ผู้เขียน หัวข้อ: Untitled  (อ่าน 829 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Untitled
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2017, 04:27:29 pm »






ปีใหม่ 2565 ระวัง
Omicon เด้อ !


เมื่อเรือเจ๊กเฮงเข้าคลองจะรู้กันทั้งหมู่บ้าน เพราะแกจะเป่าเขาควายแบบเรือหาปลาในท้องทะเล หากแต่เจ๊กเฮงเป่าในหมู่บ้านนั้น เสียงผิดกว่าเรือปลาเขาเป่ากัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าแกได้มาถึงหมู่บ้านแล้ว ใครจะซื้อของแลกเปลี่ยนอะไรก็เชิญ มีเครื่องกินเครื่องใช้ทุกอย่างมีทั้งผลไม้และผักต่างๆ มีพวกเด็ก ๆ วิ่งมาล้อมเรือเจ๊กเฮง แล้วต่างก็ซื้อขนมลูกกวาดและเครื่องจันอับขายดี เพราะเก็บไว้กินได้นาน นอกนั้นยังมีของเล่นสำหรับเด็ก พวกตุ๊กตาต่างๆ คล้ายแกยกร้านเข้ามาไว้ในหมู่บ้าน ก็เป็นที่สนุกสนาน ของพวกเด็กๆและเดือนหนึ่งเจ๊กเฮงจะผ่านมาหลายครั้ง ยิ่งหน้ากุ้งหน้าปลา เจ๊กเฮงก็จะเพิ่มสินค้าแปลกมากขึ้น บางครั้งยายซึ้มเมียเจ๊กเฮงก็มาด้วย ช่วยผัวขายของ นอกนั้นยังมีพวกลูกจ้างแจวเรือ

นางบางแม่ของแสนเรียกเจ๊กเฮงเข้าไปในบ้าน เจ๊กเฮงเมื่อเห็นแสนนอนเป็นไข้อยู่ก็สงสาร แต่อาการของแสนดีขึ้นอย่างประหลาดนับแต่วันที่ได้เพชรจากไม้เท้า ก็ค่อยกินข้าวกินปลาได้ เมื่อนายหมานางบางเอาเพชรเม็ดเล็กที่สุดในจำนวนที่มีอยู่ให้เจ๊กเฮงดู แล้วบอกว่า

เจ๊กเฮงลองตีราคาดูที่มันจะได้สักเท่าใด

เจ๊กเฮงหยิบมาส่องดูด้วยความตื่นเต้นพลางพูดว่า อั๊วดูไม่เป็นหรอก รู้แต่ว่ามันเป็นเพชรน้ำดี ส่วนราคานั้นจะต้องเอาไปให้ร้านขายทองที่อำเภออั๊วอยู่ให้เขาตีราคา แล้วจะมาบอกทีหลัง ถ้าเชื่อใจอั๊ว

ตกลงสองสามีภรรยา มอบเพชรเม็ดนั้นให้เจ๊กเฮงนำไปตีราคา ต่อมาไม่นานเจ๊กเฮงก็กลับมาในหมู่บ้านชายทะเลอีก คราวนี้มาแอบกระซิบบอกสองสามีภรรยาว่า เพชรเม็ดนั้นร้านขายทองเขาให้ราคา ๒ ชั่ง ถ้าขาย อั๊วจะมอบเงินให้เลย ถ้ายังไม่ขายก็ไม่เป็นไร

สองผัวเมียดูตากันนึกว่า โอ้โฮ ! เม็ดเดียวขายได้เงินตั้งสองชั่ง มีเงินใช้ไปได้อีกนาน เมื่อหารือกันตกลงแล้วก็บอกกับเจ๊กเฮงว่า อั๊วตกลงขายเจ๊กเฮงดี ใจจัดแจงลงไปในเรือหิ้วถุงเงินมา ๒ ถุง แล้วมอบให้นายหมา แล้วกลับมาจัดผลไม้ ที่มีไว้ขายในเรือ นำมามอบให้แสน ใครๆ ก็ยกย่องว่าเจ๊กเฮงใจดี ยังอุตส่าห์เอาผลไม้มาฝากคนเจ็บ และการป่วยของแสนก็ค่อยๆ ดีขึ้น และหายเป็นปกติอย่างอัศจรรย์

