A : ** จิตตถาคตะ !? , ผมหาข้อมูลไม่เจอเลยครับ
ขอความกรุณาท่านโปรดอธิบายให้ฟังสักเล็กน้อยได้ไหมครับ !
.
B : ตถาคตะ ก็คือตถาคต
เป็นไวพจน์กับพระนามของพระพุทธองค์ทั้งหลาย
เพียงแต่เน้นไปสู่สิ่งที่พระองค์ได้บรรลุ คืออนุตตรธรรม
หรือ พุทธจิต นั่นเอง
.
A : อ๋อ จิตตถาคต , ขอรับ !
.
B : หากเรายังไม่สามารถแบกรับภาระหนักของคนอื่นได้
ก็ควรจะระมัดระวัง ที่จะไม่เพิ่มทุกข์เพิ่มโทษให้เขาอีก
.
การสอนผิดนั้นแม้เพียงไม่กี่คำ, หากเขาต้องหลงยึดติดในวิธีการ
เพราะคำบอกเล่าของเราแล้ว ผลของมันย่อมจะเป็นสิ่งน่าเศร้านัก.
.
A : ตรงนี้ละครับ ที่ผมได้มาขอคำแนะนำจากท่าน
วิธีการที่ผมเข้าใจนั้นหยาบแต่ตรง ผมพิเคราะห์ดูแล้วว่าหาแบบเดียวกับผมนั้นยาก
.
B : การรอาสาออกมาโปรดสัตว์เร็วเกินไป ก็ย่อมมักจะพบกับอุปสรรคเช่นนี้แหละ
.
ผมได้ยินมาว่า "หากพบผู้ขอความช่วยเหลือ พึงอย่าเฉยเมยต่อเขา"
ส่วนตัวผมเองยังไม่รู้ว่าจะต้องช่วยอย่างไรดีครับ มีแต่ใจอยากช่วย.
.
B : นี่เป็นจิตอันประเสริฐสุดแล้ว , หากปรารถนาจะช่วยคนตกน้ำ
ท่านก็ควรให้เวลากับการเรียนรู้วิธีการ เพื่อที่จะช่วยคนตกน้ำ.
.
A : ขอรับ
.
B : ผมเคยฝึกกฝนอยู่ในสายวัดป่าทางภาคอีสาน
ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ครูอาจารย์นั้นลึกซึ้งนัก !
.
เราขอโอกาสก่อนล้างเท้า นุ่งห่มสบงจีวร ทั้งช่วยอาบน้ำเช็ดถูเหงื่อไครให้ท่าน
ตามหน้าที่พระใหม่ที่ต้องฝึกอุปัฏฐากวัตรต่อครูอาจารย์ และช่วงนั้นเองผมได้รับ
บางสิ่งที่ไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มันมีความตื้นตันอยู่ในส่วนลึก !
.
ส่วนในที่อื่นๆ ผมเพียงมีโอกาสได้จัดโต๊ะเก้าอี้ ให้หลวงปู่ฯ เขียนหนังสือเท่านั้น
.
ธรรมะหาใช่จะได้มาจากลานหินโค้ง หรือธรรมโฆษ์ชุดใหญ่
หากผมได้ซาบซึ้งท่านในจิตวิญญาณ เมื่อท่านให้ผมเรียนเซน
จากแหล่งต้นกำเนิดของวัฒนธรรมโดยตรง คือจากสายจีน
.
สัจจะแห่งเซน ซ่อนเร้นอยู่ในทุกๆ ขณะของชีวิตประจำวัน นั่นเอง
เมื่อมีความซื่อสัตย์เท่านั้น เราจึงอาจประพิมประพายร่วมกับมันได้ !.
A : สายสัมพันธ์อาจารย์-ศิษย์ของท่านลุ่มลึก เข้มแข็งมากจากการได้อยู่ร่วมกัน
.
ผมได้ฟังมาว่าอาจารย์ผมท่านเคยบวชสามเณร แต่ไม่ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ
ท่านทำงานสอนภาษาอังกฤษครับ วันหนึ่งผมบ่นๆ เรื่องธรรมกายในหน้าเฟสบุ๊ค
แล้วหลุดคำว่า "สุญญตา" , จากที่เที่ยวจดจำมา ท่านจึงถามว่า "รู้จักคำนี้หรือ" ?
.
