ผู้เขียน หัวข้อ: เสร็จงานกลับบ้านได้ ( ค้นธรรมใต้ร่มไผ่ม่วง)  (อ่าน 2560 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


เสร็จงานก็กลับบ้านได้

สมัยราชวงศ์หมิง มีบุตรสาวคหบดีผู้หนึ่งนามว่า
หลันอี้ บุตรสาวคหบดีผู้นี้ เมื่อแรกตอนมารดาของนางตั้งครรภ์ได้มีฝูงวิหก บินมาทักษิณาวัตรรอบบ้านเป็นประจำ เป็นที่สังเกตุของบุคคลในครอบครัวทุกคนต่างคิดว่าน่าจะเป็นบุตรที่มีบุญวาสนามาเกิดเป็นแน่

เมื่อหลันอี้เกิดและได้เติบโตขึ้น เธอเป็นผู้มีความสามารถในทางบทกวี วรรณกรรม และการสังคีตเป็นอย่างมาก หลันอี้เป็นผู้ที่ชอบเล่นผีผาเป็นอย่างมาก นางสามารถนำบทวรรณกรรมมาดัดแปลงเป็นบทร้อง จนแม้กระทั่งพระสูตรในพุทธศาสนานางก็นำมาขับเป็นลำนำร้องสรรเสริญพระรัตนตรัยเป็นกิจวัตร
วันหนึ่งนางจึงได้สมรสกับบุตรของขุนนางใหญ่ อยู่กินกับสามีมาปีเศษ ก็ยังใช้ผีผาบรรเลงขับลำนำสรรเสริญพระรัตนตรัยอยู่

ในวันนั้นนางได้ขับบทแห่งอานิสงส์ของการออกบวชเป็นภิกษุณี ระหว่างขับก็พิจารณาธรรมไปด้วย จนทำให้คิดว่าครอบครัวนี้น่าเบื่อ คู่ครองก็เป็นคู่ทุกข์มากกว่าสุข นางจึงตัดสินใจหย่ากับสามีแล้วออกแสวงหาธรรม ได้ไปปรึกษากับพระเถระในหัวเมืองเรื่องการออกบวช พระเถระท่านก็เตือนหลันอี้ว่า การออกบวชเป็นภิกษุณีสามารถกระทำได้ แต่การศึกลาสิกขาบทนั้นไม่มี ศีลก็ต้องรักษามากกว่าพระภิกษุ นางจะสามารถทำได้หรือ ?

หลันอี้จึงตัดสินใจออกบวช แล้วบำเพ็ญอยู่อย่างสงบ เธอพร่ำภาวนาถึงพระอมิตาพุทธเจ้าเป็นประจำ แต่ด้วยความที่เธอมีความสามารถมากจึงค่อยๆสร้างวัดภิกษุณีขึ้น เพื่อสอนธรรมและบอกการปฏิบัติภาวนา ทำให้ผู้หญิงหันมาบวชเพื่อศึกษาธรรม ชี้แนะแนวทางการหลุดพ้นให้หมู่สตรี

ในบั้นปลายชีวิตคืนหนึ่ง ฝ่าเจิ้งฝ่าซือ หรือหลันอี้ในอดีต
ได้เข้าสมาธิ เธอเกิดภาพนิมิตถึงพระอมิตาพุทธเจ้า
 ในนิมิตพระอมิตาพุทธเจ้า ตรัสกับเธอว่า

"นกยูงแห่งธรรม บัดนี้เธอได้เสร็จสิ้นกิจแล้ว"
" อีกห้าราตรี เธอจะคืนสู่สุขาวดี "
"เราและคณะจะมารับเธอกลับบ้าน" 

ฝ่าเจิ้งธรรมจารย์ตื่นขึ้นจากนิมิต ด้วยความปิติยินดี

จากนั้นท่านได้เรียกประชุมเหล่าศิษย์ มาร่วมสลับสับเปลี่ยนกันสวดมนต์ถวายพุทธบูชา จนราตรีสุดท้ายที่ห้า

ระหว่างสวดมนต์ในยามสามของราตรีนั้น ปรากฏฝูงนกบินมาในยามราตรี บินรอบอารามภิกษุณี ฝ่าเจิ้งภิกษุณีเฒ่า นั่งสมาธิในแท่นธรรม  พนมมือขึ้นแล้วกล่าวว่า

 บัดนี้พระพุทธองค์และคณะโพธิสัตว์ ได้เสด็จมาถึงแล้ว
เมื่อพูดขึ้นดังนั้น มือก็ลดลงเข้าสมาธิ ทั่วบริเวณอาราม
ปรากฏมีกลิ่นหอมที่ไม่มีในโลกเรา กระจายไปทั่วอารามภิกษุณี

 มีแสงสีรุ้งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ในขณะยามสามแห่งราตรีนั้น
ภิกษุณีฝ่าเจิ้งก็ละสังขารในท่าสมาธิกลับสู่บ้านสุขาวดี

#ใช้ประโยชน์ของตนยังประโยชน์ของผู้อื่นไม่ใช่ผู้อวดรู้
#ใช้ประโยชน์ของตนยังประโยชน์ของผู้อื่นคือผู้รับใช้สรรพสัตว์
#โพธิสัตว์ไม่เหมือนผู้รู้ต่างกันที่ม่านแห่งอัตตา
#ผู้รู้ก่อกิจด้วยอัตตาแต่โพธิสัตว์คือคนใช้ของสรรพสัตว์ถึงจะคล้ายกันแต่ก็ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

จาก https://www.facebook.com/purplebamboo48/
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...