เกือบลงนรก..กว่าจะพบผ้าเหลือง!…ชีวิตของอาตมา (เกือบ) ลงนรกเพราะยาเสพติด!
ตั้งแต่เด็ก อาตมาเป็นเด็กดี เรียนดีกีฬาเด่น ได้เป็นประธานนักเรียนตอนอยู่ป.5 – ป.6 จนกระทั่งย้ายไปเรียนที่โรงเรียนชายล้วนอันดับหนึ่งของจังหวัด จึงเริ่มมีสังคมใหม่เพื่อนใหม่ที่ต่างจากเดิม
อาตมารักเพื่อนและติดเพื่อนมาก ช่วงม.2 พอเพื่อนเริ่มสูบบุหรี่ ดูดกัญชา ดมกาว จึงขอลองกับเขาด้วย เพราะกลัวเพื่อนจะไม่ให้เข้ากลุ่ม พอหนักเข้าก็เริ่มไม่เข้าเรียน ไม่ทำการบ้าน เรียกว่าจบ ม.3 มาได้แบบทุลักทุเล หลังจากนั้นอาตมาย้ายไปเรียน ปวช. และเริ่มคบกับโยมภรรยาซึ่งเขาเป็นเด็กเรียนดี ต่อมาเราจึงตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน
ชีวิตของอาตมาผ่านไปแบบปกติธรรมดา จนอายุเข้าวัย 30 ภรรยาอาตมาเข้ารับราชการ ส่วนอาตมากลับมาเปิดร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่บ้านเกิดตัวเอง และนั่นเป็นการย้อนกลับมาเดินบนเส้นทางสีเทา ซึ่งข้องเกี่ยวกับอบายมุขอีกครั้ง
เพราะจริง ๆ แล้วร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์นั้น อาตมาเปิดไว้บังหน้าธุรกิจหวยใต้ดิน ซึ่งโยมพ่อและโยมแม่ทำให้เห็นมาตั้งแต่เด็ก และธุรกิจนี้เองที่ชักนำให้อาตมากลับมาคบกับเพื่อนกลุ่มเดิมที่เคยสำมะเลเทเมามาด้วยกัน
…จากที่เคยดูดแค่กัญชา ยาเสพติด ก็เริ่มย่างกรายเข้ามาในชีวิต…
เพื่อนเริ่มแนะนำให้รู้จักกับยาม้ายาบ้า ซึ่งอาตมา “เล่น” โดยเอายาใส่ในกระดาษฟอยล์แล้วจุดไฟลนเพื่อสูดควันของยา จำได้ว่าครั้งแรกที่เล่นยา อาตมาใจสั่นอย่างรุนแรง คึกจนนอนไม่หลับ ตาค้างถึงเช้า กัด ขบ เคี้ยวฟันตัวเองอยู่ตลอดทั้งคืนจนต้องหาอะไรทำไม่ให้อยู่นิ่ง
ตอนเล่นยาแรก ๆ อาตมาคิดว่าอย่างไรก็ไม่ติด เพราะไม่ได้เล่นเยอะ ไม่ต้องเสียเงินเยอะ ยาบ้าหนึ่งเม็ดราคาประมาณ 400 บาท แต่อาตมาซื้อไว้ทีละเยอะ ๆ พอเล่นจนคึกก็โทร.ไปชวนเพื่อนมาเล่นด้วยกันบ้าง พากันไปดริฟต์รถบ้าง เอามอเตอร์ไซค์ไปซิ่งตามเนินสูงบ้าง เมื่อเสพยาจนกลายเป็นเรื่องปกติ (ของคนไม่ปกติ) อาตมาจึงหันมาเดินบนเส้นทางสายนี้อย่างเต็มตัว!
