ผู้เขียน หัวข้อ: The Man Who Knew Infinity : 'รามานุจัน' อัจฉริยะคนนี้ก็เป็นคนธรรมดา  (อ่าน 1418 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


The Man Who Knew Infinity : 'รามานุจัน' อัจฉริยะคนนี้ก็เป็นคนธรรมดา

Director: Matthew Brown
Region: United Kingdom
Genre: Biography / Drama

ตามประสาเด็กเกลียดคณิตศาสตร์แต่ดันเลือกเรียนสายวิทย์-คณิต เราเลยมีช่วงเวลาหฤโหดตอนนั่งคำนวณสูตรที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายแปลกๆ ในห้องสอบอยู่มหาศาลแถมยังพาลเกลียดใครก็ตามที่คิดสูตรเหล่านี้ออกมาเมื่อพันปีก่อนให้เราต้องปวดสมองไปด้วยพอเห็นว่ามีหนังที่เล่าชีวประวัติของศรีนิวาสะ ไอเยนการ์ รามานุจัน (Srinivasa Iyengar Ramanujan) นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะชาวอินเดียผู้เป็นเจ้าของทฤษฎีจำนวนหลายร้อยบท เราเลยลังเลใจนิดหน่อยว่าจะโดนตัวเลขทำร้ายไหมนะ แต่สุดท้ายเราก็โดนคำโฆษณาที่หนังบอกว่า รามานุจันคือ ‘ชายผู้ไม่เคยเป็นที่รักของใคร’ ดึงดูดให้เข้าโรงหนังไปจนได้



The Man Who Knew Infinity คือหนังชีวประวัติตามขนบที่เล่าชีวิตรามานุจัน (รับบทโดย เดฟ พาเทล จากเรื่อง Slumdog Millionaire) ตามไทม์ไลน์ เมื่อเสมียนหนุ่มไม่มีปริญญาแต่รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์เรื่องตัวเลขมาตั้งแต่เด็กลองส่งจดหมายแนะนำตัวไปถึงนักคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมีเพียงศาสตราจารย์จี.เอช. ฮาร์ดี้ (รับบทโดย เจเรมี ไอรอนส์) เท่านั้นที่มองเห็นศักยภาพในตัวเขาและเชิญให้มาร่วมทำงานด้วย แต่ถึงอย่างนั้น รามานุจันก็ยังต้องผ่านบททดสอบจากอคติที่คนอังกฤษมีต่อคนอินเดีย แถมศาสตร์ตัวเลขนี้ก็ยากและสูงส่งเกินกว่านักคณิตศาสตร์ตัวท็อปของมหาวิทยาลัยจะยอมให้รามานุจันมีตัวตน



ความเนิบนาบในช่วงต้นของเรื่องเล่นงานเราไม่น้อย แต่ภาพสวยๆ ในหนังโดยเฉพาะฉากในอินเดียก็บอกเราได้ว่าผู้กำกับและทีมสร้างเนี้ยบพอสมควร บวกกับเสน่ห์ของเดฟ พาเทลที่คุมการแสดงทั้งในซีนที่เขาคำนวณตัวเลขในสมองและเขียนออกมาอย่างไหลลื่น หรือตอนที่พ่ายแพ้เกือบหมดรูปกับวัณโรคจนเราสะเทือนใจ หนังอาจไม่มีไคลแมกซ์สำคัญ แต่ความสัมพันธ์ของรามานุจัน กับศาสตราจารย์ฮาร์ดี้ ที่ร่วมมือกันพิสูจน์ทฤษฎีตัวเลขสุดท้าทายก็ตรึงให้เราอยู่กับเรื่องได้จนจบ

เอาเข้าจริง หนังไม่ได้โฟกัสไปที่ความอัจฉริยะของรามานุจัน หรือประเด็นเรื่องชนชั้นวรรณะที่เขาถูกกดดันมากเท่ากับการแสดงให้เห็นมิตรภาพและความช่วยเหลือจากใจจริงขอศาสตราจารย์ฮาร์ดี้ ที่พยายามดึงรามานุจันกลับมาสู่โลกความจริงที่ทุกสิ่งต้องพิสูจน์ได้ ไม่เว้นแม้แต่ทฤษฎีคณิตศาสตร์ที่รามานุจันอ้างว่าเขาได้รับมาจากพระแม่อุมาเทวีก็ตาม



นอกเหนือจากฉากที่ทั้งสองคนฟาดฟันด้วยถ้อยคำและความรู้เรื่องตัวเลขแบบไม่มีใครยอมใคร เรายังชอบฉากท้ายๆ ที่ศาสตราจารย์ฮาร์ดี้พูดถึงสิ่งที่เขามองเห็นในตัวรามานุจันตลอดช่วงเวลาที่ทำงานร่วมกันให้ศาสตราจารย์หัวดื้อคนอื่นฟัง จนในที่สุดรามานุจันก็เป็นชาวอินเดียคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกราชสมาคมแห่งลอนดอน หนังนำเสนอให้เห็นความเชื่อใจของคนต่างที่มาสองวัยคู่นี้ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เราประทับใจตัวหนังไม่น้อย

The Man Who Knew Infinity อาจไม่ตอบโจทย์กลุ่มคนดูสายแข็งที่อยากทึ่งไปกับพรสวรรค์ของรามานุจัน แต่เป็นข้อดีสำหรับเด็กเกลียดเลขอย่างเราที่หนังเลือกเล่าประเด็นเล็กๆ ให้เห็นว่ารามานุจันเป็นคนธรรมดาที่มีทั้งความเก่งกาจ อ่อนน้อม แต่ก็ดื้อรั้น หนังให้ภาพอัจฉริยะของโลกที่เราเชื่อได้ว่าเขาเป็นมนุษย์โดยที่ไม่ต้องมีทฤษฎีใดมาพิสูจน์เลย



ป.ล. ไปดูได้ทุกคนไม่จำเป็นต้องได้เกรด 4 วิชาเลขตอน ม.ปลาย ถึงจะมีศัพท์เทคนิคบ้างก็ปล่อยผ่านได้ และอยากชวนให้ทุกคนไปค้นหาความหมายบางอย่างของเลข 1729 ในเรื่องนี้กันด้วยนะ

<a href="https://www.youtube.com/v/HB_Cn4iVHUM" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/HB_Cn4iVHUM</a>

จาก http://www.adaymagazine.com/recommends/movie-6
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...