เข้าห้องน้ำสาธารณะให้ปลอดภัย (Modern Mom)
เป็นที่รู้กันว่า ห้องน้ำสาธารณะเป็นสถานที่ที่มีผู้คนมาใช้บริการจำนวนมากต่อวัน เพราะฉะนั้น จึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคจำนวนมาก แล้วหากคุณจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำสาธารณะ จะทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากเชื้อโรคเหล่านั้นได้
แหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นยอด
อย่างที่รู้กันดีว่า ห้องน้ำเป็นที่ปลดปล่อยของเสียจากร่างกาย แน่นอนว่าภายในห้องน้ำย่อมมีเชื้อโรคอยู่มาก โดยเฉพาะห้องน้ำสาธารณะที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนไปใช้งาน ย่อมมีการแพร่กระจายของเชื้อโรคมากขึ้นด้วย Modern Mom มีคำยืนยันจาก พญ.อัญชุลี สิทธิเวช ผู้ชำนาญเฉพาะทางสูตินรีเวชาวิทยา และอนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลวิภาวดี ว่า
"ห้องน้ำสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นตามห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล หรือปั๊มน้ำมัน ในแต่ละวันมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก ทำให้ห้องน้ำสาธารณะหลายแห่งขาดความสะอาด ไม่ได้มาตรฐาน และเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค แม้บางที่จะได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่บ้างก็ตาม แต่เพราะเป็นห้องน้ำที่มีผู้คนมาใช้บริการมากหน้าหลายตา ทำให้ผู้มาใช้บริการทีหลังไม่มีโอกาสรู้เลยว่า คนที่มาใช้บริการก่อนหน้าเรานี้มีเชื้อโรคอะไรอยู่ในร่างกายบ้าง หรือใช้ห้องสะอาดเพียงใด และเป็นสาเหตุให้มีโอกาสติดเชื้อโรคจากต้องน้ำสาธารณะได้ โดยไม่รู้ตัว"
คุณหมอยังบอกอีกว่า เชื้อโรคในห้องน้ำสาธารณะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ เชื้อโรคกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อหนองใน เชื้อเริม เป็นต้น ส่วนอีกกลุ่มเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น เชื้ออุจจาระร่วง เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ เป็นต้น
เชื้อพวกนี้แฝงตัวอยู่ที่ไหน คำตอบคืออาจแฝงอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของห้องน้ำ เช่น ชักโครก อ่างล้างมือ หรือแม้กระทั่งลูกบิดประตู แต่โอกาสที่จะติดเชื้อพวกนี้จนทำให้เกิดโรค หรือเป็นอันตรายได้ ขึ้นอยู่กับว่าได้สัมผัสกับเชื้อในปริมาณที่มากพอหรือไม่ โดยเชื้อโรคจะซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังที่มีแผล หรือสัมผัสแล้วไปจับอาหารเข้าปาก ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่ได้รับเชื้อโรคเต็ม ๆ
นอกจากนี้ ห้องน้ำสาธารณะบางแห่งเมื่อเข้าไปใช้บริการแล้ว ยังไม่มีบริการกระดาษทิชชู ไม่มีน้ำราด น้ำไม่ไหล ฯลฯ ทำให้ผู้มาใช้ละเลยการทำความสะอาด ฉะนั้น หากจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะเวลาออกไปสถานที่ต่าง ๆ ก็ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงมักจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรค จากการใช้ห้องน้ำสาธารณะได้ง่ายกว่าผู้ชาย จึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองและหาทางป้องกันให้ดีด้วย
เทคนิคใช้ห้องน้ำสาธารณะให้ปลอดภัย
เมื่อจะเข้าห้องน้ำสาธารณะต้องนึกถึงเรื่องความสะอาดเป็นอันดับแรก แต่เราจะใช้ห้องน้ำสาธารณะอย่างไรให้ห่างไกลเชื้อโรคร้าย เรามีวิธีปฏิบัติง่าย ๆ มาฝากกัน
อย่าสัมผัสโดยตรง ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำสาธารณะ ถ้าเป็นไปได้ควรให้ร่างกายสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ในห้องน้ำน้อยที่สุด เช่น เมื่อเปิดประตูเข้าไป อาจจะใช้ทิชชูวางบนลูกบิดแล้วหมุนเข้าไป เป็นต้น
ทำความสะอาดก่อนนั่ง ก่อนนั่งก็ควรทำความสะอาดที่นั่ง ด้วยกระดาษทิชชูแบบเปียกชนิดฆ่าเชื้อ หรือพกกระดาษรองนั่งไปปูบนฝาชักโครกก่อนทำธุระ และระวังอย่าให้แผ่นรองเปียกน้ำเด็ดขาด เพราะเชื้อโรคอาจจะแทรกซึมมากับน้ำได้
ใช้เวลาน้อยที่สุด ไม่ต้องถึงขั้นจับเวลา แต่ควรใช้เวลาในการทำกิจธุระในห้องน้ำให้สั้นที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ชักโครก ควรเลือกดูห้องที่สะอาดที่สุด และหลังทำธุระเสร็จ ควรปิดฝาชักโครกก่อนกด เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายในอากาศ
ไม่เหยียบโถส้วม หลายคนใช้บริการห้องน้ำสาธารณะผิดวิธี โดยใส่รองเท้าขึ้นไปนั่งบนฝารองนั่ง เพราะคิดว่าจะทำให้ไม่สัมผัสกับเชื้อโรค แต่จริง ๆ แล้ว ระหว่างที่ทำธุระอาจจะมีการกระเด็นของน้ำในโถ ซึ่งเป็นที่รวมเชื้อโรคมาเปื้อนได้มากกว่าการนั่งธรรมดา
ไม่ตักน้ำที่เปิดไว้ การใช้น้ำล้างทำความสะอาด ไม่แนะนำให้ตักในส่วนที่มีอยู่ในถังเดิมใช้ แต่ควรรองจากก๊อกโดยตรง เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในถังน้ำ เพราะบางคนเอามือจุ่มล้างในถัง หากเป็นสายฉีดก็ควรฉีดน้ำให้ไหลทิ้งประมาณ 1 นาที เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ปะปนบริเวณรอบ ๆ สายฉีดได้
ล้างมือทุกครั้งหลังเสร็จธุระ เมื่อเข้าห้องน้ำสาธารณะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เชื้อโรคติดมากับมือของเรา ควรล้างมือให้สะอาด โดยเริ่มต้นล้างมือด้วยน้ำสะอาด และเริ่มล้างตั้งแต่มือแขนไปจนถึงข้อศอก ใช้มือแต่ละข้างถูบริเวณหลังมือของอีกข้างหนึ่ง แล้วถูฝ่ามือทั้งสองข้างขัดสิ่งสกปรกบริเวณซอกเล็บ ข้อนิ้วและง่ามมือ ล้างสบู่ออกด้วยน้ำสะอาด และเช็ดมือให้แห้งด้วยกระดาษเช็ดมือ หากไม่มีสบู่ ก็ใช้น้ำสะอาดล้างซ้ำหลาย ๆ ครั้ง
การใช้ห้องน้ำสาธารณะ นอกจากจะต้องคำนึงถึงสุขอนามัยของตัวเองแล้ว เราควรคำนึงถึงความสะอาดสำหรับผู้ที่จะมาใช้ต่อด้วย เนื่องจากเชื้อโรคต่าง ๆ มีการพัฒนาสายพันธุ์มากมาย การใช้ห้องน้ำสาธารณะอย่างถูกต้องและระมัดระวัง ก็จะช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ เหล่านั้นได้
http://health.kapook.com/view14683.html