ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงแรก  (อ่าน 10342 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
วันที่หนึ่ง
 
 
มีข้อความกล่าวในคัมภีร์เล่มนี้ว่า ภายหลังที่ไม่รู้สึกตัวมาเป็นวันที่สี่ บุคคลจะตื่นขึ้นสู่แสงสุกใส อันก่อให้เกิดความเข้าใจในทันทีว่าตนเอง ได้อยู่ในสภาวะบาร์โด และวินาทีนั้นเองที่ประสบการณ์สังสารวัฏจะฉายฉาน มีการรับรู้ถึงแสงสว่างและจินตภาพอันเป็นด้านผกผันแห่งกายและรูป แทนที่มันจะปรากฏตนรูปอันจับต้องได้ มันกลับปรากฏตนในรูปที่จับต้องไม่ได้
 
จากนั้นคุณก็ได้ประจักษ์กับแสงเจิดจรัส อันเป็นการเชื่อมโยงกันของกายและปัญญา ถึงแม้เราจะถูกดูดซึมเข้าสู่ภาวะสุกใส ภูมิปัญญาก็ยังคง ดำเนินต่อไปอย่างแหลมคมและแจ่มชัด พร้อม ๆ กับความเจิดจรัส และแล้วกายเนื้อ กายจิต ปัญญา และใจอันปราดเปรื่องก็จะสูญสลายสู่ อากาศธาตุ
 
ในกรณีเช่นนี้ พื้นที่ว่างแห่งอากาศธาตุจักเป็นสีคราม นิมิตที่ปรากฏขึ้นไดพ้แก่พระไวโรจนพุทธ พระไวโรจนพุทธนั้นได้แก่พระพุทธองค์ที่ปราศจากด้านหน้าและด้านหลัง พระองค์เป็นรูปนิมิตที่แผ่ไพศาลซึมซาบไปในทุกแห่งหนโดยปราศจากศูนย์กลางแน่ชัด ดังนั้นพระองค์ จึงปรากฏกายในท่วงท่าขัดสมาธิมีพระพักตร์สี่ด้านทอดพระเนตรออกไปในทิศทั้งสี่ มีพระวรกายสีขาว นั้นเป็นเพราะว่าการรับรู้ของพระองค์ นั้นไม่ต้องการสีสันอื่นเจือปน คงไว้แต่สีสันเดิมอันเก่าแก่เท่านั้น อันได้แก่สีขาว พระองค์ทรงถือธรรมจักร อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง การไปพ้นจากกาละและเทศะ สัญลักษณ์โดยรวมของพระไวโรจนะพุทธ ได้แก่การปราศจากที่มั่นศูนย์กลาง และการครอบครองมุมมอง อันไพศาล ทั้งจุดศูนย์กลางและวงรัศมีดำรงอยู่ ณ ทุกแห่งหน เป็นการเปิดเผยจิตใจอย่างสิ้นเชิง
 
พร้อม ๆ กันนั้นก็บังเกิดนิมิตแห่งภูมิเทพเทวาขึ้น ภาพที่กว้างใหญ่ไพศาลปราศจากจุดศูนย์กลางก่อให้เกิดความหวาดหวั่นนั้นเป็นเพราะว่า เราไม่มีที่พักพิงอีกต่อไป ทว่าประกายนวลใสแห่งสีขาวจักเปรียบประดุจดังตะเกียงในพายุมืด ซึ่งเราจะมุ่งหน้าเข้าหามัน
 
ภูมิแห่งเทพเทวานั้นมักปรากฏในชีวิตประจำวันของเราเสมอ เมื่อใดก็ตามที่เราอยู่ในภาวะดิ่งนิ่งอยู่ใต้สภาวะปีติสุขและเริงรื่นคล้ายกับเข้าฌาน เมื่อใดที่ความปีติสุขเช่นนี้บังเกิดขึ้น ด้านตรงข้ามของมันอันได้แก่การใช้ศูนย์กลางก็อาจเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่น่าขุ่นเคืองอย่างยิ่ง ไม่น่ายินดีเลย เพราะไม่มีสิ่งใดให้เราได้คลอเคลีย ไม่มีที่ให้เราแสวงหาความเพลิดเพลินใจ เป็นการดีที่เราจะแลเห็นทุกสิ่งได้กว้างไกล แต่หากปราศจากคนที่รับรู้สิ่งเหล่านั้นเสียแล้ว เรื่องเช่นนี้กลับน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ความขัดแย้งระหว่างภูมิแห่งเทพเทวากับคุณลักษณ์แห่งพระไวโรจนพุทธ นั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตเรา บ่อยครั้งทีเราต้องเป็นผู้ตัดสินว่า เราจักยึดมั่นอยู่กับสิ่งซึ่งเป็นต้นตอศูนย์กลางแห่งความสุขใจ หรือว่า จะก้าวเข้าไปสู่ความเปิดโล่งอันบริสุทธิ์ผุดผ่องที่ปราศจากศูนย์กลางดี
 
ประสบการณ์ดังกล่าวเกิดจากความก้าวร้าว เพราะความก้าวร้าวจะฉุดรั้งเราให้ถอยหลังกลับและปิดบังเราจากการแลเห็น พระไวโรจนพุทธ ความก้าวร้าวเป็นสิ่งทึบตันอึดอัด เมื่อเราตกอยู่ภายใต้ความเกลียดชัง ก็เปรียบเสมือนการกลายเป็นตัวเม่นที่ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องตนเอง จากการแลเห็นได้กว้างไกล เราไม่ต้องการจะมีสี่หน้า แม้ดวงตาข้างเดียวเราก็ไม่ปรารถนา เป็นเรื่องของการหมกมุ่นกับตนเองอย่างรุนแรง นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมความก้าวร้าวจึงผลักไสเราจากคุณลักษณ์อันเปิดโล่งแห่งพระไวโรจนพุทธ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2014, 09:47:28 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
วันที่สอง
 
 
เมื่อพ้นจากธาตุน้ำ แสงนวลขาวก็ริบหรี่ลง และในทางทิศตะวันออก ณ ภูมิแห่งสุขาวดี พระตถาคตวัชรสัตว์ หรือพระอักโษภยพุทธจะ ปรากฏขึ้น

คำว่า อักโษภยะแปลว่า ผู้ไม่หวั่นไหว และวัชรสัตว์ แปลว่า สรรพสัตว์ที่มีคุณลักษณ์ดุจดังวัชระหรือเพชร ทั้งสองคำนี้หมายถึง ความแข็งแกร่ง ความหนักแน่น ในตำนานโบราณของชาวอินเดีย วัชระ ได้แก่ อัญมณีสูงค่าหรือสายฟ้า ที่สามารถทำลายล้างอาวุธ หรืออัญมณีอื่น ๆ ได้ แม้กระทั่งเพชร ตำนานเล่าว่ามีฤษีตนหนึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุเป็นเวลานานนับศตวรรษ เมื่อ ฤษีตนนี้ดับชีพลง กระดูกของท่านได้กลายเป็นวัชระ พระอินทร์ได้เสด็จมาพานพบเข้าและนำติดตัวกลับไปทำเป็นอาวุธ เป็นวัชรศาสตรา ที่แหลมคมในทุกเหลี่ยมมุม วัชรศาสตรานั้นมีคุณลักษณ์เด่น สามประการ ได้แก่ หนึ่ง มันไม่อาจนำไปใช้อย่างพร่ำเพรื่อ สอง มันมีอำนาจสูงสุดในการทำลายคู่ต่อสู้ สาม มันจะย้อนกลับคืนสู่ผู้เป็นเจ้าของเสมอ มันเป็นอาวุธที่ทำลายไม่ได้ แข็งแกร่งและทรงพลังมาก

พระตถาคตวัชรสัตว์-อักโษภยะทรงถือวัชระห้าแยก อันมี ความแกร่งเป็นเลิศ ประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์กุญชร ศักติหรือเทวีของพระองค์ ได้แก่ โลจนะพุทธะหรือดวงเนตรแห่งพุทธะ ในตำนานทางพุทธธรรมมีดวงเนตรอยู่ห้าประเภท เนตรแห่งกาย เนตรแห่งพุทธะ เนตรแห่งภูมิปัญญา เนตรแห่งสรวงสวรรค์ เนตรแห่งธรรมะ ในที่นี้เนตรแห่งพุทธะ หมายถึง การตรัสรู้แจ้งแล้ว คุณอาจครอบครอง สถานการณ์ที่แข็งแกร่ง มั่นคง แต่หากคุณไม่สามารถทำการสื่อสารกับสภาวะแวดล้อมได้ คุณจะเริ่มเซื่องซึมเฉื่อยชา ด้วยเหตุนี้คุณลักษณ์ แห่งอิตถีเพศจะเป็นตัวเปิดทางให้ นางเป็นผู้จัดการหาหนทางออกหรือการเคลื่อนไหวให้กับสรรพสิ่ง เป็นองค์ประกอบของการสื่อสาร ที่โยกย้ายความเย็นชาสู่การเลื่อนไหล เป็นสถานการณ์อันมีชีวิตยิ่ง

ผู้ติดตามอีกท่านหนึ่งได้แก่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ คำว่า กษิติครรภ์ หมายถึง ครรภ์แห่งแผ่นดิน พระองค์เป็นตัวแทนแห่งความสมบูรณ์ และความงอกงาม เป็นรูปแบบของการเผยแพร่คำสอนอีกแบบหนึ่งของพระพุทธองค์ พระองค์มักร่วมทางมากับพระเมตไตรยโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ผู้ทรงไว้ซึ่งความเมตตา ความแข็งแกร่งมั่นคง ความอุดมสมบูรณ์ ต้องพึ่งพาอารมณ์อ่อนโยนเมตตา เพื่อนำความมีชีวิตชีวา ถ่ายทอดสู่สิ่งที่แข็งกระด้าง ความกรุณาในที่นี้ก่อจากความรักอันไพศาล หาใช่ความกรุณาที่มุ่งแต่ตนเองไม่

ลำดับต่อมาได้แก่โพธิสัตว์สตรีนาม ลาสยา เป็นโพธิสัตว์แห่งการเริงร่ายหรือท่วงท่ามุทรา นางเป็นเทพีที่เลศในการแสดงมากกว่าการเริงรำ เป็นผู้แสดงให้เห็นถึงความงามและความสูงค่าแห่งร่างกาย เป็นความสง่างามและความเย้ายวนแห่งอิตถีเพศ นอกจากนี้ยังตามติดด้วยบุษบา เทวีแห่งบุปผาลดาวัลย์อันเป็นองค์คุณโพธิสัตว์แห่งทัศนียภาพ ทิวทัศน์และฉากประเทศ

สิ่งที่พ้นไปจากรูปขันธ์คือ ลำแสงที่สุกใสดุจกระจกแก้วและสว่างแวววาวแจ่มใสและเจิดจรัส ซึ่งฉายฉานจากดวงหทัยของวัชรสัตว์และชายาประจำองค์ พร้อมกันนี้ลำแสงจากนรกภูมิที่มีสีเทาสลัวปราศจากความใสสว่างก็จักบังเกิดขึ้นด้วย เมื่อผู้คนโดยทั่วไปได้ประสบพบกับคุณลักษณ์ อันสูงส่งแห่งวัชระเลอคำ เขาจักรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งซับซ้อน ดังนั้นเขาจึงหันเหความสนใจไปยังแสงสีเทาที่เกี่ยวโยงกับนรกภูมิ อันเป็นความ หวาดระแวงซึ่งสัมพันธ์เชื่อมโยงกับคุณลักษณ์ทางด้านปัญญาของวัชระ ในการจะทำความเข้าอกเข้าใจเหตุการณ์ได้อย่างถ่องแท้นั้น คุณจำต้องแลเห็นอย่างชัดแจ้งว่าเกิดข้อผิดพลาดประการใดขึ้น มากกว่าจะเฝ้าค้นหาในสิ่งที่ถูกต้อง นี่แลคือคุณลักษณ์แห่งปัญญาอันเป็นธรรมชาติ สูงส่งของวัชรสกุลเป็นทัศนคติที่เปี่ยมไปด้วยเหตุผล ปัญญาญาณของคุณจะตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินอันหนักแน่นหรือความเป็นปกติสามัญได้ มันย่อมกวนก่อความหวาดระแวงให้ตามติดมา
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
วันที่สาม
 
 
เมื่อเวลาผ่านไป คุณลักษณ์แห่งธรรมธาตุของไวโรจนพุทธจักสร้างขอบเขตที่ว่างอันเวิ้งว้างขึ้น ส่วนคุณลักษณ์แห่งพระวัชรสัตว์ - อักโษภยพุทธ จักก่อให้เกิดความแข็งแกร่ง แข็งกร้าว และแล้วนิมิตแห่งรัตนสัมภวพุทธ จักปรากฏขึ้น รัตนสัมภวพุทธเป็นนิมิต แห่งสกุลรัตนะ ซึ่งกำเนิดจากความรุ่มรวยและความสง่างามสมเกียรติ ความมั่งคั่งจักแผ่กระจายไปในทุกแห่งหน โดยมีพื้นฐานจากความแข็งแกร่งร่ำรวยและแผ่ไพศาล ด้านเลวร้ายของคุณลักษณ์แห่งรัตนะได้แก่ อาศัยความรุ่มรวยรุกล้ำไปในดพินแดนของผู้อื่น รุกล้ำเข้าไปใน ดินแดนอันว่างเปล่า เป็นการแผ่ขยายทานกรุณาอย่างเกินขอบเขต ทำให้ปิดกั้นการสื่อสารอันเหมาะควร
 
รัตนสัมภวพุทธนั้นมีพระวรกายสีเหลืองอันหมายถึงโลก เป็นความงอกงามอุดมมั่งคั่ง พระองค์ทรงถือดวงมณีอันบ่งบอกถึง การหย่าขาด จากความยากจน ศักติของพระองค์มีนามว่ามามากอันหมายถึงสายน้ำ ความสมบูรณ์แห่งผืนแผ่นดินย่อมต้องพึ่งพาแหล่งน้ำเป็นสำคัญ
 
