ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่อลุนวัดโพนแพง ธุดงค์ภูเขาควาย ตอน ปราบเสือสมิง  (อ่าน 1925 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
เจอ "เสือสมิง" สามตัวรุม!! หลวงพ่อลุนจึง...ปลุกเสกหุ่นพยนต์ "ท้าวเวสสุวัณ" มาหักคอตายเกลี้ยง!!

หลวงพ่อลุน วัดป่าโพนแพงต. กุดธาตุ อ.หนองนาคำจ. ขอนแก่นพระผู้ทรงคุณวิเศษปราบเสือสมิง



วันหนึ่งเมื่อหลวงพ่อลุนธุดงค์ผ่านมาถึงป่าอาถรรพณ์แห่งใหม่ ภูมิเทวดาเจ้าที่

   ได้แสดงตนปรากฏในนิมิตกรรมฐาน เพื่อบอกกับหลวงพ่อลุนว่า เขตป่านี้อันตรายมากชุกชุมไปด้วยภูตผีปีศาจ และมีเสือสมิงสามตัวอยู่หากิน ถ้าหลวงพ่อจะธุดงค์ผ่านไปจะต้องระวังตัวทุกฝีก้าวจะประมาทมิได้

   กล่าวแล้วภูมิเทวดาจึงหายไป

ในระหว่างช่วงสามคืนแรกที่หลวงพ่อลุนปักกลดอยู่บริเวณป่านี้ท่านมิได้พบเสือสมิงแต่อย่างใด

   คงเจอแต่ดวงวิญญาณของผู้ทุกข์ยากมิได้ไปผุดไปเกิดมาขอส่วนบุญเป็นจำนวนมาก

ในคืนที่สี่อันตรายที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้บังเกิดขึ้นหลวงพ่อลุนท่านเล่าว่าประมาณยาม2

   ( ตี2 ) เห็นจะได้ขณะที่ท่านกำลังนอนหลับอยู่ในกลดนั้นจู่ๆท่านก็ได้ยินเสียงชายผู้หนึ่งร้องปลุกท่านว่า

  หลวงพ่อตื่นเร็วเสือมาแล้ว   3 ครั้งเมื่อท่านตื่นขึ้นสัญชาติญาณของพระป่าได้ลุกโชติสว่างขึ้นทันทีเพราะขณะนั้นท่านได้กลิ่นสาบของเสือคลุ้งเต็มบริเวณที่ปักกลดเต็มไปหมด

   หลวงพ่อลุนรีบเข้าสมาธิแผ่เมตตาอย่างไม่รอช้า แต่เสียงชายหนุ่มผู้หวังดีกลับดังขึ้นมาอีกครั้งนี้เตือนว่า

  ไม่มีประโยชน์หรอกหลวงพ่อรีบๆบริกรรมคาถาป้องกันตัวเถอะ ผมคุ้มครองหลวงพ่อได้อีกไม่นานหรอก

  สิ้นเสียงชายหนุ่มผู้หวังดีหรืออาจจะเป็นเสียงของเหล่าภูมิเทวดาแจ้งเหตุ เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง

   ระวังตัวๆๆๆ สมิงมาแล้วๆ เร็วทันทีกว่าที่ใครจะตั้งตัว

   เสียงฝีเท้าและเสียงคำรณของเสือได้เกิดขึ้นบริเวณรอบๆ กลดของหลวงพ่อลุน

   อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา ทีละน้อยๆ และในที่สุดการจู่โจมจึงเริ่มขึ้น

เสือสมิงส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะเสือลายพาดกลอน



เสือสมิงที่หลวงพ่อลุนเจอในป่าลึกที่ภูเขาควาย



ช้กสิณไฟปราบเสือสมิง

   เมื่อเสือลายพาดกลอนตัวหนึ่งขนาดใหญ่พอ ๆ กับลูกม้าแรกคลอดได้กระโจนวิ่งตรงเข้ามาในกลดแต่เมื่อมันเข้ามาใกล้กองไฟที่หลวงพ่อลุนก่อไว้

