พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เปิดตัวหนังสือใหม่ “รู้ก่อนตาย ไม่เสียดายชาติเกิด” หนังสือที่ตอบทุกคำถามที่สงสัยเกี่ยวกับอดีตชาติ และชีวิตหลังความตาย พร้อมแนะวิธีการแก้กรรมแบบพุทธแท้ และการก้าวไปอยู่เหนือ “กรรม” ด้วยวิถีแห่งพุทธ
กระแสสังคมปัจจุบัน ต่างตั้งคำถามมากมายถึงชีวิตหลังความตาย และอดีตชาติที่ส่งผลถึงกรรมเก่าที่แต่ละคนต่างต้องเผชิญต่างกรรมต่างวาระกันไป แต่ในวิถีแห่งพุทธะ หรือ วิถีแห่งผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานที่นำทางด้วยปัญญาแล้วนั้น “กรรม” คืออะไร “วัฏสงสาร” คืออะไร เราจะสามารถแก้กรรมได้อย่างไร ชีวิตหลังความตายเราจะไปไหน และก่อนที่เรามาเกิดเราเป็นใคร ได้รับการเฉลยให้คลายข้อสงสัยแบบรวมเล่มในหนังสือ “รู้ก่อนตาย ไม่เสียดายชาติเกิด” ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยได้พิธีกรสาวคนเก่ง หนูแหม่ม – สุริวิภา กุลตังวัฒนา มาร่วมไขข้อสงสัย
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เปิดตัวหนังสือใหม่ “รู้ก่อนตาย ไม่เสียดายชาติเกิด”
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการเขียนหนังสือเล่มนี้ว่า ถึงแม้หนังสือเล่มนี้จะได้รับการตีพิมพ์หลายครั้งด้วยกัน โดยมีชื่อเรื่องที่แตกต่างกันไป แต่ในครั้งนี้ได้ทำการปรับปรุงเนื้อหาใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน และข้อคำถามที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้กรรมที่เป็นกระแสสังคมในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งการพูดคุยกับ “ผี” โดยผ่านรายการโทรทัศน์ ซึ่งแต่ละข้อคำถามที่เกิดขึ้นนั้น ได้รับการเฉลยโดยพระพุทธเจ้าพระบรมศาสดาอย่างไม่มีข้อสงสัย ซึ่งเมื่อแต่ละท่านได้อ่านแล้ว จะสามารถดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องได้อีกด้วย
“มนุษย์เรารู้สารพัดรู้ เช่น รู้ว่าบิ๊กแบงค์คืออะไร แสงเดินทางเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้ง สุริยุปราคาจะเกิดขึ้นวันที่นั้น วันที่นี้ เวลากี่นาที กี่วินาที แต่ถ้าถามว่ามนุษย์ก่อนมาเกิดเป็นคน เราเป็นอะไรมาก่อน มึนนะ แล้วเมื่อเราตายเราจะไปไหนต่อ ก็มึนอีก หลังจากเป็นเถ้าเป็นถ่านแล้วจะเป็นยังไง เรื่องของตัวเองแท้ ๆ ไม่รู้ แต่รู้เรื่องของคนอื่นหมดว่าจักรวาลเป็นยังไง เอกภพคืออะไร แสงเป็นยังไง แต่ถ้าถามเรื่องของตัวเองกลับไม่รู้ ซึ่งจริง ๆ แล้วทุกคนอยากรู้เรื่องของตนเอง อย่างอาตมาถามลูกศิษย์ว่า วันนึงเธออ่านหนังสือพิมพ์มั้ย เขาตอบว่าอ่าน อาตมาถามต่อว่าอ่านคอลัมน์อะไร เขาตอบว่า ดวงรายวัน เพราะว่าคอลัมน์ดวงสะท้อนถึงสิ่งที่ตัวเองเป็น ดังนั้น ในหนังสือเล่มนี้ จะตอบทุกคำถามที่เกี่ยวกับตัวเราเอง คือ 1. ก่อนมาเกิดเราอยู่ที่ไหน ไม่มีใครตอบได้ หนังสือเล่มนี้จะบอกว่า ก่อนมาเกิดเราอยู่ที่ไหน และ 2. ถ้าตายแล้วจะไปไหน คนไทยจะบอกว่า เวลาไปงานศพจะขอให้ไปสู่ที่ชอบ ๆ เถิด เพราะฉะนั้นแปลว่ามันต้องมีที่เราไม่ชอบ แล้วเรารู้ไหมว่า “ที่ชอบ” คือที่ไหน หรือ “ทุคติ” หรือที่ ๆ เราไม่ชอบคือที่ไหน
พุทธศาสนามีคำอยู่คำหนึ่งว่า “นิกกังโข” แปลว่า หมดความสงสัย มนุษย์จำนวนมากพอตายไป จะตายไปพร้อมกับความสงสัยทั้งนั้น แต่พุทธเราจะสอนอยู่อย่างหนึ่งว่าก่อนจะตาย ตายไปโดยไม่ต้องมีความสงสัยในชีวิตได้มั้ย หนังสือเล่มนี้จะตอบให้ว่า ทำอย่างไรก่อนที่เราจะตาย เราจะไม่ต้องตายไปโดยที่แบกความสงสัยข้ามภพข้ามชาติไป ถ้าเราตายไปโดยที่คำตอบต่าง ๆ ในชีวิตไม่ได้ถูกคลี่คลาย เราเกิดมาปุ๊บเราหน้ายุ่งเลยนะ สังเกตมั้ยมันยุ่งเพราะอะไร เพราะว่างงตั้งแต่ชาตินี้ ชาติหน้าก็ยังงงอยู่”
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ยังได้กล่าวถึงกระแสธรรมะในกระแสโลกอีกว่า ปัจจุบันกระแสของโลกเป็นกระแสธรรมะ ที่ผ่านมาได้ไปเรียนวิปัสสนากับท่านติช นัท ฮันน์ ที่ประเทศฝรั่งเศส พบว่ามีชาวต่างประเทศที่สนใจเรียนวิปัสสนาประมาณ 700 กว่าคนจากทั่วโลก ที่สำคัญคือเขาเหล่านั้นไม่ใช่ชาวพุทธทั้งหมด สิ่งนี้เป็นตัวชี้วัดว่า โลกกำลังโหยหาธรรมะ และโหยหาในลักษณะเชิงลึกด้วย
“ลูกศิษย์อาตมาคนหนึ่ง ที่อาตมาเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เขาทำวิจัยเรื่องสันติภาพในญี่ปุ่น เขาค้นคำว่า “วิปัสสนา” พบว่ามีประมาณ 9 แสนเว็บไซต์ที่เขียนเรื่องวิปัสสนา และประมาณ 99% ของเว็บไซต์เหล่านั้นเขียนโดยฝรั่ง นี่คือดัชนีที่ชี้วัดว่าโลกทั้งโลกกำลังตื่นธรรมะ แล้วก็โหยหาธรรมะเป็นอย่างยิ่ง”
“สังคมไทยเปรียบเหมือนเป็นสวนหย่อมบนแผนที่โลก ถ้ากระแสโลกโหยหาธรรมะ แล้วทำไมคนไทยจะไม่โหยหา ในขณะที่ข้อดีของสังคมไทย คือ ธรรมะอยู่ที่นี่ เรารักษาขุมกลางทางปัญญามาให้กับชาวโลกมาตั้งนาน ปัญหาของเรามีเพียงแต่ว่า เมื่อไรเราจะหันมาแล้วหยิบธรรมะที่เป็นตัวจริงตัวแท้ออกมาศึกษากันเสียที เราคนไทยจะต้องตระหนักรู้แล้วว่า ของดีที่เรามีอยู่แล้วเรารักษาเอาไว้ และควรจะภูมิใจกับเรื่องนี้ให้มาก”
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ปิดท้ายพร้อมฝากข้อธรรมให้กับคนไทยว่า “ทุกวันนี้ที่คนพากันมาสนใจธรรมะ สิ่งนี้สะท้อนว่า สังคมกำลังวิกฤติ พอสังคมวิกฤติมาก ๆ สังคมกำลังแสวงหาอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วย นั่นไม่ใช่ทางของพุทธศาสนา พุทธศาสนาไม่สอนให้เรามองออกไปข้างนอก แล้วเขาก็รอกว่าใครจะช่วยเรา แต่พุทธจะบอกว่า มองเข้ามาข้างในสิ ถ้ามองเข้ามาข้างไน คำตอบจะอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงไหน ใจของเราถ้ามันตื่นรู้ มันจะมีปัญญาที่สากล และปัญญาที่สากลมันจะคอยบอกเราว่าอันนี้ทำได้ อันนี้ทำไม่ได้ ในชีวิตนี้คุณโยมไม่ต้องรู้อะไรมากนะ อาตมาขอให้รู้สองอย่างพอ รู้ว่าอันนี้ทำได้ และอันนี้ทำไม่ได้ ที่เหลือชีวิตคุณโยมถูกทางหมดเลย ตั้งแต่ต้นจนจบ คนส่วนใหญ่มันรู้สารพัดรู้ แต่มันไม่รู้ว่า อันนี้ทำไม่ได้ แล้วฝืนทำ อันนี้ทำได้ ดันไม่ทำ ที่มันยุ่ง ๆ กันทุกวันนี้เพราะอะไร ที่ควรรู้ ไม่รู้ ที่ไม่ควรรู้ ไปรู้ ที่ไม่ควรทำไปทำ แต่ที่ควรทำ กลับพากันละเลยเพิกเฉย พุทธศาสนาสอนแค่นี้ คือสอนว่าอันนี้ควรทำ และอันนี้ไม่ควรทำ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มีสองเรื่องเท่านั้น ข้อ 1 ข้อ 2 บอกอะไร บอกว่า นี่คือสิ่งที่เป็นปัญหาไม่ควรทำ ข้อ 3 ข้อ 4 นี่คือวิธีแก้ปัญหา เป็นสิ่งที่ควรทำ พุทธศาสนาสอนเราแค่นี้ ถ้าเราจับหลักพุทธศาสนาได้ เราก็รู้ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ รู้สองเรื่องพอแล้วสำหรับชีวิตนี้ แล้วคุณโยมก็จะมีความสุข มีความเจริญ”
อ่านหนังสือ “รู้ก่อนตาย ไม่เสียดายชาติเกิด” แล้ว คุณจะพบคำตอบของชีวิต และแนวทางการดำเนินชีวิต ก่อนที่จะสายเกินไป
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ออนไลน์