พระโพธิสัตว์ที่ร่วมทางมาด้วยได้แก่ อากาศครรภ์ หรือ ครรภ์แห่งผืนฟ้า ผืนดินอันอุดมย่อมต้องการที่ว่างเพื่อใช้แลดูทัศนียภาพรอบ ๆ นอกจากนี้ยังมีพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ผู้ถึงพร้อมด้วยมหาจริยาและมหาปณิธาน ผู้คงความแข็งแกร่งของโลกโดยพื้นฐานไว้ ความแข็งแกร่งนั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญในมณฑลทั้งหมดแห่งสกุลรัตนะ ในวัฒนธรรมเก่าแก่แห่งการเลือกที่เพาะปลูกหว่านไถ ใหม่นั้น ( ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลและพัฒนามาจากวัฒนธรรมบอนของธิเบต ) คุณไม่อาจสุ่มหาที่ตั้งโดยปราศจากปัจจัยทางจิตวิทยาเข้ามา เกี่ยวข้อง ตำแหน่งสถานที่ต้องกอปรด้วยความรู้สึกว่างโล่งแห่งทิศตะวันออก ( บูรพา ) ความหอมหวานชื่นใจแห่งทิศใต้ ( ทักษิณ ) โดยอาศัยลำธารและสายน้ำ ความรู้สึกหนักแน่นแห่งทิศตะวันตก ( ปราจีน ) โดยอาศัยก้อนหินศิลาเป็นสำคัญ ความรู้สึกปกป้องแห่งทิศเหนือ ( อุดร ) โดยอาศัยทิวเขาเป็นแนวหลัก รวมทั้งการพิจารณาการไหลบ่าของทางน้ำโดยยึดรูปร่างแผ่นดินเป็นหลัก และบริเวณที่ใกล้เคียงกับ น้ำพุหรือตาน้ำ มักจะมีจุดที่ไม่ชื้นแฉะและมีแหล่งหินอันเหมาะสมในการเพาะปลูกสร้างเคหะสถาน ตำแหน่งที่มีแหล่งหินล้อมรอบด้วย ที่ตั้งและรูปร่างลักษณะอันถูกต้องเรียกขานกันในนามว่า สมันตภัทรปริมณฑล นอกจากนี้ สมันตภัทรโพธิสัตว์ยังข้องเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ และความคิดด้านบวก เป็นความเชื่อมั่นศรัทธาและจิตใจอันดีงามที่มองไปในอนาคตเบื้องหน้า
 
รัตนะสัมภวพุทธจะร่วมทางกับศักตินาม มาลา เทวีที่ประทานให้ซึ่งเครื่องหอม พวงมาลา สร้อยคอ กำไลมือ และเครื่องประดับต่าง ๆ โพธิสัตว์สตรีอีกนางหนึ่งได้แก่ ธูป เทวีอันทรงไว้ซึ่งกำยานของหอม นางเป็นตัวแทนแห่งกลิ่นหอมจรุงใจในสภาพธรรมชาติแห่งพื้นพิภพ เป็นอากาศบริสุทธิ์ที่ปราศจากมลภาวะ เป็นสถานที่บริเวณอันพืชพันธุ์จะผลิใบแตกหน่อและสายน้ำจะไหลรินโคจร
 
แสงสว่างที่ผูกพันกับสกุลรัตนะได้แก่่่่แสงเหลืองนวลที่สงบรำงับไม่พร่ามัว แต่ดูราวกับว่าคุณลักษณ์อันรุ่มรวยและละเอียดอ่อนของ รัตนปริมณฑลสูงส่งและซับซ้อนเกินไป ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ว่าบุคคลจะพลัดหลงไปสู่ซอกมุมโสมมและพึงใจอยู่แต่ตนเองอันเป็น มุมอับเล็ก ๆ ของความเย่อหยิ่ง ซึมเซา แห่งมนุษย์ภูมิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2014, 09:48:49 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
วันที่สี่
 
 
 
ในวันที่สี่จักถึงคราธาตุบริสุทธิ์แห่งไฟ ที่ปรากฏตนในรูปพระอมิตาภพุทธในปัทมสกุล พระอมิตภพุทธ หมายถึง พระผู้มีรัศมีหาที่สุดมิได้ คุณลักษณ์สำคัญแห่งปัทมสกุลได้แก่ความดึงดูด ความเย้ายวน ความเชื้อเชิญและอบอุ่น ความเปิดโล่ง และกรุณาคุณ รัศมีนั้นหาที่สุดมิได้ นั่นเป็นเพราะมันได้สาดส่องไปตามธรรมชาติ มิได้ร้องหารางวัลตอบแทนใด ๆ เป็นคุณลักษณ์แห่งธาตุไฟที่มิใช่ความก้าวร้าวชิงชัง หากแต่ ทำการเผาผลาญในทุกสิ่งโดยปราศจากการเลือกที่รักมักที่ชัง

พระอมิตาภพุทธทรงถือดอกบัวหรือปัทมะไว้ในมือ อันมีความหมายดังข้างต้น ดอกบัวจะแย้มบานเมื่อจันทราหรือสุริยาสาดฉายมาต้อง มันจะแย้มกลีบออกรับแสง ประดุจดังว่าทุกสถานการณ์จะได้รับการต้อบรับเสมอ นอกจากนี้มันยังแฝงคุณสมบัติแห่งความบริสุทธิ์เลอค่า ความเอื้ออาทรเช่นนี้อุบัติจากโคลนตมและฝุ่นผงแต่หาแปดเปื้อนแม้แต่น้อย พระองค์ทรงพาหนะมยุราอันหมายถึงความเปิดกว้างและ การตอบสนอง ในตำนานโบราณมยุราจักได้รับการชุบเลี้ยงโดยมียาพิษเป็นภักษาหาร สีสันบนตัวกำเนิดจากโอสถพิษอันร้ายแรง โดยอาศัยการเปิดเผย เปิดกว้าง ทำให้มันสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันเลวร้ายได้อย่างไม่หวั่นไหว จริงแล้วความกรุณาจักอาจหาญร่าเริงได้ถึงขีดสุดก็ต่อเมื่อยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันเลวร้ายเท่านั้น

ชายาของพระองค์ได้แก่ปันฑราสาสินี หรือนางในอาภรณ์ชุดขาว อันเกี่ยวข้องกับตำนานเก่าแก่ของอินเดียที่กล่าวถึงภูษาอันถักทอ จากใยหิน ซึ่งจะชำระล้างมลทินได้โดยเปลวไฟเท่านั้น นางเป็นตัวแทนแห่งอัคคีที่เผาผลาญทุกสิ่ง และเผยให้เห็นถึงผลจากการแผดเผา อันได้แก่ความบริสุทธิ์และความกรุณาอันเปี่ยมล้น

นอกจากนี้ยังปรากฏองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเจ้า ผู้ทรงความการุณย์ พระองค์ทรงทอดพระเนตรไปในทุกแห่งหน อันเป็นการแสดง ออกถึงปัญญาญาณขั้นสูงสุดของความกรุณา ที่ใดก็ตามที่ปรารถนาความกรุณา ท่านก็จักปรากฏตัวขึ้นดังสภาพธรรมดาสามัญ เฉียบคมและ เป็นไปโดยพลัน หาใช่ความกรุณาแบบบอดใบ้หรือปัญญาอ่อน แต่เป็นความกรุณาอันชาญฉลาดที่ปฏิบัติตนได้ดีเลิศ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ที่ปรากฏตนในที่นี้ด้วยนั้น แสดงให้เห็นถึงกลไกแห่งความกรุณา เป็นกลไกที่อุบัติจากปัญญามากกว่าอาศัยแรงกระตุ้นทางอารมณ์เพียงถ่ายเดียว พระมัญชุศรีโพธิสัตว์เป็นผู้ก่อกำเนิดสรรพเสียงที่ใช้ติดต่อแสดงความกรุณา พระองค์เป็นตัวแทนแห่งถ้อยคำของความว่างอันเป็นบ่อเกิด ของถ้อยคำทั้งปวง

