ผู้เขียน หัวข้อ: ตถาคตอจินไตยวิมุตติธรรมธารณีสูตร (หัวใจพระยูไล)  (อ่าน 1599 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
<a href="https://www.youtube.com/v/YZbr8cwqD_0" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/YZbr8cwqD_0</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/wcqqZ4l_4Z8" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/wcqqZ4l_4Z8</a>

เพิ่มเติม https://www.youtube.com/channel/UCY7vkWIkzPl0ghS5YYMJT9Q/videos

https://www.youtube.com/channel/UCGSJOkptDbXyllitWZFZMdw/videos





ตถาคตอจินไตยวิมุตติธรรมธารณีสูตร



(หัวใจพระยูไล)



ข้าพระพุทธเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้............. สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ บริเวณสระรัตนประภา ในสวนนิรมล แคว้นมคธชนบท พร้อมกับปวงมหาโพธิสัตว์ มหาชนผู้ได้รับจักษุจากการสดับพระธรรม เหล่าเทพธรรมบาล มังกร ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรค มนุษย์ อมนุษย์ ทั้งหลายเป็นต้น มากมายไม่สามารถประมาณได้ ซึ่งห้อมล้อมล้อมอยู่ทั้งหน้าหลัง ณ เวลานั้น ท่ามกลางฝูงชน มีมหาพราหมณ์นามว่า วิมลวรประภาส ซึ่งเป็นพหูสูตร มีสติปัญญาหลักแหลม และมีสุนทรียภาพ โดยปกติจะถือปฏิบัติซึ่งบุญกุศล 10 ประการ และได้หันมานับถือพระรัตนตรัย เป็นผู้มีจิตใจดีงามหนักแน่นสมบูรณ์ มีสติปัญญาละเอียดรอบคอบ มีความปรารถนาอยู่เสมอ ที่จะให้สรรพสัตว์ได้รับอานิสงส์แห่งความดีอันครบถ้วนเต็มสมบูรณ์ ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี



ในเวลานั้นท่านพรามหณ์ได้ลุกจากที่นั่งเดินไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณ 7 รอบ ถวายเครื่องหอมนา ๆ ชนิด อาภรณ์อันสวยงามหาค่ามิได้ พร้อมสร้อยสังวาล มุก อันมีค่าเพื่อทรงสวมใส่ แล้วถวายนมัสการ เท้าทั้ง 2 ขยับถอยหลังหยุดนิ่งรออยู่ ณ ด้านหนึ่ง เอ่ยวาจานิมนต์ พระผู้มีพระภาค และคณะสงฆ์ในวันพรุ่ง เวลาเช้า ขอเชิญเสด็จมารับบิณฑบาตที่บ้านณ เวลานั้นพระผู้มีพระภาคได้รับนิมนต์ด้วยอาการสงบ เมื่อท่านพราหมณ์รู้ว่าพระผู้มีพระภาครับนิมนต์แล้วได้รีบเดินทางกลับบ้าน ในคืนนั้นท่านได้จัดเตรียมอาหารเลิศรสมากมาย ทำความสะอาดบ้านช่องศาลา ประดับประดาธงทิวและร่มฉัตร ถึงพรุ่งนี้เช้า ท่านพราหมณ์พร้อมข้าทาสบริวาร ก็ได้จัดเตรียมเครื่องหอมนาๆชนิด และคณะดนตรีมโหรีเดินทางไปยังที่พำนักของพระผู้มีพระภาค กล่าวอาราธนาว่า.......



“ถึงเวลาแล้ว ขอนิมนต์เสด็จพระเจ้าข้า”


ในเวลานั้นพระผู้มีพระภาคได้ตรัสด้วยพระสุรเสียงอันอ่อนโยน ปลอบโยนให้กำลังใจแด่พราหมณ์ แล้วประกาศแด่เหล่าภิกษุทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายสมควรที่จะไปรับบิณฑบาตยังเคหะสถาน ท่านพราหมณ์ เพื่อให้ชนทั้งหลายได้รับมหาอานิสงส์” เมื่อนั้นพระผู้มีพระภาคได้ลุกจากที่ประทับ ขณะที่พระองค์ได้ลุกขึ้นจากที่ประทับแล้ว ได้ปรากฎแสงโอภาสนา ๆชนิดออกจากพระวรกาย แสงสว่างวิจิตรเจิดจ้าไปทั่วทั้ง10 ทิศ นิมิตหมายนี้เหมือนจะนำมาซึ่งการแสดงธรรมบางประการ ในขณะนั้นพราหมณ์ก็ได้ถวายเครื่องหอม อันวิเศษด้วยใจศรัทธา ท่านพราหมณ์พร้อมด้วยข้าทาสบริวาร เทพธรรมบาล มังกร และอื่น ๆ รวม 8 เหล่า พระอินทร์ พระพรหม ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ได้เดินนำทางดูแลปัดกวาดเส้นทางเสด็จ เวลานั้นพระผู้มีพระภาคได้เสด็จดำเนินไปยังสถูปนั้น



