ผู้เขียน หัวข้อ: Guardians of the Galaxy 2 พ่อกับลูกชาย  (อ่าน 768 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
Guardians of the Galaxy 2 พ่อกับลูกชาย
« เมื่อ: มิถุนายน 29, 2023, 08:57:12 am »








Father and son

It's not time to make a change
Just relax, take it easy
You're still young, that's your fault
There's so much you have to know

Find a girl, settle down
If you want you can marry
Look at me, I am old
But I'm happy

I was once like you are now
And I know that it's not easy
To be calm when you've found
Something going on

But take your time, think a lot
Think of everything you've got
For you will still be here tomorrow
But your dreams may not

How can I try to explain?
When I do he turns away again
It's always been the same
Same old story
From the moment I could talk
I was ordered to listen, now there's a way
And I know that I have to go away
I know I have to go

It's not time to make a change
Just sit down, take it slowly
You're still young, that's your fault
There's so much you have to go through

Find a girl, settle down
If you want you can marry
Look at me, I am old
But I'm happy

All the times that I've cried
Keeping all the things I knew inside
It's hard, but it's harder to ignore it
If they were right I'd agree
But it's them they know, not me
Now there's a way
And I know that I have to go away
I know I have to go


แปล


พ่อกับลูกชาย

ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะเปลี่ยนแปลงอะไรหรอกลูก
ใจเย็นๆ ไม่มีอะไร
เจ้ายังเด็ก ประสบการณ์เจ้ายังน้อย แค่นั้นแหล่ะที่เจ้าผิด
ชีวิตมีอะไรมากมายที่ลูกต้องเรียนรู้

เช่นสร้างครอบครัวกับผู้หญิงซักคน
เมื่อถึงเวลาก็เพียงแต่งงาน
ดูพ่อสิ พ่อผ่านชีวิตอย่างมีความสุข

พ่ออาบน้ำร้อนมาก่อนเจ้า พ่อรู้ว่ามันไม่ง่าย
ที่จะสงบใจรับมือกับเรื่องที่ขัดใจ

แต่คิดดีๆนะลูก ใช้เวลาไตร่ตรอง
ถึงสิ่งทั้งหลายทุกอย่างที่เจ้ามีที่นี่หาก
พรุ่งนี้เจ้าเลือกจะอยู่โดยทิ้งความฝันอันนั้นไปซะ
หรือกับความฝันอันไม่แน่นอนที่เจ้าจะพกไปด้วย เมื่อเจ้าเลือกจะจากไป

ผมจะอธิบายให้พ่อเข้าใจได้ยังไง?
เพราะพอจะอธิบายทีไรพ่อก็หันหลังให้ผมทุกที
และมันก็เป็นแบบนี้เหมือนเดิม พ่อก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง

พอถึงเวลาที่ผมได้พูด พ่อก็สั่งให้ผมเงียบแล้วฟัง
ผมถึงรู้เลยว่าผมอยู่ไม่ได้แล้ว
รู้เลยว่าผมต้องไป


อย่าเพิ่งสิลูก ยังไม่ใช่ตอนนี้
นั่งลงก่อน ใจเย็นได้มั้ย
ถ้าจะโทษ ก็โทษที่เจ้ายังเด็กเถอะ
(ผม) (รู้)
ชีวิตเจ้าจะต้องฟันฝ่าอะไรอีกมากนัก
(ว่าผมต้อง) (ตัดสินใจ)

หาคู่ชีวิตลงหลักปักฐาน
(ชีวิตตัวผมเอง)
แต่งงานสร้างครอบครัว
ดูพ่อสิ คนแก่คนนี้ก็ผ่านชีวิตแบบนี้ แล้วก็มีความสุขนะ
(ไม่ดู)

ผมต้องร้องไห้ทุกครั้งตลอดมา
(อยู่เถอะลูก) (อยู่เถอะ)
ที่ต้องทนเก็บความต้องการของผมไว้เรื่อยมา
(อยู่นะลูก)
พ่อรู้มั้ยว่ามันยากขนาดไหน แต่การปฏิเสธความรู้สึกมันยังยากยิ่งกว่า
(ทำไม) (เจ้า) (ถึงต้อง)

