์พระ)

จาก https://www.facebook.com/media/set/?set=a.144527555730673.1073741835.118429868340442&type=3

http://www.sookjai.com/index.php?topic=180424
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 28, 2017, 05:43:07 am โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...