ผู้เขียน หัวข้อ: ล้ำกว่าความฉลาด คือรู้เท่าทันกาลเทศะ  (อ่าน 1219 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.
.
.
ล้ำกว่าความฉลาด คือรู้เท่าทันกาลเทศะ
โพสโดย หนุ่มหน้าหนากับม้าแปดตัว
วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เวลา 17.39 น.
.
.
"ล้ำกว่าความฉลาด คือรู้เท่าทันกาลเทศะ"
“คนเราเรียนรู้ที่จะพูดใช้เวลาไม่กี่ปี หากแต่เรียนรู้ที่จะเงียบต้องใช้เวลานับสิบปี”
.
…..
.
ครั้งนึงสุมาอี้ ผู้ชนะแห่งสามก๊กได้เคยสอนศิษย์เอกอย่าง จงโฮย หนึ่งในแม่ทัพผู้ที่ทำให้จ๊กก๊กของเล่าปี่ล่มสลายไว้ว่า
"จริงๆแล้ว สุมาอี้กับเอียวสิ้วนั้น ความฉลาดแทบจะไม่ต่างกัน เผลอๆเอียวสิ้วฉลาดกว่าสุมาอี้ซะด้วยซ้ำ หากแต่การรู้กาละเทศะที่ต่างกันจึงทำให้สุมาอี้ยืนระยะได้นานกว่า
และถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่าจริงๆแล้วนั้น คนที่ฉลาดเป็นกรดโดยส่วนมากมักจะตายเพราะปัญญาของตัวเอง"
.
.....
.
เมื่อครั้งที่ศึกชิงเมืองฮันต๋ง ระหว่างโจโฉและเล่าปี่นั้น
โจโฉเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ตั้งค่ายทัพค้ำยันไว้
.
.....
.
ฝ่ายเล่าปี่นั้น ศึกชิงเมืองฮันต๋งกับโจโฉ ขงเบ้งมิได้มาในทัพนี้ด้วย
เพราะเล่าปี่เพิ่งจะยึดแค้วนเสฉวนได้
ขงเบ้งจึงเป็นคณะรักษาความสงบที่แคว้นเสฉวน
กำลังสร้างรากฐานต่างๆให้มั่นคงเสียก่อน
.
หากแต่เล่าปี่ยังมี หวดเจ้ง กุนซือผู้มากปัญญามาในทัพครั้งนี้ด้วย
หวดเจ้งเป็นเสนาธิการกองทัพของเล่าปี่ เสนอแผนการพิสดารว่า
“ฝ่ายเล่าปี่ นั้นมุ่งใช้การโจมตีจิตใจต่อฝ่ายโจโฉเป็นหลัก ส่งกำลังทหารทำทีว่าจะเข้าตีกลางคืน
แต่ก็ไม่มาเข้าตีเป็นอย่างงี้สามคืนติดๆกัน” ส่งเสียงอื้ออึง ม้าล่อฆ้องกลองมาเต็ม
ทำตาม พิชัยยุทธ์ซุนวูที่ว่า
“เน้นไปที่การโจมตีจิตใจของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ฝ่ายตรงข้ามล้มลงไปเองต่อหน้าคุณ แล้วค่อยใช้กำลังเข้าตีอย่างหนักหน่วง”
-ข้าศึกสบายพึงทำให้เหนื่อยล้า
หากว่า ฝ่ายโจโฉมีท่าทีว่าจะถอยทัพหรือภายในปั่นป่วน ค่อยถล่มให้ยับด้วยกำลังทหาร
.
.....
.
ฝ่ายโจโฉจึงเตรียมตั้งรับ ทหารทั้งปวงทั้งแม่ทัพนายกอง แทบๆจะไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว เพราะมัวแต่ระแวงข้าศึกถึงขั้นใส่เสื้อเกราะนอนกันเลยทีเดียว
คนที่นอนน้อย คนที่ไม่ได้นอน
กระทบต่อ PQ ยังไงก็เพลีย
กระทบต่อ EQ อารมณ์แปรปวน
กระทบต่อ IQ ความคิดความอ่านก็ลดลง
.
…..
.
จนวันนึง โจโฉนั่งทานอาหารอยู่ กำลังแทะขาไก่ ด้วยความเซ็งๆ ไม่รู้จะเอาไงต่อกับชีวิตดี
แฮหัวตุ้นเข้ามาถามถึงรหัสทัพ ในค่ำคืนนี้
โจโฉตอบว่า “ขาไก่”
เอียวสิ้ว อยู่ในที่นั้นด้วยสีหน้ายิ้มทันทีเพราะรู้ทันโจโฉว่า โจโฉคิดจะะถอยทัพ
เพียงแต่ว่า คำว่าถอยทัพโจโฉยังมิได้สั่งการอะไรทั้งนั้น
.
.....
.
เอียวสิ้วกลับไปที่พัก สั่งการให้ลูกน้องตนเก็บข้าวของสัมภาระเตรียมกลับเมืองหลวง
แฮหัวตุ้น มาเห็นจึงถามเอียวสิ้วว่า “เหตุฉไหนจึงเก็บของเหมือนว่าจะเดินทางกลับด้วยเล่า”
เอียวสิ้วจึงตอบแฮหัวตุ้นไปว่า “ท่านโจโฉสื่อนัยว่าจะถอยทัพไง”
“ท่านโจโฉบอกเช่นไรรึ” แฮหัวตุ้นถามด้วยความสงสัย
เอียวสิ้วจึงตอบว่า
“ท่านโจโฉบอกว่า ขาไก่ ไงรหัสทัพในค่ำคืนนี้
รหัสทัพ ขาไก่
ศึกชิงเมืองฮันต๋ง นั้นเปรียบประดุจ ขาไก่
-จะไปต่อก็ไม่ได้ ได้รับความลำบาก มองไม่เห็นหนทางชนะ
-จะทิ้งศึกนี้ก็เสียดาย”
แฮหัวตุ้นถึงกับบางอ้อ รีบไปสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้เก็บของเตรียมกลับทันที
บรรดาทหาร แม่ทัพนายกองต่างๆก็ดีใจเพราะว่าจะได้กลับเมืองหลวงไปหาลูกเมีย
.
.....
.
โจโฉ คืนนั้นนอนไม่หลับจึงออกไปเดินตรวจตราค่ายทัพ เห็นบรรดา ทหารตลอดจนแม่ทัพนายกองต่างๆเก็บข้าวของสัมภาระเหมือนว่าจะกลับกันแล้วก็ตกใจ
จึงเรียกแฮหัวตุ้นมาสอบถามว่า เป็นมายังไง
“ใครสั่งให้เก็บของ เหมือนว่าเตรียมจะถอยทัพกลับรึ” โจโฉถามงงๆ
“ท่านกุนซือเอียวสิ้ว บอกมาครับ ว่าท่านโจโฉพูดถึงเรื่องขาไก่ หมายถึงจะถอยทัพครับ” แฮหัวตุ้นตอบ
.
…..
.
โจโฉคำรามในใจ “ไอ้เอียวสิ้วมันจะรู้ทันข้าทุกเรื่องแบบนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้”
จึงสั่งการเรียกเอียวสิ้วมาประหารทันที ด้วยข้อหาทำให้ขวัญกำลังใจในกองทัพถดถอย
ประเด็นนี้น่าสนใจ
น่าสนใจ 1 เอียวสิ้วรู้ทันโจโฉและอวดฉลาดไปทุกเรื่องแบบนี้ หากว่าเอียวสิ้วคิดไปเข้าทำงานกับเล่าปี่มิใช่เป็นภัยต่อโจโฉอย่างใหญ่หลวงหรอกหรือ
น่าสนใจ 2 สุมาอี้ที่มาในค่ายทัพของโจโฉนั้น ก็รู้ทันโจโฉเช่นกัน เพียงแต่สุมาอี้เงียบไม่กระโตกกระตาก แสดงออกด้วยการอวดฉลาดแบบเอียวสิ้ว
น่าสนใจ 3 โจโฉ ณ เวลานั้นกำลังเครียด กดดัน กังวลย่อมอยู่ใน “สภาวะอะมิกดาล่าถูกจี้”จึงหมดสิทธิ์คิดด้วยเหตุผล จึงใช้แต่อารมณ์ล้วนๆสั่งประหารเอียวสิ้วทันทีอย่างไม่รีรอ
.
.....
.
อะมิกดาล่าเป็นพื้นที่เล็กๆในสมองเบื้องลึกที่พร้อมจะถูกใช้งานทันทีเมื่อรู้สึกว่าถูกอันตรายคุกคาม
จะเรียก สภาวะนี้ของมนุษย์ว่า “ภาวะอะมิกดาล่าถูกจี้ (amygdala hijack)”
เมื่อทุกคนเจอ ภาวะอะมิกดาล่าถูกจี้ ความฉลาดทางอารมณ์ย่อมเผ่นออกไป
ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความกดดันต่างๆ ความกังวล กลัว ตลอดจนคำพูดที่ท้าท้ายอัตตา
เมื่ออะมิกดาดล่าถูกจี้ ความสามารถใช้เหตุผลจะลดลง ฮอร์โมนความเครียดจะหลั่งทั้งระบบ
อะดีนาลีนจะฉีดไปทั่วระบบประสาทจนคุณคิดอะไรติดๆขัดๆ กว่าจะสงบได้บางทีใช้เวลาเป็นชั่วโมง
จึงหมดสิทธิ์ใช้มองส่วน Neo-cortex ไตร่ตรองต่างๆให้ดี
การจะเข้าถึงใครสักคนให้ได้นั้น ต้องคุยกันด้วยสมองส่วน Neo-cortex*****
.
.....
.
ด้วยเหตุนี้ พระท่านจึงสอนให้ทำใจให้สงบ ให้ลดอัตตา
ด้วยเหตุนี้ พิชัยยุทธ์ซุนวูจึงว่าไว้ “อีกฝ่ายมีโทสะ ให้ยั่วยุ”
ยั่วยุให้อีกฝ่ายมีโทสะ เพื่อใช้แต่สมอง Limbic ใช้แต่อารมณ์ จะได้ไม่ต้องใช้สมองส่วนไตร่ตรอง
.
