แสงธรรมนำใจ > วัชรยาน

ในอ้อมโอบหิมาลัย อุ่นไอธรรม : ตันตระธิเบต

<< < (2/2)

มดเอ๊กซ:

 
 
ทั้งนี้ ประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ได้มีโอกาสเข้ามาเดินทางบนเส้นทาง ตันตระสายนี้ และมีหัวใจที่ยึดมั่นเปี่ยมในโพธิจิตของการอุทิศตนฝึกฝน ปฏิบัติด้วยเป้าหมายเพื่อให้ตนสามารถยังประโยชน์แก่สรรพชีวิตทั้งปวง นั้น จะปรากฏดังที่คุรุ เจ ซองขะปะ ( Je Tsongkapa ) ได้รจนาไว้ในคัมภีร์ " การเผยความลับอันยิ่งใหญ่แห่งวิถีมนตรายาน " ถึงประโยชน์ ๗ ข้อที่จะ มีต่อผู้ปฏิบัติคือ


๑. ผู้ปฏิบัติย่อมได้รับการอำนวยพรจากเหล่าพระพุทธเจ้าและพระ
โพธิสัตต์ทั้งหลาย
๒. เทพประจำองค์หรือยิดัม ( Yidam ) ย่อมให้การคุ้มครอง ดูแลและชี้นำ
แนวทางแก่ผู้ปฏิบัติแต่ละคน
๓. ผู้ปฏิบัติย่อมสามารถเข้าถึงพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แม้ในเวลาตาย
ชีวิตหลังความตาย( บาร์โด ) และในยามเกิดใหม่อีกครั้ง
๔. ผู้ปฏิบัติสามารถสั่งสมบุญบารมีและปัญญาบารมีได้อย่างรวดเร็ว
๕. ผู้ปฏิบัติสามารถปลดปล่อยตนเองออกจากอุปสรรคหรือบ่วงร้อย
รัดทั้งปวง
๖. ผู้ปฏิบัติจะบรรลุทั้งธรรมขั้นต้น ธรรมอันยิ่งใหญ่ทั้งแปด จนกระทั่ง
ถึงการตรัสรู้
๗. กายกรรมและวจีกรรมของผู้ปฏิบัติในแต่ละวัน ย่อมเป็นไปเพื่อการ
สั่งสมบุญ


ทั้งนี้ตันตระธิเบตจะมีการปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับ ภพทั้งสามของรูปกาย สัมโภคกาย และธรรมกาย หรือกายแท้ของพระ พุทธะ ดังเช่นในขั้นตอนของการปฏิบัติตันตระขั้นสูงที่ว่า


ขั้นของแยกกาย วาจา และจิต( เป็นการฝึกสติขั้นสูงในการจำแนกตาม ความเป็นจริง )

กายจินตภาพ ( เปรียบเทียบได้ว่าคล้าย ๆ กับการพัฒนากายทิพย์ หรือ สัมโภคกาย การเจริญภาวนาจะเป็นที่ฐานของสัมโภคกายแทนที่รูปกาย )


แสงอันกระจ่าง ( เป็นขั้นของการฝึกสติขั้นละเอียดอย่างยิ่งเพื่อไปสู่ระดับ ของกายแท้หรือธรรมกาย )


การหลอมรวมหรือการตรัสรู้อย่างสมบูรณ์ ( เป็นการหลอมรวมธรรมกาย เข้าสู่สัมโภคกายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน )


ทั้งนี้ ตลอดขั้นตอนของการปฏิบัติ ต้องมีการผสานกับการเจริญภาวนา สุญตาที่ได้ฝึกฝนพัฒนามาตั้งแต่ขั้นตอนการปฏิบัติลัมริมแล้ว ( นี่คือเหตุ ผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่ว่า การปฏิบัติลัมริมจึงเป็นรากฐาสำคัญยิ่ง ก่อนที่เข้าสู่ตันตระ )


อย่างไรก็ตามตลอดเส้นทางการไปถึงขั้นของการตรัสรู้นั้น มีรายละเอียด ซับซ้อนมากมาย ตั้งแต่เรื่องปราณ จักร การสลับเปลี่ยนให้เท่าทันกายและ จิต การตรึกภาพ เป็นต้น ซึ่งต้องเป็นไปตามแต่ละขั้นตอนภายใต้การควบ คุมอย่างไกล้ชิดของคุรุ โดยไม่ข้ามขั้นอย่างเด็ดขาด