สำหรับ คีตา โพธิสัตว์สตรีแห่งบทเพลง นางเป็นผู้ขับร้องท่วงทำนองแห่งพระมัญชุศรี ส่วนอโลคาเทวี คือโพธิสัตว์สตรีที่ถือดวงตะเกียง หรือคบเพลิง กระบวนการทั้งหมดแห่งความกรุณานั้นมีทั้ง จังหวะ ทำนอง และแสงสว่าง มีทั้งความลึกล้ำแห่งปัญญาและความแหลมคมอันทรงประสิทธิภาพ มีทั้งคุณสมบัติแห่งความบริสุทธิ์ของพุทธะเช่นเดียวกับคุณลักษณ์อันแผ่ไพศาลของพระอมิตาภพุทธ

ทั้งหมดนี้คือเทพแห่งปัทมสกุล ที่อยู่เหนือสัญญาขันธ์และเจิดจ้าด้วยลำแสงสีแดงแห่งภูมิปัญญาอันตระหนักแจ้งไม่เบี่ยงเบนเป็นสมบัติ ความกรุณานั้นคมชัดและเที่ยงตรง มันจึงจำต้องอาศัยปัญญาที่รู้จักแยกแยะซึ่งมิได้หมายถึงการเลือกยอมรับหรือปฏิเสธ แต่หากหมายถึง การแลเห็นสรรพสิ่งดังความเป็นจริง

ในคัมภีร์เล่มนี้ปัทมสกุลและความกรุณาเกี่ยวข้องกับเปรตภูมิอันทำให้เกิดข้อโต้แย้งบางประการ เพราะอารมณ์ปรารถนามักผูกพัน กับมนุษย์ภูมิเป็นที่ตั้ง คุณลักษณ์มากมายแห่งปัทมสกุลไม่ว่าจะเป็นความแหลมคม ความแจ่มชัด ความลึกล้ำ และความสูงส่งนั้นมักท่วมท้น มากล้นจนในบางครั้งคราบุคคลปรารถนาจะบอดใบ้อยากจะหลบหนีจากสิ่งสมบูรณ์พร้อมเช่นนี้และไปเพลิดเพลินกับอารมณ์อันเย้ายวนแทน
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
วันที่ห้า
 
 
ในวันที่ห้ากรรมสกุลจักปรากฏตนขึ้น พร้อมกับคุณสมบัติใสสะอาดแห่งอากาศหรือสายลม แสงสาดส่องฉายฉานในที่นี้ได้แก่แสงสีเขียว เป็นสีแห่งความอิจฉาริษยาจากดินแดนแห่งกรรมที่สั่งสม พระอโฆสิทธิพุทธได้ปรากฏขึ้น กรรมสกุลนั้นข้องเกี่ยวกับการกระทำ ความสำเร็จ และประสิทธิภาพ ที่บังเกิดมีนั้นช่างทรงพลังและยากจะต้านทานได้ ดังนั้นมันจึงถูกมองว่าเป็นตัวทำลายล้างด้วยเช่นกัน พระอโฆสิทธิ หมายถึงการสำเร็จกิจทุกประการและบรรลุถึงอำนาจทั้งปวง

พระอโฆสิทธิพุทธทรงถือวัชระไขว้ไว้ในมือ วัชระนั้นเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จในทุกขอบข่ายแห่งการกระทำ เป็นความแข็งกร้าว แข็งแกร่ง และไม่อาจขจัดทำลายได้ดังที่ได้เคยกล่าวถึงวัชรสกุล วัชระไขว้เป็นตัวแทนแห่งกิจการงานที่ได้รับการตรวจตราอย่างถี่ถ้วน เป็นการใส่ใจในทุกแง่มุม เป็นวัชระอันหลากสีสัน
 
พระอโฆสิทธิพุทธจะทรงประทับนั่งอยู่บนชาง-ชาง อันเป็นสัตว์จำพวกครุฑ ครุฑประเภทนี้เชี่ยวชาญอย่างล้นเหลือในทางดุริยศาสตร์ ชาง-ชางจะถือฉิ่งไว้ในมือทั้งสองข้างขณะที่แบกพระอโฆสิทธิพุทธไว้บนหลัง ก่อให้เกิดภาพพจน์อันน่าเกรงขามและเป็นสัญลักษณ์ แห่งความสำเร็จในกาลทั้งปวง ชาง-ชางเป็นยอดแห่งวิหค เป็นวิหคชั้นสูงที่สามารถโผบินไปทั่วสากลจักรวาล บุกฝ่าไปทุกแห่งหน

ชายาประจำตัวของท่านนั้นได้แก่ สัมมายะ-ธารา เป็นเทพีแห่งถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์ หรือในนามแห่งสัมมายวาจา ในพระสูตรแห่งตันตระ มีการตีความคำว่าสัมมายะแตกต่างกันไป ทว่าในกรณีดังกล่าวนี้ มันมีความหมายถึงความสมหวังอันเต็มเปี่ยมในสถานการณ์ขณะนั้น

พระโพธิสัตว์ที่ร่วมขบวนในกรรมสกุลนั้นได้แก่ วัชรปาณหมายถึงผู้ทรงวัชระไว้ในฝ่ามือ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการธำรงไว้ซึ่งพละ กำลังอันมหาศาล ท่านทรงเป็นองค์คุณโพธิสัตว์แห่งพลังติดตามด้วยท่านศรวณี-วิศคันภิม ผู้ขจัดเสียซึ่งนิวรณ์ขวางอารมณ์หากนิวรณ์ เข้าครอบงำในระหว่างกระทำกรรม ซึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดหรือความไม่สามารถสัมผัสกับปัจุบันขณะ ดังนั้นท่านจะเข้ามาขจัดล้าง นิวรณ์และเปี่ยมล้นด้วยอำนาจแห่งชัยชนะ

โพธิสัตว์สตรีแห่งกรรมสกุลนั้นได้แก่ คันธะ และไนเวทยคันธะเป็นเทวีแห่งน้ำปรุงเครื่องหอม นางถือหัวน้ำหอมที่ทำจากโอสถ สมุนไพรนานาชนิด อันแสดงถึงประสาทสัมผัส ในการประกอบกิจการอันเป็นกุศล คุณจำเป็นต้องมีประสาทสัมผัสอันฉับไว ส่วน ไนเวทยะนั้นเป็นผู้ประทานซึ่งอาหารหล่อเลี้ยง เป็นภักษาหารแห่งสมาธิภาวนาที่บำรุงเลี้ยงกิจการอันเชี่ยวชาญ

