ผู้เขียน หัวข้อ: ย้อนรอยปาฏิหาริย์! พระเถระจารย์ ผู้มีวิชา "แปลงพลังจิตเป็นพลังกาย"  (อ่าน 1893 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด



ย้อนรอยปาฏิหาริย์! พระเถระจารย์ ผู้มีวิชา"แปลงพลังจิตเป็นพลังกาย" จนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดด้านพลังของมนุษย์!!


          ครูบาอาจารย์ สมัยก่อน สามารถแปรพลังจิต มาเป็นพลังกาย สามารถแสดงสิ่งที่เหนือมนุษย์ เช่นกระโดดขึ้นฟันมะพร้าว แบกก้อนหินขนาดสิบคนโอบ ตกจากที่สูงแล้วไม่เป็นไร หักดาลประตูด้วยการผลักเพียงครั้งเดียว
 

         หลวงปู่หิน วัดระฆัง



เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่งของวัดระฆังโฆสิตารามหลวงปู่ หินท่านมีความมุ่งมั่นในทางการเรียนวิชาไสยศาสตร์มาก เดินธุดงค์รุกขมูลตามป่าดงดิบประเทศพม่า พระตะบอง นครวัดได้ร่ำเรียน วิชาการต่างๆมากมาย ฝึกฝนกับพระคณาจารย์ต่างๆ

         โดยท่านได้เล่าให้คนใกล้ชิดฟัง ว่าสมัยท่านธุดงค์จากเขมรมาประเทศไทย ท่านได้แวะไปพักที่วัดแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในป่า ที่วัดนั้นมีพระอยู่องค์เดียว เป็นพระที่มีอายุมากแล้ว เมื่อท่านไปพักที่วัดนั้น ความตั้งใจเดิม คิดว่าจะพักเพียงสองสามวัน แต่ด้วยสัญชาตญาณ คนเรียนวิทยาคมมา จึงคิดได้ว่า หลวงพ่อองค์นี้คงไม่ธรรมดา มาอยู่ป่าลึกเพียงองค์เดียว ท่านจึงยังไม่ไปยังคงพักอยู่ แล้วคอยสังเกตพระองค์นั้น ก็ไม่เห็นท่านทำอะไร ก็เริ่มคิดว่าท่านคงไมมีอะไรดีกระมัง พอแค่ท่านคิด หลวงพ่อองค์นั้น ถือมีดดาบลงจากกุฏิมา เดินไปใต้ต้นมะพร้าวสูงขนาดสิบเมตร แล้วท่านก็โดดขึ้นไปฟันมะพร้าว หล่นลงมาทลายหนึ่ง หลวงปู่หิน เห็นกับตาถึงกับตะลึง ดีใจมากว่าได้พบพระวิทยาคมสูงส่งแล้ว เมื่อท่านเดินกลับกุฏิ จึงรีบเดินตามท่านไป ได้ไปกราบท่านขอเรียนวิชา หลวงพ่อองค์นั้นพูดว่า จะเรียนวิชาท่านไม่หวงหรอก แต่ขั้นตอนมันลำบาก หลวงปู่หินจึงรีบถามว่า มีขั้นตอนอย่างไรครับ หลวงพ่อนั้นจึงบอกว่า ต้องไปปฏิบัติในป่าช้าเจ็ดปี จึงจะเริ่มเรียนได้ หลวงปู่หินคืนนั้นคิดทั้งคืน เลยตัดสินใจไม่เอาดีกว่า พอเช้าเลยแบกกรดออกจากวัดนั้นมา

        หลวงปู่ทองเฒ่า



   หรือ พ่อท่านทอง ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "พ่อท่านเขาอ้อ" เป็นเจ้าอาวาสเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เชื่อกันว่าเป็นอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมทางไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของคนทั่วไป ตรงศีรษะของท่านมีเส้นผมสีขาวกระจุกหนึ่ง เล่ากันว่าไม่สามารถโกนหรือตัดให้ขาดได้