อาตมาใช้วิธีเซ้งร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์แล้วเปิดร้านเหล้าบังหน้าเพื่อขายหวยใต้ดิน เงินที่ใช้ซื้อยาส่วนมากเป็นเงินของอาตมาเองบ้าง เงินของภรรยาบ้าง บางครั้งก็เป็นเงินของพ่อแม่ แต่พอต้องการเงินมากขึ้น อาตมาก็เริ่มเกรงใจทางบ้าน จึงตัดสินใจเดินทางเข้าสู่วงการพนัน โดยหวังว่าจะมือขึ้นและไม่ต้องไปรบกวนเงินคนอื่น
เมื่อข้องแวะกับการพนัน ชีวิตของอาตมาก็เลวลงทุกที จากที่เคยเดินเข้าบ่อนธรรมดา ก็ถลำมาเล่นแบบออนไลน์ซึ่งถ่ายทอดสอดมาจากคาสิโนปอยเปต ช่วงนั้นแม้จะได้กำไรมาวันละสองสามหมื่น แต่เวลาเสียทีก็ไม่เคยต่ำว่าสามสี่หมื่นไปจนถึงสองแสน เวลานั้นอาตมาไม่คิดอะไร ขอเพียงแต่ละวันเหลือเงินสำรองไว้ซื้อยามาตุนไว้เสพเป็นพอ
การเป็นนักเสพที่รู้จัก “แบ่งปัน” ทำให้อาตมากลายเป็นผู้มีอิทธิพลและเริ่มมีลูกน้องมากมาย อาตมาน่าจะเป็นลูกพี่ที่ค่อนข้างแฟร์ในสายตาของพวกเขา เพราะไม่ฆ่าใครด้วยคำพูด มีเงินก็เลี้ยงลูกน้อง มียาก็ให้ลูกน้องเสพ บางทีซื้อยาไอซ์ยาบ้ามาวางเต็มโต๊ะ ใครอยากได้ก็หยิบไป อาตมาเริ่มมีลูกน้องที่เพิ่งออกจากคุกมาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาเข้าบ่อน พนักงานจะเปิดห้องวีไอพีให้ทันที เพราะมีลูกน้องเดินตามหลังอย่างต่ำสองสามคน
แต่ไม่ว่าจะชั่วอย่างไร อาตมาไม่ยอมให้ความชั่วของอาตมากระทบครอบครัว (ยกเว้นเรื่องเงิน) เวลาทะเลาะกับภรรยา อาตมาจะไม่มีปากเสียง อาศัยเลี่ยงไปนอนโรงแรมและเรียกลูกน้องมาเล่นยาคลายเครียดด้วยกัน
ทุกครั้งที่มีทุกข์หรือไม่สบายใจอาตมาจะใช้ยาเสพติดเป็นที่พึ่ง ยึดเป็นสรณะ เพราะไม่เคยรู้จักที่พึ่งอื่น หลัง ๆ โยมภรรยาเริ่มระแคะระคายว่าอาตมาเสพยาและเล่นการพนัน เธอจึงเก็บของมีค่าทุกอย่างไว้ในตู้เซฟ และถึงกับโทร.ไปขอร้องบ่อนต่าง ๆ ว่า หากอาตมาเข้าไปให้ช่วยบอกด้วย แต่น่าเสียที่ “มาตรการ” ของเธอไม่สามารถหยุดอาตมาได้เลย
ชีวิตอาตมาเริ่มดุเดือดขึ้น จากที่เสียพนันวันละหลักพันหรือหมื่นก็ขยับขึ้นไปเป็นหลักแสน ส่วนเรื่องยาเสพติด รายใหญ่ก็เริ่มไว้ใจปล่อยของให้มากขึ้น อาตมาจึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลด้านยาเสพติดและเหิมเกริมขึ้นมาก ถ้าหมั่นไส้ใครจะสั่งให้ลูกน้องไปจัดการทันที และมีหลายกรณีที่ลงมือด้วยตัวเอง ตอนนั้นอาตมาทำทุกอย่างเพื่อให้คนมองว่าเราเป็นคนไม่ดี จะได้ไม่มีใครกล้าหือ เข้าทำนองว่า “กูเป็นคนไม่ดีนะโว้ย อย่ามาวุ่นวายกับกู!”
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายครั้งที่ลูกน้องพาหัวหน้า “ซวย” บางคนเมื่อได้ยาไปแล้วก็นำไปล่อยต่อจนได้เรื่อง วันหนึ่งตำรวจถึงกับเข้ามาค้นตัวอาตมา สั่งให้แก้ผ้าตั้งแต่ชั้นนอกยันชั้นใน แต่โชคยังดีที่วันนั้นอาตมาไม่มี “อะไร” ติดตัวจึงรอดมาได้
บางครั้งลูกน้องบางคนก็เคยทำให้อาตมาถึงกับ “ตีนกระตุก” มาแล้ว
เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งอาตมาใช้ให้ลูกน้องไปซื้อยาพร้อมกับให้เงินไปหมื่น แต่มันกลับหายตัวไป แถมยังปิดเครื่องโทรศัพท์จนติดต่อไม่ได้ ผ่านไป 6-7 วัน อาตมาไปเจอตัวอยู่ที่ร้านบาคาร่า (การพนันชนิดหนึ่ง) ระหว่างที่ลูกน้องตัวแสบกำลังจะยกมือไหว้ อาตมาก็เดินเข้าไปออกอาวุธมวยไทยทั้งเตะทั้งต่อยจนได้เลือด ก่อนเดินออกจากร้านยังชี้หน้าเด็กคุมเคาน์เตอร์แลกชิปให้ลบภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกจากกล้องวงจรปิดให้หมด…อาตมากลายเป็นขาใหญ่ในวงการมืดเต็มตัวไปแล้ว!
