พระถังซัมจั๋งและสานุศิษย์จาริกมากลางลมและฝน สองข้างทางต้นไม้มีผลดอกงดงามยิ่ง กวนอิมโพธิสัตว์เสด็จพร้อมกับเสียนไจ๊ท่งจื๊อ ( สัมมาสังกัปปะ - อดีตคือปีศาจ อั้งฮั้ยยี้ มิจฉาสังกัปปะ) มาแจ้งเหตุสำคัญ ในการที่จะผ่านเมืองเบี๊ยดฮวยก๊ก (เมืองทำลายธรรม) ด้วยเหตุว่าพระราชา เมืองนั้นได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า จะฆ่าพระให้ครบหมื่นรูป บัดนี้ได้ฆ่าพระที่ไม่มีชื่อเสียงไปแล้ว ๙,๙๙๖ รูป ขาดอีก ๔ รูป
เห้งเจียทราบความจากกวนอิมโพธิสัตว์ (เมตตา) และเสียนไจ๊ท่งจื้อ (สัมมาสังกัปปะ - ดำริชอบ) แล้วออกอุบายนำหน้าพาคณะหลบออกจาก ทางใหญ่แวะพักข้างทางให้โป้ยก่าย(ศีล) และซัวเจ๋ง(สมาธิ) อยู่เฝ้ารักษาอาจารย์ ส่วนเห้งเจีย(ปัญญา)แปลงกายเป็นแมลงเม่าบินเข้าไปในเมือง แล้วแปลงเป็นหนูเข้าไปคาบผ้าโพกศีรษะและเสื้อจากโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง แล้วรีบกลับมาหาพระถังซัมจั๋ง อาจารย์และศิษย์เอาผ้าโพกหัวใส่เสื้อ เพื่อปลอมกายกลายเป็นฆราวาส ทำทีเป็นพ่อค้า ๔ พี่น้องหาใช่พระไม่ เห้งเจียปลอบใจพระถังซัมจั๋งว่า “แม้เมืองนี้เป็นเมืองฆ่าพระก็จริง แต่ พิจารณาดีดีแล้วจะเห็นรัศมีรุ่งเรือง”
พ่อค้าม้าปลอม ๔ พี่น้อง จูงม้าขาวเข้าเมืองในตอนหัวค่ำ เพื่อใช้ความมืดพรางตาเข้าไปขอเช่าโรงพักแรมคนเดินทาง เห้งเจียกลัวความ จะแตกจึงแจ้งกับเจ้าของว่า พี่ชายคนโต (พระถังซัมจั๋ง) นั้นเป็นโรคอาย แสงไฟ น้องที่สาม (โป้ยก่าย)นั้นเป็นโรคเหน็บชา น้องคนเล็ก(ซัวเจ๋ง) เป็นโรคกระษัยไตพิการ จึงขอห้องพิเศษที่ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้าไปได้ เจ้าของโรงเตี๊ยมจึงให้เข้าไปนอนในตู้ใบใหญ่ทั้ง ๔ คน แล้วลั่นกุญแจปิดเสียด้วย
ครั้นตกดึกยังมีโจรกลุ่มหนึ่งแอบฟังเรื่องราวที่เห้งเจีย คุยโวอวดรวยอยู่ในตู้ จึงกรูเข้ามาปล้นโรงเตี๊ยมแล้วหามตู้ใบนั้นไป เห้งเจียกำหนดรู้อยู่ แต่แรกว่าโจรจะช่วยหามตู้ไปทางทิศไซที แต่โจรกลับหามไปทางทิศตะวันออก แต่ขณะนั้นกองทหารหลวงซึ่งได้รับแจ้งเหตุโจรกรรม ตามมาทันเข้าสู้รบ แย่งชิงตู้ใบใหญ่ได้และร้องกันขึ้นว่าจะนำขึ้นทูลเกล้า ถวายพระราชาให้เป็นสมบัติหลวง