   แสงไฟเกิดลุกสว่างร้อนวาบดังพรึบขึ้นมาทันที สิ่งที่ผู้เขียนคาดการณ์ได้เพียงอย่างเดียวตอนนี้ก็คือขณะนั้นหลวงพ่อลุนกำลังเจริญเตโชกสิณหรือทำสมาธิให้เกิดเปลวไฟขึ้นเต็มที่

   ซึ่งด้วยอำนาจวิชากสิณไฟธาตุตามตำรับสายสำเร็จลุนแล้วเมื่อสมาธิแก่กล้า อะไรก็ฝ่าแสงตบะบารมีแห่งกสิณๆไฟเข้ามาไม่ได้

   ทำให้เจ้าสมิงลายพาดกลอนตัวใหญ่ถึงกับชะงัดทันที

      ตามธรรมดาแล้วสัตว์ป่าย่อมต้องกลัวแสงไฟแต่เสือสมิงที่ภูเขาควายนี้กระหายเลือดเกินกว่าที่แสงไฟจะทำให้มันกลัวได้

   ไม่นานจู่ๆเสือลายพาดกลอนอีกตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาทางด้านหลังกลดของหลวงพ่อลุนอีกครั้ง

   แต่มันก็ต้องชะงัดลงอีกเมื่อเปลวไฟจากกองเพลิงที่หลวงพ่อลุนสุมไว้ลุกโชติขึ้นอย่างแรงจนทำให้เกิดสะเก็ดถ่านดังเปรี๊ยะๆๆๆ

   เพียงเท่านี้ก็สามารถหยุดการจู่โจมของเสือสมิงแห่งภูเขควายลงได้ แต่นั่นมิได้หมายความว่าจะทำให้มัจจุราชลายพาดกลอนเกิดความเกรงกลัวถึงขนาดหนีกลับเข้าป่าไปตามเดิม

   สัตว์มัจจุราชทั้งสองได้พยายามเดินไปรอบ ๆ บริเวณกลดของหลวงพ่อลุนผู้เขียนคาดว่ามันเข้ามาไม่ได้

   เพราะอำนาจกสิณไฟบวกกับธาตุไฟที่กองไฟยังคงมีอยู่ แต่ถ้าไฟมอดเมื่อไหร่นั้นหมายถึงการจู่โจมอีกครั้งของเสือสมิงทั้งสองตัว

เสือร้ายที่เกิดด้วยไสยเวทย์ที่ชั่วร้าย



หุ่นพยนต์



  ผูกหุ่นพยนต์นักรบเข้าต่อสู้

   ในขณะที่กสิณไฟของหลวงพ่อลุนซึ่งดำรงอำนาจอาถรรพณ์คุ้มครองรักษาอยู่ที่กองเพลิง

   ยังคงอยู่ทำให้รอบขอบเขตบริเวณกลดของท่านเป็นเขตปลอดภัยแต่อำนาจความศักดิ์สิทธิ์นี้คงอยู่ได้ไม่นานหรอกหากเมื่อใดที่ไฟมอดดับสิ้น

   นั่นคืออันตรายอีกครั้งที่จะเริ่มขึ้นหลวงพ่อลุนท่านทราบเหตุปัจจัยข้อนี้เป็นอย่างดี

   จึงถือโอกาสในช่วงที่ไฟยังติดอยู่นี้ หยิบสิ่งวิเศษสิ่งหนึ่งของพระสงฆ์ขึ้น มาอาราธนานั่นก็คือผ้ารัดอกของท่านเอง

  นำมาลงอักขระอย่างรวดเร็วและชำนาญ จากนั้นจึงนำด้ายมาผูกให้เป็น5 เปราะ สำเร็จเป็นรูปคน จึงเสกเข็มเย็บจีวร ด้วยคาถาอาวุธพระพุทธเจ้าเพื่อให้กลายเป็นอาวุธ

   เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมดีแล้ว หลวงพ่อลุนท่านจึงใช้เวลาทั้งหมดที่มีอยู่ รวบรวมกำลังสมาธิทั้งหมดเท่าที่มีในตอนนี้บริกรรมคาถาตำรับวิชาผูกหุ่นพยนต์ขึ้นตัวหนึ่ง