หากว่ามันถูกต้องอย่างที่พ่อบอกจริงๆ ผมคงเห็นด้วยไปนานแล้ว
(ตัดสินใจ) (ว่าจะจากไป)
แต่สิ่งเหล่านั้นมันไม่เหมาะกับผม มันไม่ใช่ตัวตนของผม
แต่ยังมีทางอยู่ ผมรู้ว่าผมอยู่ไม่ได้
รู้เลยว่าผมต้องไป 




อรรถาธิบาย

เพลงนี้เป็นฉากสนทนาสั้นๆของพ่อกับลูกชายครับ ลูกทนไม่ไหวที่พ่อไม่เข้าใจและไม่สนใจจะฟังเหตุผลคำอธิบายดังนั้นตัดสินใจว่าจากไป ในขณะที่พ่อก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกถึงต้องไป สิ่งที่พ่อสอนพ่อบอกมันก็เป็นเรื่องที่ดีนี่นา ดูชีวิตพ่อสิ มันก็แฮปปี้นี่นา เพลงนี้ผู้ร้องใช้เทคนิคที่แบ่งการสนทนาออกเป็นสำหรับคนสองคนครับ ช่วงที่พ่อพูดจะสังเกตได้ว่าน้ำเสียงจะนุ่มช้าและสุภาพ สไตล์การพูด (ร้อง) สังเกตออกง่ายๆว่าเป็นการสอนการเตือนสติ บางช่วงคล้ายจะขอความเห็นใจด้วยซ้ำ (ช่วงท้ายๆ) ส่วนช่วงการสนทนาของลูกชายนั้นเค้าจะร้องด้วยเสียงสูงและใส่พลังเข้ามาเพิ่มอีกหน่อยซึ่งเราจะสังเกตได้ว่ามันเป็นการระบายอารมณ์ที่อัดอั้นตันใจครับ ที่จัดว่าเด็ดก็คือช่วงท้ายๆเพลงที่มีคอรัสมาช่วยร้องนั้นทำให้ได้อารมณ์พ่อกับลูกเถียงกันจนการแปลต้องแยกบรรทัดไว้เพื่อความชัดเจนและเมื่ออ่านแยกกันแล้วก็สามารถดราม่าได้อีกครับ :)


It's not time to make a change ยัง มันยังไม่ใช่เวลาที่จะมาเปลี่ยนแปลงอะไรตอนนี้ เย็นไว้ก่อน ใจเย็นก่อน (just relax, take it easy) ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์กำลังดำเนินอยู่ตรงหน้าครับ You're still young, that's your fault เจ้ายังเด็ก ใน perception นี้หมายถึงเจ้าจะเปลี่ยนแปลงอะไร (change) ได้ซักแค่ไหนกันจากสิ่งที่เจ้าได้เห็นมาอย่างจำกัดด้วยอายุของเจ้า นั่นก็คือยังอ่อนประสบการณ์นั่นเอง เพราะยังมีสิ่งที่เจ้าต้องเรียนรู้อีกมาก (there's so much you have to know) นั่นแหล่ะที่เจ้าผิด

You're still young, That's your fault (เจ้ายังเด็ก นั่นแหล่ะที่เจ้าผิด) เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะพูดออกมาครับ ซึ่งถ้าเราถูกพูดใส่แบบนี้เราเองก็คงจะโกรธเช่นกัน เฮ้ แค่ยังเด็กเนี่ยะนะที่ผิด? เป็นเด็กแล้วงัย? ไม่มีหัวใจไม่มีความรู้สึกรึยังไง? ความรู้สึกโกรธตรงนี้จะไปลบเหตุผลต่างๆที่พ่อยกมาให้เห็นจนเกือบหมดครับ

Find a girl, settle down, if you want you can marry - วลีสั้นๆตรงนี้ทำให้เรามองเห็นถึง perception และ culture คือการมองโลกและสภาพวัฒนธรรมโดยรวมของยุคสมัยนั้นได้ชัดเจนมากครับ เพราะมันเป็นเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ แค่หาใครซักคนลงหลักปักฐานด้วย ถ้าพอใจก็แต่งงานกัน มีครอบครัวอยู่ที่นี่ ผ่านชีวิตอย่างมีความสุข แถมมีตัวอย่างให้ดูอีกด้วย มองพ่อนี่ ถึงจะแก่ แต่ก็มีความสุขนะ (look at me, I am old, but I'm happy)