มดเอ๊กซ:



โดยระดับของตันตระธิเบตแบบดั้งเดิมนั้น แบ่งออกได้เป็น ๔ ระดับ คือ

๑. กิริยาตันตระ ( Action Tantra )
๒. จริยาตันตระ ( Performance Tantra )
๓. โยคะตันตระ ( Yoka Tantra )
๔. อนุตรโยคะตันตระ ( Highest Yoka Tantra )



ซึ่งแต่ละขั้นก็จะมีความซับซ้อน และมีรายละเอียดต่างกันออกไป แต่ หัวใจสำคัญในตันตระแต่ละขั้นก็จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในระดับชั้นที่ สูงกว่า ดังนั้น การฝึกฝนปฏิบัติย่อมไม่อาจข้ามขั้นตอนได้ และกว่าที่ จะไปสู่ขั้นของอนุตรโยคะตันตระได้นั้น ต้องมั่นใจเสียก่อนว่าตนมีพื้น ฐานที่มั่นคงในกิริยาตันตระ จริยาตันตระ และโยคะตันตระ เสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวง



และเพื่อให้เป็นที่เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น ความแตกต่างของตันตระแต่ละ ขั้นอาจอธิบายอย่างง่ายที่สุดได้ว่า ตันตระแต่ละระดับจะต่างกันตรงที่ วิธีการที่ใช้ในการแปรเปลี่ยน ให้ความสุข ความพึงพอใจในกิเลส ผันแปรมาเป็นความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ นั่นคือจากข้อเท็จจริงที่ ว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังต้องหมุนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร ยังยึดมั่นหลง วนอยู่ในความสุขความพึงพอใจทางรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ยามใดที่เรารู้สึกเพลิดเพลินกับสิ่งที่มากระทบอายตนะทั้งห้าเหล่านี้ เราก็จะรู้สึกเป็นสุข แต่โชคร้ายความสุขที่เกิดขึ้นนั้นกลับเป็นต้นเหตุ ที่คอยยึดเหนี่ยวเราไว้ให้ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในห้วงแห่งวัฏสงสาร แล้วในที่สุดความสุขความเพลิดเพลินที่เราเคยได้เคยมีก็นำไปสู่ความ ทุกข์ของการที่ยังต้องวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนั่นเอง แต่เราก็ไม่อาจ ปฏิเสธว่ากิเลสจากอายตนะทั้งห้าเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกำจัด เพราะมันเป็นสภาพธรรมชาติของมนุษย์ และบ่อยครั้งที่การพยายาม ปกปิด ซ่อนเร้น หรือเก็บกดมันเอาไว้โดยไม่ได้เรียนรู้ที่จะเผชิญหน้า กับมัน ให้ก้าวข้ามผ่านมันไปได้ ก็จะย้อนกับมาซึ่งส่งผลลบแก่เราใน ที่สุด ดังนั้น วิถีของตันตระก็คือ แทนที่จะเก็บกดความพึงพอใจกิเลส ทางโลกเหล่านี้ ก็หันมาใช้วิธีการผันแปรกิเลสให้มาสู่หนทางธรรม ด้วยวิธีการใช้อุบายในการนำเอากิเลสอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์มาใช้ ให้เกิดประโยชน์ในทางจิตวิญญาณนั่นเอง

มดเอ๊กซ:






ดังตัวอย่างเช่นที่มหาสิทธาผู้ยิ่งใหญ่อย่างศรหะกล่าวไว้ว่า



" ความสุขทางโลกที่มีอิทธิพลครอบงำมนุษย์ และมนุษย์ให้ความสำคัญ มากที่สุด ประการหนึ่งก็คือความสุขอันเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งเป็น ภาวะของสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้และ มีมนุษย์จำนวนมากที่ให้ความสำคัญและยินดีสูญเสียพลังงานไปจำนวน มากเพียงเพื่อจะได้รับความสุขจากเพศสัมพันธ์นั้น และเป็นที่น่าเสียดาย อย่างยิ่งที่ไม่มีมนุษย์คนใดจะเข้าใจและเรียนรู้ที่จะรับรู้ความสุขจากสิ่ง เหล่านี้เป็นไปในทางที่มีความหมายยิ่งขึ้น และไม่หลงเพิ่มมายาการในจิต ยิ่งขึ้น ทั้งนี้พระพุทธองค์ได้ทรงชี้แนะวิธีการอันหลากหลายในอันที่จะ แปรเปลี่ยนความสุขทางเพศให้กลายเป็นมาเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติ ทางจิตวิญญาณ ซึ่งมีตั้งแต่ระดับขั้นต่ำไปจนถึงขั้นสูง "



ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่มีการโยงเรื่องเพศสัมพันธ์ไปสู่การ ปฏิบัติตันตระ เพราะด้วยวิธีการของตันตระก็คือการฝึกฝนตนเองให้ สามารถเผชิญหน้ากับกิเลสได้โดยไม่หวั่นไหว และกิเลสอันทรงอิทธิพล ประการหนึ่งก็คือเรื่องเพศ อันเป็นสภาวะตามธรรมชาติที่สุดประการ หนึ่งของมุนษย์ เพียงแต่วิธีการของตันตระนั้นต้องมีขั้นตอนการฝึกฝน การเจริญภาวนาอันละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ทั้งการดูแลควบคุมทางกายและ ทางจิต เพื่อให้พลังหรือความสุขจากทางเพศที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นทาง ธรรมให้ได้ ซึ่งนับเป็นเรื่องยากยิ่งเพราะมันคงเป็นการง่ายกว่าที่จะหลง เพลิดเพลินกับกามสุข แล้วทึกทักเอาว่านี่คือความสำเร็จทางธรรมแล้ว





ส่วนตัวอย่างง่าย ๆ ของหลักการแปรเปลี่ยนความสุขทางโลกมาเป็นการ ปฏิบัติทางธรรมของตันตระในแต่ละระดับ กล่าวคือ ในระดับขั้นของ กิริยาตันตระ ( Action Tantra ) ผู้ปฏิบัติจะฝึกฝนตนด้วยการเจริญภาวนา จินตนาการตรึกภาพนิมิตขององค์เทพหรือองค์พระโพธิสัตต์ที่สะอาด บริสุทธิ์อย่างพร้อมมูล เพื่อน้อมจิตเข้าสู่คุณสมบัติขององค์เทพ หรือพระ โพธิสัตต์องค์ใดองค์หนึ่งที่ตนศรัทธา จนน้อมนำจิตให้เป็นหนึ่งเดียวกับ องค์เทพ หรือพระโพธิสัตต์องค์นั้น ๆ มีกาย วาจา และใจ เป็นหนึ่งเดียว กันพร้อมที่จะเผชิญหน้า เอาชนะกิเลสตัณหาของตนได้ เมื่อผู้ปฏิบัติ สามารถเจริญภาวนาตนถึงพร้อม เล็งเห็นตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับพระ โพธิสัตต์ หากเป็นชายก็เล็งเห็นตนเป็นพระโพธิสัตว์ในร่างชาย อาทิ พระมัญชุศรี ( พระโพธิสัตต์ฝ่ายปัญญา ) หรือพระอวโลกิเตศวร ( พระ โพธิสัตต์ฝ่ายเมตตา ) จากนั้นจะเจริญภาวนาจินตนาการจนแลเห็นองค์ เทพฝ่ายหญิง หรือ ฑากินี ผู้สวยสดงดงามปรากฏกายอยู่เบื้องหน้า แล้ว อาศัยการตรึกภาพฑากินีนั้น ๆ จนเกิดความสุข ความพึงใจ แล้วใช้อุบาย ในการภาวนาให้แปรความพึงพอใจที่เกิดขึ้นจากการได้เห็นภาพ ฑากินี ผู้สวยงาม เข้าสู่การเจริญภาวนาสุญตา ซึ่งตลอดขั้นตอนยังคงต้องอาศัย อุบาย สัญลักษณ์ภายนอกต่าง ๆ อาทิ มุทรา หรือการชำระล้างศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น