ทันใดนั้นได้ปรากฏแสงมีรัศมีอันเจิดจ้าออกมาจากองค์สถูป ปรากฏเสียงสรรเสริญยกย่องพระผู้มีพระภาคอกมาจากกองดินนั้นว่า “ สาธุ สาธุ ท่านศากยมุนี ............ในวันนี้พระพุทธองค์จักได้แสดงถึงของเขตของบุญกุศลอันสูงสุด และท่านพราหมณ์ ในวันนี้พระพุทธองค์จักได้รับซึ่งมหาอานิสงส์” ในเวลานั้นพระผู้มีพระภาคได้แสดงคาราวะแด่ซากเจดีย์สถูปนั้นโดยกระทำประทักษิณ 3 รอบ พระองค์ได้เปลื้องจีวรจากพระวรกายเพื่อห่มบนองค์สถูปนั้น แล้วพระองค์ทรงพระกันแสงน้ำมูกน้ำตาไหลร้องไห้ฟูมฟาย เมื่อหยุดกันแสงแล้วพระองค์ทรงพระกำสรวล ในขณะนั้นพระพุทธเจ้าทั้ง 10 ทิศ ที่ทอดพระเนตรอยู่ล้วนหลั่งพระสุชน และทรงฉายแสงมายังพระสถูป ทำให้มหาชนทั้งหลาย ต้องตกใจ ใบหน้าเปลี่ยนสี ต่างอยากรู้ถึงปริศนานี้ ในขณะนั้นท่านวัชรหัตถ์โพธิสัตว์ (สมันตภัทรโพธิสัตว์) เป็นต้น ล้วนหลั่งพระสุชน ท่านมีรัศมีแสงอันแรงกล้า พระหัตถ์ถือพระคฑาหมุนอยู่ ท่านได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทูลเรียนถามถึงเหตุและผลที่ปรากฏรัศมีแสงเช่นนี้ “เหตุไฉนพระผู้มีพระภาคจึงกันแสงเช่นนี้ และเหตุไฉนเหล่าพุทธทั้ง 10 ทิศจึงทรงฉายพระแสงอันยิ่งใหญ่มาปรากฏเบื้องหน้าเช่นนี้ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงได้โปรดไขข้อสงสัยของข้าพระพุทธเจ้าต่อเบื้องหน้ามหาชน ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เทอญ”ในเวลานั้นท่านสมเด็จพระภาคเจ้าได้ตรัสแด่ท่านวัชรหัตถ์ว่า “อันรัตนสถูปนี้ทุกส่วนล้วนสำเร็จขึ้นมาจากพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระพุทธเจ้า อันพระหฤทัยธารณี ลัญจกรลับ พระธรรมที่สำคัญต่าง ๆของพระพุทธเจ้านับอสงไขยกัลป์ไม่ถ้วน ล้วนอยู่ในรัตนสถูปนี้ ท่านวัชรหัตถ์....... ในเมื่อสิ่งสำคัญต่างๆนี้ล้วนอยู่ภายในสถูป แต่สถูปกลับกลายสภาพผุพังทับถมกันเป็นชั้นๆ รก ปกคลุม ไม่มีใครเหลียวแล ดั่งเมล็ดงาเรี่ยราดกระจัดกระจาย พระวรกายของพระพุทธเจ้าร้อยนับอสงไขยกัลป์ก็มีสภาพดุจเมล็ดงานั้น พระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าร้อยนับอสงไขยกัลป์ ล้วนมาประชุมกันที่นี่ แล้วยังมีแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ก็อยู่ภายในสถูป พระจุกเนื้อของพระพุทธเจ้าเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นอสงไขยกัลป์ก็อยู่ภายใน เป็นเรื่องมงคลอย่างยิ่งที่ทุกสถานที่ที่มีสถูปอยู่ล้วนมีมหาเทพทรงฤทธิ์เดชดูแลรักษาสามารถดลบันดาลให้มงคลพิธีต่าง ๆ ในโลกนี้ สำเร็จสมบูรณ์”ในขณะนั้นมหาชนทั้งหลายเมื่อได้สดับพระพุทธวจนะแล้ว บังเกิดดวงตาเห็นธรรม ใจห่างไกลจากกิเลส สิ่งแปดเปื้อน หมดสิ้นความทุกข์กังวล มหาชนในขณะนั้นได้รับอานิสงส์แตกต่างกันตามบุญบารมี แยกเป็นผู้ที่ได้โสดาปัตติผล สกิทาคามีผล อนาคามีผล อรหันต์ผล ตรัสรู้ได้สำเร็จพุทธธรรม และโพธิสัตว์ธรรม มีมหาปัญญาอันสมบูรณ์ไพศาล โดยไม่มีถอยกลับ ซึ่งแต่ละท่านก็จะได้คุณธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง บ้างได้ประจักษ์แจ้งแล้วถึงภูมิจิต ภูมิธรรมบ้างก็ได้ถึงความสมบูรณ์เต็มเปี่ยมด้วยปรมัตถ์ธรรมทั้ง 6 ส่วนท่านพราหมณ์ได้ซึ่งจิตอันบริสุทธิ์ห่างไกลสิ่งแปดเปื้อน ถึงความเป็นทิพย์ 5 ประการ ในเวลานั้น ท่านวัชรหัตถ์ ได้เห็นถึงเรื่องราวอันแปลกประหลาด มหัศจรรย์อันปรากฏได้ยากเช่นนี้ จึงทูลกับพระผู้มีพระภาคว่าเรื่องนี้ช่างวิเศษมหัศจรรย์เหลือหลาย เพียงแต่การได้สดับเรื่องราวนี้ ยังได้รับอานิสงส์อันเลิศเช่นนี้ ถ้าได้สดับแล้วจิตใจบังเกิดความซาบซึ้งศรัทธาเล่าจักพึงได้อานิสงส์เช่นไร พระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า “ท่านวัชรหัตถ์เอ๋ย จงตั้งใจฟังให้ดี ถ้าหากในอนาคตกาลมีกุลบุตร กุลธิดา และพุทธบริษัท 4 เป็นต้น แสดงความศรัทธาจารึกคัมภีร์นี้เป็นหนังสือ ซึ่งได้พิจารนาถึงคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้าเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นอสงไขยกัลป์ ก็จะเหมือนดั่งว่าท่านได้ปลูกรากแก้วแห่งบุญกุศลอันยาวนานต่อเบื้องพระพักต์ของพระพุทธเจ้าเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นอสงไขยกัลป์ก็เป็นนัยว่า