ผู้เขียน หัวข้อ: รวมบทความ พระสุปฏิปันโน กล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่  (อ่าน 1240 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
รวมบทความพระปฏิบัติดีกล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระราชาที่ทรงคุณธรรมและความดียิ่ง เป็นที่ประจักมาช้านาน

พระอริยะเจ้าและพระสุปฏิปันโน ต่างยกย่องชื่นชม ไม่ใช่เพราะพระองค์เป็นกษัตริย์ แต่เพราะคุณธรรมและคุณความดีของพระองค์เอง




หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินถึงวัดดอยแม่ปั๋งเพื่อนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณหลายครั้ง และได้จัดสร้างสิ่งมงคลโดยใช้รูปของหลวงปู่นำมาแจกในพระราชพิธีสำคัญ

สมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรและประทับรักษาพระองค์ที่เชียงใหม่ หลวงปู่แหวนได้กราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตอนหนึ่งว่า

"พระองค์นั้นมัวแต่ห่วงคนอื่น ไม่ห่วงพระองค์เองเลย"




หลวงปู่หลุย จันทสาโร

วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย


จากบันทึกของหลวงปู่หลุย จันทสาโร เมื่อครั้งไปวิเวกที่สำนักสงฆ์เย็นสุดใจ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล หลวงปู่หลุยจึงมีโอกาสได้เข้าเฝ้า หลวงปู่บันทึกไว้ว่า

"..อยู่หัวหิน อยู่ใกล้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มักจะเกิดธรรมแปลก ๆ เป็นอัศจรรย์ เป็นเพราะทั้งสองพระองค์ทรงมีพรหมวิหารอยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์ ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์และพระราชินีที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ทรงทิ้งธรรม เป็นคนมีบุญเสด็จอวตารมาจากสวรรค์มาเกิด มาบริหารชาติ มาทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญ ประเทศไทยไม่สิ้นจากคนดี นี้เป็นอัศจรรย์ประการหนึ่งของประเทศไทย.."




หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย


จากบันทึกของคุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ สร้างกุฏิไว้ในเขตบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และทรงนิมนต์ขอให้หลวงปู่ชอบ ฐานสโมไปพัก ณ กุฏินั้นบ้าง เมื่อเวลาที่ท่านเข้ามาในกรุงเทพฯ

เมื่อนำความมากราบเรียนหลวงปู่ ท่านตอบว่า ท่านเคยแต่อยู่ในป่า เข้าไปในเขตพระราชฐานจะลำบาก เพราะพวกศิษย์ติดตามก็เป็นแต่คนบ้านนอก ไม่รู้ธรรมเนียมอะไร

หลวงปู่บอกว่า อยู่ข้างนอก ก็แผ่เมตตาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และยังแผ่เมตตาถวาย "ทุกองค์" ในนั้นด้วย

หลวงปู่พูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยเมตตาและน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า

"ในนั้น (พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน) มีเทวดามากน้อ มาก..แน่นไปหมด"




พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) อ.ศรีวิไล จ.หนองคาย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมนมัสการ
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ณ ภูทอก และทรงมีพระราชดำรัสทางธรรมะ

ทรงมีพระราชปรารภจะให้จัดสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อช่วยราษฎรในการเกษตร ท่านพระอาจารย์จวนก็อนุโมทนาในพระราชดำรินั้น และตั้งต้นคิดจัดทำฝายน้ำตามบริเวณหมู่บ้านหลายแห่ง โดยเฉพาะระหว่างภูทอกน้อยและภูทอกใหญ่ ให้รถแทรกเตอร์มาปรับพูนดิน สร้างอ่างเก็บน้ำ เงินกฐิน ผ้าป่า และแม้แต่เงินพระราชทานที่โปรดเกล้าฯ ถวายในวาระต่าง ๆ ที่ท่านได้รับนิมนต์ไปในงานพิธีในพระราชวังก็เช่นเดียวกัน ท่านสั่งจ่ายเป็นค่าแทรกเตอร์หมด

