แสงธรรมนำใจ > หยาดฝนแห่งธรรม

องค์สามของความดี

(1/5) > >>

時々होशདང一རພຊຍ๛:

พระธรรมเทศนาโดยพระพรหมมังคลาจารย์หลวงพ่อปัญญานันท
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2515
หมายเหตุ.........ธรรมบรรยายชุดนี้ได้ถอด เทปออกมาซึ่งธรรมบรรยชุดนี้มีขายที่ร้าน ธรรมเจริญ ท่าพระจันทร์ ตัวข้าพเจ้า(กัลยาณมิตร)ได้ถอดเทปออกมา แต่สมัยนี้อาจเป็นแผ่นซีดีแล้ว สมัยโน้นยังไม่มีระบบดิจิตอล ไม่ได้โฆษณาให้ร้านธรรมเจริญหนอกแต่บอกกล่าวในฐานะ ผู้ที่สนใจในพระธรรมเท่านั้น

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย............................
ณ บัดนี้ถึงเวลาของการฟังธรรมะปาฐกถา อันเป็นหลักคำาสอนในทางพระพุทะ ศาสนาแล้ว
ขอให้ทุกท่านอยู่ในอาการสงบ ตั้งอกตั้งใจฟังด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน์อัน เกิดขึ้นจากการ
ฟัง ตามสมควรแก่เวลาคนไทยเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา พุทธสาสนาเป็นศาสนาประจำาชาติไทย
เราได้รับเอาพุทธศาสนามาเป็นสมบัติประจำาใจเป็นเวลานานกว่าพันปีแล้ว บ้านเมืองของเรา ได้รับความ
ร่มเย็น ก็เพราะบารมีของพระพุทธศาสนา เราจึงเทิดทูนพุทธศาสนาไว้ เสมอด้วยชีวิตของเรา
มีหลายครั้งที่บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพคับขัน แต่โดยที่ชาวไทยและ ประมุขของชาติไทยยึด
มั่นในธรรมะของพระพุทธองค์ ชาวเราจึงหลุดพ้นจากความเดือด ร้อนมาได้ ความเดือดร้อน
และความสงบเป็นผลของการกระทำาของประชาชนภายใน ประเทศ สมัยใดประชาชนมั่นคง
ในศีลธรรม ก็มีแต่ความสุขความสงบ แต่ถ้าสมัยใดประ ชาชนขาดศีลธรรม สมัยนั้นก็มีแต่
ความทุกข์ความเดือดร้อน........................

時々होशདང一རພຊຍ๛:


หลักพุทธศาสนาของเราได้ สอนให้เราเข้าใจว่าความสุข ความทุกข์ของเรา
เป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของเราไม่มีใครหรือสิ่งใดมาดลบันดาลให้เราเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ได้
ถ้าเราไม่ทำมัน ด้วยตัวเราเอง ครูบาอาจารย์เป็นแต่เพียงผู้บอกทางให้เท่านั้น การลงมือเดินเป็นกิจ
ที่ เราเองจักต้องทำเมื่อเป็นเช่นนี้ การกระทำาความดี จึงเป็นกิจจำาเป็นของเราทุกคน
แต่การที่จักทำความดีนั้น ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจเสียก่อนว่า ความดีคืออะไร? หลักที่ ควรจำา
ง่าย ๆ ในเรื่องความดีก็คือ สิ่งที่ทำาเป็นประโยชน์แก่ตน สิ่งที่ทำาเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ท่าน
ผู้รับรองว่าเป็นคนดี หลัก 3 ประการนี้ เป็นส่วนประกอบให้เป็นความดี ฉะนั้นในเวลาจะกระทำาอะไร
เพื่อให้เป็นความดี ก็ควรพยายามทำาให้ประกอบด้วย
ใดอันหนึ่งเสียมิได้ เหมือนก้อนเส้า 3 ก้อน ขาดก้อนหนึ่งหม้อแตกหลักนี้ก็เป็นเช่นนั้น.....
คนเราส่วนมากมักเป็นคนเห็นแก่ประโยชน์ตนไม่ค่อยได้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่น ถ้าจะ
ทำาสิ่งใด ก็มุ่งแต่จะเอาประโยชน์ตนเป็นประมาณ ไม่ได้คิดว่าคนอื่นจักเสียผล คนเช่นนี้เป็น
คนจำพวกที่ถือตนเป็นใหญ่ คิดเห็นเข้าข้างตนถ่ายเดียว เป็นคนเอาเปรียบสัง คม เพราะมุ่งหา
และเก็บไว้เพื่อตนเองถ่ายเดียว ทำาให้วัตถุอันเป็นของกลาง สำาหรับ คนทั่วไปจักได้ใช้ และ
ของเหล่านั้นมีเพียงพอสำหรับทุกคนจะหากินหาใช้แต่เกิดการไม่พอขึ้นก็เพราะคนบางคน
โลภมาก แสวงหาและเอามาเพื่อตนถ่ายเดียว การกระทำใน รูปเช่นนี้ เป็นการเบียดเบียน
ประโยชน์ของผู้อื่น เป็นการกระทำาที่ไม่เป็นธรรม จึงไม่ เป็นความดี เมื่อเราจะแสวงหา
ประโยชน์แก่ตน ก็อย่าให้เป็นการทำาลายประโยชน์ของผู้อื่นให้เป็นคนคิดเห็นอกเขาอกเรา
เพราะการเป็นอยู่ในโลกเป็นการเป็นอยู่แบบรวมกัน ผลประโยชน์ทุกอย่างต้องอิงอาศัยกัน

