ผู้เขียน หัวข้อ: “กินเจ ไหมครับ” เจ - มณฑล จิรา กับเส้นทางชีวิตที่เลือกแล้ว  (อ่าน 976 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


“กินเจ ไหมครับ” เจ - มณฑล จิรา กับเส้นทางชีวิตที่เลือกแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อกว่าหนึ่งทศวรรษก่อน แทบไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่คุ้นหน้าผู้ชายคนนี้…

เริ่มต้นที่งานพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเพียงชิ้นเดียว ชื่อเสียงของเขาขจรขจายไปทั่วประเทศราวกับไฟลามทุ่ง แต่เพียงเวลาไม่กี่ปีจากนั้น เขาได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่น้อยคนจะกล้าคิดและกล้าทำ ซูเปอร์สตาร์หนุ่มเลือกที่จะทิ้งทุกอย่าง แล้วไปตามหาความฝันที่สหรัฐอเมริกา

วันนี้ เจ - มณฑล จิรา ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างที่เขาเลือกนั่นคือการทำงานดนตรีอยู่เบื้องหลังหรืออาจออกมาปรากฏตัวทำงานเบื้องหน้าบ้างเป็นครั้งคราว ในขณะเดียวกัน สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับชายหนุ่มคนนี้ก็คือเขาหันมาฝึกโยคะและกินมังสวิรัติอย่างจริงจังมากว่า 20 ปีแล้ว เจยืนยันว่าโยคะและมังสวิรัติเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาเป็นอย่างที่เห็นในวันนี้ ตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน เขามั่นใจจนกล้าที่จะเชิญชวนว่า

“มากิน (ผักอย่าง) เจกันไหมครับ”


จุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณเลิกกินเนื้อสัตว์คืออะไรครับ

หลังจากไปเรียนต่อเมืองนอกได้ประมาณครึ่งปี ช่วงนั้นผมอยากจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ พยายามทดลองอะไรหลายอย่าง ครั้งหนึ่งผมไปร่วมกิจกรรมเดินป่าแคมปิ้งเป็นกลุ่มแล้วมีอาจารย์คนหนึ่งเขาแนะนำผมว่าลองกินมังสวิรัติดูสิ แล้วเธอจะมีแรงเยอะขึ้น ทักษะในการเอาตัวรอดจะเฉียบคมขึ้นผมก็เลยลองกินดู แล้วร่างกายก็ค่อยๆ ปรับตัวไปเอง และตั้งแต่นั้นมาผมก็กินมังสวิรัติมาตลอด

เป็นเรื่องยากไหมที่จะเริ่มหันมากินมังสวิรัติแบบนี้

ผมคิดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจเรานะครับ ในแง่การใช้ชีวิตสำหรับผมไม่ถือว่ายากอะไรมาก อย่างตอนอยู่ที่โรงเรียนก็มีอาหารมังสวิรัติให้เลือกกินหลากหลาย เพราะเขามีกลุ่มคนที่กินอย่างนี้อยู่แล้ว พอกินไปสักพักหนึ่งก็ยิ่งง่าย เพราะเราจะรู้จักร้านอาหารที่มีเมนูมังสวิรัติเยอะขึ้น พอกลับมาอยู่เมืองไทยก็มีคุณแม่ทำให้ แต่ที่บางคนคิดว่าการกินมังสวิรัติเป็นเรื่องยาก คงเพราะเขายังรู้สึกว่า “เบคอนอร่อยจัง”

แล้วคุณเคยเป็นแบบนั้นบ้างไหม

ไม่ค่อยนะครับ ผมเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องการกินและไม่ได้ยึดติดกับรสชาติเท่าไหร่ บางคนอาจจะรู้สึกอยากกินนี่อยากกินนั่น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายเราสามารถปรับให้คุ้นเคยกับการรับพวกคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลเป็นหลักได้แล้ว ความรู้สึกอยากกินเนื้อก็จะค่อยๆ หมดไป จำได้ว่าตอนที่เลิกกินเนื้อสัตว์ไปได้ประมาณ 3 ปี ผมเคยกลับไปกินอาหารทะเลครั้งสองครั้งก็รู้สึกไม่ค่อยสบายท้อง ถือเป็นเอฟเฟ็กต์เดียวที่เคยเจอนอกจากนั้นก็เคยมีครั้งหนึ่งที่ได้กลิ่นไก่ย่างแล้วรู้สึกว่า “โอ้หอมจริงๆ” แต่ก็คิดต่อไปว่า ถ้ากินเข้าไปจริงๆ คงจะไม่อร่อยหรอก สุดท้ายก็เลยไม่กิน

คิดว่าผลดีที่หันมากินมังสวิรัติคืออะไรครับ

ผมเคยลองสังเกตคนที่ชอบกินเนื้อจัดๆ ดูเหมือนกันนะครับว่านิสัยเขาเป็นยังไง ไลฟ์สไตล์เป็นยังไง ผมมีเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่ง เขาเป็นมือกลอง วันๆ กินแต่เนื้อกับเนื้อติดมัน แล้วก็ผักบางชนิดเท่านั้น รวมๆ แล้วจะสังเกตว่าคนพวกนี้มักจะหงุดหงิดง่าย แล้วก็จะดูแก่ค่อนข้างเร็วมาก (หัวเราะ)

ถ้าถามว่าดีอย่างไร ผมอยากบอกว่าการกินมังสวิรัติถือเป็นอีกหนึ่งไลฟ์สไตล์ที่ดี ไม่ว่าใครก็สามารถลองใช้ชีวิตแบบนี้ได้ อาจเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการคิดแค่ว่าเรางดกินเนื้อสัตว์แล้วกินผักเยอะๆ เพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง  ทุกอย่างก็ดูไม่ยากเย็นอย่างที่เคยคิดแล้ว สำหรับใครสนใจก็อาจไปหาหนังสือมาอ่านหรือหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต แล้วทดลองกินดูก่อน ถ้าชอบก็โอเคกินต่อไป แต่ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องฝืนใจตัวเอง

มองจากภายนอกคุณดูเป็นคนใจเย็นมาก เป็นผลจากการกินมังสวิรัติและเล่นโยคะด้วยหรือเปล่า

ใช่ครับ นอกจากนั้นแล้วผมก็พยายามที่จะไม่ให้มีอะไรมากระทบเรามาก ผมเลือกที่จะนิ่งๆ เข้าไว้ ทั้งในการทำงานหรือว่าการใช้ชีวิตทั่วไป ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ผมจะต้องคิดแล้วว่ามันจะไม่สร้างความเครียดหรือความยากลำบากให้กับเราหรือคนอื่น หรือถ้าที่สุดแล้วมันยาก ไม่สนุก หรือว่าไม่เหมาะกับเรา ก็ต้องปรับต้องเปลี่ยน พยายามขยับขยายหาทางอื่น

พอคิดและทำอย่างนี้ได้ ก็จะรู้สึกสบาย สนุก และมีความสุขไปกับทุกๆ อย่างในชีวิตแล้วละครับ

จาก http://www.secret-thai.com/article/15304/j-montol/
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...