เมื่อผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติในระดับของกิริยาตันตระจนมั่นคงดีแล้ว กล่าว คือเมื่อได้รับอายตนะทางตา เห็นรูปอันน่าพึงใจก็สามารถแปรกิเลสทางรูป ให้เข้าสู่สุญตาได้ โดยไม่ต้องหลีกเลี่ยง หรือเก็บกดความรู้สึกไว้ จากนั้น จะเข้าสู่ระดับของจริยาตันตระ ( Performance Tantra ) ซึ่งเป็นพื้นฐานขั้น ตอนการเตรียมตัว จะมีเช่นเดียวกันกับกิริยาตันตระ แต่คราวนี้ นอกเหนือ จากการปรากฏกายในนิมิตแล้ว คราวนี้นางยังส่งยิ้มเชิญชวนอย่างเย้ายวน ใจอีกด้วย ซึ่งผู้ปฏิบัติจะต้องสามารถเจริญภาวนาจนสามารถผันแปรความ ปรารถนา ความพึงพอใจใด ๆ ที่เกิดขึ้นให้เข้าสู่สุญตาให้ได้ ซึ่งในขั้นตอน นี้ยังคงต้องอาศัยการปฏิบัติภายนอกทางกาย อาทิ มุทรา หรือพิธีกรรมต่าง ๆ เช่นเดียวกับกิริยาตันตระ แต่ในจริยาตันตระ การปฏิบัติภายนอกทางกาย และการปฏิบัติทางจิตด้วยการเจริญภาวนาจะมีความสำคัญเท่า ๆ กัน




เมื่อผู้ปฏิบัติสามารถฝึกฝนปฏิบัติ จนมั่นคงดีทั้งในระดับกิริยาตันตระ และ จริยาตันตระดีแล้ว จากนั้นก็จะเข้าสู่การปฏิบัติโยคะตันตระ ( Yoka Tantra ) ซึ่งมีหลักการพื้นฐานเบื้องต้น เช่น เดียวกับกิริยาตันตระ และจริยาตันตระ แต่ในส่วนของการฝึกฝนแปรความพึงพอใจทางเพศเข้าสู่ทางธรรมนั้น ใน โยคะตันตระนอกจากจะเจริญภาวนาจนเห็นนางฑากินีที่พึงใจมาปรากฏกาย ตรงหน้าส่งยิ้มเชิญชวนแล้ว คราวนี้ในขั้นตอนของโยคะตันตระ ผู้ปฏิบัติ จะจินตนาการสร้างนิมิต ไปถึงขั้นได้สัมผัสฑากินีผู้เป็นที่พึงใจ จากนั้นผู้ ปฏิบัติจะต้องสามารถแปรเปลี่ยนความปรารถนา ความพึงใจ หรือความสุข ใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการได้สัมผัสนาง ให้เข้าสู่สุญตาให้ได้ ซึ่งในขั้นตอนของ โยคะตันตระนี้ จะเน้นการฝึกจิตภายในมากกว่าการปฏิบัติทางกายภายนอก



หลังจากที่ผู้ปฏิบัติสามารถเจริญภาวนาเข้าสู่สุญตาได้ทันที ไม่ว่าเมื่อใดก็ ตามที่ได้สัมผัสนางฑากินี จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของอนุตรโยคตันตระ ( Highest Yoka Tantra ) ที่คราวนี้ผู้ปฏิบัติจะต้องเจริญภาวนา จนถึงขั้นมี นิมิตได้สวมกอด หรือมีเพศสัมพันธ์กับนางฑากินีแล้วผู้ปฏิบัติต้องสามารถ แปรเปลี่ยนความปรารถนา ตัณหา หรือความสุขใด ๆ ที่เกิดขึ้นให้เข้าสู่ สุญตาให้ได้ ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก เพราะต้องยิ่งอาศัยพื้นฐานการ ของการเดินลมปราณตามฐานจักรต่าง ๆ ในร่างกาย ให้สัมพันธ์กับท่อปราณ และช่องลมในร่างกายที่มีความละเอียดซับซ้อน ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า เพื่อนำไป ใช้ควบคุมความปรารถนาทางเพศ หรือความสุขทางเพศให้เป็นพลังในการ ไปเปิดท่อกลางของร่างกาย ( ดังที่เคยกล่าวไว้แล้วในตันตระธิเบต ท่อปราณ หลักในกายมีอยู่ ๓ ท่อ โดยท่อกลางจะปิดสนิท ยกเว้นตอนตายและตอน มีความสุขทางเพศที่ท่อกลางจะเปิดออก ให้พินทุของพ่อและแม่มารวมกัน และเป็นทางเคลื่อนออกจากกายของจิตสู่บาร์โด ที่เล่ากันว่าจะนำไปสู่การ ไขความเร้นลับของชีวิตและจักรวาล ) เพื่อเป็นกุญแจนำไปสู่การไขความ ลับของชีวิตตามที่เชื่อกัน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากยิ่ง ดังเช่นมีการเปรียบกันว่า ตันตระก็เหมือนกับการได้ลิ้มรสหยดน้ำผึ้งบนใบมีดโกนที่หากมีพื้นฐานการ ปฏิบัติทางจิตที่ดีและมีครูคอยควบคุมดูแลอย่างไกล้ชิดแล้ว ก็จะได้ลิ้มรส ความหอมหวานของการของการเข้าสู่ปริศนาแห่งชีวิตและจักรวาลที่นำไป สู่การบรรลุธรรม แต่หากพลาดแล้วก็ไม่ต่างกับการถูกเฉือนด้วยใบมีดอัน คมกริบให้หลงวนติดอยู่ในบ่วงของตัณหาราคะเท่านั้นเอง