เมื่อแสนหายได้เป็นปกติแล้ว ก็นึกว่าเราได้เพชรของคุณตาก็เท่ากับคุณตาบวชให้ แล้วอยากเข้าไปบางกอกเพื่อสืบหาคุณตา พบจะได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เพื่อหาสถานที่ได้มีโอกาสเล่าเรียนศึกษาพระธรรมและพระวินัย ปฏิบัติสมณกิจด้วยจิตศรัทธามอบกายถวายชีวิต ในพระพุทธศาสนาด้วยใจรักในทางธรรม

เมื่อได้พยายามสืบหาคุณตาแต่ไม่พบ จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุแสน และตั้งอกตั้งใจศึกษา ไม่ช้าก็สามารถเรียนรู้ในภาษาบาลี และเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษามคธและสันสกฤต และสามารถเข้าแปลพระปริยัติธรรมสนามหลวง ได้เป็นเปรียญนับแต่ประโยคต้นมาตลอดจนประโยคชั้นสูง จนได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ

ต่อมาได้กลับมาทำการปฏิสังขรณ์พระอาราม และพระอุโบสถ สร้างศาลาขึ้นที่วัดดอนผักเบี้ย ตำบลหนองกระสา จนเป็นวัดเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาท่านได้รับสมณศักดิ์สูงเป็นที่เคารพสักการะบูชา เป็นที่ชื่นชมของชาวบ้านชายทะเล และพุทธมามกะทั้งหลาย เพราะท่านสมบูรณ์ด้วยศีลสมาธิ ปัญญา บริสุทธิ์ด้วยพรหมจรรย์อันสมควรยกย่องสรรเสริญ เพราะท่านได้สละความโลภ รัก โกรธ หลงด้วยการปฏิบัติจิตของท่านเที่ยงธรรม สมเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ขอย้อนหลังจากนายหมานางบาง ครั้นเมื่อได้จัดการอุปสมบทนายแสนบุตรชาย ให้เป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จำพรรษาอยู่วัดในจังหวัดพระนครแล้ว นายหมานางบางสองสามีภรรยา ยังไม่หมดความพยายามก็เที่ยวติดตามสืบหา คุณตา ที่บางกอกจนอ่อนใจก็ไม่พบ การเที่ยวสืบหาบุคคลที่ไม่รู้จักชื่อและที่อยู่ในจังหวัดพระนครอันกว้างใหญ่นั้น ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ที่สุดสองสามีภรรยาก็ผิดหวัง และกลับมาอยู่บ้านที่ชายทะเลตามเดิม ความจริงเหตุการณ์ก็ควรสิ้นสุดกันเพียงนี้

แต่เรื่องปัญหาลึกลับประหลาดยังไม่คลี่คลาย ต่อจากนั้นมาเป็นวันพระ พวกชาวหมู่บ้านชายทะเลพร้อมทั้งนายหมานางบางก็ไปรวมอยู่ที่กุฏิท่านสมภารวัดดอนผักเบี้ย สนทนาธรรมดื่มน้ำร้อนน้ำชาตอนหนึ่ง ท่านสมภารพูดขึ้นคล้ายกับจะมีประกาศให้ชาวบ้านได้รู้ได้ทราบ สิ่งลึกลับที่ชาวบ้านอยากทราบมานานแล้ว และถึงเวลาที่ท่านจะบอกให้ทราบ ท่านจึงเริ่มเอ่ย ขึ้นว่า อาตมาก็ชราภาพมากแล้ว แต่ได้เก็บความลึกลับไว้ได้ตลอดมา วันนี้ถึงเวลาที่อาตมาจะเผยเรื่องลี้ลับมหัศจรรย์ ให้ญาติโยมทั้งหลายทราบทั่วกัน