ตั้งแต่นั้นมาท่านก็กรุณาต่อผมมาก แม้ไม่เคยรู้จักกันแต่ก็ชี้ทางศึกษาเซนให้ครับ,
ทางเฟสบุ๊ค ได้เจอตัวจริงท่านบ้างเป็นครั้งคราว เพราะท่านใช้ชิวิตแบบฆราวาส
.
ผมไม่มีภูมิปัญญาในเรื่องคำบาลีและเนื้อหาธรรมจากที่พระพุทธองค์สอนเลยครับ
เพราะก่อนนี้เป็นชาวพุทธแค่ในสูจิบัตร แต่ยังไม่รู้เรื่องธรรมะอะไรๆ เลยครับ
.
B : ถึงตอนนี้ ท่านเองก็คงทราบแล้วสิว่า "ไอ้เรือง" ควรจะมีขั้นตอนต่อไปอย่างไร.
.
A : ครับ
.
B : ผมไปที่จีน ยุคหลังปฏิวัติวัฒนธรรม และเพิ่งเริ่มจะเปิดประเทศ
ที่นั่นเพิ่งเริ่มจะฟื้นฟูศาสนา การค้นหาผู้บรรลุเซนที่แน่แท้นั้นยังยาก
ที่วัดเกาหมิน หยางโจ ซึ่งท่านซวีหยูนบรรลุธรรมตอนอายุได้ 56 ปี
ก็เพิ่งจะมีการจัดระบบกันใหม่ๆ จึงเป็นเรื่องของ 規矩 กุยจี๋ กฏระเบียบ
และรูปแบบเสียส่วนใหญ่ จึงดั้นด้นต่อไปถึงเกาหลีใต้ และได้ซบลง
ณ เบื้องบาท ซาบซึ้งเมตตาของท่านซุงซาน และซูบองเซนมาสเตอร์
.
ท่านซุงซานได้กระชากหัวใจของผม ลงไปกองกับพื้น ที่เกาะฮ่องกง
ด้วยเพียงคำถามเดียว , ทำเอา "อัตตา" ที่ศึกษาพุทธวจนะมาร่วมสิบปี
ต้องกระจุยกระจายแหลกละเอียด ไร้ความน่าเชื่อถือ ลงในทันที,
เช่นท่านเซียงเอี๋ยนโดนเข้าจังๆ แบบไม่เกรงอกเกรงใจกันเลยแหละ
.
A : ^ ^ ครับ ส่วนกระผมก็โดนตบ มาหนักเหมือนกันครับ
.
B : ท่านถามว่าผมบวชมานานเท่าไร , เก้าปีขอรับ !, ผมตอบ
ฉันขอถามอะไรสักข้อได้ไหม ? , ท่านรุกถามต่อ
โอ้...แน่นอน. ถามมาเลยครับท่าน , ผมพร้อมรับการท้าทาย !
.
ธรรมะคืออะไร ? What is Dharma ?
.
ผมตอบอย่างมั่นอกมั่นใจในทันที..."ธรรมะก็คือ อริสัจจ์ 4 ,
เรื่องทุกข์ และการดับความทุกข์ นั้นไง " !
.
ท่านสวนกลับทันควัน...
"แม้ว่าเธอได้ศึกษาธัมมะธัมโม มาเป็นเวลาตั้งนานแล้ว
แต่ทำไม "ธรรมะของเธอ" จึงยังมีเหลืออยู่ตั้งมากมาย".
ที่ประชุมต่างหัวเราะฮากันตึงใหญ่ ทำเอาผมรู้สึกหน้าแตก !
.
นี่เป็นเพราะ ผมรู้เพียงหลักธรรม แต่ไม่รู้จักความร้ายกาจของเซน.
.
หากท่านก็ไม่ได้ทอดทิ้งผม กำชับให้เรียนเซนกับท่านซูบอง
ศิษย์ผู้ผ่านการ 印可 อิ้งเข่อ รับรองการบรรลุเซนจากท่านแล้ว
.
และในเวลาอีกไม่นาน
ผมก็ได้เข้าพบสนทนากับอาจารย์ซูบองผู้นิ่มนวล
.
ท่านถามว่า มีอะไรจะถามท่านไหม ! , ไม่มีครับ ผมตอบ ,
ท่านจึงขอถามผมว่า "คุณมาจากที่ไหน" ? Where are you came from ?
.
คำถามที่ดูเหมือนดาดๆ ธรรมดาๆ แค่นี้เอง
ทำเอาโลกของผม "หยุดชงักลง" ในทันที !
