ผู้เขียน หัวข้อ: เมตตาบารมี "หลวงปู่สรวง" เทวดาเดินดิน รักษาหญิงสาวให้หายป่วย เพียงใช้ น้ำฝน  (อ่าน 1062 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


เมตตาบารมี "หลวงปู่สรวง" เทวดาเดินดิน รักษาหญิงสาวให้หายป่วย เพียงใช้น้ำมนต์ที่เกิดจากน้ำฝนราดน้ำไปตามร่องกระดาน



        ชาวโลกกำลังจดจำรอยยิ้มของหลวงปู่สรวง ผู้ได้รับการขนานนามว่า เทวดาเดินดิน เพราะเหตุใดหลวงปู่สรวงเป็นที่ศรัทธาของคนจำนวนมาก และคนเหล่านั้นกำลังมุ่งเข้ามาศึกษาเรื่องราวประวัติของท่าน จนบัดนี้ได้กลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันไม่จบสิ้น แม้ว่าหลวงปู่สรวงจักได้ละสังขารไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2543 ก็ตาม รวมระยะเวลา 10 กว่าปีแล้ว อาตมาคิดว่าคงไม่ใช่เพียงแค่รอยยิ้มหลวงปู่สรวงที่ปรากฏในภาพ ที่ทำให้คนทั้งหลายจำจดท่านได้ แต่คงเป็นเพราะปฏิปทา จริยวัตร ของท่าน ที่ทำให้คนจดจำท่าน ที่สำคัญท่านเป็นผู้ที่มีความเมตตาต่อเหล่าสรรพสัตว์เท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทวดา หรือสัตว์เดรัจฉาน ท่านเคยฉุดช่วยเหลือเหล่าสัตว์ทั้งหลายให้ได้พ้นจากทุกข์ยากลำบากทั้งทางกายทางใจมามากต่อมาก และที่สำคัญท่านก็เป็นที่พึ่งให้คนป่วยและคนเหล่านั้นก็หายป่วยประหนึ่งว่าได้ชีวิตใหม่ ได้รอยยิ้มแห่งสันติสุข รอยยิ้มแห่งผาสุขขึ้นมาใหม่  เช่น เรื่องชีวิตใหม่ของลำดวน ที่ปรากฏในหนังสือตามรอยหลวงปู่สรวงเล่ม 5

มีเรื่องเล่าดังนี้ว่า

ณ กระท่อมกลางท้องนาข้างต้นมะขาม ระหว่างบ้านละลมกับบ้านจะบก เห็นมีผู้คนนั่งอยู่ในบริเวณนั้นหลายคน หลวงปู่นั่งอยู่บนกระท่อม พอจอดรถไว้แล้วก็ช่วยกันพยุงคนป่วยไปนั่งบนพื้นดินต่อหน้าหลวงปู่ กราบท่านเสร็จแล้ว นายแปลงก็ได้พูดกับหลวงปู่ว่า

“ลูกเอ็อวจูยโกนเจาละ เวียมันสรูลจะนับนึงเงื๊อบเฮย” (หลวงปู่ช่วยลูกหลานด้วย มันป่วยหนักจะตายแล้ว) พูดแล้วแกก็ยกขวดน้ำฝนที่นำมาจากบ้าน ประเคนต่อหน้าหลวงปู่

หลวงปู่จ้องดูเธอแล้วนิ่งเฉยไม่พูดอะไร ท่านคว้าเอาขวดน้ำยกมาเทราดที่เท้าของท่านเอง น้ำไหลจากเท้าท่านผ่านร่องกระดานลงไปข้างล่างกระท่อม น้าชายรีบซุกดันเธอให้เข้าไปอยู่ใต้กระท่อมตรงที่หลวงปู่นั่งและราดน้ำลงมา น้ำไหลราดใส่หัวลำดวน เธอประนมฝ่ามือรองเอาน้ำมาล้างหน้าและดื่ม จนน้ำหมดขวดที่หลวงปู่เทราดลงมา จึงถอยออกมานั่งผิงแดดข้างกระท่อม ด้วยอาการหนาวสั่นจากพิษไข้บวกกับความหนาวเย็นของน้ำทำให้ลำดวนถึงกับสลบไป

สร้างความตกอกตกใจให้กับพ่อแม่น้าชายและคณะที่ไปด้วยอย่างมาก คิดว่าอย่างไรลำดวนคงต้องตายแน่นอน รีบหามร่างเธอให้นอนบนรถพากันกลับบ้าน โดยมีญาติที่มาด้วยช่วยกันพัดวีไปตลอดทาง ไปถึงบ้านอาการของเธอยิ่งหนักขึ้น ถ่ายออกมาเป็นเลือดเป็นหนองตลอดคืน ญาติพี่น้องพ่อแม่ไม่ได้หลับได้นอนตลอดคืน คอยผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าพยาบาลดูแลทำความสะอาดขุดหลุมกลบเลือดหนองที่เธอถ่ายอาเจียนออกมาต่างก็รอดูลมหายใจสุดท้ายของเธอ เพราะคิดว่าคืนนี้คงเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตลำดวนแน่นอน

