ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนคิด - ชวนคุยเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลกิน เจ  (อ่าน 1957 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด






ย้อนรอยเทศกาลกินเจ ปี 2559 - 2016 เป็นเวลา 2 - 3 ปีผ่านมาแล้ว

มัชฌิมประภาสปุญสถาน

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ......................



จากดอนเมือง เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ไปโกลกาตา ก็หิวเล็กน้อย แม้ว่าข้าพเจ้าจะทานอาหารรองท้องก่อนออกจากบ้านตอนหกโมงเช้า แล้วมาทานซาลาเปาที่คุณเล็กเตรียมไว้ให้อีกสองลูก ขึ้นเครื่องแล้วอาหารเสิร์ฟช้า เพราะไม่ได้สั่งอาหารไว้ก่อน ต้องรอแอร์โฮสเตสมาถามแต่ละที่นั่ง ตอนมาถึงข้าพเจ้า เป็นข้าวกล่องสุดท้าย แต่ก็เป็นเมนูที่ข้าพเจ้าคิดจะเลือกพอดี เมนูนี้เป็นมังสวิรัติ เสิร์ฟเฉพาะเที่ยวบินไปอินเดียเท่านั้นข้าพเจ้าเลือกเพราะประโยคนี้ เป็นข้าวผัดถั่วลันเตา กับแกงกะหรี่มันฝรั่ง เที่ยวบินนี้ส่วนใหญ่ผู้โดยสารเป็นคนไทย จึงมีข้าวกล่องนี้เหลือถึงข้าพเจ้า

โรงแรม Swissotel Kolkata เป็นโรงแรมห้าดาว มีศูนย์การค้า City Centre อยู่ติดกัน ห่างสนามบินประมาณ 20 นาที ในเขตเมืองใหม่ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างอยู่ทั่วไป ดังนั้นในตอนบ่ายเมื่อทานอาหารเที่ยง (อีกครั้ง) ก็เดินทางไป Victoria Memorial  ซึ่งอยู่ในเขตเมืองเก่า สมัยอังกฤษอยู่เขาเรียกกัลกัตตา (Calcutta) เป็นเมืองหลวงของประเทศ ปัจจุบันเรียก โกลกาตา (Kolkata) เป็นชื่อใหม่ที่เก่ากว่า เพราะเรียกกันมาแต่ดั้งเดิม ก่อนย้ายเมืองหลวง

ไปอยู่ที่นิวเดลี เดินทางเกือบสองชั่วโมง ก็มาถึงวิคตอเรียเมมโมเรียล สวยงามอลังการ ด้วยสถาปัตยกรรม ภูมิทัศน์ มีอาคารใหญ่โตรูปโดมสีขาวจากหินอ่อนโดดเด่น มีรูปปั้นควีนวิคตอเรียตอนทรงพระชราแล้ว ประทับตากแดดตากลมอยู่ข้างหน้า ได้เป็นที่อาศัยพักผ่อนของนกกาและผู้มาเยี่ยมเยือนอย่างเพลินใจ ข้าพเจ้าพยายามถ่ายพระพักตร์ควีนให้ชัด ๆ แต่เวลาใกล้ค่ำและมุมแสงไม่อำนวย ก็เลยถ่ายไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ ภายในอาคารมีรูปปั้นควีนวิคตอเรียตอนทรง

พระสิริโฉมดุจดั่งเทพธิดา เจ้าหน้าที่ไม่ให้ถ่ายรูป ได้แต่ชมโฉม ข้าพเจ้าอดนึกเปรียบเทียบขำ ๆ ในใจไม่ได้ว่า ยามทรงพระเยาว์ สวยงามน่ารัก เขาสลักด้วยหินอ่อน แล้วทนุถนอมไว้ในอาคาร ให้คนชื่นชม ยามทรงพระชรา พระพักตร์เหี่ยวย่น เขาหล่อด้วยโลหะ แล้วให้ประทับตากแดดตากฝน อยู่ข้างนอก คนเรามักดูที่ความงาม ก่อนความดี ทั้งๆที่ยามทรงพระชรานั้นพระราชอำนาจแผ่ไปทั่วโลก ดังที่กล่าวกันว่า พระราชอาณาเขตของพระองค์ดุจแผ่นดินทีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ภายในอาคารจัดแสดงคล้ายพิพิธภัณฑ์เพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและอังกฤษ ตรงกลางเป็นรูปโดม ขึ้นกระไดไปพอเหนื่อย เพื่อไปชมบริเวณในมุมสูง แล้วก็ลงมาดูห้องต่าง ๆ ที่จัดแสดงอย่างไร

ก็ตามความตระการตาของอาคารภายนอกและทิวทัศน์โดยรอบ ก็ทำให้ทุกคนถ่ายรูปกันยกใหญ่ ทั้งไทย จีน ฝรั่ง แขก ตอนกลับมาที่ประตู ก็พลบค่ำแล้ว แต่ก็อดถ่ายรูปสิงโตหินอ่อนหน้าประตูทางเข้าอีกครั้งไม่ได้ ฝั่งตรงข้ามถนน