.
A : อ้า...., ทำไมหรือครับ !
.
B : ...!
.
A : หากกระผมรบกวนท่าน บอกได้ทันทีน่ะครับ ,
ทำไมที่จีน เกาหลี ญี่ปุ่นถึงได้จริงจังกับเรื่องนิพพานมากกว่าที่นี่ละครับ
แม้แต่วัดข้างบ้านผม
ก็ไม่มีการพูดคุยถึงเป้าหมายนิโรธของพระพุทธองค์กันเลยสักครั้งเดียว
แต่ที่โน่นหยิบยกขึ้นมาคุย เป็นส่วนหนึ่งกับปัจจุบัน
.
B : ขณะฝึกฝนเซนนั้น กิจวัตรทุกเรื่องทุกขั้นทุกตอน ล้วนชี้ตรงมาที่จิต
.
อาจจะเป็นเพราะสายธารนี้ ได้หรั่งไหลมาจาก "จอมปรมาจารย์ตั๊กม้อ"
ผู้มีเพียงใจที่เกลี้ยงใสดวงเดียว นี้ ก็อาจจะเป็นได้มันจึงเป็นอย่างนี้.
.
และเซนก็ไม่เคยสอนให้สาวกหลบหลีกปรากฏการณ์ แม้สักขณะเดียว
หากแต่ให้ใช้ชีวิตประจำวันอย่างเห็นคุณค่า และไม่ทอดทิ้งสรรพสัตว์.
.
ความนื่งอึ้งตะลึงงัน ที่ท่านซุงซาน ได้ทำให้หัวใจของผมล่มสลายลง
หมดความเชื่อมั่นในภูมิความรู้เชิงพระปริยัติธรรมที่สะสมมา ยังตราตรึง
.
จึงมิอาจกล้าที่จะเผยอปาก ตอบไปว่า มาจากเมืองไทย หรือจากกว่างโจว,
แต่มันก็ยังงุนงง หน้าตึงหัวใจเต้นระรัว ไม่รู้ว่าจะแหยมวาจาสาธกออกไปอย่างไร !
.
ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า ท่านกำลังจะชำแหละ "กึ๋น" ของผมออกมา
จึงได้แต่เพียงนิ่งและเงียบลงสักครู่หนึ่ง เพื่อจะได้หายใจให้ทั่วท้อง,
.
การเงียบลงไม่เปิดปากพูดอะไรอื่นออกมาในช่วงนั้น นั่นเอง
ทำให้เราทั้งสองมีโอกาสพบกับช่วงว่างๆ และมองกันและกันสักครู่,
.
แล้วผมก็จนมุมต่อครูผู้ทั้งสุภาพและอ่อนโยนเช่น 秀峰禪師 ซูบองอาจารย์เซน
ท่านแตกต่างจาก 崇山禪師 ซุงซาน ที่ทั้งดุเดือดและไม่มีความเกรงใจเลย
.
ระหว่างที่ไร้คำจำนรรจาของทุกคนนั้นเอง ความเงียบก็ปรากฏขึ้น,
ผมรู้สึกได้ว่าภายในใจนี้ ได้ยอมต่อท่านอย่างศิโรราบไม่ทะลึ่งอีก !
.
และพูดออกไปอย่างซื่อๆ ว่า "不識 ไม่รู้ครับ" !
จากนั้นท่านก็ยังคงมอง และพินิจดูผมอยู่อย่างเงียบๆ
สักครู่หนึ่งจึงพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า .....
A.: ว่าอะไรครับ !!!
.
B : แทนที่ผมจะได้ยินเสียงสำเนียงอันน่าชื่นชมของท่านผู้นี้
แต่กลับได้รับการแตะด้วยไม้เซนประจำตัว และกดลงที่หัวเข่าเบาๆ
.
ผมนิ่ง และจดจ่อคอยดูอยู่ว่า...จะมีอะไรตามมาอีกหนอคราวนี้ !
.
"如是 นั้นแหละ ...
我的弟弟 น้องรักของฉัน !
.
ในขณะที่เธอยังไม่รู้จักมัน นั่นแหละ, ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน,
ณ ขณะที่จิตของเธอนิ่งลง ก็เหมือนกับจิตของทุกๆ คนที่ได้นิ่งลง
มันไม่แตกต่างกัน, จิตเซนเป็นจิตเริ่มต้น ที่ยังไม่แล่นไปรู้อะไรเลย..