   จนกระทั้งบังเกิดนิมิตในกรรมฐานสำเร็จเป็นนักรบหนุ่มฉกรรจ์ถือดาบแหลมยาว 1 คน

เมือสำเร็จดีแล้วหลวงพ่อลุนท่านจึงโยนหุ่นพยนต์ตัวนั้นออกไปนอกกลดแล้วบริกรรมคาถาสั่งว่าให้ช่วยขับไล่เสือสมิงออกไปให้ไกลจากเขตนี้ทันทีที่หุ่นพยนต์ตกหลังกอหญ้า

   เสียงตึก ๆ ตัก ๆคล้ายการสู้รบจึงเริ่มเกิดขึ้นหลวงพ่อลุนท่านจึงเริ่มหลับตาบริกรรมหนุนธาตุกสิณเข้าช่วยหุ่นพยนต์ของท่านไม่นานเสียงร้องของเสือตัวหนึ่งได้โหยหวนขึ้นประหนึ่งว่ากำลังทรมานอย่างมา

   แต่ก่อนที่เสียงจะหายไปหลวงพ่อลุนก็รู้สึกเหมือนว่าถูกของหนักกระแทกเข้าที่ด้านกลางหลังอย่างแรง

   จนทำให้ท่านถึงกับเลือดกำเดาออกทีเดียวนิมิตหมายเช่นนี้หมายความว่าหุ่นพยนต์ของท่านได้ถูกเสือสมิงทั้งสองตัวทำลายเสียแล้วแต่ด้วยหัวใจความเป็นพระป่ากรรมฐาน


   ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยเท่านี้ไม่สามารถทำให้ท่านหวาดกลัวได้แม้แต่น้อย ท่านเริ่มจึงลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้งคราวนี้ท่านได้นำสิ่งที่สำคัญอีกอย่างของพระป่ามาจบเหนือหัวด้วยความเคารพอย่างสูงแล้วอธิษฐานว่า

      "ข้าแต่คุณพระศรีรัตนะตรัย คุณพ่อ คุณแม่ และคุณครูอาจารย์ทุกพระองค์ข้าพเจ้าขอฝากชีวิตทั้งหมดไว้กับท่าน"

   จากนั้นจึงอธิษฐานว่าอิมังสังฆะติงอธิฏฐามิ ทุติยัมปิอิมังสังฆาติงอธิฏฐามิ ตะติยัมปิอิมังสังฆติงอธิฏฐามิ

   จากนั้นจึงนำด้ายมาผูกให้ได้5เปราะอีกครั้งสำเร็จเป็นรูปคนตัวใหญ่จึงเริ่มบริกรรมพระคาถาผูกหุ่นพยนต์อีกครั้ง

 เมื่อมัจจุราชทั้งสองถอยกลับไปมันได้นำพากลิ่นสาบ...ลับไปด้วย ทั่วทั้งบริเวณกลดกลิ่นสาปเสือ

   ได้จางลงๆๆและหายไปในที่สุดก็เป็นเวลาพอดีที่แสงอาทิตย์ยามเช้าทอแสงขึ้นมา มรณานุสติเกิดขึ้นในจิตของหลวงพ่อลุนทันที

   หลวงพ่อลุนท่านคิดว่าความตายจะต้องพึงบังเกิดแก่เราอย่างแน่นอนไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้แต่วันนี้เรายังโชคดีอยู่เสียงภูมิเทวดาดังขึ้นอีกครั้ง

   ว่าพักผ่อนเถอะครับหลวงพ่อสว่างแล้วผมจะพาหลวงพ่อออกไปจากเขตนี้

หลวงพ่อลุนท่านจึงล้มตัวลงนอนหลับทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน

      ประมาณสาย ๆ เห็นจะได้หลวงพ่อลุนท่านตื่นขึ้นมาก็พบกับชายชาวบ้านผู้หนึ่งหน้าตาดีแต่งตัวสะอาดนำอาหารมาถวายพอถวายแล้วก็ไม่รอรับพรกราบลาท่านกลับไปเลยจึงไม่ได้คุยอะไรเมื่อหลวงพ่อฉันเสร็จท่านได้ตัดสินเก็บเครื่องอัฐบริขารต่าง ๆ