เพราะบัดนี้ โยมหมากับโยมบาง ก็ได้อุปสมบทให้บุตรชาย เป็นองค์พระสาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ถึงเวลาที่อาตมาจะแจ้งข้อสงลัยต่าง ๆ ที่อาตมาได้รับปากจากโยมคุณตาว่า จะแจ้งข้อสงสัยให้แจ่มแจ้ง อาจเป็นประโยชน์ของสาธุชนทั่วไปว่า เหตุใดโยมคุณตา ที่พวกญาติโยมรู้จักรักใคร่เคารพนับถือความดีของท่านนั้น จู่ ๆ จึงได้มาปลูกบ้านพักทรมานร่างกายที่เราอยู่ชายทะเล หาความสะดวกสบายไม่ได้ การคมนาคมก็ต้องใช้ทางน้ำ

เหตุเหล่านี้ได้รู้จากปากคำของโยมคุณตาเล่าให้ฟังว่า การที่ท่านมาอยู่บ้านชายทะเลนั้น มีเหตุผลที่น้อยคนจะนึกเดาถูก หรือไม่มีใครสามารถเดาได้ถึงต้นเหตุ ก็คือ เมื่อคุณตาหนุ่มๆ นั้น มีพี่น้องท้องเดียวรวมกัน ๓ คน คุณตาเป็นพี่ใหญ่ คนรองเป็นพี่สาว คนสุดท้องเป็นชาย ต้นตระกูลของคุณตาเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในกรุงสยาม มีชื่อเสียงในทางดี

คุณตาก็เข้ารับราชการเป็นขุนนางตามต้นตระกูล แต่คุณตาเป็นคนผ่าเหล่าผ่ากอ มีความโลภคิดทุจริตมิชอบ มีความมัวหมองถือว่าเป็นเรื่องอับอายขายหน้าแก่วงศ์ตระกูลมาก จึงเป็นหมาหัวเน่าในหมู่ขุนนางด้วยกัน จำต้องออกจากราชการ เมื่อครั้งบิดามารดาได้ถึงแก่กรรมลงแล้ว ทรัพย์สินมรดกตกทอดอยู่กับคุณตาเป็นบุตรคนโตเพื่อดูแลพวกน้อง ๆ นอกจากน้อง ๆ ยังมีมารดาเลี้ยงอีกผู้หนึ่งอยู่ในบริเวณบ้าน มารดาเลี้ยงเป็นคนดี พี่น้องต่างก็เคารพนับถือมาก ต่อมาคุณตาก็มีภรรยาและเกิดบุตรชายคนหนึ่งชื่อ สันติ แต่เมื่อคลอดบุตรออกมาแล้วภรรยาก็ตาย เวลานั้นคุณตาเป็นคนเห็นแก่ตัว ตั้งใจจะรวบรวมทรัพย์สมบัติไว้แต่ผู้เดียวตามวิสัยโลก และนำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปให้คนกู้ รับจำนองออกดอกออกผลและใช้เล่ห์เหลี่ยมฉ้อโกง ชาวเมืองที่โง่เขลาที่มาติดต่อจำนองทั่วไป จนร่ำรวยมากยิ่งขึ้น

ผิดกับบุตรชายเป็นคนใจบุญ มีความเมตตากรุณาเห็นอกเห็นใจคนยากจนมาตั้งแต่เด็ก ๆ ชอบขอเงินย่า และมีเงินเท่าใดก็ชอปซื้อนกซื้อปลานำไปปล่อยมากมายแต่ไม่ยอมขอเงินพ่อ เห็นจะเป็นเพราะพ่อไม่ชอบทำบุญทำทาน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 07, 2023, 10:53:24 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน