+++ สาส์นพยากรณ์ +++
เดือนธันวาคม ปี ๑๙๘๐ “องค์กรรมาปะที่ ๑๖” ได้มอบเครื่องรางป้องกันตัวให้กับ “ไทซิทู” เป็นถุงผ้าปักดิ้น ภายในมีกระดาษสี่เหลี่ยมพับเป็นรูปมณฑลผ่านการปลุกเสก และผูกด้วยด้ายบรรจุเอาไว้
ปี ๑๙๘๙ ระหว่างอยู่ในห้องปฏิบัติภาวนาที่”เซรับลิง” ไทซิทูหวนคิดไปถึงเรื่องนี้และสงสัย จึงเปิดถุงเครื่องรางดู ข้างในนั้นมีซองกระดาษที่เขียนด้วยลายมือขององค์กรรมาปะสั่งเอาไว้ว่า "สาส์นฉบับนี้ควรเปิดออกอ่านในปีม้าธาตุเหล็ก" ซึ่งก็คือ ปี ๑๙๙๐
สาส์นพยากรณ์มีใจความดังนี้
"...อีมาโฮ
การตระหนักรู้แห่งตนนำมาซึ่งปีติสุขมิรู้คลาย
ธรรมธาตุ (๑) ไม่มีกลาง ไม่มีริม
จากที่นี่มุ่งไปสู่ทิศเหนือ (ใน) ทิศ
ตะวันออกของ (ดินแดนแห่ง) หิมะ
คือดินแดนซึ่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์
พลันฟาดสายเจิดจ้า (๒)
(ใน) ที่พำนักอันงดงามของผู้เร่ร่อน
พร้อมด้วยแม่วัวอันเป็นหมาย (๓)
อุบายคือดนดรุปและปัญญาคือโลลากา (๔)
(ถือกำเนิดใน) ปีของสิ่งที่ใช้กับผืนดิน (๕)
(พร้อมด้วย) แว่นเสียงสำเนียงอัศจรรย์
ของสิ่งซึ่งมีสีขาว (๖)
(นี่) คือผู้ซึ่งรู้จักกันในนามกรรมาปะ
ผู้ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำจุนโดยองค์ดนโย ดรุปปะ (๗)
พระผู้เปล่งรัศมีธรรมไปทั่วทิศ
ดวงจิตมิคิดแบ่งแยกนิกาย
มิแบ่งฝักฝ่ายแห่งรักและชัง
ผู้ปกปักรักษาสรรพสัตว์
ดั่งสุริยะแห่งพุทธธรรม
ทรงคุณล้ำเพื่อผู้อื่น
ส่องสว่างนำทางมิรู้ดับลับหาย..."
มีการตีความสาส์นพยากรณ์ดังนี้
(๑) “โช ยี ดยิง” การแผ่ออกของปรากฎการณ์ทั้งปวง ซึ่งเทียบเท่ากับสุญญตาหรือความว่าง
(๒) ในภาษาธิเบต คำว่า ศักดิ์สิทธิ์ คือ คำว่า ลา และสายฟ้า (ในเนื้อความใช้ภาษากวีว่า "งัมชัก" หรือ "ท้องฟ้าเหล็ก") คือ ต็อก "สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์" จึงตีความว่าเป็น “ลาต็อก” สถานที่เกิดขององค์กรรมาปะ
(๓) ชื่อชุมชนเผ่าเร่ร่อนที่องค์กรรมาปะถือกำเนิดขึ้น คือ “บากอร์” บา แปลว่า "วัวตัวเมีย" (ภาษาในทางธรรมสำหรับคำว่าวัวซึ่งใช้ในสาส์นคือ ดอดโจ)
(๔) อุบายหมายถึงบิดา และปัญญาหมายถึงมารดา
(๕) "สิ่งใช้กับผืนดิน" ถูกตีความว่า ปีที่องค์กรรมาปะถือกำเนิดคือ “ปีวัวธาตุไม้” พืชเติบโตขึ้นมาจากผืนดินและวัวใช้ในการไถพรวน
(๖) "สิ่งที่เป็นสีขาว" คือ หอยสังข์ มักใช้เป่าในโอกาสมงคล
(๗) หมายถึง ไทซิทู
Cr. ร่ายรำชีวิต ๑๗ ภพแห่งองค์กรรมาปะ
ภาพ : องค์รังจุง ริกเป ดอร์เจ กรรมาปะที่ ๑๖ (บน) และ องค์ออกเยน ทรินเลย์ ดอร์เจ กรรมาปะที่ ๑๗ (ล่าง)