ด้านหน้าเป็นสวนสาธารณะ มีน้ำพุผสมแสงสีสวยงาม มีรถม้าให้เช่าคันโต เวลาขึ้นลง ดูท่าจะลำบากเพราะต้องปีนขึ้น รถม้าตกแต่งสวยงามทั้งรถ ทั้งม้า เวลานั่งแล้วดูโก้หร่านเหมือนมหาราชา มหารานี อย่างไรอย่างนั้น แต่ไม่มีเวลาแวะ ที่โกลกาตานี้ มีแม่น้ำคงคาไหลผ่านด้วย ก็ไม่ได้ชมเหมือนกัน เพราะค่ำแล้วอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งคือ ต้องเดินลงจากรถไปตามริมถนนที่มีฝุ่นมาก แล้วไกด์บอกว่า ต้องข้ามสะพานไปอีก จึงจะถึงแม่น้ำ เลยตกลงใจกันว่าไม่ดูดีกว่า คงไม่ค่อยเห็นอะไรแล้ว ไม่คุ้มเหนื่อย

วันนี้ข้าพเจ้าและพี่หมูพยายามแลกแบงค์หนึ่งพันรูปีส์ซึ่งเราแลกมาจากเมืองไทย เพื่อแตกเป็นแบงค์ใหม่ ๆ สิบรูปีส์ ไว้ใช้ ไว้แจก เมื่อถามคุณกฤษณะ ไกด์ที่ให้แลกเงิน ในตอนแรกขอแลกเงิน เขาไม่ให้ เพราะเขาให้แลกเงินไทย หนึ่งพันบาท เท่ากับ หนึ่งพันสามร้อยรูปีส์ แต่เราแลกมาได้กำไรกว่านั้น ข้าพเจ้าเลยคุยกับพี่หมูว่า เขาคงต้องการกำไร เราควรขอแลกแบงค์หนึ่งพันรูปีส์ โดยเอาแบงค์สิบรูปีส์แค่ แปดร้อยรูปีส์ พี่หมูไปนั่งคำนวณดูแล้ว บอกโอเค เรายังได้กำไรอยู่ ข้าพเจ้าไปคุยกับคุณกฤษณะใหม่ เขาตกลงทันที เราเลยได้แบงค์สิบรูปีส์ ใบใหม่ ๆ ไว้ใช้คนละ 800 รูปีส์ ด้วยวิธีนี้

โรงแรมนี้ทำอาหารรสชาติดี แถมมีไอศกรีมให้ทานทั้งเที่ยงและเย็น หลังอาหารเย็นข้าพเจ้าชวนพี่หมูเดินไปดูศูนย์การค้าที่อยู่ติดกัน ดูส่าหรี ผืนหนึ่งยาวประมาณ 6 เมตร ตัดเสื้อได้สองตัว เป็นผ้าไหมอินเดีย ราคาประมาณ 2700 รูปีส์ สีสันลวดลายสวยถูกใจ แต่ขอไปดูผ้าไหมแคว้นกาสี ที่พาราณสี ก่อนตัดสินใจอีกที สองคนกับพี่หมูเลยเดินดูแฟชั่นการแต่งส่าหรีและปัญจาบีของสาวอินเดีย ต้องยอมรับว่าการใช้สีและการแต่งตัวของสาวอินเดียนั้นนับเป็นเยี่ยมในเชิงศิลป์ รสนิยม และความผสมผสานสีสันอาภรณ์ที่ลงตัว สวยงาม โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อดเปรียบเทียบกับสาวไทยไม่ได้ ถ้าเป็นสมัยโบราณ ก็น่าจะเยี่ยมพอกัน แต่ปัจจุบัน เรารับแฟชั่นวัฒนธรรมการแต่งตัวจาก

ประเทศผู้นำแฟชั่นต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ เลยดูพื้น ๆ เหมือน ๆ คนอื่นเขา ยกเว้นตอนใส่ผ้าไหมหรือผ้าทอลายของไทย ที่เนื้อผ้านั้นงามเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว พร่ำพรรณนามาตามประสาคนสะสมมานะ ทิฎฐิ และอกุศลวิตกต่างๆ ไว้เพียบ จึงเปรียบเทียบ วิจารณ์ไปสารพัด เราไม่ได้ขึ้นไปสำรวจชั้นอื่นๆ เพราะคืนนี้เป็นคืนแรกในอินเดีย สองคนกับพี่หมูโต๋เต๋กันสักพัก ก็รีบกลับมานอนเอาแรง เพราะจะต้องเดินทางกันอีกหลายวัน


http://picture.in.th/id/98fcc6df414a44d82efcfb5a5569e3cc

http://picture.in.th/id/7c2bd9861f81a896865fccdf4e0589aa

http://picture.in.th/id/4b6793ea9a5a3d0174018a86b0476d70

http://picture.in.th/id/0f2de659fa066f0fb8b879a676108795

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2019, 07:38:08 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน