แสงธรรมนำใจ > หยาดฝนแห่งธรรม

องค์สามของความดี

<< < (3/5) > >>

時々होशདང一རພຊຍ๛:


ความเห็นที่กล่าวในสมัยผู้นำามีอำานาจก็ยังคงถูกอยู่แต่มิใช่ถูกโดยธรรม ถูกตามความเห็น
ของเขาเท่านั้น ความถูกแบบนี้เป็นความถูกที่กลับกลายได้ เป็นความถูกที่ไม่ถูกแท้จริง
ความเห็นที่มิใช่เป็นความจริงแท้ขั้นเด็ดขาด ซึ่งเรียกว่า อันติมติ แล้วยังมี การกลับกลายได้
เสมอสมัยหนึ่งเขาว่าโลกแบน ดวงตะวันเป็นเทวดาชักรถเทียมม้า ส่องแสงสว่างแก่โลก พวกเดิน
เรือไม่กล้าไปไกล ๆ เพราะกลัวจะตกออกไปนอกโลก แต่ต่อมาเขาเห็นกันใหม่ว่าโลกกลม
โลกเดินรอบตัวเอง และเดินรอบดวงอาทิตย์ อาทิตย์เป็นไฟดวงใหญ่เวลานี้ชาวโลกมีความ
เข้าใจกันเช่นนั้น แต่ความเห็นแบบนี้ก็มิได้ เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์อย่างแท้จริงเป็นความ
เห็นด้านโลกเท่านั้นหาเป็นความเห็นที่ ควรจะเอามาเถียงกันไม่ในฐานะที่เราท่านทั้งหลายเป็นชาวพุทธ
ลองมาศึกษาความเห็นตามหลัก พุทธธรรมเป็นความเห็นที่เที่ยงแท้เป็นความเห็นที่พิสูจน์ได้ด้วยใจของตนได้ เป็น ความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถึงแม้สิ่งทั้งหลายในโลกเปลี่ยนไป ความจริงหาได้ เปลี่ยนไปไม่ ก่อนที่เราจะเข้าถึงความเห็นที่ถูกต้อง - จริง - แท้ของพระพุทธองค์เราลองมาพิจารณาถึงความเห็นของ
คนในยุคของพระพุทธองค์กันสักเล็กน้อย คนในยุคก่อน แต่พระพุทธเจ้าบังเกิดเล็กน้อย
หรือนานไปมาก จนกระทั่งถึงเวลาพระพุทธเจ้าแล้ว เขามีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นอย่าง
มากทีเดียว ในเรื่องเกี่ยวกับการเกิด การตาย การได้รับความทุกข์สุข ตลอดถึงเรื่องโลกที่เขา
อาศัยอยู่นี้ด้วย.....................................................

時々होशདང一རພຊຍ๛:


เขามีความเชื่อแปลก ๆ ตามความคิดเห็นของเขา และปฏิบัติตามความคิดเห็น
ของเขาประการต้นในเรื่องเกี่ยวกับโลกและชีวิตเขาถือว่าโลกนี้มีผู้สร้างผู้รักษา ผู้สร้างเป็นใหญ่กว่า
อะไรทั้งหมด ตัวผู้สร้างเองเป็นผู้เกิดมาเอง เกิดจากความสิ่งว่างเปล่าเป็นตัวขึ้นแล้วสร้าง
อะไรต่ออะไร ให้ยุ่งไปหมด บางพวกถือผู้สร้างองค์เดียว บางพวกถือหลายองค์ ความเห็นก็
แตกแยกออกไป เลยเป็นเหตุให้ทะเลาะกันยุ่งไปหมด
เพราะความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องความสุข - ทุกข์ บางพวกว่าสุขทุกข์เกิดจากภายนอกเช่น
เทวดาดลให้เป็นไป ถ้าเทวดาโกรธก็ทำาให้เป็นทุกข์ ถ้าเทวดาพอใจก็ช่วยให้เป็นสุข ความ
พอใจหรือไม่พอใจของเทวดาอยู่ที่การประจบกราบไหว้ เพียงพอหรือไม่เพียงพอฉะนั้น เขา
จึงทำการบูชาเทวดาเป็นการใหญ่ ฆ่าสัตว์ ฆ่าคน บูชาเทวดา เป็นการกระทำาที่อยากได้ความ
สุขแต่ให้ผู้อื่นสัตว์อื่นเป็นทุกข์ เป็นการกระทำาที่ดีหรือไม่
ลองคิดดูก็พอมองเห็นในเรื่องความตายบางพวกถือว่าตายแล้วเกิด คนเป็นอะไรก็เกิดเป็นอย่างนั้น
บางพวกถือว่าคนตายแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปได้สุดแล้วแต่กรรม บางพวกว่าตายแล้วหมด
เรื่องกันแต่บางพวกว่าหมดแต่เพียงบางสิ่ง บางสิ่งยังคงเหลืออยู่
บางพวกว่าร่างกายกับวิญญาณอันเดียวกัน บางพวกว่าคนละอันการปฏิบัติจึงแตกต่างกันตาม
ความเห็น ของตน ๆ ทำาให้สถานการณ์ทางศีลธรรม และปรัชญาอยู่ในสภาพที่ยุ่งยากพอใช้ที
เดียวแม้ในสมัยนี้ซากความเห็นต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่ เราจึงเห็นการปฏิบัติของโยคีเป็นไปในรูป
แปลก ๆ เช่นบางพวกไม่นุ่งผ้าเลย บางพวกนอนกลางดินเหมือนสัตว์ เดรัจฉานบางพวกก็
กินอาหารอย่างสกปรกดูแล้วเป็นสภาพที่น่าทุเรศและน่าสงสารเขาก็โดยเข้าใจว่าจักเป็น
ทางพ้นทุกข์ได้สมหมาย นี่เป็นความเห็นที่พระบรมครูได้แสดงออกมาแก่พวกเราทั้งหลาย
อันเป็นเรื่องที่ควรจะศึกษาให้เข้าใจ..............................

時々होशདང一རພຊຍ๛:


ความเห็นถูกหรือความเข้าใจถูกทางในพุทธธรรมจึงเป็นเรื่องที่พอมองเห็นได้ด้วยการตรึก
ตรองตาม เป็นความเห็นถูกหรือ ความเข้าใจถูกทางในทางพุทธธรรม เป็นความเข้าใจที่ควร
ศึกษาเพื่อทำตนให้พ้นจากทุกข์ แต่ก่อนที่จะศึกษาความเห็นถูกอันเป็นชั้นยอดนี้ เราลองไต่
ตามความเห็นชั้นง่าย ๆ เสียก่อน เป็นความเห็นที่ควรทำาความเข้าใจในเบื้องต้น เป็นการ
เตรียมตัวเพื่อความเห็นชอบชั้นสูงต่อไป จักได้นาความเห็นมาพิจารณาเป็นข้อ ๆ
เห็นหลักกรรม กัลยาณการี กลฺยาณัง ปาปการี จ ปาปกัง - ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คำพูดเพียง
8 คำานี้ เป็นคำาพูดที่อมความจริงไว้มาก เป็นคำาที่เราควรศึกษาสนใจ เป็นคำที่ถ้าเข้าใจและทำา
ตามแล้วก็นำาความสุขความเจริญมาให้ และถ้าไม่เข้าใจ ไม่ทำตามก็นำความทุกข์มาให้ได้
เช่นเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ชาวพุทธควรทำาความเข้าใจกัน ก่อนเป็นเบื้องต้น ทำดีได้ดี ทำชั่ว
ได้ชั่ว เป็นคำาสอนที่มีทั้งเหตุผลอยู่ในตัวอย่างชัดเจน ทำดีเป็นเหตุ ได้ดีเป็นผล ทำชั่วเป็น
เหตุ ได้ชั่วเป็นผล การกระทำาก่อให้เกิดผลแก่ผู้ กระทำหลักนี้เป็นหลักใหญ่เรียกว่าหลักกรรมคำว่า
กรรม แปลว่าการกระทำเป็นไป ได้ทั้งเหตุและผล เมื่อมีการกระทำา ผลของการก
ระทำก็เกิดแก่ผู้กระทำและส่ง ผลกว้างออกไปถึงคนอื่นด้วยเหมือนการที่เอาก้อนหินปาลงไปใน้ำ
ด้วยแรงดันของ ก้อนกินทำให้น้ำกระเพื่อม ทำให้
ปลาในนำ้าเกิดความรำคาญ ทำให้ตลิ่งพังเกิดการเสียหาย ผลเกิดทยอยกันไปตามลำดับใน
ภาษาสมัยใหม่พูดว่า กิริยาและปฏิกิริยา กิริยาคือ การกระทำา ปฏิกิริยาหมายถึง การกระทำา
ตอบอันเป็นตัวผล เช่น เราเอาฝ่ามือทั้ง 2 ข้างตบกันเป็นกิริยา เกิดเสียงดัง เจ็บฝ่ามือหนวกหหูคน
ที่อยู่ใกล้เคียง เป็นปฏิกิริยาที่ เกิดขึ้นตามลำดับ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นอยู่ใน
อำานาจแห่งกรรมทั้งนั้น อาการ หมุนของโลกการเดินของดวงดาว การเดินของดวงอาทิตย์ ก็
เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยน แปลงในทางดินฟ้าอากาศ การเปลี่ยนแปลงในทางดินฟ้าอากาศ
ก่อให้เกิดมี การออกดอกออกผลของต้นไม้ คนได้เก็บมารับประทานหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำาให้
เกิด ความสุขสบายในเมื่อรับเอาแต่พอดีพอควร เกิดเป็นโทษเพราะรับเอาเกินพอดีไป ความ
เป็นไปของสากลจักรวาลทั้งหมดอยู่ในอำานาจของกรรม พ้นจากกฏนี้ไปไม่ได้เป็นอันขาด

時々होशདང一རພຊຍ๛:


ไม่มีสิ่งใดที่จักเกิดขึ้นและเป็นอยู่โดยมิได้อาศัยกรรมต้องมีกฏนี้เข้าไปแทรกแซงอยู่เสมอ
และที่ทุกอย่างดำเนินไปได้เป็นปกติ ก็เพราะยังมีกรรมของมันอยู่ ถ้าหากหมดกรรมลงเมื่อ
ใดแล้วก็แตกสลาย แต่การสลายตัวของสิ่งหนึ่ง ทำให้เกิดสิ่งอื่นต่อไป อีก เช่นต้นไม้ต้นหนึ่ง
ตายก็กลายเป็นไม้ท่อน คนเราเอาไม้ท่อนไปทำรถ ทำเรือน ทำอะไรหลายอย่างถ้าวัตถุที่ถูก
ทำนั้นตายคือผุพังต่อไปอีกก็กลายเป็นปุ๋ยก่อให้เกิดเป็นอาหาร แก่หญ้าแก่ต้นไม้ต่อไป วัตถุทั้ง
ปวงในโลกจึงมิได้หายไปจากโลก มันหมุนเวียนเป็นสัง สารวัฏฏ์วนไปมาอยู่เสมอเป็นเรื่อง
ไม่จบ แต่เป็นวงกลมที่ไม่มีการตั้งต้นและไม่มีที่สุด เป็นแต่อาศัยเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ๆ แล้ว
ก็เกิดขึ้นอีก เป็นวงเวียนตลอดสายจึงเรียกว่า เป็นไปตามอำนาจของกรรม
กมฺมุนา วตฺตติ โลโก - โลกหมุนไป ตามกฏของกรรมเรื่องของโลกเป็นเช่นใดเรื่องของ
ชีวิตก็เป็นเช่นกัน ที่จริงชีวิตเราก็เป็นโลก เหมือนกัน เรียกว่า สัตวโลก โลกคือ หมู่สัตว์ สัตว์
โลกทั้งปวงเกิดดับไปตามอำานาจ ของกรรม กรรมนั้นเป็นของเขาผู้กระทำ
กระทำแล้วก็เกิดผลแก่เขาต่อไป สัตว์โลก เช่นมนุษย์เป็นผู้มีร่างกาย มีใจครองร่างกา
กายกับใจมีส่วนสัมพันธ์กันมาก และก่อให้ เกิดเรื่องราวมากหลาย การกระทำาของกายและใจเป็นกรรมทั้ง
นั้นเช่นเรายกมือ เดิน กิน พูด เราทำทุกอย่าวเป็นเรื่องของกรรม ส่วนใจก็ทำาหน้าที่ในทางคิดค้น
นึกไปใน เรื่องของกรรม ส่วนใจก็ทำหน้าที่ในทางคิดค้นนึกไปในเรื่องต่าง ๆ การกระทำของ
กาย ดยไม่มีการบังคับจากใจ ยังไม่จัดเป็นกรรมที่จักก่อให้เกิดผลแก่ผู้กระทำาในทางเป็น
บุญ เป็นบาป เรียกตามภาษาธรรมะว่า ยังไม่มีเจตนา