   แล้วรีบเดินทางมุงหน้าหาทางออกจากเขตป่าอาถรรพณ์นี้ทันที

เสือสมิงแปลงร่างเป็นคน เพืิ่อล่อหลอกกินเหยื่อ


เสือสมิงที่เกิดจากอาคมร้ายของพวกไสยเวทย์สายดำ


จะขอสู้ตาย

หลังจากที่ท่านเดินทางล่วงเลยเวลามาจน
กระทั่งถึงเวลาเย็นปรากฏว่าสถานที่ท่านตัดสินใจปักกลดนั้นก็คือสถานที่ๆท่านปักกลดเมื่อคืนนี้นั่นเองจะด้วยเหตุผลใดก็ตามหลวงพ่อลุนท่านตัดสินใจว่าจะขอสู้ตาย

ภัยอำนาจมืดที่หมายเอาชีวิตของท่านอยู่ที่นี่จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งในช่วงก่อนที่เวลาจะค่ำมืดหลวงพ่อลุนท่านได้ทำวัตรเย็นเจริญพระพุทธมนต์เต็มภูมิความรู้ทั้งหมดเท่าที่ท่านท่องจำได้จากนั้นจึงนำฟืนไม้แห้งออกมาสุมไฟไว้เป็นจำนวนมากเสร็จแล้ว

   หลวงพ่อลุนจึงนำผ้าสังฆาฏิของท่านออกมาผูกด้าย 5 เปราะสำเร็จเป็นตัวคนแล้วบริกรรมพระคาถาผูกหุ่นพยนต์ครั้งนี้ท่านตัดสินใจผูกหุ่นพยนต์เป็นรูปยักษ์ท้าวเวสสุวัณอย่างดี  แล้วปลุกเสกเรื่อยมาไม่ยอมพักผ่อนจนกระทั้งถึงเวลา2 ยามของค่ำวันนั้นจู่ๆ

   ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักทำให้กองไฟที่ท่านสุมไว้ดับลงสนิท แต่หลวงพ่อลุนก็ยังคงบริกรรมสมาธิต่อไปอย่างไม่ยอมหยุด

หุ่นพยนต์ท้าวเวสสุวัณปราบเสือสมิง

   จนกระทั้งเมื่อฝนหยุดตกได้ปรากฏพรานป่าผู้หนึ่งเนื้อตัวมีสภาพเต็มไปด้วยเลือดวิ่งหกล้มลุกล้มแล้วจึงค่อย ๆ คลานเข้ามา


  ปากร้องเสียงดังว่าหลวงพ่อครับช่วยผมด้วย หลวงพ่อช่วยผมที เสือครับเสือ ๆ ทำให้หลวงพ่อลุนลืมตาขึ้น

   ภาพที่ท่านเห็นก่อให้เกิดความสลดใจอย่างมาก ท่านรีบลุกเดินออกมาจากกลดหมายตรงเข้าทำการช่วยเหลือพรานป่าผู้เคราะห์ร้ายทันที

   แต่ก่อนที่หลวงพ่อลุนจะออกพ้นบริเวณนอกเขตกลดนั้น จู่ ๆได้บังเกิดลมบ้าหมูอย่างแรงพัดเอาผ้าสังฆาฏิที่ท่านปลุกเสกไว้ปลิวเข้าไปทับร่างของพรานป่าผู้นั้น

   เสียงโหยหวนของพรานป่าได้เปลี่ยนไป ในทันทีกลายเป็นเสียงร้องเจ็บปวดปางตายของเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่

ซึ่งกำลังสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อให้ผ้าสังฆาฏิของหลวงพ่อลุนหลุดออกไปจากหัวของมัน แต่ก็เปล่าประโยชน์ยิ่งมันแรงเท่าไหร่ผ้าสังฆาฏิผืนนั้นก็ไม่ยอมหลุดเหมือนประหนึ่งทากาวตราช้างติดไว้

   เมื่อหลวงพ่อลุนเห็นจะจะกับตาว่าพรานป่าได้กลายเป็นเสือไปแล้วท่านถึงกับยืนตกตลึงไปพักหนึ่ง