ผิดคาดรุ่งเช้าอาการของลำดวนกลับดีขึ้น หิวน้ำหิวอาหารเรียกขอข้าวกินจากพ่อแม่หน้าตาดูสดใสมีเรียวแรงยกขันน้ำดื่มกินเองได้ สร้างความประหลาดใจให้กับพี่น้องเป็นอย่างมาก 2-3 วันต่อมา จากที่นอนแซ่วอยู่บนเสื่อ ก็สามารถยันตัวเองลุกขึ้นเดินเองได้ แต่ก็ยังไม่แข็งแรงเท่าไรนัก จากอาการที่ดีขึ้นของเธอสร้างความดีอกดีใจให้กับพ่อแม่และญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง ต่างคิดว่าเทวดาคงโปรดให้รอดชีวิต หลวงปู่ได้ช่วยให้รอดตายแล้วในคราวนี้




อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาน้าชายของลำดวนพร้อมกับพ่อแม่ พร้อมญาติพี่น้องเพื่อนบ้านเต็มคันรถ ได้พากันจัดจังหันไปกราบหลวงปู่ที่ทุ่งนาเดิมอีก และก็ไม่ลืมเอาขวดใส่น้ำฝนไปให้หลวงปู่ท่านได้ทำน้ำมนต์ให้อีก

หลวงปู่เทน้ำจากขวดล้างมือท่านลงไปในขัน และก็แคะขี้เล็บ แกะขี้มูก ขี้หู ขี้ตาลงไปด้วย แล้วก็ดันซุกขันไปข้างหน้า เป็นเชิงบอกว่าให้เอาไปดื่มกินที่บ้าน พ่อรีบกรอกน้ำใส่ขวดเอาไปใส่รถไว้ตอนถวายจังหันให้ท่านฉัน หลวงปู่ได้จับอาหารที่ถวายเทไปข้างกระท่อม ขว้างขนมผลไม้ออกไปข้างนอก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีว่าหลวงปู่ได้โปรดสัตว์เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ให้ได้มารับอาหารจากคนทั้งหลายเอาไปถวาย แต่ปุถุชนอย่างพวกเราไม่สามารถที่จะมองเห็นได้เหมือนอย่างท่าน

หลังจากที่อยู่พูดคุยสนทนากับผู้ที่มากราบไหว้กับหลวงปู่ ที่ซักถามอาการของเธอจนเกือบค่ำจึงได้ลาหลวงปู่กลับ กลับไปถึงบ้านพ่อแม่ได้เอาน้ำมนต์ผสมใส่น้ำอาบ ดื่มกินทีละนิดๆ ทุกวัน อาการป่วยดีวันดีคืน และร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เป็นปกติเหมือนคนที่ไม่เคยมีโรคร้ายแรงมาก่อนเลย สามารถทำงานช่วยพ่อแม่ได้ทุกอย่าง เธอรู้สึกดีใจและสำนึกบุญคุณของหลวงปู่สรวงที่ให้ชีวิตใหม่กับเธอ ผู้ที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นพ่อแม่ และน้าชายของเธอที่พาเธอไปรักษาหาหลวงปู่สรวงนั่นเอง

จากเรื่องราวที่เล่ามานั้น ทำให้เราได้เห็นว่า หลวงปู่สรวงได้เมตตากรุณาลูกหลานเป็นอย่างมาก ทำให้ต่างคนต่างก็พลอยยิ้มได้อย่างมีความสุข  แม้หลวงปู่จะได้ละสังขารไปแล้วแต่ภาพของท่านที่ยิ้มอย่างมีความสุขถือเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ลูกหลานมีความสุขไปด้วยเมื่อได้เห็นภาพหลวงปู่สรวง ดังนั้น รอยยิ้มแห่งความสุข คือรอยยิ้มที่หลวงปู่ยิ้มให้ลูกหลานทุกคน แม้ที่ตกทุกข์ได้ยากก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถือว่าเป็นรอยยิ้มแห่งกำลังใจ เป็นรอยยิ้มอวยพร เป็นรอยยิ้มแห่งความสมหวัง โชคดี ร่ำรวย ฉะนั้น ลูกหลานหลวงปู่สรวงอย่าได้ท้อแท้ อ่อนแอหมดหวัง รอยยิ้มหลวงปู่จะช่วยสร้างกำลังใจให้เราได้  เพราะ รอยยิ้มของท่านคือ รอยยิ้มแห่งความเมตตา ความเมตตานั้นเป็นธรรมที่ค้ำจุนโลก สมกับพุทธภาษิตที่ว่า โลโก ปตฺถมฺ ภิกา เมตฺตา : เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/206483/
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...