มดเอ๊กซ:






ดังนั้น จะเห็นได้ว่า พื้นฐานอันมั่นคงในแต่ระดับมีความสำคัญอย่างยิ่ง นั่น คือ ก่อนที่ผู้ปฏิบัติจะสามารถแปรความสุขจากการได้สวมกอด หรือมีเพศ สัมพันธ์เข้าสู่สุญตาได้ ผู้ปฏิบัติก็ต้องสามารถแปรความสุขจากการสัมผัสมือ ให้เข้าสู่สุญตาก่อน และก่อนจะเข้าสู่การจับมือ ก็ต้องผ่านขั้นตอนของการ ได้เห็นองค์เทพไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือชายตามลำดับขั้นตอนก่อนทั้งสิ้น ดัง นั้น การปฏิบัติต้องเป็นไปตามขั้นตอน ไม่โกหกหรือหลอกตนเองเพื่อข้าม ขั้นโดยเด็ดขาด และจะเห็นได้ว่าการปฏิบัติตันตระนั้นต้องอาศัยพื้นฐานอัน มั่นคงของการเจริญภาวนาและสุญตาเป็นสำคัญยิ่ง เพราะย่อมเป็นไปไม่ได้ เลยที่จะแปรเปลี่ยนกิจกรรมทางเพศให้เป็นกิจกรรมทางธรรมโดยขาดการ เจริญภาวนา




อย่างไรก็ตาม การแปลงพลังเพศให้เข้าสู่ทางธรรมนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ของตันตระธิเบต เพราะตันตระธิเบตมุ่งหมายให้เผชิญหน้ากับกิเลสตัณหา ทั้งปวงแล้วแปรกิเลสทั้งปวงให้เกิดความก้าวหน้าในทางธรรม แต่ที่สำคัญ คือส่วนหนึ่งของตันตระธิเบตไม่ปฏิเสธพลังเพศ อันเป็นธรรมชาติที่เอาชนะ ได้ยากยิ่งที่สุดประการหนึ่งของมนุษย์ แต่จะใช้ประโยชน์จากพลังเพศให้ เกิดประโยชน์ในทางธรรม โดยต้องมีพื้นฐานที่มั่นคงในสุญตา และการ เจริญภาวนาด้วยกุศลจิตของการมีโพธิจิต ที่จะอุทิศตนฝึกฝนปฏิบัติเพื่อยัง ประโยชน์แก่สรรพสัตว์มิใช่เพื่อเป็นการสนองกิเลสตัณหาตนเอง ดังนั้น การปฏิบัติตันตระ จำเป็นยิ่งที่จะต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องและมีความ มั่นคงในการเจริญภาวนา และหลักสุญตาอย่างแท้จริง มิใช่เพียงการกระ โจนเข้าไปมีกิจกรรมทางเพศ โดยขาดหลักปฏิบัติภาวนาแล้วหลงเข้าใจ ผิดว่าเพียงการสูบฉีดปราณต่าง ๆ ในร่างกายซึ่งอาจเกิดจากพลังงานที่ เกิดขึ้นจากการมีกิจกรรมทางเพศนั้นคือ การบรรลุธรรม แล้วตนได้กลาย เป็นผู้ปฏิบัติตันตระที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งท่านเกเช เกลซัง กยัตโส ( Geshe Kelsang Gyatso ) กล่าวไว้ว่า การกระทำเช่นนั้นเท่ากับเป็นการบ่อนทำลายพุทธ- ธรรม และคงมีแต่ประตูนรกเท่านั้นที่เปิดรออยู่