เสือสมิงที่แปลงกายเป็นมนุษย์ได้ มีฤทธิ์ร้าย



 รีบนั่งสมาธิลงทันทีอย่างลืมตัวเพราะทำไปตามสัญญาติพระป่ากรรมฐาน จากนั้นคาถาบริกรรมปลุกหุ่นพยนต์ยักษ์ท้าวเวสสุวัณจึงเริ่มดังขึ้นว่า

      อะตักโขเวสสุวัณโณมหาราชาทัตถะทัตถาสะโมคะตา ปิสัจเจสัพเพยักขาปะลายันติ

   อิสาทะโรเวสสุวัณโณภะคะวันตังเอตะโวจะ เวสสุวัณโณโลกะวิทู กันนะกันนากันนิกันนีกันนุกันนูกันเนกันโนกันนังกันนะ

   นะกันนังกันโนกันเนกันนูกันนุกันนีกันนิกันนากันนะกันปิสัจเจสัพเพยักขาปะลายันติ

    คำภาวนานี้ทำให้หลวงพ่อลุนได้สติท่านจึงหยุดภาวนาเสียงดังกลับมาภาวนาจนบังเกิดสมาธิดิ่งลึกขึ้นมาทันที

   ปรากฏนิมิตเป็นรูปยักษ์หนึ่งตนกำลังต่อสู้กับเสืออยู่ 3 ตัวอย่างพัลวันแต่เสือตัวหนึ่งถูกยักษ์จับหักคอได้ก่อนจึงสิ้นใจลงขณะที่เสือตัวแรกกำลังจะตายเสืออีกสองตัวกระโจนรุมเข้ามากัดที่แขนและขาของยักษ์ตนนั้นทันทีแต่ร่างกายของยักษ์แข็งปานหินเสือจึงกัดไม่เข้าแถมยังโดนยักษ์ง้างกระบองฟาดลงไปที่หัวเสืออย่างแรง

   ทำให้เสือตัวที่กัดยักษ์นั้นขาดใจตายทันที และก่อนที่อีกตัวหนึ่งจะหนีไปได้ยักษ์ตนนั้นได้กระโดดขึ้นไปขี่ที่หลังเสือ

   และหักคอเสือทันทีเสียงกระดูกคอเสือลั่นดังกรึบครั้งเดียว สิ้นใจตาย

    เมื่อเสือทั้ง3ตนได้สิ้นใจลงเพราะถูกยักษ์ฆ่านั้น  ยักษ์ได้อ้าปากขึ้นจึงปรากฏเป็นแสงสีเขียว

   ลอยออกมาจากตัวเสือพุ่งตรงหายเข้าไปในปากยักษ์ตนนั้น ผู้เขียนคิดว่าดวงวิญญาณเสือสมิงทั้งสามดวงนี้คงจะต้องถูกยักษ์จับกลับไปนรกเป็นแน่แท้

   ทุกอย่างก็สงบในลำดับต่อมายักษ์ได้หายตัวไปพร้อมกลิ่นสาบเสือ หลวงพ่อลุนท่านจึงลืมตาขึ้นพบว่าเสือสามตัวนั้นได้หายไปแล้วคงเหลือแต่ผ้าสังฆาฏิของท่านที่ผูกไว้เป็นรูปหุ่นพยนต์ตกอยู่เพียงอย่างเดียว

     หลวงพ่อลุนท่านได้แต่สันนิษฐานว่าเสือทั้งสามตัวนั้นคงเป็นวิญญาณเป็นแน่มิเช่นนั้นถ้าเสือตายลงศพเสือต้องอยู่ให้เห็นแต่นี่เมื่อเสือตายลงไม่ปรากฏสิงใดให้เห็นเลยเหลือเพียงแต่ผ้าสังฆาฏิของท่านผืนเดียวเท่านั้น 

หลวงพ่อลุนวัดโพนแพงพระผู้ทรงคุณวิเศษ ผู้ปราบสือสมิงร้าย



จาก http://baanjompra.com/webboard/thread-1228-1-1.html
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...