I was once like you are now พ่ออาบน้ำร้อนมาก่อน ไอ้ความรู้สึกอย่างเจ้าพ่อเองก็เคยเป็น I know it's not easy to be calm when you've found something going on ต้องยาวๆแบบนี้ครับ พ่อรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะสงบกับบางสิ่งบางอย่างที่พบเจอ ถ้าแปลตรงตัวจะมองไม่เห็นเลยว่า ก็แค่บางเรื่องที่ได้พบเจอ (something going on that you've found) ทำไมถึง not easy to be calm ด้วย? ดังนั้นเมื่อพิจารณาตามไปแล้วจะเห็นว่ามีเฉพาะสิ่งที่ได้พบเจอนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขัดกับความรู้สึกหรือความพอใจของเราเท่านั้นแหล่ะครับที่จะทำให้ not easy to be calm ดังนั้นคำว่าขัดใจจึงถูกนำมาใส่ไว้ในคำแปลครับ

But take your time, think a lot ใช้เวลาใคร่ครวญดูให้ดีนะลูก think of everything you've got for you still be here tomorrow but your dream may not ยาวๆแบบนี้ตรงนี้มีสองนัยครับ นัยแรก ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นวันพรุ่งนี้เจ้าก็ยังจะมีทุกสิ่งแต่ต้องทิ้งความฝัน (ที่จะจากไป) ของเจ้าไป นัยนี้เหมือนเป็นคำสั่งของพ่อให้ลูกต้องเลือกครับ แต่อีกนัยนึงจะหมายถึง ถ้าอยู่ที่นี่ต่อไป ต่อให้เป็นวันพรุ่งนี้เจ้าก็ยังจะมีทุกสิ่ง นั่นคือสิ่งที่สัมผัสได้เลยในความเป็นจริง แต่ความฝันนั้นมันอยู่เพียงในหัวในจินตนาการของเจ้า มันไม่แน่นอนเหมือนกับความเป็นจริง วันนี้มันเป็นแบบนี้แต่วันพรุ่งนี้มันอาจจะกลายเป็นอย่างอื่นไปแล้ว ถ้าเจ้าไป ทุกๆสิ่งที่มีที่นี่ของเจ้าก็จะหายไปหมดและอาจจะรวมไปถึงความฝันอันนั้นของเจ้าด้วย เจ้ายังจะไปอีกหรือ?

คราวนี้ลูกเถียงพ่อครับ how can I try to explain ก็แล้วผมจะอธิบายให้พ่อเข้าใจได้ยังไงล่ะ? ในเมื่อพอจะอธิบายทีไรพ่อก็หันหลังให้ผมทุกที (cause when I do he turns away again) แล้วมันก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย (always been the same, same old story) และพ่อก็โหดกับวิธีการสอนแบบที่ไม่เวิร์กกับลูกอีกต่อไปแล้วว่า "ให้เงียบแล้วฟัง" คือห้ามเถียง (order to listen) ถามว่าวิธีการนี้มันผิดมั้ย? มันไม่มีคำตอบตายตัวหรอกครับ เพราะมันเคยไม่ผิดมาแล้วในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้ววิธีการเดิมมันใช้ไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราทำได้ก็คงต้องปรับหาวิธีใหม่มาใช้แทนครับ