อนึ่ง มีเรื่องเล่ากันว่า แม้ว่าในขั้นตอนของการปฏิบัติ จะเริ่มต้นด้วยการ อาศัยการตรึกภาพนิมิต แต่เมื่อผู้ปฏิบัติตันตระที่มีคุณสมบัติพร้อมและ ปฏิบัติจนก้าวหน้าไปได้ใระดับหนึ่งภายใต้การดูแลของครูผู้สืบทอดสาย ปฏิบัติมาแล้ว จะถึงวันที่ฑากินีหรือเหรุกะประจำตนของผู้ปฏิบัติของ ผู้ปฏิบัติที่สืบทอดสายปฏิบัติตันตระจะมาปรากฏกายตรงหน้าโดยไม่ต้อง ผ่านนิมิตอีกต่อไป



จากตอนที่ผ่าน ๆ มาได้เล่าให้พบเห็นภาพอย่างคร่าว ๆ แล้วว่า วิถีของ ตัตระธิเบตเป็นเช่นไรและดังที่เล่าไว้แล้วว่า การฝึกฝนตันตระนั้นต้อง อาศัยความพร้อมเพราะผู้ที่จะปฏิบัติตันตระให้เข้าถึงได้ต้องมีพื้นฐาน ที่มั่นคงจากมรรควิถีของพระสูตรหรือความรู้ฝ่ายเถรวาท ประกอบด้วย สัมมาทิฐิในเรื่องสุญตา ตระหนักมุ่งมั่นที่จะตรัสรู้เพื่อช่วยเหลือสรรพ สัตว์บนพื้นฐานของความเมตตากรุณา รวมถึงการสร้างสมบารมีหก เมื่อพื้นฐานมั่นคงจึงเริ่มต้นฝึกปฏิบัติตันตระ และในการฝึกปฏิบัติจะ ต้องไม่มีการก้าวข้ามขั้นอย่างเด็ดขาด อีกทั้งควรได้รับการอภิเษกและ การดูแลจากครูในสายปฏิบัติอย่างไกล้ชิด ทั้งนี้พื้นฐานของการปฏิบัติ ตันตระพึงเริ่มต้นจากการปฏิบัติลัมริม ( Lamrim ) ดังนั้นในตอนหน้า จะขอย้อนกลับมาเล่าเรื่องของลัมริมเพื่อให้ได้เห็นภาพของขั้นตอน ปฏิบัติพื้นฐานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และขอส่งท้ายตอนนี้ด้วยบทภาวนาที่ ท่าน Geshe Kelsang Gyatso ได้แนะนำไว้ว่าให้หมั่นภาวนาทุกครั้ง ก่อนการปฏิบัติลัมริมหรือตันตระ แม้แต่ก่อนเริ่มจะอ่านหรือศึกษา คัมภีร์ลัมริมหรือคัมภีร์ตันตระใด ๆ ก็ตาม โดยเริ่มจากให้กำหนดจิต ทำสมาธิจนจินตนาการว่าเบื้องหน้าของเราคือองค์สมเด็จพระศากยมุนี สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เหล่าพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตต์รายล้อมพระองค์ ดังหมู่ดาวอันเฉิดฉายรายล้อมพระจันทร์เติมดวง จากนั้นให้ภาวนาด้วย บทภาวนาของระดับแห่งวิถีว่า