.....
.
หากว่า ยั่วยุแล้วเขายังนิ่งเงียบ ไม่โกรธ /เมื่อนิ่งเงียบ ย่อมมีเวลาไตร่ตรอง
การตอบสนองต่อทุกสิ่งเร็วเกินไป บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี
คนที่ยั่วยุย่อม ร้อนเอง อุปมาดั่ง หอกนั้นคืนสนอง /คนส่งของไปรษณีย์ให้ แต่คนไม่ยอมรับ ยังไงของนั้นก็กลับไปเป็นของคนส่ง
.
.....
.
โจโฉจึงตัดสินใจที่จะสู้กับเล่าปี่ต่อ แทนที่จะถอยทัพ
สุดท้ายก็โดนเล่าปี่ถล่มยับ
ตัวโจโฉเอง ว่ากันว่าถูกอุยเอี๋ยนยิงธนูใส่ที่ฟันจนหัก หนีตายเอาตัวเองแทบไม่รอด
สุดท้ายโจโฉจึงต้องถอยทัพ
.
.....
.
หากว่า โจโฉไตร่ตรองสักนิด สั่งถอยทัพตามที่เอียวสิ้วชี้แนะ(กึ่งๆรู้ทัน) ผลก็อาจจะไม่เป็นเช่นนี้
แต่เหรียญมีสองด้าน โจโฉเพื่อรักษาหน้าตัวเองจึงสั่งสู้ต่อ แม้ว่าจะรู้ว่าสู้มิได้ ผลก็ลงเอยเช่นนี้แล
.
.....
.
บทสรุป
.
1.สุมาอี้นั้นรู้ดีว่า โจโฉนั้นกำลังเครียด กดดัน ไหนจะอดนอนอีก ย่อมอยู่ในสภาวะอะมิกดาล่าถูกจี้ได้ง่ายๆ หากว่ามีอะไรเข้ามากระทบ หรือ ท้าทายอัตตา
สุมาอี้แม้ว่าเขาจะรู้ทันโจโฉ แต่เขาเลือกที่จะเงียบ
ต่างจากเอียวสิ้วที่อวดฉลาด พูดไปเรื่อย
แม้ว่าสิ่งที่เอียวสิ้วพูดจะถูกต้องทุกอย่างตามสถานการณ์ในตอนนั้น หากแต่มันไม่ถูกจังหวะเวลา และเป็นคำพูดที่ท้าทายอัตตาของโจโฉ ทำให้เอียวสิ้วผู้ฉลาดแต่ขาดเฉลียวต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเสียดาย
.
2. “คนเราเรียนรู้ที่จะพูดใช้เวลาไม่กี่ปี หากแต่เรียนรู้ที่จะเงียบต้องใช้เวลานับสิบปี”
“ล้ำกว่าฉลาด คือรู้เท่าทันกลาเทศะ”
ตัวอย่างที่เห็นชัดจาก สุมาอี้-เอียวสิ้ว สองคนนี้มีหลายๆอย่างที่เหมือนกันทั้งฐานะทางสังคม ความฉลาด
หากแต่เอียวสิ้ว เรียนรู้ที่จะเงียบไม่เป็นและไม่รู้จักจังหวะไหนที่ควร/ไม่ควรแสดงออก จึงพบกับจุดจบเช่นนี้แล
.
.
.

หนุ่มหน้าหนากับม้าแปดตัวมีงานเขียนแบบรูปเล่มแล้ว 2 เล่มไปอ่านแบบมันส์ๆกันได้เลย
????หนังสือ " สำเร็จได้ทุกสถานการณ์ ด้วยกลยุทธ์ในสามก๊ก "
????‍????ผู้เขียน : กรัณย์พล โตนอก เจ้าของเพจ หนุ่มหน้าหนากับม้าแปดตัว
✅️รูปแบบ E-Book
MEB : https://bit.ly/30xTWZ3
Ookbee : https://bit.ly/30vzSpI
Google Play : https://bit.ly/3nsPGCF
✅️รูปแบบ รูปเล่ม
เพชรประกาย : https://bit.ly/3qNGk6p
Lazada : https://bit.ly/3npq9KE
Shopee : https://bit.ly/3wXCtEY
JD Central : https://bit.ly/3Dv0TIz
หรือร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
…..
????หนังสือ “39 จิตวิทยาเหนือเมฆที่จะเสกให้คุณเหนือคน”
????‍????ผู้เขียน : กรัณย์พล โตนอก เจ้าของเพจ หนุ่มหน้าหนากับม้าแปดตัว
✅️รูปแบบ รูปเล่ม
Inbox : m.me/KeedkeanAcademy
Shopee : https://shopee.co.th/product/309013245/21020576353...
✅️รูปแบบ E-Book
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails...
✅️รูปแบบ หนังสือเสียง
https://www.mebmarket.com/?action=BookDetails&book_id=200649
.....
มองขาดทะลุแก่น คัดมาเน้นๆอ่านแล้วสนุก
#หนุ่มหน้าหนากับม้าแปดตัว
????Samkok King????
.
.
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)