時々होशདང一རພຊຍ๛:

ดังพุทธดำรัสว่า เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ -
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็น.......................................
ตัวกรรมเจตนาแปลว่า ความจงใจความตั้งใจที่จะทำ เช่น การทำให้สัตว์ตาย ถ้าเราเดินไป
และไม่ได้เห็นว่า มีตัวสัตว์อยู่บนพื้นดิน เหยียบมันตาย การกระทำเช่นนี้ไม่ก่อให้เป็นบาป
ในทางใจ แต่เจ้าสัตว์ตัวนั้นต้องตายโดยไม่ได้อะไร เป็นการตายเปล่า เพราะผลกรรมของ
มันที่เดินมา ขวางอยู่ตรงนั้น ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าผลของกรรมเป็นไปในด้านวัตถุอย่างหนึ่ง
เป็นไปในด้านจิตใจหรือนามอย่างหนึ่ง ผลกรรมที่เกิดเพราะผลทางด้านวัตถุไม่จัดเป็นบุญ
เป็นบาป เรื่องบุญบาปเป็นเรื่องทางด้านจิตใจโดยเฉพาะ
ส่วนกรรมที่มีเข้าประกอบก็จัดเป็นบุญเป็นบาปได้ บุญบาปก่อให้ชีวิตของผู้กระทำา
หมุนเวียนไปสู่ความสุขบ้างทุกข์บ้าง สุดแต่อย่างไหนเกิดขึ้น ดังที่กล่าวว่า ทำดีได้ดี ทำชั่ว
ได้ชั่ว นั่นเอง เรื่องดีชั่วเป็นเรื่องของ แต่ละบุคคล เป็นเรื่องของใจโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องของ
วัตถุ ผู้ใดทำาผู้นั้นได้รับผลของ การกระทำนั้น หาก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนทางใจแก่
ใครไม่ แต่อาจมีการกระ ทบกระเทือนทางวัตถุกันบ้าง เพราะเรื่องของวัตถุก็เกิดผลทางด้าน
วัตถุ เรื่องของใจก็ เกิดผลทางด้านจิตใจ ความดีความชั่วเป็นเรื่องของใจล้วน ๆ เมื่อเป็นเรื่อง
ของใจ ผลก็ต้องเป็นไปในทางใจโดยส่วนเดียว ฉะนั้นคำาที่ตรัสว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจึง
เป็นความจริงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง.........................................

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version