ปวงพระพุทธเจ้าทั้งหมดจะทรงทอดพระเนตรแห่งความรักและเมตตา มาคุ้มครอง ปกป้องรักษาท่านเหมือนดั่งมารดาผู้มากเมตตารักใคร่ดูแลปกป้องลูกน้อย ฉะนั้น หากบุคคลใดได้ท่องอ่านพระคัมภีร์นี้ ก็เหมือนดั่งได้ท่องอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้ง3กาล” ถ้าเป็นดังนี้ปวงพระพุทธเจ้าทั้งเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นอสงไขยกัลป์ ก็จะทรงประทานความรู้แจ้งให้โดยทั่วถึงและเสมอภาค อันซากสถูปนี้ตั้งอยู่ริมทางรกทึบ ปรักหักพังดุจดั่งเมล็ดงาซ้อนทับกันไปมาเป็นชั้น ๆ ทุกวันคืนจะปรากฏพระวรกายมาส่งเสริมค้ำจุนช่วยเหลือบุคคลนั้น ดังนี้แล ปวงพระพุทธเจ้าอันมากมายไม่มีประมาณ จักมาชุมนุมอยู่เบื้องหน้าสถูปนี้และตามมาอีกเป็นระลอก ๆ ในบัดเดี๋ยวก็ต้องค่อย ๆ เคลื่อนขบวนหมุนเวียนไปและยิ่งมากันอีกมากมาย ดุจดั่งเม็ดทรายอันละเอียดอยู่ในน้ำวนอันเชี่ยวกราด ไม่สามารถที่จะหยุดนิ่งได้ จำต้องหมุนเวียนเคลื่อนที่ไปมา หากมีบุคคลใดถวายบูชาด้วยน้ำหอม ดอกมะลิหอม สิ่งของอันวิจิตรสวยงามบูชาคัมภีร์นี้ ก็จะได้สำเร็จเสมือนหนึ่งได้บูชาเบื้องพระพักต์พระพุทธเจ้าทั้งสิบทิศ เก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นอสงไขยกัลป์ ถ้าจะถวายบูชาสิ้นซึ่งเครื่องหอม อาภรณ์วิจิตร สิ่งของอันสวยงามล้ำค่า ประกอบสำเร็จจากรัตนะชาติ 7 ประการ ซึ่งเป็นของทิพย์จากสวรรค์ มีปริมาณมากมายสูงเทียมเขาพระสุเมร เพื่อปลูกเพาะรากแก้วแห่งบุญกุศลแล้ว ก็จักได้อานิสงส์ดีวิเศษมากมายกลับมาเช่นกัน ในขณะนั้นเหล่าเทพธรรมบาล มังกร และอื่น ๆ รวม 8 เหล่า มนุษย์ อมนุษย์ ทั้งหลายเป็นต้นได้สดับพระวาจาจบ ต่างรู้สึกแปลกประหลาดมหัศจรรย์ ได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า........ “แปลกประหลาดจริงหนอ กองดินที่ผุพังทับถมกันนั้นช่างมีเดชานุภาพและคุณธรรมยิ่งใหญ่เช่นนี้ ด้วยพุทธานุภาพส่งเสริมคุ้มครองรักษา จึงปรากฏอภินิหาร” ท่านวัชรหัตถ์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยเหตุผลอันใดฤา สถูปอันประกอบด้วยรัตนะชาติทั้ง 7 ประการ บัดนี้กลับกลายเป็นกองดิน” พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเอ่ยกับท่านวัชรหัตถ์ว่า “สถานที่นี้มิได้เป็นกองดินแต่เป็นมหารัตนสถูปอันวิไลเลิศแท้เนื่องด้วยสรรพสัตว์มีผลกรรมอันชั่วช้า ดังนั้นสถูปจึงซ่อนเร้นไม่ปรากฏ ถึงแม้สถูปจะซ่อนเร้นไม่ปรากฏ ก็มิใช่ว่าพระวรกายของปวงพระพุทธเจ้าจะเสื่อมลงได้ เคยมีไหมสถานที่ซึ่งมีกายของวัชรพุทธะอยู่จะสามารถทำลายลงได้ ในกาลหลังจากที่พระตถาคตปรินิพพานแล้วเมื่อถึงกาลคับขันกลียุค ถ้าสรรพสัตว์ใดศึกษาปฏิบัติซึ่งอธรรมแล้วจะตกนรก ผู้คนจะไม่เชื่อพระรัตนตรัย ไม่บำเพ็ญบุญกุศลด้วยเหตุนี้พุทธธรรมจักไม่ถูกเผยแพร่ ถึงกระนั้นสถูปก็ยังแข็งแรงมั่นคง ไม่สูญสลายไปด้วยพุทธานุภาพของปวงพระพุทธเจ้า สรรพสัตว์ที่ไร้ปัญญา สงสัยในคำสอน ปกปิดซ่อนเร้น คำสอน ละเลย ทำลาย รัตนะอันมีค่ายิ่งไม่รู้จักนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์” ด้วยเหตุนี้ ตถาคตจึงได้หลั่งน้ำพระสุชนด้วยทั้งสิ้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้กลับมาตรัสแด่ทางวัชรหัตถ์อีกว่า “หากมีสรรพสัตว์ใด จารึกคัมภีร์นี้ไว้ภายในสถูปแล้วไซร้ อันสถูปนั้นก็จะกลายเป็นที่ซ้อนอาศัยของปวงวัชระพุทธะ และก็คือ พระธรรมคำสอนของปวงพระพุทธเจ้า พระหฤทัยอันมหัศจรรย์ล้ำลึกของปวงพระพุทธเจ้า สถูปหรือก็คือเก้าสิบเก้าร้อยพันหมื่นอสงไขยกัลป์พระพุทธเจ้าสถูปหรือก็คือที่บรรจุพระจุกเนื้อ พระเนตรของปวงพระพุทธเจ้าและสถูปนี้จะถูกปกป้องดูแลรักษาด้วยพุทธานุภาพของปวงพระพุทธเจ้าหากเก็บรักษาคัมภีร์นี้ไว้ในพระฉายหรือสถูปแล้วไซร้ พระฉายนั้นจักสำเร็จด้วยรัตนะชาติ 7 ประการ จักรู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ อันความปรารถนาต่าง ๆ ได้สำเร็จทุกประการ อันสถูปนี้จักมีร่มฉัตร ชาลมาลา เสาค้ำกางกั้นน้ำค้าง จะมีระฆังใหญ่น้อย เสาหลัก หินฐานราก สร้างเป็นขั้น ๆทำได้ทั้งนั้นตามกำลังความสามารถ หรือจะสร้างด้วยดิน ด้วยไม้ ด้วยหิน ด้วยอิฐ ด้วยอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของคัมภีร์ย่อมสำเร็จเป็นรัตนะ 7 สถูปด้วยคัมภีร์นี้ปวงพระพุทธเจ้าจะเพิ่มเติมความศักดิ์สิทธิ์ แด่สถูปนี้ด้วยความศรัทธา ด้วยสัจจะวาจานี้จะดูแลช่วยเหลือตลอดไป หากมีบุคคลใดมีจิตศรัทธาถวายเครื่องหอมนอบน้อมบูชาองค์สถูปนี้ อันบาปกุศลหนักซึ่งได้เคยทำมาในอดีต แปดพันล้านอสงไขยกัลป์จะสิ้นสุดในทันที เมื่อได้เกิดก็จะพ้นจากภัยพิบัติอันตรายทั้งปวง เมื่อตายลงไปก็จะได้ไปอยู่กับพระพุทธองค์ ถ้ามีเหตุอันต้องตกไปในนรกอเวจีมหานรกให้กราบไหว้บูชาหรือทำการประทักษิณสถูปนี้ ประตูนรกในด้านต่าง ๆ ก็จะเปิดให้ไปสู่เส้นทางแห่งพุทธะ สถานที่ใดที่ยังมีสถูปหรือโครงร่างสถูปอยู่ ปวงพระพุทธเจ้าจะแสดงพุทธานุภาพปกปักรักษา สถานที่นั้นจักไม่มีอันตรายด้วยลมพายุและฟ้าผ่าเปรี้ยงป้าง บุคคลจักไม่ถูกทำร้ายจากงูพิษ แมลง หนอนพิษ และสัตว์มีพิษต่าง ๆ ไม่ถูกทำร้ายจากสิงโต ช้างเกเร เสือ สุนัขป่า ผึ้ง และแมลงป่อง แมลงมีพิษต่าง ๆ ทั้งยังไม่เป็นที่พักอาศัยของยักษ์ ภูตต่าง ๆ ทั้งยังสามารถกำบังปิดกั้น ความหวาดกลัวจนเสียสติจากภูตผีปีศาจต่าง ๆ ทั้งยังป้องกันไม่ให้เกิดการเจ็บไข้อันเนื่องจากความร้อนและความหนาวเย็น ไม่เป็นโรคเรื้อนมีแผลเปื่อยเน่า หลังโกง ฝีฝักบัว ฝีหนอง หูด หิด ขี้ทูตกุดถัง และโรคติดต่อต่างๆ หากบุคคลใดได้พบเห็นสถูปเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็สามารถกำจัดภัยพิบัติทุกข์ร้อนได้ ไม่ว่าบุคคล สัตว์เลี้ยง บุตร ธิดา จักไม่เป็นซึ่งกาฬโรค จักไม่ตายโหงตายห่า อายุสั้น ไม่เป็นอันตรายจากศัตราวุธ น้ำ ไฟ ไม่ถูกประทุษร้ายจากโจรภัย ผู้มาดร้ายพยาบาท ไม่ต้องวิตกกังวลถึงความข้นแค้นอดอยาก ความเกลียดชังคำสาปแช่งต่าง ๆ จักไม่เป็นผล ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 และบริวารของท่านจักช่วยรักษาดูแลทั้งวันคืน แม่ทัพยักษาทั้ง 28 เหล่า ดวงสุริยัน ดวงจันทรา ดาวเคราะห์ทั้ง 5 หมู่เมฆมงคล ดาวหางจะคอยช่วยเหลือ ปวงมังกร ราชา จะเพิ่มความเอาใจใส่ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ปวงเทพธรรมบาลและปวงเทพในชั้นยามา จะลงมาเพื่อถวายสักการะบูชาวันละ 3 เวลา เทวดาทุกหมู่เหล่าจะมาชุมนุมกันวันละ 3 เวลา เพื่อสรรเสริญเดินเวียนรอบคาระวะกราบไหว้ ชื่นชมและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ท่านท้าวสักกะเทวราช พร้อมทั้งนางฟ้าทั้งหลายจักเสด็จมาถวายเครื่องสักการะบูชาทั้งวันทั้งคืน วันละ 3 เวลา ณ สถานที่นี้ก็คือสถานที่ซึ่งปวงพระพุทธเจ้าได้ประธานความเมตตาระลึกถึง และดูแลปกป้องส่งเสริม ด้วยเหตุได้รับพระธรรมคัมภีร์ไว้ในสถูปจึงได้เป็นเช่นนี้ หากบุคคลใดทำการก่อสร้างสถูปด้วยดิน หิน ไม้ ทอง เงิน ทองเหลือง ตะกั่วแล้วบรรจุคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ภายใน ขอเพียงพึ่งบรรจุเสร็จเรียบร้อย สถูปนั้นย่อมเสมือนสำเร็จด้วยสัตตะรัตนะ ไม่ว่าจะเป็นส่วนบน ส่วนล่าง ขั้นบันได ร่มฉัตรที่กางกั้นน้ำค้าง ระฆังน้อยใหญ่ เสาใหญ่ ล้วนสำเร็จด้วยสัตตรัตนะที่แท้จริง รอบสถูปทั้ง 4 ทิศจะปรากฏพระฉาย เนื่องด้วยความสำคัญยิ่งใหญ่ของพระธรรมปวงพระพุทธเจ้าจะทรงประทับมั่นคง ดูแลปกป้องทั้งวันคืนไม่หลีกลี้ อันสัตตะรัตนะสถูปนี้ ทั้งองค์ประกอบขึ้นด้วยพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุด้วยรัตนะอันวิเศษ เสริมด้วยอิทธิพลังจากคาถาอันศักดิ์สิทธิ์จึงได้สูงส่งเชิดชูสูงเทียมสวรรค์ชั้น อกนิษฐา สถานที่ ๆ สถูปตั้งตระหง่านอยู่ ปวงเทพธรรมบาลจะมาชื่นชมดูแลปกป้องและถวายสักการะบูชาทุกเช้าค่ำ”ท่านวัชรหัตถ์ทูลถามว่า “เนื่องด้วยเหตุผลใดฤา พระธรรมนี้จึงมีอานิสงส์วิเศษเป็นเลิศเช่นนี้” พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ก็ดั่งที่รู้แล้วว่ารัตนะสถูปนี้ มีจารึกพระธารณีที่ทรง พลานุภาพอันยิ่งใหญ่” ท่านวัชรหัตถ์ทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอโปรดเมตตาสงสารเหล่าข้าพระพุทธเจ้า โปรดได้สาธยายพระธารณีด้วยเถิดพระเจ้าข้า”







พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงตั้งใจสดับฟังตามระลึกและจดจำไว้ไม่ให้เลือนหายบัดนี้ ปวงพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ได้ทำการแผ่พุทธรังสีส่วนหนึ่งมาแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของปวงพระพุทธเจ้าในอดีต ก็ได้อยู่ในรัตนสถูปพร้อมคัมภีร์ธารณีแล้ว พระไตรวรกายของปวงพระพุทธเจ้าก็อยู่ในสถูปนี้แล้ว เวลานั้นพระผู้มีพระภาคจึงได้เอ่ยพระธารณีว่า……..



อีเฉี่ยยูไลชินมีมี่ฉวนเซินเซ้อ ลี้เป่าเจี๋ย อิ้งท๋อหลอหนีจิงโว นำมอเสิดตูลีแย ตีฟู เจียนำ สัดพอตันทอแยตอนำ โอม ปูฟูพอวา นาวา ลีวา แจลีวา แจจู จูลู จูลู ทอลา ทอลา สัดวาตัน ทอแยตอ ทอตู ทอลี ปอนาหัก พอวาตี จิวยาวาลี มูตันลี สัดมอลา ตันทอแยตอ ตะมอจัวเจียลา ปอลา มอลีตอ นาวาแยลา พันตีมันนา เลงเจียลา เลงคีลีตี สัดวาตัน ทอแย ตอตีเส้อซีตี พันทอแย พันทอแย พันตี พันตี มูแต มูแต ซันพันทอ นีซัน พันทอแย แจลา แจลา แจลันตู สัดวาวาลานานี สัดวาพันปอฟูแยตี ฮูลู ฮูลู สัดวาซีเจียมีแตยี สัดวาตัน ทอแยตอ เคอลีนาเยียววาลียานี ซันพอลา ซันพอลา สัดวาตันทอแยตอ อีฮัวแย ทอลานี มูเนียหลี ลามูตี ซู มู ตี สัดวาตันทอแยตอ ตีเส้อซีตอ ทอตูแย ปีซอวาฮอ ซันมอเยตี เส้อซีตี ซอวาฮอ สัดวาตันทอแยตอ เคอลีนาเยียทอตู มูไนหลี ซอวาฮอ ซูปอลา ตีเส้อซีตอ สัดตูปี่ตันทอแยตอ ตีเส้อซีตี ฮูลู ฮูลู ฮง ฮง ซอวาฮอ โอม สัดวาตันทอแยตอ อูเส้อนีซา ทอตู มูไนลานี สัดวาตันทอแย ตันซอทอตู ฟู ปู ซี ตอตีเส้อซีตี ฮงฮง ซอวาฮอ