วิถีนี้เริ่มต้นด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
ต่อองค์คุรุผู้เปี่ยมด้วยมหาเมตตากรุณา ผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งกุศลทั้งปวง
ขอพระองค์ได้โปรดอำนวนพรให้ข้า ฯ ได้เข้าถึงสัจธรรมนี้
เพื่อก้าวตามรอยพระพุทธบาทด้วยศรัทธาอันสูงสุด
เสรีภาพของชีวิตมนุษย์นั้นไซร้
ช่างหายากและมีความหมายยิ่งนัก
ขอได้โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ ได้เข้าถึงสัจธรรมนี้
เพื่อยึดมั่นในแก่นธรรมทุกคืนวัน
อันกายข้า ฯ เปรียบเหมือนพรายฟองน้ำ
เสื่อมสลายและดับสูญในไม่ช้า
เหลือแต่เพียงผลแห่งกรรรมที่ทำมา
เปรียบดั่งเงาเฝ้าคอยติดตามตัว
ด้วยการหยั่งรู้และยึดมั่นในธรรมนี้
โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ ตั่งมั่นในมหาสติ
ที่จะไม่ก่ออกุศลกรรมอันสิ้นคิด
และเฝ้าเพียรสั่งสมแต่ความดี
ความสุขในสังสารวัฏล้วนเพียงมายา
มิเคยให้ความสุขที่จริงแท้
โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ ก้าวอย่างแน่วแน่
สู่สุขเกษมของเสรีภาพอย่างแท้จริง
โปรดอำนวยพรเพื่อว่าจากความคิดอันพิสุทธิ์นี้
ข้า ฯ จะพึงระลึกและมีสติอย่างแน่วแน่
ที่จะหมั่นฝึกฝนปฏิบัติบนรากฐานของความดี
ของวิถีแห่งพระปาฏิโมกข์
มารดาทั้งหลายนั้นดุจเดียวกับตัวข้า ฯ
ต่างแหวกว่ายในมหาสมุทรแห่งสังสาร ( วัฏ )
โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ ฝึกฝนโพธิจิต
เพื่อปลดปล่อยเหล่ามารดาได้ในสักวัน
แต่ข้า ฯ ยังมิอาจสู่ความเป็นองค์พุทธะ
หากมีเพียงโพธิจิต แต่ปราศจากคุณธรรมทั้งสาม
โปรดประทานพลังให้ข้า ฯ ได้ก้าวตาม
สู่มรรคาแห่งวิถีโพธิสัตต์
ด้วยการขจัดความลังเลสงสัย
และหมั่นเจริญวิปัสสนา หลักสัจธรรมที่แท้
โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ ได้บรรลุถึง
ความเป็นหนึ่งเดียวของปัญญาและความสงบสุขภายใน
เมื่อข้า ฯ ได้เป็นภาชนะที่ว่างเปล่า ด้วยมรรควิถีแห่งพระสูตร
โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ มีโอกาสได้เข้าสู่
แห่งเส้นทางการปฏิบัติเพื่ออนาคตที่ดี
ของวิถีอันเป็นเพชรแห่งวัชรยาน
แต่การจะบรรลุถึงมรรควิถีทั้งสองต้องขึ้นกับ
ศีลและสัตย์ปฏิญาณของตัวข้า ฯ
โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ กระจ่างแจ้งในศีลนี้
และรักษาไว้ยิ่งด้วยชีวิต
ด้วยการฝึกฝนต่อเนื่องในตันตระทั้งสี่
ตามวิถีที่ชี้นำโดยคุรุผู้ประเสริฐ
โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ เข้าถึงพุทธภาวะ
อันเป็นแก่นแท้แห่งตันตระ
ขอให้ผู้ที่ชี้แนะเส้นทางธรรมให้แก่ข้า ฯ
และเหล่ากัลยาณมิตร จงมีชีวิตที่ดีและยืนยาว
โปรดอำนวยพรให้ข้า ฯ สามารถขจัดอุปสรรค
ทั้งภายนอกและภายในได้อย่างสมบูรณ์
ขอให้ข้า ฯ ได้พบคุรุผู้ประเสริฐอยู่เสมอ
และสามารถกระจ่างในพระธรรมอันพิสุทธิ์
เพื่อเข้าถึงเส้นทางอันพ้นทุกข์
สู่พุทธภาวะแห่งพระวัชรธร





- จาก ในอ้อมโอบหิมาลัย อุ่นไอธรรม -
 
 
http://www.buddhayan.com/board.php?subject_id=92&ss=

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :13: อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่มด

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version