พระถังซัมจั๋งอยู่ในตู้ได้ฟังดังนั้นก็ร้อนใจกระวนกระวายเพราะกลัวถูกฆ่า เห้งเจียเฝ้าปลอบใจอาจารย์ต่างๆนานา ให้เชื่อในความสามารถของตน แล้วชักตะบองออกจากรูหู เสกคาถาให้มันกลายเป็นสว่านแล้วหมุนไชตู้รูเล็กๆ แล้วตนเองแปลงเป็นมดตะนอยไต่รอดรูออกไปข้างนอกตู้ แล้วถอนขน เสกเป็นหนอนหาวนอนหลายพันตัว เห้งเจียร่ายมนต์เรียกพระภูมิเจ้าที่ ผีปีศาจมาแจกหนอนหาวนอนให้ แล้วสั่งให้ไปใส่ปากใส่ตา แก่พระราชาและทหารรักษาพระองค์ทั้งวังหลวง
เมื่อพระภูมิเจ้าที่และสมุนผีไปตามคำสั่งแล้ว เห้งเจียถอนขนเป่ามนต์ เสกให้เป็นเห้งเจียอีกนับจำนวนพันตัว แต่ละตัวถือมีดโกนตัวละเล่ม เห้งเจียสั่งให้ทุกๆตัว เข้าไปในวังหลวงแล้วโกนหัวพระราชา และข้าราชบริพาร ในขณะหลับใหลให้หัวโล้นทุกคน ฝ่ายเห้งเจียสั่งการเสร็จแปลงเป็นมดตะนอยไต่เข้ารูสว่านเข้าในตู้ ตามเดิมเหล่าทหารปราบโจรแบกตู้ใบใหญ่ เข้าสู่วังหลวง
กล่าวฝ่ายพระราชาและนางสนมกำนัล พร้อมทั้งข้าราชบริพาร ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองมีศีรษะโล้นเกลี้ยง สลดสังเวชในพระทัยยิ่งนัก หวนนึกถึงบาปลามกที่เคยฆ่าพระแล้ว สะดุ้งใจต่อผลกรรมที่เห็นทันตานี้ จึงตั้งพระทัยเด็ดขาดในการเลิกฆ่าพระ และจะทำแต่การบุญต่อไป
ครั้นพวกทหารเปิดตู้ใบใหญ่ พระถังซัมจั๋ง เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋ง ผู้เป็นสงฆ์ทั้ง ๔ รูปเดินออกมาอย่างสง่า พระราชาเห็นเช่นนั้นก็ถวาย สักการะใหญ่ทรงตื้นตันพระทัยและศรัทธาในพระถังซัมจั๋งยิ่งนัก เมื่อทราบความประสงค์ของพระถังซัมจั๋งในการไปไซที เพื่ออาราธนาพระไตรปิฎก กลับไปยังเมืองจีน
พระถังซัมจั๋งได้เปลี่ยนชื่อเมืองฆ่าพระนี้เสียใหม่ เป็นเมืองรักษาธรรม ครั้นได้รับประทับตราหนังสือผ่านเมืองแล้ว พระถังซัมจั๋งและศิษย์ ถวายบังคมลาพระราชา มุ่งหน้าสู่ประเทศไซที
(พระที่สำคัญตนว่าเป็นพระ แต่ขาดเมตตา จะมีจิตใจที่ขาดจาก ความเป็นพระมากเท่านั้น การด่าผู้อื่น ตำหนิผู้อื่น นินทาผู้อื่น กล่าวหา ฆราวาสว่าต่ำช้า อย่างขาดเมตตาธรรม ต่อเมื่อยามใดเห็นฆราวาสเป็นพระ เห็นผู้อื่นบริสุทธิ์ ใจก็จะบริสุทธิ์ ผู้ที่ไม่มีวินัยจะคอยแต่จับผิดผู้อื่น เพราะคิดว่าตัวเองดี นานเวลาเข้าจะยิ่งห่างไกลจากการเป็นพระมากยิ่งขึ้น พึงรักษาธรรมอยู่เสมอจะเข้าใกล้ความเป็นพระ (พุทธภาวะ) มากเท่านั้น)จาก
http://www.khuncharn.com/skills?start=28อีกอัน ไซอิ๋ว ฉบับ อาจารย์ เขมานันทะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=maekai&month=10-07-2008&group=15&gblog=1