เวลานั้น หลังจากที่พระผู้มีพระภาคได้เอ่ยพระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์นี้จบแล้ว ปวงพระพุทธเจ้าก็ได้เอ่ยคำสรรเสริญสดุดีขึ้นมาจากกองดินนั้นว่า “ สาธุ สาธุ พระศากยมุนีพุทธเจ้า ท่านได้แสดงแล้วซึ่งธรรมะอันลึกซึ้ง ฉุดช่วยสรรพสัตว์ในกุลียุค ซึ่งเห็นแก่ประโยชน์และไม่มีที่พึ่งทางใจ ธรรมะนี้สมควรรักษาไว้ในโลกให้ยาวนาน เพื่อยังประโยชน์อันมากมายไพศาลร่มเย็นเป็นเป็นสุข” เวลานั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกับทางวัชรหัตถ์ว่า “ จงตั้งใจฟัง ตั้งใจฟัง พระธรรมอันสำคัญเช่นนี้มีอิทธิฤทธิ์ไม่มีประมาณ ให้ประโยชน์เกื้อกูลไม่มีหมดสิ้น เปรียบเสมือนมีแก้วสารพัดนึกอยู่บนยอดธง ดลบันดาลให้เพชรนิลจินดาตกลงมาดั่งหาฝนมิได้ขาด อันความตั้งใจปรารถนาใด ๆ ก็เต็มล้นทุกประการ เรื่องต่าง ๆ ที่ตถาคตได้กล่าวแล้วในวันนี้ เป็นเพียงหนึ่งในหมื่นส่วนเท่านั้น ท่านสมควรที่จะระลึกจดจำซึ่งคุณประโยชน์ทั้งปวง หากมีบุคคลซึ่งชั่วช้าตายแล้วตกนรกได้รับความทุกข์ไม่ว่างเว้น พ้นโทษยังไม่มีกำหนด หากมีบุตรหลานเอ่ยถึงนามผู้นั้น ท่องบ่นคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ครบ7รอบกะทะทองแดงที่ถูกแผดเผาและเหล็กร้อนต่าง ๆ บัดเดี๋ยวกลับกลายเป็นสระน้ำอมฤตบนสวรรค์ดอกบัวจะผุดขึ้นรองรับที่ขา รัตนฉัตรจะกางกั้นอยู่เบื้องบน ประตูนรกแตก หนทางแห่งพุทธะเปิดขึ้น ดอกบัวจะนำพาขึ้นสู่พุทธเกษตร อันปัญญาทั้งปวงก็รู้แจ้งขึ้นเองสามารถเทศนาเข้าใจได้ลึกซึ้งกว้างไกลไม่มีประมาณ จักได้ถึงซึ่งพุทธสถานะสามารถป้องป้องสรรพสัตว์ที่ได้รับผลกรรมอันใหญ่ ร้อยโรครุมเร้าทุกทั้งกายใจให้สวดพระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์นี้ 21 รอบ ความทุกข์กายทุกข์ใจจะหมดไปในบัดดล จะมีอายุยืนยาวบุญวาสนาไม่มีหมดสิ้น หรือหากมีบุคคลใด มีการกระทำที่ตระหนี่ถี่เหนียวและโลภมาก เป็นเหตุให้เกิดมายากจนข้นแค้น อาภรณ์ไม่มีจะปิดกาย อาหารไม่พอประทังชีวิต ร่างกายทั้งอ่อนแอและผอมโซ อยู่ในที่ ๆ ต่ำทรามหลีกลี้จากผู้คน เมื่อเกิดความละอายจึงได้เข้าป่าหาฟืนเก็บของป่า เด็ดดอกไม้อย่างอิสระเสรี หากได้บดเศษไม้แห้งทูลไว้ต่างไม้หอมแล้วนำไปถวายบูชาองค์สถูป เดินวนรอบสถูป 7 รอบ น้ำตาไหลหลั่งด้วยสำนึกความผิดหนหลัง ด้วยอานุภาพแห่งพระคาถาอันวิเศษ อีกทั้งคุณธรรมอันยิ่งใหญ่แห่งองค์สถูป ผลของกรรมซึ่งนำมาซึ่งความยากจนข้นแค้นจะหมดสิ้นไป ความร่ำรวยสูงศักดิ์จะมาถึงทันใด สัตตะรัตนอันวิเศษจะตกลงมาอังห่าฝน ความขาดแคลนข้นแค้นจักไม่มีอีกต่อไป ขอให้ได้อาศัยเวลานี้ทำบุญบริจาคทานทดแทนแด่พระพุทธ พระธรรม ให้ทานแด่คนยากจน แต่แม้นเพียงใจเกิดความตระหนี่เสียดายหวงแหนแล้วไซร้ อันบรรดาทรัพย์สมบัติทั้งปวงก็จักหมดสิ้นไป หากบุคคลใด ปรารถนาจะสร้างบุญกุศลโดยช่วยกันสร้างสถูป จะด้วยดินก็ดี จะด้วยอิฐก็ดี แล้วแต่ความ สามารถ แม้นจะมีขนาดใหญ่เพียงมีขนาดสูงเพียง 4 นิ้วก็เพียงพอ ให้เขียนคาถาอันศักดิ์สิทธิ์นี้บรรจุไว้ภายในแล้วทูลดอกไม้หอมสักการะบูชา ด้วยพลานุภาพแห่งคาถาและความเชื่อมั่น จะบังเกิดกลิ่นหอมพร้อมหมอกควันมากมายออกจากองค์สถูปเล็กๆนี้ กลิ่นหอมและความสว่างเรืองรองจะปกคลุมไปทั่วทั้งธรรมสถานนั้น ความหอมอบอวลความสว่างอันระยิบระยับจะบังเกิด ให้เร่งสวดมนต์ขอขมากรรมประกอบพุทธพิธีต่าง ๆ อย่างกว้างขวางครอบคลุมก็จักได้รับบุญกุศลดังกล่าวแล้วข้างต้น ให้เลือกอธิษฐานแต่สิ่งมีสาระย่อมได้ผลแน่นอน ในยุคปลายนั้นหากมีพุทธบริษัท4 กุลบุตร กุลธิดาเพื่อปรารถนาให้ได้ถึงปรมัตธรรมแล้ว ได้ก่อสร้างองค์สถูปไว้ซึ่งคาถาอันศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มความสามารถแล้วไซร้ ก็จักได้ซึ่งบุญกุศลอันมากมายสุดที่จะกล่าวได้ หากบุคคลใดต้องการขอความร่ำรวยมีสุข ให้ไปยังสถูป ถวายเครื่องหอมสักการะบูชา กระทำประทักษิณ ด้วยบุญกุศลนี้ ลาภ ยศ สรรเสริญจะบังเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องขอ อายุจะยืนยาวขึ้นมาเอง ศัตรูคู่อาฆาต โจรผู้ร้ายย่อมจะแพ้พ่ายไปเอง ความอาฆาตพยาบาท คำสาปแช่งต่าง ๆ ย่อมจะย้อนกลับคืนไปเอง กาฬโรค บรรยากาศที่ไม่ดีย่อมจะหลีกลี้สลายไปเอง ย่อมจะได้คู่สามีภรรยาที่ดีเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปราถนาย่อมจะมั่นใจได้ว่าจะพึงพอใจ หากมีนกกาดำ นกกระจอก นกเขา นกพิราบ นกเค้าแม้ว สุนัก หมาใน ยุง มด แมลงสัตว์พืชต่าง ๆในป่ามา รบกวน ทำลายองค์สถูป ถ้าได้หลบมายังบริเวณสถูปเหยียบย่ำสนามหญ้าในบริเวณนั้นเพื่อขับไล่สิ่งที่จะมารบกวนทำลายองค์สถูปนั้น ก็จะมีอานิสงส์ให้ได้หลุดพ้นเหตุแห่งการสงสัยสับสน ได้ถึงซึ่งปัญญาตระหนักรู้แจ่มแจ้งถึงทุกสิ่ง หรือบุคคลใดได้เข้าไปยังพุทธสถานด้วยเหตุกิเลสกำเริบหรือเผลอเลอ ได้ขโมยซึ่งศาสนสมบัติไป หากบุคคลนั้นได้เห็นเพียงรูปร่างแห่งสถูป หรือได้ยินเพียงเสียงแห่งระฆัง หรือได้รู้เพียงนามแห่งสถูป หรือเพียงอยู่ใต้ร่มเงาแห่งสถูป โทษทัณฑ์ต่าง ๆนั้นย่อมจะได้ระงับไปสมใจปรารถนา ในชาติปัจจุบันนั้นย่อมจักอยู่อย่างสงบสุข ในอนาคตกาลนั้นย่อมจักได้กำเนิดในแดนพุทธเกษตร หากบุคคลใดมีกำลังความสามรถเพียงแค่ เอาก้อนหินกลมๆ หนึ่งก้อนมารวมกันก่อองค์สถูปสร้างกำแพงเพียงแค่ขนก้อนหินขนาดหนึ่งกำปั้นมือ เพียงแค่พยุงค้ำชูยอดองค์สถูปไม่ให้ล้มคว่ำลงมา ด้วยบุญกุศลนี้จะช่วยเพิ่มพูนความร่ำรวย ความมีสุขและอายุยืนยาว ภายหลังจากสิ้นอายุขัยไปแล้วย่อมได้กำเนิดเป็นองค์จักรพรรดิ์ หลังจากที่ตถาคตได้ปรินิพพานไปแล้วให้พุทธบริษัททั้ง4 ประกอบพิธีช่วยเหลือสรรพสัตว์ ให้พ้นจากโลกแห่งความทุกข์ ณ บริเวณหน้าสถูปนี้ โดยถวายสักการะบูชาด้วยดอกไม้หอม แล้วรวมใจมั่นตั้งจิตอธิษฐาน และท่องบทคาถาอันศักดิ์สิทธิ์นี้ทุก ๆ คำ ทุก ๆ ตัวอักษรจะเปล่งแสงออกมาสว่างไสวส่องสว่างไปทั่วถึงความทุกข์ทั้งหมด ซึ่งมีเหตุจากความโลภ ความโกรธ ความหลงให้มลายสูญสิ้นไป สรรพสัตว์ล้วนถูกปลดเปลื้องจากความทุกข์ เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะกลับเจริญงอกงาม จักได้บังเกิดในแดนวิสุทธิ์ทั้ง10ทิศตามแต่ใจปรารถนา หากบุคคลใดได้ดั้นด้นถึงบนยอดเขาสูง ตั้งจิตตั้งใจสวดท่องพระคาถานี้ เริ่มจากใก้ลสุดถึงไกลสุดขอบจักรวาลที่สายตาสามารถมองไปถึง อันมีป่าเขาลำเนาไพร ทะเล มหาสมุทร แม่น้ำลำคลองหนองน้ำใหญ่ อันมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ทั้งมีขน มีปีก มีเกล็ด มีกระดอง ต่างๆ เป็นต้น จักบังเกิดความตระหนักรู้อันแจ่มแจ้งละเอียดครอบคลุมไปทั่ว ความสงสัย ความไม่รู้ต่างๆจักถูกทำลายแตกยับไปสิ้น



