ไม่กี่แห่งในโลก ที่เมื่อเราไปเยือนที่นั่นแล้ว ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจเหมือนบ้านเกิดเมืองนอนของเราเอง
เราทุกคนมีบ้านอยู่ในใจแตกต่างกันไป แต่ลักษณะสิ่งสำคัญที่มีร่วมกันก็คือ บ้านหลังนั้นต้องมีความอบอุ่น ปลอดภัยและเป็นมิตร บ้านแบบนี้คือสถานที่ที่จะช่วยให้เราได้พักผ่อนในยามที่เหนื่อยล้า แถมเป็นที่ปลอบใจเมื่อเรามีความทุกข์ และเป็นที่ฟื้นฟูกำลังวังชาของเราให้เดินกลับออกมาเผชิญโลก
ที่สิกขิมข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังเล็กๆ ในชนบทที่ห่างไกล ณ หมู่บ้าน Lachung
ในวันนั้นเรามีโปรแกรมช่วงเช้าไปที่ Yumthang Valley ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3579 เมตร ที่นี่คือ Valley of flower ในฤดูใบไม้ผลิ จะมีดอกไม้บานสะพรั่งทั้งหุบเขา โดยเฉพาะดอกกุหลาบพันปี ว่ากันว่าสวยงามมาก
โชคไม่ดีนัก..วันเวลาที่เราไปนั้น ฤดูใบไม้ผลิยังไม่ได้เริ่มต้น หิมะยังไม่ละลาย ถนนเส้นทางที่ไปจึงเต็มไปด้วยหิมะ และไปไม่ได้ เราต่างลงจากรถมาเดินเล่นบนหิมะแถวๆนั้น เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี
การได้เล่นหิมะก็ถือว่าไม่เลว เราเดินเล่นไปรอบๆ บริเวณนั้น ช่วยกันปั้นตุ๊กตาหิมะ แล้วก็ถ่ายรูป
ขากลับลงมายังหมู่บ้าน Lachung เรามีเวลาเหลือเฟือ แต่แล้วก็ได้โปรแกรมใหม่ คนขับรถนำเที่ยวได้พาเราไปเยี่ยมบ้านของเขา ซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านหลังเล็กๆ ทาด้วยสีฟ้า ตั้งอยู่บนเนิน เมื่อเราไปถึงที่นั่น เด็กตัวน้อยน่ารักวิ่งมาหาเจ้าของบ้านผู้เป็นพ่อ ด้วยความดีใจ เป็นภาพที่น่ารักจริงๆ
เมื่อมองจากทางเดินขึ้นบ้านออกไป เราพบว่าบ้านของเขามีวิวทิวทัศน์ที่ดีเยี่ยม มีท้องฟ้าสีครามกับภูเขาสูงและเห็นหิมะปกคลุมอยู่ไกลๆ
คุณป้าร่างท้วมๆผู้เป็นแม่ของชายคนนี้ เชื้อเชิญเราเข้าบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและกระตือรือร้น นอกบ้านอาจจะมีความหนาวเย็นอยู่บ้าง แต่เมื่อเราเข้าไปในบ้าน พบว่าในตัวบ้านนั้นอบอุ่นมาก
เรานั่งลงในฐานะแขก คงมีไม่บ่อยนักที่คุณป้าท่านนี้จะต้องต้อนรับแขกถึงสิบกว่าคนในคราวเดียวกัน แถมเป็นแขกที่มาเยือนจากแดนไกลมาก
เธอต้อนรับเราด้วยขนมและชงชาแท้ๆ แบบทิเบตให้เราลิ้มลอง รสชาดอาจจะไม่คุ้นเคยนัก แต่ข้าพเจ้าพบว่าหลายท่านที่ไปด้วยกันก็พยายามดื่มจนหมด
เราทักทายและพูดคุยกัน มีลูกชายและไกด์ช่วยแปลให้ บ้านหลังนี้ให้การต้อนรับเราอย่างอบอุ่นและจริงใจเหลือเกิน
นานมากๆแล้วที่เราต่างเคยได้ยินคำนี้
" เป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ " แต่ปัจจุบันเราไม่เห็นวิถีชีวิตแบบนี้กันแล้ว ยกเว้นในพื้นที่ชนบทมากๆ นานแค่ไหนแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้เคยเห็น ไม่ได้เคยเข้าไปอยู่ในบรรยากาศแบบนั้น
ในบ้านหลังนี้มีความรัก ความอบอุ่น คุณยายคุณหลานต่างโอบกอดกัน และยิ้มแย้มแจ่มใส
บนผนังด้านหนึ่งที่สูงขึ้นไป ข้าพเจ้าเห็นปฎิทินของธิเบตแขวนอยู่ และยังได้เห็นรูปเล็กๆของท่านดาไล ลามะที่ 14 ติดอยู่ที่ผนังอีกด้านหนึ่งด้วย
ขอบคุณโอกาสดีๆ ที่ทำให้ข้าพเจ้าได้มีวันนั้น วันที่ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เข้าใจในคำที่ว่า Feel like home ได้ชัดเจนขึ้น
แม้จะอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนแบบนั้น แต่ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านแท้ๆ ในใจของข้าพเจ้าเอง
http://gotoknow.org/blog/sunmoola/170411