กรรมสกุลนั้นอยู่เหนือสังขารปรุงแต่ง และเชื่อมโยงอยู่กับอสุรภูมิ อีกครั้งหนึ่งที่ภูมิปัญญาได้ทำการเผชิญหน้ากับความสับสนหรืออวิชชา และทั้งคู่ต่างก็ปองหมายในสิ่งเดียวกัน อันได้แก่การครอบครองกักขัง ทว่าภูมิปัญญานั้นครอบครองโอกาสความเป็นไปได้ทั้งปวง ในขณะ ที่ความสับสนครอบครองกระบวนการคับแคบในการจัดการกับปัญหา นั้นเป็นเพราะว่าภูมิปัญญาล้วนแจ่มชัดต่อหนทางขจัดปัญหา นั้นเป็น ไม่ว่าจะเป็นในแง่อัตวิสัย - สภาววิสัย การใช้พลกำลัง พื้นผิว อารมณ์ ความเข้มข้น ความเร่ง พื้นที่ว่างหรือสิ่งใด ๆ อื่น ในขณะที่ความสับสนแทบไม่เคยพัฒนาตนเองหรือแผ่ขยายแนวคิดหนทางใด ๆ เลย ความสับสนเป็น ปัญญาล้าหลังต่ำทราม ในขณะที่ความชาญฉลาดคือปัญญาที่พัฒนาถึงขีดสุดแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2014, 09:54:02 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


วันที่หก
 
 
บัดนี้ถึงวาระที่บรรดาเทพแห่งสันติสี่สิบสององค์ ตถาคตทั้งห้า จตุรบาลทั้งสี่ เทวีทั้งสี่และภูมิทั้งหกอุบัติขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เราตกอยู่ ในสถานการณ์ที่สับสนอลหม่าน ตถาคตทั้งห้าจักเติมเต็มที่ว่างจนแน่น ในทุกทิศทาง ในทุกแง่มุมของอารมณ์ ไม่มีรอยปริรอยแยก ไม่มีการหลบหนี ไม่มีการเบี่ยงเบน ทวารผ่านเข้าออกทั้งสี่จักถูกเฝ้าระวังโดยเทพเฮรุกาทั้งสี่

นายทวารแห่งทิศบูรพาเป็นที่รู้จักกันในนามของผู้พิชิต ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบสันติ ทว่าท่านกลับปรากฏตนในรูปของ ความพิโรธโกรธเกรี้ยว จนทำให้เกิดความเกรงขามสะพรึงกลัว จนคุณไม่กล้าจะฝ่าออกไป ท่านเป็นตัวแทนแห่งสันติสุขที่ไม่มีทางหักล้าง ทำลายหรือสั่นคลอนได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านจึงได้รับสมญาว่าผู้พิชิต

นายทวารแห่งทิศทักษิณนั้นได้แก่ปรปักษ์แห่งยมราชท่านข้องเกี่ยวกับกรรมที่เพิ่มพูนซึ่งความมั่งคั่ง ความมั่งคั่งในเชิงธรรมดาสามัญนั้นมี ข้อจำกัดแห่งสถานที่และเวลา ดังนั้นผู้ที่ผ่านพ้นข้อจำกัดเหล่านี้ไปได้ย่อมเป็นปรปักษ์อันกล้าแข็งแห่งยมราช

ในทิศหรดีนั้นเป็นเทพหยครีวะมีศรีษะเป็นม้าท่านเป็นสัญลักษณ์แห่งการตักเตือนภัย เนื่องจากเสียงอาชานั้นสามารถปลุกคุณจากอาการ หลับใหลได้ในทุกสถานการณ์ สัญญาณเตือนภัยนั้นข้องเกี่ยวกับการดึงดูด อันเป็นความปรารถนาที่กอปรด้วยปัญญา แทนที่คุณจะตกอยู่ภายใต้อาการหลงใหล คุณกลับจะได้รับการปลุกให้ตื่น

ในทิศทักษิณนั้นนายทวารบาลได้แก่ ท่านอมฤตากุนดาลี วงแหวนแห่งอมฤต อันหมายถึงยาขจัดพิษ ท่านทรงเกี่ยวข้องกับความตาย และมรณกรรม ถ้าแรงกระตุ้นจากความสิ้นหวังนั้นรุนแรงจนบุคคลถึงกับสังหารตนเอง ยาขจัดพิษจักปกปักชีวิตคุณไว้ การฆ่าตัวตายหาใช่ ทางออกไม่ บัดนี้คุณได้รวบรวมคุณสมบัติสี่ประการไว้ในตน อันได้แก่ การธำรงอย่างสงบในชัยชนะชั้นสูง การไปพ้นข้อจำกัดแห่งเวลาและ สถานที่ การสร้างสัญญาณเตือนตนจากความหลงใหล การสร้างยาขจัดพิษภัยเพื่อทำลายล้าง การสังหารตนเอง บัดนี้คุณได้ถูกจับยึดอยู่ อย่างหมดหนทางหลบหนี

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหมู่เทวีที่เฝ้าพิทักษ์ทวารทั้งสี่ เทวีที่ทรงคันเบ็ด อันใช้เกี่ยวกระหวัดคุณดังปลาน้อยหากคุณคิดหลบหนี หรือในกรณีที่คุณ ก่อร่างความหยิ่งทะนง ให้ที่ว่างนั้นไม่อาจถูกคุกคามได้ เทวีที่ทรงบ่วงแส้จักจับคุณมัดนับแต่ศีรษะจรดเท้า มิให้คุณทำการแผ่ขยายความหยิ่ง ทะนงไปได้ หนทางหลบอีกประการหนึ่งได้แก่การทะยานวิ่งโดยอาศัยความไขว่คว้าเป็นตัวเร่ง เทวีแห่งโซ่ตรวนจักพันธนาการจนคุณไม่ อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ และหากคุณจะใช้การข่มขวัญโกรธเกรี้ยวข่มขู่ผู้อื่นให้เปิดทางหนีแก่คุณ เทวีแห่งเสียงระฆังแก้วจะระรัวกลบเสียง คำรามก้าวร้าวและเสียงโกรธเกรี้ยวให้สงบลง

ครั้นแล้วคุณจะต้องเผชิญหน้ากับภูมิทั้งหกแห่งพิภพจักรวาล พระพุทธองค์แห่งเทวโลก พระพุทธองค์แห่งอสุรภูมิ พระพุทธองค์แห่งมนุษย์ภูมิ พระพุทธองค์แห่งเดรัจฉานภูมิ พระพุทธองค์แห่งเปรตภูมิ และพระพุทธองค์แห่งนรกภูมิ จักอุบัติขึ้นจากศูนย์กลางดวงหทัยของคุณ อันเป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงอยู่กับอารมณ์ความปรารถนา และความพึงพอใจ
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
วันที่เจ็ด
 
 
 ในกาลต่อไป เหล่าวิทยาธรจักอุบัติเรืองรองออกจากลำคออันเป็นอวัยวะที่ใช้ในการสื่อสาร ในขณะที่เทพแห่งสันติเกี่ยวข้องกับดวงหทัย เทพพิโรธเกี่ยวข้องกับสมอง ถ้อยคำย่อมเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างขั้วทั้งสอง โดยมีวิทยาธรเป็นเทพอารักษ์เส้นทาง วิทยาธรหมายถึง ผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญาหรือญาณทัสนะอันมิใช่ทั้งความสงบสันติหรือก้าวร้าว หากแต่เป็นการธำรงความเป็นกลางไว้ภายใน พวกเขาช่างดึงดูดใจ ทรงพลัง และสูงส่ง เป็นตัวแทนแห่งอำนาจศักดิ์สิทธิ์จากคุรุตันตระ ที่ครอบครองพลังอำนาจเหนือมนต์วิเศษแห่งจักรวาล

ในเวลาเดี่ยวกัน แสงสีเขียวแห่งเดรัจฉานภูมิจักก่อตัวขึ้นเป็นสัญลักษณ์แห่งอวิชชาและความโง่งมที่จำต้องพึ่งพาคำสอนแห่งคุรุเพื่อ ขจัดให้แจ้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2014, 09:56:34 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด

 
 
 
เทพพิโรธ
 
 
บัดนี้เมื่อนิมิตแห่งตถาคตทั้งห้าได้แปรเปลี่ยนเป็นเทพเฮรุกาและชายาประจำตน คุณสมบัติประจำสกุลก็ย่อมดำเนินสืบเนื่องไปเปรียบดัง การแสดงหรือละครโรงใหญ่ ที่มีพละแห่ง วัชรสกุล ปัทมสกุล กรรมสกุล และสกุลอื่น ๆ เป็นตัวละครเอกมากกว่าจะยึดถืออยู่แต่ คุณสมบัติขั้นพื้นฐาน เทพเฮรุกานั้นมีสามเศียร หกกร อันเป็นสัญลักษณ์ถึงพลังแห่งการแปรเปลี่ยน ซึ่งปรากฏในตำนานการพิชิตรุทร

รุทร นั้นเป็นตัวแทนของบุคคลที่ยึดมั่นในตนเองอย่างรุนแรง มีตำนานเล่าว่า ยังมีสหายสองคนเล่าเรียนศิลปวิทยาอยู่กับอาจารย์คนเดียวกัน อาจารย์ของพวกเขาสั่งสอนว่าแก่นแท้แห่งคำเทศนาที่เขาได้ถ่ายทอดให้ก็คือ การบรรลุแจ้งอย่างฉับพลัน หากบุคคลได้อุทิศตนให้แก่กิจกรรม ทั้งปวงอย่างยิ่งยวด พวกเขาจะเป็นประดุจดังเมฆาในนภากาศที่จักได้รับความสว่างโดยพลัน อันเป็นความสว่างที่แอบอยู่หลังเมฆหมอกมา แต่เดิม ศิษย์ทั้สองต่างเข้าใจนัยความหมายต่างกันไป หนึ่งได้ออกจาริกไปและเริ่มต้นขัดเกลาตนเองโดยเรียนรู้คุณสมบัติแห่งตนทั้งดีและเลวร้าย และในที่สุดก็สามารถเป็นอิสระจากคุณสมบัติเหล่านั้นไปเองโดยปราศจากการบีบคั้นพยายาม ศิษย์อีกคนนั้นเดินทางออกไปในดินแดนอัน ห่างไกลจัดสร้างโรงคณิกา ก่อตั้งซ่องโจร ใช้ชีวิตอันตำช้า เข้าปล้นชิงหมู่บ้านในละแวก เข่นฆ่าเหล่าบุรุษ และข่มขืนอิสตรีไม่ละเว้น

แล้วจากนั้นทั้งคู่ได้มาพานพบกันอีกครั้งหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างตื่นตระหนกในพฤติกรรมของกันและกันที่ใช้ในการปลดปล่อยตนเอง ทั้งสองจึง ตัดสินใจเดินทางไปพบอาจารย์เพื่อให้ทำการตัดสินชี้แนะ ทั้งคู่ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่พานพบในเวลาผ่านมา ฝ่ายอาจารย์ได้ทำการสรรเสริญ แนวทางของศิษย์คนแรกว่าเป็นไปในมรรคาอันถูกต้องและประณามแนวทางของศิษย์คนที่สองว่าเป็นอนันตริยกรรมยิ่งนัก ศิษย์คนที่สองทน รับการตำหนิประณามและแลเห็นสิ่งที่เขาก่อร่างนั้นพินาศย่อยยับไปไม่ได้ เขาจึงเปลือยดาบออกจากฝัก แล้วสังหารอาจารย์ของตนเสีย เมื่อสิ้นชีพลงจึงไปเกิดเป็นแมลงป่องนับห้าร้อยชาติ เป็นสุนัขจิ้งจอกห้าร้อยชาติ และยังถือกำเนิดในภูมิอันมีโทษทัณฑ์อีกคณานับ ในที่สุด แล้วเขาจึงได้รับการถือกำเนิดเป็นรุทร

ในภพภูมินี้ เขามีรูปกาย สามเศียร หกกร มีเขี้ยวและเล็บอันยาวโง้ง หลังจากการถือกำเนิด มารดาก็สิ้นชีพลงในไม่ช้า เหล่าเทพต่างเกรงกลัว ในเภทภัยที่จะตามติดมา พวกเทพจึงนำเขาพร้อมด้วยซากศพแห่งมารดาไปไว้ในสุสานและกลบหลุมฝังเสีย ทว่าทารกน้อยนั้นกลับรอดชีวิต มาได้โดยอาศัยโลหิตและมังสาของศพมารดาเป็นอาหาร จิตใจของเขาจึงดุร้ายยิ่งนักและยังทรงพลังอันกล้าแข็ง เขาส่งเสียงขู่คำรามไป ทั่วสุสาน กำราบพวกผีป่าและเทพเป็นพวกและจัดตั้งอาณาจักรของตนเอง จนในที่สุดเขาก็สามารถครอบครองไตรพิภพไว้ได้

ในเวลานั้น อาจารย์และศิษย์อีกท่านหนึ่งได้เข้าถึงซึ่งภาวะวิมุตติสุขแล้ว ทั้งคู่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำการปราบปรามรุทร ดังนั้น องค์วัชรปาณีจึงอวตารกายเป็นหยครีวะ ในกายดุสีแดงชาดและทรงร้องคำรามถึงสามครั้ง เพื่อประกาศว่าท่านได้เข้ามารุกรานอาณาจักรของรุทรแล้ว ครั้นแล้วท่านจึงชำแรกผ่านรุทรทางเวจมรรค รุทรจึงถึงซึ่งความปราชัย เขายอมรับในความพ่ายแพ้และอุทิศตนให้ใช้ ต่างพาหนะเดินทางหรือบัลลังก์ประทับ ส่วนเครื่องทรงชั้นสูงสุด อาทิเช่น มงกุฎกระโหลก สังวาลย์กระดูก หนังเสือ ผ้าคลุมไหล่ที่ทำ จากหน้ามนุษย์และหน้าคชสาร เสื้อเกราะ ปีกคู่ จันทร์เสี้ยวที่รัดเกศา และเครื่องประดับอื่น ๆ ได้กลายเป็นอาภรณ์แห่งเทพเฮรุกา

ในช่วงแรกจะปรากฏปฐมเฮรุกาที่หาได้เกี่ยวข้องกับปัญจสกุลเลยไม่ เฮรุกาตอนนี้เกิดจากช่องว่างระหว่างปัญจสกุล เป็นมหาเฮรุกา ที่ปลุกเร้าพลังพื้นฐานแก่เทพพิโรธทั้งปวง ในยามต่อมาจะปรากฏพุทธเฮรุกา วัชรเฮรุกา รัตนเฮรุกา ปัทมเฮรุกา และกรรมเฮรุกา หรือ พร้อมด้วยองค์ศักติประจำตน หากเขาเป็นตัวแทนแห่งพลังอันรุนแรงกล้าแข็ง และเปี่ยมล้นเบิกบานอันคุณไม่อาจท้าทายอาจหาญได้ โดยพื้นฐานแล้วคุณลักษณ์แห่งปัญจสกุลนั้นได้แกสภาวะอันสงบสันติ เปิดเผย และโอนอ่อน นั่นเป็นเพราะว่าสกุลเหล่านี้ได้ตั้งตระหง่าน มั่นคงจนไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนสั่นไหวได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อพละแห่งสันติได้แปรเปลี่ยนเป็นความก้าวร้าวอันรู้จักกันดีในนามของ กรุณาแห่งพิโรธธรรม จึงเป็นความรุนแรงที่ปราศจากความอาฆาตแค้นเคืองใด ๆ