A : โอ้ ! ขอบพระคุณครับ
อันนี้ที่พระอาจารย์ซูบอง พูดเหรอครับ !
.
B : ทันใดนั้นเอง
ผมเกิดความรู้สึกหมุนติ้วๆ ที่ท้องน้อย
และสะอึกสะเอื้อนออกมาเหมือนเด็กๆ
.
มันไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเปล่งออกมา เป็นแต่อาการเหมือนกับว่าใจจะขาด
จึงได้เพียงแต่สะอึกสอื้นร้องไห้ โฮ...ออกมาลั่นศูนย์เซนฮ่องกง
ท่ามกลางความงุนงงของผู้คน ที่นั่งสมาธิรอคิวเพื่อเข้าพบอาจารย์เซน
.
นี่อาจจะเป็นจังหวะต่อเนื่องจากคราวก่อน ที่ได้พบท่านซุงซาน
ช่วงหลังจากได้นั่งร่วมวงทานอาหารกลางวัน ในศูนย์ฯ
.
มันเป็นช่วงหลังจากที่ผมได้เลือกการจาริกออกจากไชยา
พร้อมกับจิตที่ลุกโชนเมื่อได้ศึกษาเซนเว่ยหล่าง ฮวงโปมาแล้ว
.
และต่อมาได้รับคำแนะนำท่านซุนซานบ้างเล็กน้อย จากวัดกวนอินที่สิงคโปร์
จากนั้นผมจึงได้มีโอกาสไปเรียนภาษาจีนที่กว่างโจว เมื่อทราบว่าท่านอาจารย์
จะมาแสดงพุทธธรรมแนวเซนที่ฮ่องกง ผมจึงลาโรงเรียนออกมาร่วมในงานนี้
.
A : ครับ
.
B : การพบกันครั้งนั้นมันจุดประกายขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่ไต้หวันอีกสองปี จึงได้ไปกรุงโซน
เพื่อเข้าร่วมงานภาวนาประจำปี winter time 100 วัน
.
เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากสำหรับผมและศิษย์ทุกคน
ที่หลังจากการพบกันกับซูบองครั้งนั้นไม่นาน ท่านก็ละสังขาร
.
ช่วงร้อยวันในงานภาวนาภาคฤดูหนาว winter time
ผมได้มีโอกาสพบกับบุคคลสำคัญในสายธรรมนี้หลายท่าน
และต่อมาท่านเหล่านั้น ก็ได้รับภารกิจอันสำคัญยิ่งสืบมา
.
วันนี้ครูทั้งสองได้สลายกลายเป็นหนึ่งกับธาตุทั้งหลายไปแล้ว
แต่พลังแห่งจิตวิญญาณของเซน ยังอบอุ่นและสืบทอดอยู่ในใจ
.
ผมคิดว่า หากท่านเมตตาจะอนุเคราะห์เพื่อนผู้มีวาสนาร่วมกันแล้ว
ก็อย่าได้ลังเลใจ ชีวิตหนึ่งหากเราสามารถช่วยลูกแมวตกน้ำสักตัว
ก็นับเป็นบุญอันมหาศาล และเราทั้งหลายก็ยังจะต้องได้พบกันอีก
.
อย่างแน่นอน !
.
สสารย่อมไม่สาบสูญไปจากโลกนี้ ฉันใด,
ดวงใจอันเปี่ยมเมตตา ก็ยังรอเวลาพรั่งพรู.
.
ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่าน และครอบครัว
.
ผมต้องขึ้นไทเป เพื่อร่วมภาวนากับวัชรจารย์พักชก รินโปเช คืนนี้
.
ขออานิสงส์ผลบุญอันจะพึงมีในงานสมาธิภาวนาทั้ง 4 วัน นี้
จงแผ่ไปยังสรรพสัตว์อย่างถ้วนหน้า จงทุกท่านทุกชีวิต เทอญ !
.
A : ขอคารวะพระอาจารย์ วันนี้ศิษย์ได้ฟังเรื่องเล่าทั้งหมด
รับมาพิจารณาและปฏิบัติแล้ว , ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพครับ
.
.
เครดิต : เฟสบุ๊ค 9/10/2015 บ่าย ไทจง
Fb : Cherdsak Joomprabut
Page : ชีวิตชีวาเซน-Lively Zen
https://www.facebook.com/livelyzen