เมื่อมีอิทธิพลมากขึ้น ผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาก็เริ่มเข้ามาในชีวิต ความตั้งใจที่ว่าจะชั่วให้หมดยกเว้นเรื่องผู้หญิงจึงเริ่มสั่นคลอน อาตมาเริ่มคบหากับผู้หญิงคนหนึ่งในฐานะ “กิ๊ก” เธอมีดีกรีปริญญาโทจากสถาบันมีชื่อ และเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งอาตมามาทราบทีหลังว่า ผู้หญิงคนนี้ทำธุรกิจมืดเป็นอาชีพเสริมคือรับจำนำรถ และบางครั้งก็นำรถไปส่งให้เอเย่นต์เพื่อถอดชิ้นส่วนและขายต่อ
อาตมาตกลงกับกิ๊กว่า เราจะพบกันชั่วครั้งชั่วคราว ห้ามให้ภรรยารู้เด็ดชาด ช่วงนั้นชีวิตของอาตมาถลำลึกจนกู่ไม่กลับ พอเสพยามากก็มีกำลังนั่งเล่นการพนันไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บางวันเสียเงินไปเป็นล้าน หมดเนื้อหมดตัวจนต้องรบกวนทางบ้าน และบางครั้งถึงกับต้องบากหน้าไปขอเงินลูกน้องตัวเอง
พอยาหมด เงินไม่มี อาตมาก็เริ่มคิดการใหญ่คือวางแผนปล้นธนาคารเพื่อหาเงินไปคืนพ่อแม่และภรรยา ส่วนหนึ่งก็ตั้งใจว่าจะเอาไปปรนเปรอกิ๊กด้วย อาตมาติดต่อลูกน้องที่ไว้ใจได้ให้มาช่วยงาน เตรียมอาวุธปืน พร้อมอุปกรณ์พรางตัว ก่อนจะปฏิบัติการขโมยเหล้าบุหรี่ตามโกดังต่างๆ เป็นการซ้อมมือ ทำให้พบว่าแก๊งของเรายังขาดคนขับรถ จึงต้องพับแผนการนี้เอาไว้ก่อน นับว่าเป็นโชคดีของอาตมาที่ไม่หลวมตัวทำผิดกฎหมายไปมากกว่านี้
อาตมาเดินกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง นอกจากจะคิดไม่ตกเรื่องเงินทองซึ่งไม่มีหนทางจะหามาได้ ยังกังวลว่าภรรยาจะทำอย่างไรหลังจากที่เธอถูกกิ๊กของอาตมาโทรศัทพ์ไประราน
ทว่าวันนั้นโยมภรรยานั่งรออาตมาอยู่อย่างสงบ ปกติเธอเป็นคนช่างโวยวายจนอาตมาต้องลี้ภัยออกจากบ้านไปบ่อย ๆ แต่คราวนี้เธอกลับนิ่งจนอาตมานึกกลัว เธอบอกว่า เพิ่งกลับจากวัดและทำใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว มีคนแนะนำเธอว่า “ไม่ต้องตาม ไม่ต้องทวง ไม่ต้องหย่า” ก่อนจะพูดต่อนิ่ง ๆ ว่า
“ถ้าจะไปก็ไป แต่จะไม่เซ็นใบหย่าให้ และถ้าจะมาอยู่บ้านต้องเลิกยา” ในวันที่ชีวิตมืดมนไปหมดทุกด้าน เมื่อโยมภรรยาให้โอกาส อาตมาจึงรีบคว้าโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตไว้ และตัดสินใจเลิกยาทันที หลังจากนั้นก็จะขอบวชสักระยะหนึ่งภรรยาของอาตมาจัดการล็อกประตูทุกบานเพื่อกันไม่ให้อาตมาออกไปหายามาเสพ แม้กิ๊กอาตมามาตามก็ไม่สามารถออกไปเจอได้ ในระหว่างที่ต่อสู้กับอาการอยากยาอยู่นั้น วันหนึ่งภรรยาก็เอาหนังสือเล่มหนึ่งมาให้อ่าน เรื่องราวในหนังสือเป็นเรื่องของพระอาจารย์รูปหนึ่งกับลูกศิษย์สุดแสบ เป็นอดีตนักโทษประหารบ้าง อดีตคาสโนวาบ้าง เมื่ออ่านจบอาตมาจึงตัดสินใจไปบวชกับพระรูปนั้น ซึ่งก็คือ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