ครั้นแล้วเการีเทวะจักปรากฏตนขึ้น อันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของเทพพิโรธในขณะที่เฮรุกาแห่งปัญจสกุลแสดงพละพื้นฐานดังเป็นอยู่จริง เหล่าเการีจักแสดงพละที่ไหลริน เการีขาวจักเริงร่ายอยู่บนซากศพ ภารกิจของนางได้แก่การดับสิ้นซึ่งความคิดปรุงแต่ง ดังนั้นนางจึงทรง คฑาที่ทำขึ้นจากซากศพของทารก ซากศพนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่ชี้ให้เห็นถึงสภาวะปกติของสรรพสัตว์ ร่างกายที่ปราศจากชีวิตก็คือสภาวะ ที่ปราศจากความคิดปรุงแต่งทุกรูปแบบ ไม่ว่าดีหรือชั่ว อันเป็นสภาวะอทวิลักษณ์แห่งจิต ส่วนเการีเหลืองจักทรงคันศรและลูกศร นั่นเป็น เพราะว่านางเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความชำนาญและสรรพความรู้ ภารกิจของนางได้แก่ การผสมรวมคุณลักษณ์เด่นสองประการนี้เข้าด้วยกัน ส่วนเการีแดงจะทรงธงชัยที่ทำขึ้นจากผิวหนังของพวกพรายทะเล พรายทะเลเป็นสัญลักษณ์แห่งห้วงสังสารวัฏ ที่ไม่อาจหลบหนีออกไปได้ การถือธงประกาศของนางนั้นหมายความว่าสังสารวัฏนั้นไม่อาจจะถูกปฏิเสธทำลาย แต่ต้องทำการยอมรับมันดังที่มันเป็นจริง ครั้นแล้ว ในเบื้องทิศบูรพาจักปรากฏเวตาลีกายสีนิล ถือทรงถ้วยวัชระและถ้วยกะโหลก นางนั้นเป็นตัวแทนแห่งคุณลักษณ์อันไม่แปรผันของธรรมดา ภาวะ วัชระนั้นเป็นอาวุธที่ไม่มีสิ่งใดทำลายได้ ส่วนถ้วยหัวกะโหลกนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งอุปายะโกศวะ ( ความชำนาญการ ) ด้วยเช่นกัน เราจะไม่สอบสวนอะไรลึกไปกว่านี้ เพียงแต่จะให้แนวคิดหลักเกี่ยวกับพวกเการีและตัวแทนต่าง ๆ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับปริมณฑลอันโหดร้าย กราดเกรี้ยวเทพแต่ละองค์มีภารกิจที่ต้องแสดงอำนาจของตนอย่างเต็มที่

เทพพิโรธเหล่านี้เป็นต่างตัวแทนแห่งความหวัง ส่วนเทพสันตินั้นเป็นตัวแทนแห่งความหวาดกลัว เป็นความหวาดกลัวในความหมายที่เป็น ความขุ่นเคือง นั่นเป็นเพราะว่าอัตตาตัวตนไม่สามารถจะทำการใด ๆ ได้เลย เทพพิโรธเหล่านี้ไม่อาจพิชิตได้ และไม่ต่อกรกลับด้วย ความ หวังของพลังงานพิโรธเป็นความหวังในสถานการณ์ที่สร้างสรรค์ สม่ำเสมอ ดังพลังพื้นฐานที่ดำเนินอย่างต่อเนื่อง ไม่ดี ไม่ชั่ว สถานการณ์ อาจแลดูทรงพลังอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ แต่จริงแล้วไม่มีความสงสัยว่าคุณควรจะควบคุมมันหรือปล่อยให้มันควบคุมคุณกันแน่ ความคิดที่จะควบคุมมันนั้น ย่อมก่อให้เกิดความโกลาหลมโหฬาร เปรียบเสมือนการขับรถบนท้องถนนจู่ ๆ คุณก็คิดว่าคุณขับรถเร็วมากไป คุณจึงเหยียบเบรคอย่างกระทันหัน อันก่อให้เกิดอุบัติเหตุอย่างใหญ่หลวง สำหรับภารกิจของเการีนั้นได้แก่การแทรกตัวลงไปในระหว่างกาย และจิต จิตในที่นี้ได้แก่ปัญญาญาณ ความฉลาด กายได้แก่แรงกระตุ้น เช่น ความตื่นตกใจ อันเป็นการกระทำทางกาย พวกเการีมักจะสอด แทรกตัวลงระหว่างปัญญาและการกระทำ ทำให้ความต่อเนื่องแห่งการยึดมั่นในตัวตนขาดตอน นี่แหละคือความโหดร้ายอันแท้จริง พวกเขา จะแปรเปลี่ยนพลังงานแห่งการทำลายล้างให้กลายเป็นพลังงานแห่งการสร้างสรรค์ ประดุจเดียวกับการที่รุทรแปรเปลี่ยนเป็นเฮรุกา ด้วยเหตุ นี้เองสัญชาติญาณที่อยู่เบื้องหลังการปลุกเร้าจะได้รับการแปรเปลี่ยนไป
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด

 
 
 
ผู้กำลังจะจากไป
 
 
สำหรับชนชาวธิเบตแล้วความตายหาใช่เรื่องน่าหวาดหวั่นหรือคุกคามเลย แต่ในประเทศตะวันตก ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งบีบคั้นรุนแรง ยิ่งนัก ยามเราไกล้ตายนั้นแทบจะไม่มีใครพูดความจริงขั้นสุดท้ายกับเราเลย เป็นการปฏิเสธซึ่งความรักและเมตตาอย่างสูง เป็นความน่า สะพรึงกลัว ในแง่ที่ว่าไม่มีผู้ใดปรารถนาจะเอื้ออาทรต่อจิตใจของผู้ตายอย่างแท้จริง
 
เป็นการสำคัญมากที่ผู้ตายสมควรได้ทราบว่าตนเองกำลังจะจากไป ไม่ว่าเขาจะมีอาการหมดหวังหรือไม่สามารถสื่อสารกับเราได้ก็ตาม สิ่งนี้อาจฟังดูยากเย็นแสนเข็ญ แต่ทว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่คุณจะได้แสดงความสัตย์ซื่อจริงใจออกมา ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นสามีหรือ ภรรยาของคุณ มันเป็นสถานการณ์อันทรงคุณค่าที่ในบั้นปลายสุดท้าย ยังมีผู้คนห่วงใยความรู้สึกของคุณ ไม่มีใครเสแสร้งหลอกลวงคุณ อีกต่อไป ไม่มีใครพูดเท็จเพียงเพื่อรักษาน้ำใจคุณซึ่งบังเกิดมาตลอดชีวิต เราได้มาบรรจบกับความจริงขั้นสุดท้าย เป็นความไว้วางใจซึ่ง งดงามยิ่ง อันควรที่เราจะพยุงพยายามสานแนวคิดดังกล่าวนี้
 
ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกฝังความสัมพันธ์กับผู้ที่กำลังจะจากไปเป็นเรื่องสำคัญยิ่งนัก การบอกกล่าวต่อเขาว่าความตายหาใช่เรื่อง เหลวไหลไกลตัวอีกต่อไป แต่มันกำลังเกิดขึ้นกับเขาในขณะนี้ " มันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เราเป็นมิตรสหายของคุณ บัดนี้เรากำลังเเฝ้าดู การจากไปของคุณ เรารู้ว่าคุณกำลังจะตาย และคุณเองก็รู้ว่าคุณกำลังจะตายเหมือนกัน บัดนี้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องแยกจากกันแล้ว " การแสดงออกดังกล่าวนี้เป็นการแสดงออกของการสื่อสารสัมพันธ์อันดีงามที่สุด อันเป็นการบ่งให้เห็นถึงการสร้างพลังใจอย่างใหญ่หลวง แก่ผู้ที่กำลังจะจากไป
เราควรสร้างความสัมพันธ์กับร่างของผู้กำลังจะจากไป พินิจดูความเสื่อมสลายแห่งสังขาร แห่งประสาทรับรู้ต่าง ๆ มีแต่ผู้บ่มฝังกำลังใจ อันกล้าแข็งเท่านั้นที่ยังคงแย้มยิ้มอยู่จนวาระสุดท้าย เขากำลังจะต่อต้านขัดขืนกับอายุขัย ต่อต้านขัดขืนกับความเสื่อมสลายของสังขาร ผู้ใกล้ชิดพึงตระหนักถึงสถานการณ์เช่นนี้ด้วย
 
เพียงแค่การอ่านคัมภีร์มรณศาสตร์อาจจะไม่ช่วยอะไรมากนัก เว้นเสียแต่ผู้ใกล้ตายจักล่วงรู้ว่าคุณกำลังประกอบพิธีกรรมบางประเภทให้เขา คุณจำเป็นต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ต่อแบบแผนพิธีกรรมทั้งปวง คุณควรจะทำให้มันดูเหมือนเป็นบทสนทนาตอบโต้ระหว่างคุณและผู้กำลังจากไป นอกเหนือจากการท่องอ่านแบบธรรมดา คุณควรกล่าวกับผู้ตายเช่นนี้ว่า " เธอกำลังจะจากไป เธอกำลังจะละทิ้งซึ่งมิตรสหายและครอบครัว ทรัพย์สมบัติและความสุขรอบตัว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เธอจะสลัดทิ้งไปสิ้น เธอจะละทิ้งพวกเราไป หากทว่ายังคงมีบางสิ่งดำเนินสืบเนื่องไป มีบางสิ่งที่ต่อเนื่องไปในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับญาติมิตรและคำสอนอันสูงส่ง เธอไม่ควรจะยึดมั่นในตัวตนอีกต่อไป เมื่อเธอตายจะบังเกิด ความเจ็บปวดต่าง ๆ นานา ในขณะที่เธอผละจากร่าง ภาพเหตุการณ์ในอดีตจะย้อนกลับมาดุจภาพลวงตา ไม่ว่าจะเป็นนิมิตหรือภาพลวงตา ใด ๆ ก็ตาม เธอควรข้องเกี่ยวกับมันในฐานที่เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ หาควรเตลิดหลบหนีไม่ แต่ควรเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญในสิ่งที่เกิดขึ้น "

 
ในขณะที่คุณกำลังดำเนินการสนทนา ปัญญารับรู้และวิญญาณของผู้ตายกำลังหมองมัวลงและใกล้จะดับสูญ ในขณะเดียวกันก็บังเกิด มโนวิญญาณขั้นสูงที่สามารถรับรู้ภาวะขณะนั้นได้ ดังนั้นหากคุณจะสามารถสร้างสรรค์ความเชื่อมั่นและความอบอุ่นตามธรรมชาติให้ บังเกิดมีขึ้นได้ ในแง่ที่ว่าคุณได้ถ่ายทอดความจริงใจต่อผู้กำลังจะจากไป มากกว่าเพียงแค่การถนอมน้ำใจโดยการกล่าวแต่สิ่งที่คุณคาดคิด ว่าเขาต้องการฟัง ความจริงใจเช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก
 
เป็นไปได้ที่อาจมีการบรรยายให้เห็นแจ้งถึงภาวะเสื่อมสลายจากดธาตุดินสู่ธาตุไฟ จากธาตุไฟสู่ธาตุน้ำและสืบเนื่องไป เป็นการมอดดับแห่ง กายสังขาร แล้วอุบัติขึ้นในภาวะสุกใสการนำพาผู้ตายสู่ภาวะสุกใสจำต้องมีหลักการแนวคิดพื้นฐานบางประการ ซึ่งได้เแก่ ความมั่นคงอาจหาญ คุณควรปลอบโยนผู้ตายว่า " มิตรสหายของเธอรู้ดีว่าเธอกำลังจะจากไป แต่พวกเขาปราศจากความตื่นตระหนก พวกเขาพากันมาอยู่ ณ ที่นี้แล้ว พวกเขากำลังจะบอกให้เธอทราบว่าวาระแห่งการจบชีพได้มาถึงแล้ว ไม่มีอะไรน่าหวาดระแวงอยู่เบื้องหลังเลย การอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง และสงบเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อบุคคลได้ตายลง การคงอยู่ในปัจจุบันอย่างไม่พรั่นพรึงนั้นช่างทรงพลังยิ่ง เพราะในขณะนั้นมีความไม่แน่นอน ระหว่างกายกับจิตอย่างสูง ร่างกายและมันสมองกำลังเสื่อมสลายลง แต่คุณเองที่ได้เชื่อมโยงสัมพันธ์เหตุการณ์ขณะนั้น ทำให้มีฐานที่มั่นคง
 
ตราบใดที่นิมิตแห่งเทพสันติและเทพพิโรธได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าผู้ตาย เราจำต้องปล่อยให้เขาได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหล่านี้ตามลำพัง ในคัมภีร์เล่มนี้กล่าวว่าคุณต้องปลุกปลอบดวงวิญญาณของผู้ตายและบอกกล่าวถึงนิมิตเหล่านั้น คุณอาจทำเช่นนั้นได้หากคุณยังสามารถธำรง รักษาความต่อเนื่องไว้ได้ แต่ออกจะดูเป็นการคาดหวังเกินไปตราบใดที่ผู้ตายเป็นเพียงสามัญชนที่ไม่เคยผ่านการภาวนา ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า การติดต่อระหว่างคุณกับผู้ตายยังดำเนินต่อไป ประเด็นของเรื่องจะกลับกลายเป็นว่า ในขณะที่คุณกำลังอ่านถ้อยคำในคัมภีร์นั้นคุณเพียง แต่พูดคุยกับตนเองแทน ความสงบมั่นคงของคุณเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของผู้ตาย ถ้าคุณธำรงความหนักแน่นไม่หวั่นไหวได้อย่างดีเลิศ ผู้ตายในบาร์โดจะรับรู้ติดต่อกับคุณได้โดยอัตโนมัติ คุณจำต้องเก็บรักษาความสงบไม่หวั่นไหวและความเข้มแข็งที่มีส่งมอบแสดงออกต่อผู้ตาย สัมพันธ์กับเขา เปิดเผย สัตย์ซื่อต่อเขาในปัจจุบันกาล และพัฒนาซึ่งการพบกันแห่งใจสอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2014, 10:12:21 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
 :13:  อนุโมทนาครับพี่มด
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~