時々होशདང一རພຊຍ๛:


ความสุขจึงเกิดขึ้นได้ประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านจึงต้องมีส่วนสัมพันธ์กันอยู่เสมอ
แต่ถ้าว่าในบางกรณีแม้การกระทำนั้นได้ประ โยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็ยังไม่แน่นักว่ จักเป็น
ความดีเสมอไป เช่นว่า นาย ก ทำการต้มเหล้าขาย เขาคิดว่าการต้มเหล้าขายของเขาเป็นการ
ได้ประโยชน์ตน ประ โยชน์ผู้อื่นก็ไม่เสีย เพราะมีคนจำานวนมากมาซื้อเหล้าจากเขาบ้างมา
พลอยร่วมวงเปล่า ๆ บ้าง คงจะเป็นการดีแล้ว แต่ยังไม่ดีเพราะผู้รู้ทั้งหลายติเตียน การกระทำ
เช่นนั้นว่าเป็นการผิดธรรม เป็นการผิดต่อกฏหมายของบ้านเมือง ผู้รู้ดีเขาติกันทั้งนั้นฉะนั้น
การกระทำเช่นนั้น จึงเป็นการเสียใช้ไม่ได้ ต้องมีองค์ที่ สาม คือ ผู้รู้รับรองว่า ดีด้วย คำว่าผู้รู้
นั้นหมายถึงผู้รู้เหตุผลอย่างแท้จริง ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราก็ ยอมรับว่า ผู้รู้อย่าง
แท้จริงก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์ไม่มีชีวิตอยู่ก็จริง แต่คำสอนยังคงมีปรากฏ
ตัวแทนพระองค์อยู่ ฉะนั้นเรจักทำาอะไรลงไปก็ต้องเอาหลักธรรมเป็นแว่นแก้วส่องดูเสีย
ก่อนว่า การกระทำาเช่นนั้นจักเป็นการขัดต่อคำาสอน ของพระองค์หรือไม่ถ้าเห็นว่าขัดกันก็ไม่ควรทำ
ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นนำผลมาให้มาก หลาย เพราะผลที่เกิดจาก
การกระทำชั่ว ๆ นำความทุกข์มาให้แก่ผู้กระทำา พระพุทธองค์ จึงตรัสเตือนว่า ใค่รครวญ
ก่อนจึงทำดีกว่า เพราะสิ่งที่ทำาลงไปแล้วจักทำาคืนอีกไม่ได้ การกระทำที่จักนำความเดือด
ร้อนมาให้ เป็นการกระทำที่ไม่ดีเป็นพระโอวาทผู้รักตนควรกระทำโดยแท้......................

時々होशདང一རພຊຍ๛:


มีคำถามแทรกเข้ามาว่าชาวโลกมีความต้องการอะไร ?คำาตอบพึงมีว่า
ทุกคนต้องการมีความสุข ความเจริญ ไม่มีใครต้องการความทุกข์ ความเสื่อม แต่ทำาไมทั้ง ๆ ที่ ทุกคนต้องการ
ความสุข ความเจริญ เขายังไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการสมหมายกลับได้รับ ความทุกข์ ความเสื่อม
เสมอ คำตอบในเรื่องนี้ก็มีอยู่ว่า เพราะเขาขาดคุณธรรมบางประ การ อันเป็นสิ่งสนับสนุน
ให้เขามีความสุขสมหมายในปัญจกนิบาต อังคุตตรนิบาต มีคำา กล่าวไว้ว่า คนอยู่เป็นทุกข์เพราะเหตุ 5 ประการ..........................

คือ 1 ไม่มีความเชื่อ 2 ไม่มีความละอาย 3 ไม่มีความเกรงกลัว 4 มีความเกียจคร้าน 5 มีความรู้
ชั่ว ในทางธรรมสอนให้เรามีความเชื่อในทางที่ชอบที่ถูก เป็นความเชื่อที่อาจนำผู้ปฏิบัติตาม
ไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ แต่มีคนจำานวนไม่ใช่น้อยขาดความเชื่อในรูปนั้น เมื่อไม่มี ความเชื่อ
เขาก็ขาดความรู้สึกผิดชอบ อันเป็นปัจจัยสำาคัญของการทำความดี เพราะความรู้สึกผิดชอบ
เป็นความคิดที่เกิดขึ้นคอยสะกัดมิให้กระทำาความชั่ว และบอกให้รู้ได้ทันที่ว่าสิ่งที่ตนกระทำาอยู่นี้
เป็นสิ่งไม่ดีเป็นการฝึกต่อมในธรรมโดยแท้ขณะใดขาดความรู้สึกแบบนี้แล้วก็อาจก่อให้เกิดการกระทำที่ผิดและเสียหายได้ง่าย เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนควรเพาะนิสัยผิดชอบให้เกิดแก่ตนการกระทำาโดยวิธีนี้ ก็ เป็นการปฏิบัติธรรมแบบหนึ่งเหมือนกัน มีคนบางคนเข้าใจว่า การกระทำาความดี หรือ ปฏิบัติกิจศาสนานั้น เป็นเรื่องของคนแก่ ส่วนคนหนุ่มสาวนั้นยังไม่จำเป็นก่อน ความเข้า ใจในรูปนี้ เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด ธรรมะเป็นสิ่งจำาเป็นสำาหรับคนทุกเพศ ทุกวัย เหมือนกับอาหารสำาหรับหล่อเลี้ยงร่างกาย เป็นสิ่งจำาเป็นแก่ทุกคน ถ้าร่างกายของใคร ขาดอาหาร ก็คงถึงแก่ความตาย ธรรมะเป็นอกหารหล่อเลี้ยงใจ......ใจของใครขาด............................

時々होशདང一རພຊຍ๛:


ธรรมะเขาก็คงเป็นอยู่แบบคนที่ตายแล้ว การตายในขณะเป็นอยู่ เป็นการตายที่ร้ายแรงกว่า
การตายของคนตายจริง ๆ เพราะคนตายจริง ๆ ไม่ให้โทษแก่ใคร แต่คนตายยังเป็นอยู่ เพราะ
ขาดคุณความดีนั้น เป็นภัยต่อสังคมมาก จึงเป็นตายที่น่ากลัวโดยแท้ ชีวิตที่ต้อง การอยู่อย่าง
คนเป็นจึงต้องมีธรรมะประจำใจธรรมะเป็นเกราะป้องกันมิให้เราตกไปสู่ ความชั่วทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอีกประการหนึ่งการกระทำความชั่วย่อมเกิดแก่คนทุก เพศทุกวัย ถ้าหากเขาไม่มีเครื่องห้ามเครื่องกันแล้ว
ความลำบากก็เกิดแก่เขาได้ง่าย โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวจิตใจกำลังคึกคะนองร้อนแรงถ้าเอน
ไปในทางดีก็ดีนัก ถ้าเอนไปในทางชั่วก็ชั่วนัก แต่ส่วนมากมักเอนไปในทางที่ชั่ว เพราะ
ธรรมชาติของใจคน มี ปกติเดินไปในทางตำ่าอยู่เสมอ ยิ่งขาดการห้ามด้วยแล้วก็ไปกันใหญ่
ประดุจม้าคะนองที่ ขาดสารถีบังคับ ม้าที่กำลังคะนองและพยศต้องการมีบังเหียนและควาน
ม้าผู้จับบังเหียนไว้ฉันใด คนหนุ่มสาวที่กำลังคะนองก็ควรที่จักมีสิ่งสำหรับบังคับไว้ฉันนั้น ไฟลุก
ก็สิ่งนั้นไม่มีอะไร ดีไปกว่าธรรมะในทางศาสนา จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่หนุ่มสาวใน
สมัยนี้จักนำาตน เข้าหาพระกันเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นมารร้ายจักจูงท่านไปสู่ทางร้ายซึ่งมีตัว
อย่างปรากฏอยู่อย่างชุกชุมในสมัยนี้ อันเป็นผลจากการขาดความสนใจในธรรมะ เป็น คน
นับถือศาสนากันแต่เพียงชื่อเท่านั้น คนหนุ่มสาวยังมีหวังที่จะอยู่ไปในโลกอีกนานปีมากกว่า
คนแก่ และจักมีโอกาสได้ กระทำความดีแก่โลกมากขึ้นไปอีก ความจำาเป็นในการแสวงหา
หลักทางใจจึงมากกว่า คนแก่เป็นธรรมดา คนไม่มีหลักศาสนาในใจเป็นคนปราศจากเครื่อง
ยึดเหนี่ยวเขาอาจทำ ผิดทำเสียเมื่อไรก็ได้ ในเรือนจำนักโทษ ส่วนมากเป็นคนหนุ่ม คนแก่มี
แต่น้อย นี้ก็เนื่อง จากคนแก่ท่านมีธรรมะรั้งใจ ส่วนคนหนุ่มขาดคุณธรรมรั้งใจจึงก่อกรรม
ทำาเข็ญได้มาก ถ้าหากท่านไม่อยากเป็นทุกข์ จงหันเข้าหาธรรมะกันเถอะ เพราะถ้าไม่เข้าหา
ธรรมะ อธรรมก็จะเข้าจับใจของท่าน

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

ตอบ

Go to full version