ท่านพระอาจารย์จวนบอกว่า

"เงินของท่าน ก็ทำบุญให้ท่าน ความจริงแผ่นดินนี้เป็นของท่าน ราษฎรก็เป็นของท่าน ก็เอาเงินของท่าน ทำให้แผ่นดินของท่าน ทำให้ราษฎรของท่าน"




พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ หรือ หลวงพ่อคล้าย จันทสุวัณโณ

วัดสวนขัน ต.สวนขัน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช


ในหลวง กับ พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ

กิตติศัพท์ทางคุณงามความดีของพ่อท่านคล้าย
ทรงทราบถึงในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ทรงมีความสนพระทัยและศรัทธา
จึงทรงพระกรุณาให้นิมนต์พ่อท่านคล้าย
เข้ารับพระราชทานภัทรกิจในพระราชวังสวนจิตรลดา

เมื่อพ่อท่านคล้ายกลับวัดลูกศิษย์ลูกหา ต่างพากันไปกราบที่บนกุฏิ เพื่อให้ท่านเล่าให้ฟัง ท่านลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่เจ้าพนักงานนำท่านเข้าไปนั่งรอภายในห้องต้อนรับ

ขณะที่รอในหลวงเสด็จออกท่านว่า

“หัวใจมันเต้นแรงเหมือนนั่งอยู่ปากถ้ำพระยาราชสีย์ยังไงยังงั้น”

เมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกก้มกราบ ทำให้อิ่มใจพอง คับอก ชื่นชมในพระบารมี ช่างงดงามเป็นสง่าน่าเกรงขามยิ่งนัก

ในหลวงทรงสนทนาไต่ถาม โดยมีพระปลัดสุพจน์คอยชี้แจงถวายระหว่างสำเนียงปักษ์ใต้กับภาษากลาง

จนในที่สุดในหลวงทรงก้มพระเศียรเข้าใกล้พ่อท่านคล้ายด้วยพระราชประสงค์ให้ท่านรดน้ำมนต์ พรมพระเศียรให้พร ด้วยทรงพระราชศรัทธาเคารพ

ถึงตรงนี้พ่อท่านคล้ายพูดว่า

“กูขนพองไปหมด พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงกฤดาภินิหาร ครองบ้านครองเมือง จะมาก้มให้พระป่าสามัญลูบพระเศียรได้ ท่านเป็นเทวดาของปวงชน”

ท่านเลยทูลว่า

“มหาบพิตรได้ทรงโปรดยื่นพระหัตถ์มาเถิด”

ในหลวงทรงเงยพระพักตร์ยิ้ม และ ทรงยื่นพระหัตถ์ทั้งสองให้พ่อท่านคล้ายจับขึ้นเสมออก อธิษฐานพระชัยมนต์คาถาถวาย แล้วรดน้ำมนต์ใส่ฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์เอง พร้อมถวายพระพรตลอดเวลา

ในหลวงทรงอิ่มเอิบปลาบปลื้มพระราชหฤทัยและทรงปวารณาทรงรับอุปัฏฐากเป็นส่วนพระองค์

ครั้นลูกศิษย์ถามท่านว่า “พ่อท่านถวายของดีอะไรหรือเปล่า”
ท่านตอบว่า

“ไม่ให้เทวดาผู้เป็นยอดคนแล้ว จะให้ใครเล่า”

และ กล่าวอีกว่า

“ในหลวงพ่อองค์นี้ ทรงบุญญาภินิหาร ทรงทศพิธราชธรรมบริบูรณ์”




พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)

วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร


ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็น พระอรหันต์กลางกรุงฯ ท่านได้เคยกล่าวกับญาติโยมบางคนที่ไปกราบท่านว่า

"การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้น ไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ"

และ

"ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์นะ"




หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

หลวงปู่ดู่รักในหลวงมาก

ในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิต ท่านจะกำชับให้ลูกศิษย์ของท่านเอาบุญจากการภาวนา รวมเข้ากับบุญของพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ถวายให้ในหลวง รวมทั้งแผ่เมตตาให้เทพเทวาผู้ปกรักษาพระองค์ท่านให้มีความสุข แล้วก็กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรของพระองค์ท่าน ให้ไปเกิดในสุคติภูมิ หลวงปู่กล่าวว่า หากไม่มีในหลวง พระพุทธศานาก็ตั้งอยู่ไม่ได้ หลายครั้ง ที่ลูกศิษย์จะรับทราบได้ว่า หลวงปู่จะเข้าที่เพื่ออธิษฐานช่วยในหลวง ในยามที่พระองค์ทรงพระประชวร

นอกจากนี้ ท่านยังกำชับให้แผ่เมตตาให้ประเทศชาติ ดังเช่นการอธิษฐานช่วยประเทศชาติของหลวงปู่เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ด้วยเช่นกัน(หลวงปู่เกษมจะมีคาถากำกับด้วยว่า รัฐะ ปาลา สมัคคา สทา โหนตุ)

สรุปก็คือ นักปฏิบัติต้องไม่ลืมประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เพราะสามสถาบันนี้เกื้อกูลให้เราได้รับความร่มเย็นเป็นสุข ได้รับความสัปปายะแก่การปฏิบัติธรรมสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน

สำหรับองค์ของหลวงปู่ดู่เองนั้น ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้กาลเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี กิจวัตรอันหนึ่งที่ท่านทำอยู่มิได้ขาด คือ การสวดมนต์ถวายพระพรแด่ในหลวงทุกวันตลอดมา ขอให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญคนไทยตลอดไป

หลวงพ่อยังได้กล่าวไว้อีกว่า เพราะพระเจ้าแผ่นดิน (ร.9) ท่านปฏิบัติ (ธรรม) ต่อไปพุทธศานาในเมืองไทยจะเจริญขึ้น เพราะท่านเป็นผู้นำเป็นแบบอย่าง

สมัยหนึ่งเมื่อหลวงปู่ดู่ ยังทรงสังขารอยู่นั้นบ่ายของวันที่แดดร่มลมตก จู่ ๆ ท่านก็เปรยกับคณะศิษย์ที่ประกอบด้วย "คนตาดี" หลายคนว่า

"พวกแกลองดูทีซิว่า มีพระรูปไหนอยู่กับในหลวงบ้าง"

เข้าใจว่าท่านคงหมายถึง กายทิพย์หรือบารมีที่พระมหาเถระแต่ละองค์อธิษฐานพิทักษ์รักษาในหลวง

ศิษย์ท่านหนึ่งก็ "เข้าที่" ตามหลวงปู่สั่ง พักหนึ่งก็ลืมตาแล้วตอบว่า "หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปางครับ"

หลวงปู่ยิ้มแล้วว่า "นั่นองค์หนึ่งละ มีใครอีก"

ศิษย์แสนซนคนหนึ่งตอบทันที "หลวงพ่อนั่นแหละครับ"

ท่านมองหน้าแล้วถาม "ทำไมแกจึงว่าอย่างนั้น"

ศิษย์อธิบายว่า "อ้าว ก็หลวงพ่อรู้ได้ว่ามีองค์นั้น องค์นี้อยู่กับในหลวง แสดงว่าหลวงพ่อก็ต้องไปมาด้วยน่ะสิไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ยังไง"

เมื่อเข้าเนื้อท่านโบกมือให้ยุติเรื่องทันที ศิษย์ก็ถึงที่ยิ้มไป...

และ

"หากไม่มีในหลวง พระพุทธศาสนาก็ตั้งอยู่ไม่ได้"




พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี

“พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้ เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ (ในหลวง) ปรารถนามานาน แต่เวลานี้บารมีเป็น “ปรมัตถบารมี” เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น “วิริยาธิกะ” ต้องบำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว “แสนกัป” อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ"




หลวงพ่ออุตตมะ อุตตมรัมโภ

วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี

ครั้งหนึ่ง มีผู้พูดถึง "ผู้ยิ่งใหญ่" ระดับประเทศบางท่านให้ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี พระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมากล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองว่า "เป็นหนึ่งในสิบแห่งอนาคตพุทธวงศ์ เบื้องหน้า" พึงสังเกตว่า ดูหลวงพ่ออุตตมะท่าน "เฉย" มากๆ ก่อนที่จะปรารภออกมาอย่างราบเรียบที่สุด เหมือนมิได้ไยดีใดๆว่า

"เขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมาก เหมือนในหลวงหรอก"





หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

หลวงตามหาบัวศิษย์เอกในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่หลวงปู่มั่น ได้สั่งกับลูกศิษย์องค์อื่นๆว่า "ต่อไปถ้าผมไม่อยู่ให่พึ่งท่านมหาบัว" โดยหลวงตามหาบัว ได้กล่าวยกยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลายวาระมาก และในหลายวาระจะเตือนบุคคลที่คิดร้าย คิดไม่ดีต่อพระองค์ท่าน

“เราอย่าเห็นสิ่งปลีกย่อยดีกว่าส่วนรวมส่วนใหญ่นะ ส่วนใหญ่นั่นล่ะเป็นของสำคัญ พ่อกับแม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อะไรที่เป็นหลักของชาติ เป็นหัวใจของชาติให้พากันรักกันสงวน อย่าพากันทำลาย ลูกเต้าจะอวดดีกว่าพ่อกว่าแม่มันไม่ดีละ

คิดดูในพุทธศาสนา พระเจ้าอชาตศัตรูทำลายพระราชบิดา ก็ไม่เห็นเจริญอะไร ท่านว่า เย เกจิ พุทธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คตา เส น เต คมิสฺสนฺ อบายภูมิ พวกสัตว์ทั้งหลายถ้านึกลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มีความเทิดทูนในสิ่งที่ดีงามที่มีคุณมีประโยชน์ทั้งหลายแล้ว ผู้นั้นเจริญ ผู้ใดไปทำลายหลักใหญ่แล้วจะเอาให้ส่วนเล็กๆนี้ขึ้นครองบ้านครองเมืองมันก็ ไม่ดี ให้พากันรักษาหลักใหญ่เอาไว้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือหัวใจของชาติไทยเรา นี่ให้พากันจำเอาไว้นะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนี้คือหัวใจของ ชาติไทยเรา ให้พากันเทิดทูน อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย เช่นอย่างจะทำลายจะไม่ให้มีพระเจ้าอยู่หัว มันคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ตายหมด มีแต่ลูกกำพร้าหยิมแหยมๆ มันใช้ไม่ได้นะ สกุลใดที่มีคนคับแคบอยู่ในบ้านนั้นเมืองนั้นแล้วสกุลนั้นไม่เจริญ สกุลใดที่มีความกว้างขวาง มีจิตใจอันกว้างขวาง พิจารณารอบคอบเพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวมผู้นั้นเป็นผู้ดี

นี่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ของพวกเราคือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ ให้พากันทะนุถนอมนะ อย่าพากันไปทำลาย จะมีแต่ลูกหยอมแหยมๆ พ่อแม่ผู้ให้ความร่มเย็นไม่มีมันไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรต้องรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ในประเทศไทยเราก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี นี้คือหัวใจของชาติให้พากันเคารพเทิดทูน อะไรที่เป็นหลักใหญ่ของชาติของส่วนรวมให้พากันรักษา พากันเทิดทูน อย่าพากันทำลายโดยอวดดี

ดังที่ท่านว่าอึ่งอ่างกับวัวนั่นละ เราก็เห็นในนิทานอีสปแต่ก่อนเรียนหนังสือ อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้นนี่ วัวมันตัวขนาดไหน ลูกอยู่ในรู แม่ไปหากิน ลืมแล้วนิทานอีสป มันเป็นอย่างไรละทีนี้ (ลูกเห็นวัว พอแม่กลับมาเล่าให้แม่ฟังว่าเจอตัวอะไรไม่รู้ใหญ่มาก แม่ก็พองตัว ลูกว่าใหญ่กว่านี้อีก) ได้ไหมๆ สุดท้ายสิ่งที่ได้คือพุงแตก นี่ระวังนะ ตัวเล็กๆ อย่าไปพองตัว มันไม่สมควรจะพอง อึ่งอ่างกับวัว วัวมันตัวใหญ่ขนาดไหน อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้น มาพอง มันตัวเท่านี้ไหมๆ เรื่อย สุดท้ายเลยตาย เข้าใจไหม นี่อึ่งอ่างกับวัวมันไม่ดีอย่างนั้นละ”




พระอาจารย์วัน อุตฺตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร)

วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) อ.ส่องดาว จ.สกลนคร

พระอาจารย์วัน อุตฺตโม เป็น พระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ทำหน้าที่ยาวนาน ได้รับความไว้วางใจจากหลวงปู่มั่นและคณะสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่พระราชทานเพลิงศพท่านไม่นาน อัฐิ ท่านได้แปรสภาพเป็นพระธาตุ ท่านได้กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า

“ก็มีแต่คนไม่ฉลาดเท่านั้นแหละ ถึงไม่รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้มีดีอะไร”




พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก) หรือครูบาพรหมจักร

วัดพระพุทธบาทตากผ้า ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน



ครูบาพรหมจักร ท่านเป็นพระที่มีจริยวัตรงดงาม เป็นที่ยอมรับทั้งในคุณธรรม และอำนาจจิต ท่านได้เหยียบหิน เป็นรอยเท้า ไว้ให้ลูกหลานได้กราบไหว้บูชา หลังงานพระราชทานเพลิงศพท่านไม่นาน อัฐิ ท่านได้แปรสภาพเป็นแก้วใสไร้มลทิล ครูบาพรหมจักร กล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า

"กระแสจิตของพระองค์ท่านมีพลัง พลังที่เกิดจากการปฏิบัติที่ดี"




หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง  อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่



หลวงปู่สิมเป็นพระปฏิบัติศิษย์ในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  ท่านได้เคยเล่าว่า

“ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนามเคยเป็นช้างนาฬาคิริง ส่วนในหลวงองค์ปัจจุบันเป็น ช้างป่าเลไลยก์นะ”

หมายเหตุ ; ช้างป่าเลไลยก์จะได้ตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้าในอนาคต ทรงพระนามว่า "พระสุมงคลพุทธเจ้า" เป็นองค์ที่ 10 ต่อจากพระศรีอาริยเมตไตร




หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา


ท่านได้ปรารภว่า

“วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ”





หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต

ที่พักสงฆ์สวนทิพย์  จ.นนทบุรี

ท่านได้ปรารภว่า

" ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ "




หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ

วัดป่าอาจารย์ตื้อ ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่


ท่านได้กล่าวกับลูกศิษย์ เมื่อมอบรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ไปว่า

“นี้รูปพระเจ้าแผ่นดิน เก็บดีๆ แด้นั้น เอาไว้ในห้องพระ กราบไหว้บูชา พระพุทธเจ้านะนั้น”




หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ (พระเทพวิทยาคม)

วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา


วันที่11ม.ค.2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเสด็จฯไปยังวัดบ้านไร่เพื่ออัญเชิญบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงบุษบกเหนืออุโบสถวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยมีเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่  "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" ได้มีการตระเตรียมกันอย่างยิ่งใหญ่ และมีประชาชนกว่า 2 แสนคนเฝ้ารับเสด็จฯ ในคราวนั้นหลวงพ่อคูณ เตรียมเงินจำนวน 72 ล้านบาท ทูลเกล้าฯถวายในหลวง โดยเสด็จพระราชกุศล

หลังจากส่งเสด็จฯแล้ว หลวงพ่อคูณกล่าวกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "หายเหนื่อยแล้ว"

โดยหลวงพ่อคูณได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไว้เมื่อปี 2538ในหนังสือ "บันทึกวันประวัติศาสตร์ เสด็จฯวัดบ้านไร่"

หลวงพ่อคูณ ไว้อย่างน่าสนใจว่า

ผู้สื่อข่าว : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสหรือไม่

หลวงพ่อคูณ : "ท่านไม่ได้พูดอะไรเลย ท่านไม่ได้ตรัสอะไรเลยทั้งสองพระองค์"

ผู้สื่อข่าว : ทั้งสองพระองค์รับสั่งถึงสารทุกข์สุกดิบของหลวงพ่อคูณอย่างไรบ้าง

A : "ท่านถามถึงน้ำที่ไหลเข้าบึง ก็บึงที่เห็นอยู่ตรงนี้ ถามกับพวกหน่วยชลประทานว่าทำอย่างไร น้ำจะมา น้ำจะไหล"

ผู้สื่อข่าว: คำแรกที่หลวงพ่อคูณได้พูดออกไปกับในหลวงใช้คำว่าอะไร

หลวงพ่อคูณ :  "ก็ไม่ได้พูดอะไร เจอกันก็เห็นกันไกลๆ"

ผู้สื่อข่าว : ตอนที่ในหลวงทรงถ่ายภาพหลวงพ่อคูณ รับสั่งอย่างไรบ้าง

หลวงพ่อคูณ : "ไม่ได้ตรัสอะไร ให้ยืนเฉยๆแล้วท่านก็ถ่าย ดูเหมือนสองครั้ง"

ผู้สื่อข่าว : ครั้งแรกที่หลวงพ่อคูณพบกับในหลวงและราชินี รู้สึกตื่นเต้นหรือไม่

หลวงพ่อคูณ : "ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรอก รู้สึกว่าดีใจหลาย"

ผู้สื่อข่าว: วันนี้หลวงพ่อเหนื่อยมากมั้ย หลวงพ่อคูณกล่าวว่า

หลวงพ่อคูณ : "กูไม่เหนื่อยอะไร ก็พออยู่ได้ กูยังได้จับพระหัตถ์ของพระเจ้าแผ่นดินอีกหละ ท่านก็ไม่เห็นว่า"

ผู้สื่อข่าว : จับตอนไหน

หลวงพ่อคูณ : "จับตอนที่ขึ้นรถขากลับ"

ผู้สื่อข่าว : ในหลวงได้รับสั่งอะไรพิเศษหรือไม่

หลวงพ่อคูณ : "ไม่มี ท่านก็ห่วงแต่เรื่องน้ำมากที่สุดเลย"

ผู้สื่อข่าว : พระองค์ห่วงเพราะกลัวน้ำเสียใช่หรือไม่

หลวงพ่อคูณ : หลวงพ่อคูณตอบ ไม่ใช่กลัวประชาชนจะอดน้ำ อยากให้ไปทำทางน้ำ ขุดลอกให้มีน้ำเข้าบึงเข้าบ่อนั่นแหละ

ผู้สื่อข่าว : เงินที่หลวงพ่อคูณถวาย 72 ล้านบาท ในหลวงมีรับสั่งอย่างไรบ้าง

หลวงพ่อคูณ : "ก็ไม่ได้ตรัสอะไร กูก็ไม่ได้ว่าอะไร ทูลเกล้าฯด้วยใจศรัทธาจริงๆ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น"

ผู้สื่อข่าว : หลวงพ่อคูณใช้คำแทนตัวเองว่าอะไร

หลวงพ่อคูณ : "ก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นหรอก"

 

จนเวลาผ่านไปศิษย์ใกล้ชิด ก็แอบไปถามท่านว่า “ตอนที่เดินบนโบสถ์ ผมถามจริงเถอะหลวงพ่อ คุยอะไรเล่าให้ผมฟังหน่อย”

แล้วคำแรกที่หลวงพ่อกล่าวคือ

“มึงรู้ไหม มือพระองค์ เป็นมือ คนทำงาน อย่างก๊ะ ชาวไร่ ชาวนา แข็งกะด้าง มากๆ”

แล้วศิษย์ใกล้ชิด ก็ถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อใช้คำ เรียกว่าอะไร หลวงพ่อท่านเงียบ แล้วก็ตอบว่า พระองค์ พูดประโยคแรกว่า

“หลวงพ่อครับ พูดตามปกติ นะครับ ผมเป็นคนไทย”




ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา

จาก http://www.oknation.net/blog/bon2009/2016/06/15/entry-1

ลิ้ง สำรอง http://www.tairomdham.net/index.php?topic=11873

http://www.sookjai.com/index.php?topic=179124.0
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...