และจักได้ซึ่งดวงโพธิญาณ3ประการ

1 ดวงจิตเดิมกายมนุษย์

2 ดวงจิตที่ผุดขึ้นมาหลังได้ธรรมะแล้ว

3 ดวงจิตที่ยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณของพระพุทธเจ้า



หลังจากสิ้นอายุขัยแล้วจักได้เข้าสู่แดนนิพพานอันสงบสุข หากบุคคลใดได้มีปฎิสัมพันธ์ทางธรรมกับบุคคลดังกล่าวนี้ หรือได้สัมผัสถูกอาภรณ์ หรือได้เหยียบย่ำลงบนรอยเท้าหรือได้เพียงเห็นหน้าหรือได้เพียงสนทนาชั่วครู่อันบาปกรรมอันหนักของบุคคลผู้นั้นจะสูญสิ้น สติสัมปะชัญญะ จะเต็มรอบสมบูรณ์ ในขณะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกับทางวัชรหัตถ์ว่า... “ณ วันนี้บัดนี้เป็นต้นไป จะขอมอบคัมภีร์คาถาอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นความลับนี้แด่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านทั้งหลายได้เทอดทูนเคารพรักษาปกป้องและเผยแพร่สู่มวลมนุษย์โลก อย่าได้ยอมให้มนุษย์สูญสิ้นการสืบทอด” ท่านวัชรหัตถ์ได้ทูลตอบว่า “วันนี้ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกปิติที่พระพุทธองค์ได้ทรงพระราชทานให้เช่นนี้ สิ่งนี้เป็นความตั้งใจปรารถนาของปวงข้าพระพุทธเจ้าอยู่แล้วที่จะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณอันไพศาลของพระพุทธองค์ปวงข้าพระพุทธเจ้าจะช่วยกันเทิดทูน ดูแลรักษาทุกค่ำเช้ าจักช่วยกันสาธยายเผยแผ่ออกไปทุกกาลเวลามิให้ขาด หากมีบุคคลใดรจนาหนังสือส่วนนี้ และดูแลสืบทอดระลึกมันอยู่ในใจมิได้ขาดแล้ว ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักขอเป็นผู้นำเร่งรัดให้องค์พรหม พระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง4 เหล่าเทพธรรมบาล เทพมังกรรวมทั้ง8เหล่าเฝ้าดูแลปกป้องทุกค่ำเช้ามิยอมห่าง



พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า “ดีแล้วท่านวัชรหัตถ์................... ท่านได้กระทำซึ่งคุณอันใหญ่หลวงต่อสรรพสัตว์ทั้งมวลในอนาคตกาล โดยเฝ้าดูแลปกป้องพระธรรมนี้ ไม่ยอมให้สูญสิ้นการสืบทอด” ในขณะนั้นหลังจากที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสเรื่องรัตนสถูปซึ่งจารึกพระธารณีสูตรต่าง ๆ รวมทั้งให้ประกอบพุทธพิธีอันกว้างยาวครอบคลุม(หน้าองค์พระสถูปนี้)จบแล้ว จึงได้ทรงเสด็จไปยังเคหะสถานของท่านพราหมณ์เพื่อรับถวายซึ่งภัตตาหารและสิ่งต่างๆในเวลาที่เป็นมงคลนี้ ทั้งมนุษย์และเทวดาต่างได้รับซึ่งความสุขและคุณประโยชน์อันใหญ่หลวง แล้วกลับคืนสู่ยังถิ่นของตน ในขณะนั้นมหาชนทั้งหลายซึ่งประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทพธรรมบาล เทพมังกร ยักษ์ คนธรรพ์อสูร ครุฑ กินนร เทพหัวงู มโหรค มนุษย์ อมนุษย์ทั้งหลายเป็นต้น ล้วนบังเกิดความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งมีความศรัทธาน้อมรับไปปฎิบัติ ด้วยประการฉะนี้แล



 
 
พระยูไล นั้นเราคนไทย มักจะเจอบ่อยๆในหนังจีนเช่น ฝ่ามือยูไล ในไซอิ๋ว ตอนที่ เห้งเจีย (หงอคง)ถูกฝ่ามือยูไลทำให้ต้องถูกขังเป็นเวลาหลายร้อยปีแต่บางคนยังไม่เข้าใจว่า พระยูไลคือใคร มีความสัมพันธ์อย่างไรกับชาวพุทธภาษาจีนแปลคำว่า ตถาคต ว่า ยูหลายตามรูปศัพท์ แปลว่า ผู้มาแล้วอย่างนั้นคนไทยรู้จักในสำเนียงว่า ยูไลพระยูไล เป็นชื่อเรียกพระพุทธเจ้าองค์ ในศาสนาพุทธนิกายมหายานคำว่า"ยูไล" หรือบางทีในหนังสือมนต์พิมพ์คำอ่านว่า"ยีไล"จะใช้ต่อท้ายพระนามของพระพุทธเจ้าโดยทั่วๆไปไม่ได้หมายความเจาะจงว่า พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งที่มีพระนามเฉพาะว่า ยูหลาย หรือ ยูไล และ ยีไล...ตัวอย่างเช่น...นำมอตอเปายีไลนำมอเปาเซงยีไลนำมอเมียวเสกเซงยีไลนำมอกวงผักเซงยีไลนำมอลีปูไวยีไลนำมอกำโลววังยีไลนำมอออมีทอยีไล(นำมอ = นโม)สรุป พระยูไล คือ พระพุทธเจ้าแต่เป็นพระองค์ไหนนั้น ต้องมีชื่อตาม หรือนำแต่ถ้าไม่มี ก็จะเหมาว่าเป็น พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันคือ พระมหาสมณะโคดม หรือ พระศรีศากยมุนีโคตมะ


ที่มา www.tteen.net



ภาษาจีนแปลคำว่า ตถาคต ว่า ยูหลาย
ตามรูปศัพท์ แปลว่า ผู้มาแล้วอย่างนั้น
คนไทยรู้จักในสำเนียงว่า ยูไล

พระยูไล เป็นชื่อเรียกพระพุทธเจ้าองค์ ในศาสนาพุทธนิกายมหายาน
คำว่า"ยูไล" หรือบางทีในหนังสือมนต์พิมพ์คำอ่านว่า"ยีไล"
จะใช้ต่อท้ายพระนามของพระพุทธเจ้าโดยทั่วๆไป
ไม่ได้หมายความเจาะจงว่า พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งที่มีพระนามเฉพาะว่า ยูหลาย หรือ ยูไล และ ยีไล...
ตัวอย่างเช่น...

นำมอตอเปายีไล
นำมอเปาเซงยีไล
นำมอเมียวเสกเซงยีไล
นำมอกวงผักเซงยีไล
นำมอลีปูไวยีไล
นำมอกำโลววังยีไล
นำมอออมีทอยีไล
(นำมอ = นโม)


ตถาคต พระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า เป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกหรือตรัสถึงพระองค์เอง แปลได้ความหมาย ๘ อย่าง คือ
๑. พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น คือ เสด็จมาทรงบำเพ็ญพุทธจริยา เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก เป็นต้น เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ อย่างไรก็อย่างนั้น
๒. พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น คือทรงทำลายอวิชชา สละปวงกิเลส เสด็จไป เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ อย่างไรก็อย่างนั้น
๓. พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ คือ ทรงมีพระญาณหยั่งรู้เข้าถึงลักษณะที่แท้จริงของสิ่งทั้งหลายหรือของธรรมทุกอย่าง
๔. พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น คือ ตรัสรู้อริยสัจ ๔ หรือปฏิจจสมุปบาทอันเป็นธรรมที่จริงแท้แน่นอน
๕. พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น คือ ทรงรู้เท่าทันสรรพอารมณ์ที่ปรากฏแก่หมู่สัตว์ทั้งเทพและมนุษย์ ซึ่งสัตวโลกตลอดถึงเทพถึงพรหมได้ประสบและพากันแสวงหา ทรงเข้าใจสภาพที่แท้จริง
๖. พระผู้ตรัสอย่างนั้น (หรือมีพระวาจาที่แท้จริง) คือ พระดำรัสทั้งปวงนับแต่ตรัสรู้จนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ล้วนเป็นสิ่งแท้จริงถูกต้อง ไม่เป็นอย่างอื่น
๗. พระผู้ทำอย่างนั้น คือ ตรัสอย่างใดทำอย่างนั้น ทำอย่างใด ตรัสอย่างนั้น
๘. พระผู้เป็นเจ้า (อภิภู) คือ ทรงเป็นผู้ใหญ่ยิ่งเหนือกว่าสรรพสัตว์ตลอดถึงพระพรหมที่สูงสุด เป็นผู้เห็นถ่องแท้ ทรงอำนาจ เป็นราชาที่พระราชาทรงบูชา เป็นเทพแห่งเทพ เป็นอินทร์เหนือพระอินทร์ เป็นพรหมเหนือประดาพรหม ไม่มีใครจะอาจวัดหรือจะทัดเทียมพระองค์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะ

ที่มา http://larndham.net/index.php?showtopic=14271
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...