ผู้เขียน หัวข้อ: ห้องสมุดบางกอกคุณค่าของการถ่ายภาพ  (อ่าน 1367 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ होशདངພວན2017

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 625
  • พลังกัลยาณมิตร 291
    • ดูรายละเอียด

IMG0066
by arnocha2002, on Flickr


1-IMG_0082
by arnocha2002, on Flickr




กะลาแลนด์วันเดียว
มี 3 ฤดู
ร้อน
ฝน
หนาว


ถ่ายภาพโดย....होशདངພວན2017

เหตุที่มีผู้กราบไหว้พระพุทธองค์ยาวนานจนประมาณเวลาแห่งความสิ้นสุดมิได้เพราะพระพุทธเจ้าทรงชี้หนทางแห่งการสิ้นเวียนว่ายของจิตญาณ ให้แก่เวไนยสัตว์ทั้งปวงแม้ยังไปไม่พ้นจากทะเลทุกข์แต่เวไนยสัตว์เหล่านั้นได้มีโอกาสสร้างบุญสัมพันธ์กับพระพุทธองค์เป็นอเนกประการ ก่อให้เกิดกุศลจิตอันเป็นเหตุปัจจัยให้เขาเหล่านั้นได้วนเวียนเจริญอยู่ในพระพุทธศาสนา เพื่อเสรมสร้างเหตุปัจจัยให้สมบูรณ์พร้อมจนกว่ามีโอกาสได้รู้แจ้งวิถีจิตแห่งตนพ้นเวียนว่ายในธรรมกาลยุคสุดท้ายพระพุทธองค์จึงทรงเป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งปวงเพราะทรงมีวิธีฝึกมนุษย์ให้รู้แจ้งด้วยตนเองได้ครั้งหนึ่งสมัยที่พระผู้มีพระภาคประทับอยู่วัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถี มีสองพี่น้องมาบวชศึกษาธรรม พี่ชายชื่อมหาปันถกมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ปัญญาไว ส่วนน้องชายชื่อว่า จุลปันถกแสนโง่ทึบสอนอะไรก็จำไม่ได้พระมหาปันถกแสนเบื่อหน่ายจึงบริภาษพระน้องชายและขับไล่ให้สึกเพราะบวชไปก็เป็นบาปเวรกรรม มิอาจเข้าถึงมรรคผลนิพพานได้ความล่วงรู้ถึงพระพุทธองค์จึงมีพุทธบัญชา ให้พระน้องชายมาเข้าเฝ้าแล้วพระพุทธองค์ทรงเมตตาสอนให้ขัดถูผ้าผืนหนึ่ง ทำเช่นนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นพระจุลปันถกพากเพียรขัดถูผ้าจนกระทั่งจิตหนึ่งรวมอยู่ในหนทางสายกลางและในที่สุดก็บรรลุธรรรมด้วยการขัดถูผ้านี่เองพระพุทธองค์จึงเป็นเฉกเช่น มหาธรรมนาวา ขนสรรพสัตว์ให้พ้นไปจากทะเลทุกข์อย่างแท้จริง พระองค์ทรงมีวิธีฉุดช่วยเวไนยสัตว์อย่างแยบยลที่สุดพระธรรมาจารย์(ฮุ่ยเหนิง)กล่าวเอาไว้ในโศลกนิรรูปว่า บุคคลใดตั้งใจเป็นครูสอนคนอื่นเขาเองควรมีความ

คล่องแคล่วในวิธีอันเหมาะสมนานาประการที่จะนำผู้อื่นเข้าถึงความสว่างเมื่อศิษย์พ้นไปจากความสงสัยสนเท่ห์โดยประการทั้งปวงย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่า เขาพบ ธรรมญาณ ของตนเองแล้วจักรวรรดิ์ของพระพุทธเจ้าอยู่แต่ในโลกนี้ ซึ่งเราจะพบความสว่างไสวได้ในเขตนั้นการแสะแสวงหาความสว่างในที่อื่นจากโลกนี้ เป็นของพิลึกกึกกือเหมือนการหาหนวดเต่าเขากระต่ายความหมายแห่งโศลกนี้ได้ยืนยันให้เห็นความเป็นจริงว่าแม้เวไนยสัตว์มี ธรรมญาณ เหมือนกันหมดแต่เพราะกิเลสที่หนาบาง และสั่งสมมาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงมีกลุ่มคนที่ รู้ก่อน และ รู้ตามผู้รู้ก่อนจึงมีภาระหน้าที่ทำให้ผู้อื่นรู้ตามและใครที่ทำหน้าที่เช่นนี้ย่อมต้องใช้ความรู้ความสามารถฉุดช่วยผู้ไม่รู้ได้พ้นไปจากทะเลทุกข์ การทำหน้าที่เช่นนั้นจึงได้ชื่อว่าเป็น ครู ซึ่งจำต้องพิจรณาให้กระจ่างชัดถึงวิธีที่จะช่วยให้คนเหล่านั้นได้สำนึกรู้ได้ด้วยตนเองและมิได้หมายความว่าตนเองเป็นผู้เก่งกาจกว่าผู้อื่นใด เพราะใครก็ตามสิ้นความสงสัยแล้วพบ ธรรมญาณ แห่งตนเขาย่อมอยู่ในสภาวะเยี่ยงเดียวกับ(พุทธะ)ทั้งปวงด้วยเหตุนี้ผู้เป็นครูจึงเป็นเพียงผู้ชี้แนะหนทางเท่านั้นส่วนการเดินทางไปพบ(พุทธะ)ล้วนต้องเดินด้วยตนเองทั้งสิ้นดินแดนพุทธะจึงอยู่ในตนเองและต่างสามารถเข้าไปเฝ้าพระพุทธะของตน โดยไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาพระพุทธะจากที่ไหนเลยใครปฏิบัติผิดไปจากนี้จึงเป็นหนทางแห่งความหลงโดยแท้จริงพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงกล่าวว่าความเห็นที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ถูกขนานนามว่า เลิศเหนือโลกส่วนความเห็นผิด เป็นสิ่งที่ถูกขนานนามว่า ติดอยู่ในโลกเมื่อใดก็ตาม ความเห็นทั้งสองประการไม่ว่า

ถูก หรือ ผิด ถูกสลัดทิ้งไปเมื่อนั้น(โพธิ)แท้ย่อมปรากฏความหมายแห่งโศลกนี้ได้ให้ปัญญาแก่สาธุชนทั้งปวงได้รับรู้ว่าใครก็ตามที่ติดอยู่กับความเห็นไม่ว่า ถูก หรือ ผิดล้วนไม่พบปัญญา อันแท้จริง หรือ ปัญญาอันแท้ตามธรรมชาติจักไม่สำแดงออกมาได้เลย เพราะติดอยู่ที่ ถูก กับ ผิด เป็นกำแพงขวางกั้นโศลกนี้ถูกขนานนามว่า มหาธรรมนาวา เพื่อแล่นข้ามฝั่งวัฏสงสาร กัลป์แล้วกัลป์เล่า ตกอยู่ภายใต้ความมืดบอดแต่ครั้นถึงคราวตรัสรู้ มันกินเวลาแวบเดียวเท่านั้น ก็เข้าถึงพุทธภูมิคำกล่าวของพระธรรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงได้ชี้ให้เห็นว่า อันความรู้แจ้งไม่จำเป็นต้องใช้เวลายาวนาน เสมือนหนึ่ง ถ้ำที่มืดมานานเป็นแสนปีเมื่อจุดแสงสว่างภายในถ้ำนี้ขึ้นมาฉับพลันก็สว่างไสว ธรรมนาวา ย่อมแตกต่างไปจาก โลกียนาวาทุกคนต่างมี ธรรมนาวา ที่ต้องภายไปด้วยตัวเอง จึงจักพ้นไปจากทะเลแห่งทุกข์ แต่ โลกียนาวา วนเวียนอยู่ในทะเลทุกข์เพราะอาศัยคนอื่นพาย จึงไม่อาจพ้นไปจากทะเลแห่งทุกข์ได้เลย


https://www.4shared.com/s/fh9HnX9Iv




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 25, 2022, 07:09:55 pm โดย होशདངພວན2017 »
ตั้งมั่น แน่วแน่ แก้ไขทุกสิ่ง