            ก็เป็นอีกผู้หนึ่ง ที่แปรพลังจิตมาเป็นกำลังกาย ตอนกลางคืนท่านจะยกก้อนหินที่หลายคนโอบ จากในป่ามาวางที่วัดเขาอ้อ ตอนหลัง ลุงหิ้นที่สอนอ.ชุมชักยันต์นอโม ได้ไปช่วยท่านแบกก้อนหิน มาไว้ที่วัดเช่นกัน ยังนับเป็นปริศนาอยู่ ว่าท่านแบกหินก้อนใหญ่มาไว้ที่วัดทำไม สมัยอ.กฤษณะยังบวชอยู่ ได้ไปที่วัดเขาอ้อ บังเอิญท่านอ.ขุนพันธ์ฯ ได้ไปไหว้พระที่วัดพอดี หลังจากท่านกราบหลวงพ่อกลั่น คุยกันสักพัก ท่านก็ลา แล้วปีนขึ้นไปนั่งสมาธิบนก้อนหิน ที่หลวงปู่ทองเฒ่านำมาวาง อ.กฤษณะเลยถามหลวงพ่อกลั่นว่า ท่านขุนพันธ์มานั่งสมาธิบนก้อนหินประจำหรือครับ หลวงพ่อกลั่นตอบว่า ถ้าท่านขุนมาวัดจะขึ้นไปนั่งก้อนหินนั้นประจำ


หลวงปู่ฝั้น



เป็นเกจิ ที่สายพระอาจารย์มั่นทั้งหมดยอมรับว่า มีพลังจิตเรื่องฤทธิ์กล้าแข็งมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านนำลูกศิษย์ปีนขึ้นเขา ซึ่งเป็นเขาสูงที่ชันมาก หลวงปู่ฝั้น ท่านก้าวพลาดเสียหลักตกเขา ร่างท่านลอยละลิ่วลงมา คณะลูกศิษย์ตกใจมาก มองตามร่างท่านล่วงลงไป แต่เป็นเรื่องอัศจรรย์ ร่างท่านแทนที่จะดิ่งตกลงไป กลับค่อยๆลอยละลิ่วลงไป เหมือนร่างท่านไม่มีน้ำหนัก เมื่อลูกศิษย์รีบลงเขาไปดูท่าน ปรากฏว่าแม้บาดแผลเท่าแมวข่วนยังไม่มี มีศิษย์คนหนึ่ง โพล่งถามว่า หลวงปู่ ทำได้อย่างไร หลวงปู่ฝั้น ท่านตอบว่า ตอนที่ฉันพลัดตกลงมา ฉันจึงกำหนด ให้กายฉันเบาเหมือนนุ่น ตอนที่หล่นลงมาระหว่างทาง หัวไปฟาดกับก้อนหินก็หลายที แต่ความรู้สึกเหมือนกระทบกันเฉยๆ แต่ไม่มีแรงปะทะ

หลวงปู่เอี่ยม



หักดาลประตูวิหาร เกิดจากน้องสาวท่านคนเล็กชื่ออิ่ม พาหลานรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสองคน ไปเล่นซนในวิหาร เล่นกันจนไม่รู้จะเล่นอะไร จึงชวนกันเล่นลิเก อิ่มว่ามีแค่สามคนน่าจะไม่พอ เลยเอาพระพุทธปางห้ามสมุทรมาเล่นด้วย โดยเอาผ้าไปคล้องแขนพระพุทธ สมมุติว่าพระพุทธเป็นพระราชา เมื่อเริ่มเล่นแป๊บเดียว หลวงปู่เอี่ยม อยู่ที่กุฏิไม่รู้ท่านรู้ได้อย่างไร เดินมาโวยวายแต่ไกล ว่า เฮ้ยเล่นอะไรกัน พวกอิ่มได้ยินเสียงหลวงปู่เอี่ยม เสียงแข็งก็เกิดความกลัว รีบลั่นดาลประตู กะว่าหลวงปู่เอี่ยมกลับ ก็จะแอบหนีกลับบ้านกัน หลวงปู่เอี่ยมท่านมายืนหน้าประตูวิหาร ท่านเรียกให้เปิดประตู เรียกครั้งที่หนึ่งก็เงียบ ครั้งที่สองก็เงียบ พอครั้งที่สามก็เงียบ คราวนี้ท่านผลักประตู เสียงดาลประตูดัง กร๊อบ! ดาลประตูถึงกับหัก คิดเอาดาลประตูโบราณนี่แข็งมาก ท่านผลักทีเดียวหักเลย แสดงถึงพลังจิตหลวงปู่เอี่ยม อันเข้มแข็งหาผู้เทียมยาก เมื่อท่านเข้าไปแล้ว จึงเขกหัวเด็กทั้งสามคน และสอนให้เข้าใจ ว่าการล่วงเกินพระพุทธรูปเป็นบาปอันหนักมาก

จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/205307/
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...