วันนี้อาตมาเลิกยามาได้เดือนกว่า ๆ แล้ว แม้ร่างกายจะยังได้รับผลกระทบจากยาเสพติดอยู่บ้าง แต่จิตใจของอาตมาเหมือนอยู่บนสวรรค์ จากที่เคยมองเห็นแต่ผลประโยชน์และเงินเป็นสำคัญ มีแต่คนไม่ดีอยู่รอบข้าง ใจวุ่นวายร้อนรน ตอนนี้อาตมามีความสุขมากกับการ “ไม่มีอะไร ไม่ต้องเป็นอะไร” ในแต่ละวันก็ทำกิจของสงฆ์และภาวนาไปเรื่อย ๆ อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด และทำตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม เท่านี้ก็เป็นสุขที่สุดแล้ว
…เจริญพร…
พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญพระอาจารย์ไม่เคยรู้จักท่านแมนมาก่อนเลย จนกระทั่งมีครอบครัวหนึ่งนั่งรถมาพบพระอาจารย์ที่ยุวพุทธฯ (สาขา 2) เพื่อส่งสามีมาให้พระอาจารย์บวช คนเป็นภรรยาแจ้งว่า “รับสามีคนนี้ไม่ไหวแล้ว ทั้งติดยา ติดการพนัน จนตระกูลล้มละลาย” ด้วยความที่โยมภรรยาเคยอ่านหนังสือ 191 (1 พระอาจารย์ 9 มารร้าย ปิดอบายใน 1 พรรษา) จึงคิดว่าสไตล์ของสามีน่าจะเหมาะกับการมาบวชกับพระอาจารย์ พระอาจารย์จึงรับไว้ พอถึงตีสี่ก็จับโกนผม บวชวันนั้นเลย เพราะคนประเภทนี้จะทำอะไรต้องทำโดยฉับพลัน ช้าไม่ได้
จริง ๆ แล้วท่านแมนก็ไม่ได้ชั่วโดยสันดาน แต่รักเพื่อนพ้อง ด้วยความที่รักเพื่อนมากเกินไปนี่เอง เขาชวนทำอะไรก็ทำตามเขาไป เสพยาจนเสียอนาคต ทำให้ทั้งพ่อแม่และเมียทุกข์มาก พระพุทธองค์ถึงบอกว่า “กัลยาณมิตรคือทั้งหมดของพรหมจรรย์”
พอท่านแมนมาบวช ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คนประเภทนี้ปัญญาเยอะ อัตตาสูง ถ้าใช้วิธีพูดบอกไม่น่าจะเข้าท่า ต้องทำให้เห็นหรือให้เขาลงมือทำเอง
ตอนนี้ท่านเริ่มดีขึ้นมาก สงบ ร่มเย็น มีความคิดดีมากขึ้น ทั้งพ่อแม่และภรรยาก็อนุโมทนา ขอให้อยู่ในผ้าเหลืองต่อไป เพราะก่อนหน้านั้นคนทั้งบ้านต้องนอนกันแบบหวาดผวา ตอนนี้ท่านจึงบวชต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อคนอื่น เมื่ดใดที่ท่านมั่นใจแล้วว่าจะไม่ทำชั่วอีก เมื่อนั้นท่านจึงจะสึก
ในอนาคตพระอาจารย์เชื่อว่า ท่านแมนคงจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ทางธรรมได้เป็นอย่างดี สามารถเอาชีวิตที่ผิดพลาดมาเป็นบทเรียนสอนธรรมให้คนอื่นต่อได้…เราก็ต้องรอดูกันต่อไป
จาก
http://www.secret-thai.com/article/1519/phra-man/