คอนเซปต์คาร์นิยามใหม่ แฝงปรัชญาพุทธ “Setsuna ปัจจุบันขณะ” ของรถไม้ (TOYOTA)

[มดเอ๊กซ]

<a href="https://www.youtube.com/v/yEG-Ln1MHBY" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/yEG-Ln1MHBY</a>

คอนเซปต์คาร์นิยามใหม่ แฝงปรัชญาพุทธ “Setsuna ปัจจุบันขณะ” ของรถไม้ เตือนเจ้าของรถใช้ชีวิตทุกขณะให้เต็มศักยภาพ

   สำหรับบางคนแล้ว รถยนต์เป็นมากกว่ายานพาหนะ ที่นำพาผู้เป็นเจ้าของไปจุดหมายปลายทาง จึงไม่น่าแปลกใจที่บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่นอย่างโตโยต้า จะลุกขึ้นออกมาคอนเซปต์คาร์ที่ชวนให้หวนรำลึกถึงความสัมพันธ์ดีๆระหว่างคนกับรถ ผ่านรูปทรงและดีไซน์เท่ๆ สุดคลาสสิก
       
       โดยเว็บไซต์ The Telegraph รายงานว่า บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดตัว “Setsuna” (เซ็ตสึนะ) รถยนต์แนวคิดที่ทำด้วยไม้เป็นครั้งแรก ณ ศาลาญี่ปุ่น ภายในงาน Milan Design Week ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 12-17 เมษายน 2016 ที่ผ่านมา
       
       เซ็ตสึนะท้าทายความคิดที่ว่า รถยนต์เป็นเพียงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล่าสุด เพราะรถเปิดประทุน 2 ที่นั่งที่ทำด้วยไม้คันนี้ พยายามหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุจำพวกคาร์บอนไฟเบอร์ เหล็กกล้าทนแรงดึงสูง หรือวัสดุไฮเทคต่างๆ ที่ใช้ในรถยนต์สมัยใหม่ และใช้โลหะให้น้อยที่สุดในชิ้นส่วนเครื่องยนต์
       
       เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้า 6 ลูก วิ่งในระยะทาง 25.75 กม. ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 45 กม/ชม ซึ่งค่อนข้างช้า แต่ทว่าความเร็วไม่ใช่จุดมุ่งหมายหลักของรถแนวคิดคันนี้
       
       “เมื่อเราสร้างเซ็ตสึนะขึ้นมา เราวาดฝันให้ครอบครัวได้ถ่ายเทความรักรถยนต์คันนี้ ส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้มันเป็นรถที่มีคุณค่าอันทดแทนมิได้ การพัฒนาปรับปรุงรถอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความผูกพันระหว่างรถและครอบครัว เสมือนวงเติบโตของต้นไม้” เคนจิ สึจิ วิศวกรหัวหน้าโปรเจ็ก กล่าว
       
       ขณะที่โตโยต้ากล่าวว่า แม้รถจะมีความทนทาน แต่ย่อมมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา การตัดสินใจสร้างรถยนต์ด้วยไม้ ยังแสดงให้เห็นถึง “ความสัมพันธ์ที่ได้รับการพัฒนาไปเรื่อยๆ ระหว่างคนกับรถ”
       
       ส่วนการตั้งชื่อรถว่า “Setsuna” ซึ่งมีความหมายว่า “ปัจจุบันขณะ” เพื่อสื่อถึงปรัชญาพุทธในเรื่องเวลา และเตือนเจ้าของรถให้ใช้ชีวิตทุกขณะอย่างเต็มศักยภาพสูงสุด ขณะที่หน้าปัดบอกเวลา 100 ปีบนแผงควบคุม ที่นิยมใช้ในลัทธิเซนนั้น จะบอกเวลาเป็นชั่วโมง วัน และปี เพื่อเตือนคนขับให้ความสำคัญกับเวลาและความทรงจำ มากกว่าระยะทางที่ขับผ่านมา



<a href="https://www.youtube.com/v/dCQ1nvAHmfs" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/dCQ1nvAHmfs</a>
       
       นอกจากนี้ ในเวบไซต์ TOYOTA Global Newsroom ยังได้ให้ข้อมูลของเซ็ตสึนะเพิ่มเติมว่า
       
       การนำไม้มาใช้เป็นวัสดุสร้างรถยนต์คันนี้ เพื่อสื่อแนวคิดที่ว่า ความรักที่มีต่อรถจะงอกเงยเมื่อเวลาผ่านไป สีและสัมผัสของไม้จะเปลี่ยนไปตามการดูแลรักษา อันส่อถึงความรักที่ครอบครัวมีให้รถ
       
       โดยมีการคัดสรรไม้ที่นำมาประกอบแต่ละส่วนอย่างประณีต ตัวถังเซ็ตสึนะประกอบด้วยชิ้นส่วนไม้ทำด้วยมือทั้งหมด 86 ชิ้น ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นสามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยไม่ต้องยกเปลี่ยนทั้งหมด
       
       ทั้งนี้ ได้ใช้เทคนิคญี่ปุ่นโบราณอย่าง Okuriariและ Kusabi ในการเชื่อมต่อไม้เข้าด้วยกันโดยไม่ต้องใช้ตะปูหรือน็อต ซึ่งไม่เพียงเพิ่มความแข็งแรงตรงจุดเชื่อมต่อแล้ว แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนบางอันให้ประกบกันแน่นขึ้นในกรณีที่เริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ยังคงใช้รถได้โดยไม่ต้องซ่อมตัวถัง
       
       สำหรับโลหะที่ผู้ออกแบบเลือกนำมาใช้ เพื่อให้เกิดความแตกต่างอันงดงาม และผสมผสานกับชิ้นส่วนไม้ของเซ็ตสึนะได้เป็นอย่างดี คือ อลูมิเนียม ที่ใช้ในหลายชิ้นส่วน อาทิ ฝาครอบล้อกระทะ พวงมาลัย และกรอบที่นั่ง
       
       แม้ว่าเกือบทุกส่วนของรถคันนี้จะเป็นไม้ แต่ส่วนต่างๆของที่นั่งที่สัมผัสกับร่างกายมากที่สุด จะถูกหุ้มทับด้วยหนังที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย
       
       โลโก้ของเซ็ตสึนะเป็นรูปรัศมีวงกลม ที่ออกแบบเป็นนาฬิกา เพื่อแสดงถึงแต่ละช่วงเวลาของแต่ละบุคคล ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกถึงช่วงเวลาเติบโตดั่งดอกไม้บาน ด้วยความหวังให้ทั้งครอบครัวและรถยนต์เติบโตไปด้วยกัน เหมือนดั่งวงของต้นไม้ที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
       
       เซ็ตสึนะประกอบด้วยสมรรถนะพื้นฐาน ที่สามารถขับเคลื่อน เลี้ยว และหยุดได้ จึงขับขี่ได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถนำไปขับขี่ในท้องถนนเหมือนรถทั่วไปได้ เพราะเป็นเพียงรถยนต์แนวคิด ซึ่งทางผู้ผลิตคาดหวังว่า คงมีสักวันที่ทุกคนสามารถทดลองขับรถยนต์คันนี้ได้จริง
       
       (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 186 มิถุนายน 2559 โดย พิสุทธิ์)



จาก http://astv.mobi/AKEvk4n