พอผ่านช่วงดนตรีโซโลกลางเพลงมาได้ พ่อก็ง้ออีกทีครับ it's not time to make a change แต่คราวนี้พูดในแบบที่อ่อนกว่าเดิม สังเกตได้จากวิธีร้องของสตีเวนเปลี่ยนไปเป็นเอื้อนขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นคำพูดคล้ายๆเดิมจากที่เคยพูดครั้งแรก เพราะจะทำยังไงได้ครับ? ก็เค้ายังคงมีความเข้าใจต่อโลกในแบบเดิมๆอยู่ ก็ชีวิตของเค้าทั้งหมดก็มีเท่านี้ และก็ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้มุมมองใหม่ๆที่ลูกพยายามจะอธิบายเพราะไม่ยอมฟัง แต่ลูกก็เถียงแทบจะคำต่อคำเลย (อ่านคำแปลในวงเล็บ) ผมรู้แล้วว่าผมต้องตัดสินใจให้ชีวิตของผมเอง ประมาณว่าผมไม่อาจให้พ่อบงการชีวิตของผมได้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งอารมณ์ขนาดนี้ทำให้คำพูดในช่วงหลังของลูกนั้นเปลี่ยนไป ได้ระบายความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ซึ่งบอกว่ามันรู้สึกแย่มาก (all the times that I cried) ที่ตัวเองต้องทนเฉยเมยต่อสิ่งที่ไม่ชอบใจ (harder to ignore it) ซึ่งพ่อก็ง้อแบบแทบจะคำต่อคำเช่นกัน อยู่เถอะลูก อยู่เถอะ อยู่นะลูก ทำไมเจ้าถึงต้องตัดสินใจว่าจะจากไปด้วย?


มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะครับที่เราจะยึดติดกับแนวความคิดในแบบที่เราคิดเพราะมันเป็นธรรมชาติที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ นั่นก็เพราะมันได้รับการพิสูจน์จากเรามาแล้วว่ามันเวิร์กสำหรับเราครับ มันเป็นประสบการณ์ตรงและนั่นคือบทสรุปที่เราได้ทำการสรุปไปเมื่อนานมาแล้ว มันคือ "น้ำร้อน" ที่เราได้ "เคยอาบมาก่อนแล้ว" แต่เนื่องจากโลก สถานการณ์ สิ่งแวดล้อม กรอบความคิด (ไม่ว่าจะทั้ง context, paradigm และ perception) ทั้งของเราและของสังคมมันไม่ได้หยุดนิ่งซึ่งมันเปลี่ยนตามยุคตาม generation แล้วเราจะมั่นใจได้ยังไงครับว่าสิ่งที่เราเคยคิดว่าดีใน generation ก่อนมันยังจะดีได้ต่อไปใน generation นี้? "น้ำร้อน" อ่างนี้จะยังคง "ดีพอ" สำหรับ "คนที่เรากำลังปกป้อง" ในสถานการณ์ เวลา และกับบุคคลใหม่? แน่นอนว่าสิ่งดีๆบางสิ่งจะยังคงดีและคงทนข้าม generation ต่อไปได้ แต่แนวความคิดบางสิ่งบางอย่างที่มันไปต่อไม่ได้แล้วนั้น เราจะรู้ทันมันได้ทันรึเปล่าครับว่าเราต้องปล่อยมันไปได้แล้วเช่นกัน? น่าสลดใจนะครับหากเราได้เห็นคนสองคนที่รักกันมากๆและไม่เข้าใจกันสุดๆต่างต้องแยกย้ายจากกันไปด้วยความเจ็บปวด มันจำเป็นจะต้องทำให้ยากขนาดไหนกันเหรอครับเพื่อที่เราจะสามารถฟังและเข้าใจกันได้? ในทางจิตวิทยานั้นมีคำพูดอยู่วลีนึงที่พวกเราเหล่านักบำบัดเข้าใจอย่างลึกซึ้งและใช้มันอย่างสม่ำเสมอว่า "อย่าไปขโมยประสบการณ์ของใคร" เพราะบางครั้งการ "ปกป้อง" ของเรานั้นเป็นการ "ขโมยประสบการณ์" ของคนที่เรากำลังปกป้องอยู่ และนั่นทำให้ประสบการณ์ที่คนๆนั้น "สมควรได้รับในฐานะและบทบาทของคนคนนั้น" ถูกข้ามผ่านเลยไปอย่างน่าเสียดาย

Enjoy Thinking krub. 

จาก https://truemeaning.maggang.com/


<a href="https://www.youtube.com/v//1GbY2xI8ikA" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v//1GbY2xI8ikA</a> 

<a href="https://www.youtube.com/v//SKolCVl1urI" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v//SKolCVl1urI</a> 

ต้นฉบับ Cat Stevens

<a href="https://www.youtube.com/v//P6zaCV4niKk" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v//P6zaCV4niKk</a> 
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...